บทที่ 153 งานเลี้ยงฉลอง
เมื่อเสิ่นหย่งและเถียนชุ่ยชุ่ยเห็นว่าคนของพี่เปียวมาแล้ว ทันใดนั้นก็ยิ้มเยาะไม่หยุด
“ครั้งนี้แม้ว่าเลยเฉียงนั่นจะสู้เก่งมาก แต่ก็คงสู้คนเยอะแยะขนาดนี้ไม่ได้หรอกมั้ง!”
เถียนชุ่ยชุ่ยพูดด้วยใบหน้าที่เกลียดชังว่า “ทางที่ดีที่สุดคือตีหลินหยุนไอ้เศษสวะนั่นให้พิการไปเลย ดูว่าต่อไปเขายังจะมีหน้ามาอวดเก่งกับฉันยังไง!”
เสิ่นหย่งอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเถียนชุ่ยชุ่ยแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วแน่น พูดในใจว่า “พิษร้ายสุดคือจิตใจของผู้หญิง!”
เมื่อเห็นหลู่สุ่ยเซิงยืนอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหว หูเปียวก้าวเดินขึ้นไปโดยไม่ทราบสาเหตุ เดินมาข้างๆหลู่สุ่ยเซิงพูดเตือนเสียงเบาๆว่า “คุณท่านหลู่ คุณกำลังคิดแผนเหรอ?พวกเขาก็แค่ไม่กี่คนเอง คุณไม่ต้องคิดให้ปวดหัวเลยด้วยซ้ำ”
ทันใดนั้นหลู่สุ่ยเซิงก็หันหน้ามามองหูเปียวแวบหนึ่ง ในแววตาที่เลือดเย็นอำมหิต ราวกับว่าเห็นคนตายคนหนึ่ง
คิดแผนเหรอ?ฉันคิดแผนบ้าอะไรดิ!
ถ้าแกอยากตายก็ไม่ต้องลากฉันมาเกี่ยวด้วยโอเคไหม!
นั่นเป็นคนที่ท่านเจี่ยงให้ความสนใจเป็นพิเศษ ครั้งก่อนเพราะว่าไปล่วงเกินเขา น้ำหนักร้อยกว่ากิโลของคุณท่านหลู่เกือบจะแขวนไว้ที่บาร์โล่เฉินแล้ว!
ครั้งนี้จู่ๆแกก็ยังกล้าวอนหาเรื่องอย่างนี้ แขนข้างนั้นที่แกโดนตีจนหักเมื่อครั้งก่อน ยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่าเพราะอะไรถึงได้โดนตีจนหัก?
งั้นก็ตีแขนข้างที่เหลือของแกให้หักเลย ทำแบบนี้มันก็จะได้สมดุลแล้ว ก็จะได้ช่วยลดการหาเรื่องของแกไปทุกที่ด้วย
“พวกแกมานี่!”
คุณท่านหลู่ตะโกนเรียกคนสนิทสามสี่คน
เสิ่นหย่งและเถียนชุ่ยชุ่ยที่อยู่ด้านหลังดีอกดีใจ “ดูนะ ใกล้จะเริ่มลงมือแล้ว!”
“หลินหยุน ครั้งนี้แกตายแน่!”
ใบหน้าของหูเปียวก็ตื่นเต้นอย่างมาก มองไปยังหลินหยุนเผยความสะใจออกมาหลังจากที่ได้แก้แค้น
เด็กเวร พี่เปียวครั้งนี้ในที่สุดก็ได้ล้างแค้นแล้ว!แกรอเลย พี่เปียวโดนตีแขนหักหนึ่งข้าง แกโดนพี่เปียวตีแขนหักสองแขนแน่
ไม่ สองแขนก็ยังไม่พอ ต้องตีสองขาให้หักด้วย แบบนี้ถึงจะระบายอารมณ์ที่ค้างคาออกมาได้!
คนสนิทสองสามคนเดินก้าวใหญ่ๆเข้ามา “คุณท่านหลู่ เชิญสั่งครับ!”
หลังจากที่พี่เปียวได้เห็นอุทานด้วยความตื่นตะลึง ลูกน้องคนสนิทของคุณท่านหลู่ไม่เหมือนกัน ดีกว่าพวกลูกน้องของเขาที่เก่งแต่กินกับดื่มไม่มีปัญญาทำเรื่องอื่นเยอะเลย
หลู่สุ่ยเซิงพูดคำรามเสียงดัง “เอาแขนอีกข้างหนึ่งของเขามาให้ฉันหักซะ!”
คนสนิทสามสี่ต่างก็อึ้งไปเลย แล้วถึงจะเข้าใจ ก้าวไปข้างหน้ากดพี่เปียวลงบนพื้น
พี่เปียวมึนงงไปเลย ตอนที่ถูกกดลงบนพื้นศีรษะล้านของเขาเปรียบเสมือนหลอดไฟหนึ่งร้อยวัตต์ สูดดมฝุ่นที่พัดผ่านอยู่บนพื้น ใบหน้ายังคงตกตะลึงเช่นเคย
เมื่อได้ยินว่าหลู่สุ่ยเซิงต้องการจะหักแขนของเขาข้างนึง พี่เปียวถึงจะตกใจตื่นขึ้นมาทันที
“คุณท่านหลู่ ลูกน้องของคุณจับผิดคนแล้ว เป็นไอ้เด็กเวรนั่น ไม่ใช่ฉัน” พี่เปียวพูดเสียงดังด้วยความตกใจ
“จับแกนั่นแหละ!” หลู่สุ่ยเซิงชี้ไปยังพี่เปียวพร้อมพูดคำรามเสียงดัง “จัดการซะ!”
“ครับ!”
คนสนิทสามสี่ทุบตีพี่เปียวอย่างดุเดือด
ฉึก!
แขนอีกข้างนึงของพี่เปียวโดนตีหักแล้ว เสียงดังคร่ำครวญเหมือนฆ่าหมู!
หลังจากนั้น หลู่สุ่ยเซิงโค้งคำนับหลินหยุนไกลๆ
หันหลังไปตะโกนใส่ลูกน้องว่า “พาไป!”
พี่เปียวก็เหมือนกับสุนัขตายหนึ่งตัว ถูกลูกน้องของคุณท่านหลู่ลากขึ้นรถตู้ไปแล้ว
เสิ่นหย่งและเถียนชุ่ยชุ่ยที่มองอยู่ห่างไกลตกตะลึงจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?คนเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเสริมที่พี่เปียวเชิญมาเหรอ?ทำไมถึงตลบหลังทุบตีพี่เปียวจนเจ็บหนักละ?” ใบหน้าของเถียนชุ่ยชุ่ยเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
เสิ่นหย่งขมวดคิ้ว เขากลับนึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งได้แล้ว แต่เขารู้สึกว่าช่างไม่เข้าท่าเอาสะเลย ถูกเขาสลัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
คำอธิบายที่เหลือนั่นก็คือ พี่เปียวไปทำเรื่องอะไรที่ทำให้พี่ใหญ่ของเขาไม่พอใจ แล้วพี่ใหญ่ของเขาไม่เพียงแค่ไม่ออกหน้าแทนเขา กลับว่าหักแขนอีกข้างนึงของเขาแล้ว
“รีบไป!” จู่ๆเสิ่นหย่งก็ตอบสนองกลับมา ดึงเถียนชุ่ยชุ่ยออกไป
“ทำไมเหรอ?” สมองของเถียนชุ่ยชุ่ยมีการตอบสนองช้ามาก เอ่ยถามด้วยความสงสัย
เสิ่นหย่งเดินไปพลางพูดไปพลางว่า “พี่เปียวโดนหักแขนแล้ว จะต้องเอาความโกรธมาลงที่เราแน่นอน ถ้าเขาเห็นพวกเราเข้า งั้นก็แย่แล้ว”
“ห๊ะ!” เถียนชุ่ยชุ่ยตกใจจนหน้าขาวซีดเลยทันที ก้าวเท้าอย่างรวดเร็ว เดินเร็วกว่าเสิ่นหย่งซะอีก
เดิมทีเทพฟ้าผ่าเตรียมตัวที่จะสู้กันสักยกใหญ่แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจู่ๆจะเกิดภาพฉากที่ตลกขบขันเช่นนี้
สามสี่คนนั้นต่างก็งงเป็นไก่ตาแตก
“เมื่อกี้เหมือนว่าผู้ใหญ่ท่านนั้นจะโค้งคำนับให้เราแล้วนะ!” ไอ้หมอราวกับว่าฝันยังไงอย่างนั้น
“ฉันก็เห็นเหมือนกัน โค้งคำนับให้กับพวกเราแล้ว!” สิบแปดมงกุฎก็พูดแล้ว
“เป็นเพราะอะไรเหรอ?” ในใจของทั้งสามสี่คนล้วนแต่เกิดความสงสัยแบบนี้
หลังจากนั้น พวกเขาก็มองไปยังเทพฟ้าผ่า
“ใช้ได้เลยนะเทพฟ้าผ่า!คิดไม่ถึงว่านายจะซ่อนไว้ได้ลึกมากอย่างนี้ พูดมา นายจงใจแสร้งทำเป็นจน จริงๆแล้วตัวตนที่แท้จริงของนายคือทายาทเศรษฐีที่สุดยอดมาก!” ไอ้หมอถามอย่างบีบบังคับให้ตอบ
เทพฟ้าผ่าจงใจแสร้งทำเป็นจนจริงๆ ในฐานะที่เป็นคนของตระกูลบูโด จะไม่มีเงินได้อย่างไรละ?
แต่ว่านั่นเป็นกฎภายในครอบครัวพวกเขา คนภายนอกไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร
เทพฟ้าผ่าพูดเรียกร้องความเป็นธรรมว่า “พวกพี่ๆ ฉันไม่ได้แสร้งจนจริงๆนะ ฉันจนจริงๆ!ก็แค่เคยฝึกมาไม่กี่ครั้งเอง พวกนายอย่าคิดมั่วซั่ว!”
สิบแปดมงกุฎพูดอย่างเยือกเย็นว่า “เหอ แม้แต่พี่ใหญ่คนนั้นยังโค้งคำนับคารวะนายเลย”
หลินหยุนมึนงงเล็กน้อย มองไปยังเทพฟ้าผ่าด้วยความสงสาร
เพื่อนที่รัก เรื่องนี้นายก็เป็นแพะรับบาปไปนะ!
ทั้งสามสี่คนต่างก็พุ่งถามคำถามไปยังเทพฟ้าผ่าอย่างไม่หยุดหย่อน แต่เทพฟ้าผ่าผู้ที่ไม่ได้ใส่ใจพิถีพิถันตลอดมาจู่ๆก็พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นมา ก็เห็นได้ว่ากฎของครอบครัวพวกเขาเข้มงวดมากแค่ไหน
หลังจากที่ไล่ถามหาคำตอบแต่ไม่มีผล ทั้งสามสี่คนก็ยอมแพ้แล้ว
ตอนเช้าหลังจากสามวันผ่านไป ตอนที่คาบเรียนที่สามกำลังจะเลิกแล้ว เจี่ยงสงส่งข้อความมา จัดคนขับรถมาหลินหยุนด้วยตัวเอง เพื่อไปร่วมงานเลี้ยงฉลอง
หลินหยุนบอกเวลาเลิกเรียนกับเจี่ยงสงไป และกำชับเขาว่าอย่าโอเว่อร์มากเกินไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้น
ไอ้หมอเพื่อนๆสามสี่คนและหลินหยุนรวมตัวกันแบบตัวต่อตัว เล่นเกมทีมละห้าคน
ฉินโส่วเปิดโมเม้นท์ในQQ ดูไปที่โมเม้นท์ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็อุทานจุ๊ๆออกมา “อ้ายอีคู่นี้ คลั่งรักกันมาก!”
“ใครเหรอ!” ไอ้หมอก็โน้มตัวเข้ามาทันที เห็นในมือถือของฉินโส่ว จางเหมิงทำปากจู๋ ทำท่าทางที่น่ารัก ทันใดนั้นดวงตาก็แข็งทื่อแล้ว
น่าเสียดายที่ใบหน้าที่น่าเกลียดของเหยียนเสวเหวินที่อยู่ข้างๆ ทำลายบรรยากาศที่งดงามดั่งเดิม
“คุณพระ คบกันไวขนาดนี้เลยเหรอ?” ไอ้หมอพูดอย่างอิจฉาตาร้อน
แม้ว่านิสัยของจางเหมิงทุกคนล้วนแต่ไม่ชอบ แต่รูปร่างทุกคนต่างก็ชอบกันทั้งนั้น
ตอนนี้เมื่อเห็นเหยียนเสวเหวินไอ้ผู้ชายเลวคนนี้ได้จางเหมิงดาวโรงเรียนไปครอบครองแล้ว หึงหวงก็เป็นเรื่องปกติที่ไม่อาจจะเลี่ยงได้
“ริษยาไปแล้วมีประโยชน์อะไร!เหยียนเสวเหวินสามารถเชิญปรมาจารย์หลินให้มาช่วยเหลือได้ ยิ่งกว่านั้นปรมาจารย์หลินสามารถบงการความน่าเกรงขามของผู้มีอิทธิพลในแต่ละเมืองได้ตามอำเภอใจ!”
สิบแปดมงกุฎพูดด้วยใบหน้าที่คับแค้นใจ “ดังนั้น จางเหมิงไม่เลือกเขาแล้วจะเลือกใครละ?ถ้าหากฉันเป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่ง ก็จะตามหาผู้ชายของตระกูลที่สุดยอดแน่นอน!”
“พอแล้วๆ เล่นเกมๆ ไม่ต้องสนใจพวกชั้นต่ำแล้ว!” ฉินโส่วพูดอย่างหงุดหงิด
“ฉินโส่ว เหมือนว่าตอนที่นายกับเสี่ยวโยวโชว์หวาน ยังโอเว่อร์มากกว่าพวกเขาสองคนนะ” ไอ้หมอพูดด้วยใบหน้าที่ดูถูก
เอ้อ……
เลิกเรียนตอนเช้า หลินหยุนก็ออกมาคนเดียว เพิ่งจะออกจากหน้าประตูโรงเรียน ก็เห็นอาเฟิงรออยู่ที่ข้างทางแล้ว
เจี่ยงสงจัดการได้แบบเรียบง่ายอย่างที่คิดไว้ รถออดี้ A6สีดำคันหนึ่ง เป็นรถที่ค่อนข้างธรรมดามาก โดยทั่วไปแล้วไม่มีทางดึงดูดความสนใจของคนอื่นแน่
เมื่อหลินหยุนกำลังจะเดินไป ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นของเครื่องยนต์เข้ามาในหูทันที
มอเตอร์ไซค์ที่ทันสมัยคันหนึ่งขับบินผ่านหน้าหลินหยุนไปไวมาก ใช่ บินผ่านไป
บนรถมีชายหญิงคู่หนึ่ง ผู้ชายใส่หมวกกันน็อค มองไม่เห็นหน้าตา ผู้หญิงสวยมาก คือจางเหมิงดาวโรงเรียน
เมื่อเห็นหลินหยุน จางเหมิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยันและเหน็บแนมขึ้นมา แต่ว่าอาจจะมั่นหน้ามากเกินไป ลมพัดผ่านเข้ามา ทันใดนั้นท่อนล่างก็ถูกเปิดออกหมดเลย
ชายหญิงคู่นี้ รนหาที่ตาย……เลยจริงๆ!
ขี่มอเตอร์ไซค์เร็วขนาดนั้น แถมจางเหมิงก็ไม่ใส่หมวกกันน็อคอีก ความประมาท เป็นจุดจบที่รถก็พังคนก็เสียชีวิต