ฟางเจิ้งลูบหัวโล้นของตนด้วยสีหน้าแปลกใจ ก่อนแย้มยิ้ม “ดูท่าข่าวน่าจะมีผลแล้ว มีคนที่ไม่ต้องให้ฉันเปลืองน้ำลาย มาถึงก็ตรงเข้าไปจุดธูปเองเลยซะที เหอะๆ ถึงจะไม่ใช้ธูปชั้นดีแต่ก็ยังดี ช่วยเพิ่มจำนวนธูปของภารกิจไป ถ้าทุกวันมีมาสักสองคนคงดี เหอะๆ…”
ขณะฟางเจิ้งกำลังหัวเราะ มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังแว่วมาจากข้างนอก ตามด้วยเสียงรองเท้าส้นสูงเสียงดัง
ฟางเจิ้งขมวดคิ้ว เช้าแบบนี้ยังมีผู้หญิงขึ้นเขามาด้วย แถมยังสวมรองเท้าส้นสูงบนเขาอีก! โหดไปรึเปล่า? เธอไม่รู้รึไงว่าบนเขาเดินยาก หินแตกหมดแล้วละมั้ง?
ฟางเจิ้งชะโงกหน้าออกไปมอง ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมขนมิ้ง แต่งหน้าอ่อนๆ ใบหน้ารูปไข่ ขาเรียวยาวสองข้างสวมรองเท้าส้นสูงเดินเข้ามา ลมหนาวพัดปอยผมจนยุ่ง แต่กลับบดบังรัศมีของเธอไม่ได้ นี่นับเป็นผู้หญิงที่สวยจริงๆ บุคลิกมีความเป็นผู้ใหญ่อยู่หลายส่วน และมีความยั่วยวนอยู่บ้าง แต่ดูจากรูปร่างกับใบหน้ารูปไข่แล้วเป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่งโดยแท้
“เณรคะ ที่นี่วัดเอกดรรชนีรึเปล่า?” เธอเดินมาอยู่ตรงหน้า แย้มยิ้มเล็กน้อยพร้อมถาม
ฟางเจิ้งเงยหน้าขึ้นมองป้ายวัดแผ่นใหญ่บนหัวพลางครุ่นคิด นี่ป้ายเล็กเกินหรือผู้หญิงตรงหน้าตาบอดกัน? แต่เขาก็ตอบไปว่า “อมิตาภพุทธ นี่คือวัดเอกดรรชนี สีกามีเรื่องอะไรหรือ?”
“ฮือๆ…” พอเธอได้ยินดังนั้นก็ร้องไห้ วิ่งเข้ามากอดฟางเจิ้งขณะร้องไห้เสียงดัง
ฟางเจิ้งอึ้งไป นี่มันเรื่องอะไรกัน? หรือว่าเพราะอาตมาหล่อเกินไปจนเธอร้องไห้? แต่จะร้องก็ร้องเถอะ ทำไมต้องเอาหน้าอกมาถูแขนอาตมาด้วย? สวรรค์ ปล่อยมือเลย!
ฟางเจิ้งรู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทำไมผู้หญิงคนนี้เข้ามาแล้วก็ถลกเสื้อขึ้นล่ะ! เขาพลันร้องลั่น กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง ผู้หญิงคนนี้ถูกฟางเจิ้งผลักจนถอยไปล้มลงนั่งกับพื้น เธอมองฟางเจิ้งด้วยความประหลาดใจ
คนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นหลี่เฟิ่งเซียนผู้หญิงที่เฉินจิ้งจ่ายเงินจ้างให้มาใส่ร้ายฟางเจิ้งนั่นเอง
หลี่เฟิ่งเซียนค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับฟางเจิ้งมาเล็กน้อย รู้ว่าอยู่ตรงตีนเขาตั้งแต่ยังเล็ก เติบโตโดยอาศัยกินข้าวชาวบ้าน ตอนเข้าเรียนคะแนนไม่ดีเท่าไร เรียนไม่จบมัธยมปลายก็ต้องกลับขึ้นเขามาเป็นนักบวช
สำคัญที่สุดคือฟางเจิ้งไม่เคยมีแฟน! ยังเป็นผู้ชายส่วนน้อยที่บริสุทธิ์อยู่!
ผู้ชายส่วนน้อยแบบนี้ เธอมีความมั่นใจเต็มสิบว่าจัดการได้ในพริบตา! ผู้ชายแบบนี้ขี้อาย เก้ๆ กังๆ แค่ต้องให้ฝ่ายหญิงเริ่มก่อนเท่านั้น
หลี่เฟิ่งเซียนเขียนบททั้งหมดมาอย่างดีแล้วถึงมา เพียงแต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าหลวงจีนที่หน้าตาดีอยู่บ้างในภาพตัวจริงจะหล่อขนาดนี้! ไม่ใช่แค่สดใหม่ตามแบบฉบับ แต่หัวโล้น สะอาดสะอ้าน! จีวรเหรอ นี่เป็นเครื่องแบบนี่ยั่วยวนใจซะเหลือเกิน!
ผู้หญิงมีแรงดึงดูดต่อผู้ชายโดยธรรมชาติ ขณะเดียวกันผู้ชายก็มีแรงดึงดูดต่อผู้หญิงเช่นกัน ถ้าหากไม่มี นั่นหมายความว่าผู้ชายหน้าตาดีไม่พอ!
หลี่เฟิ่งเซียนมองฟางเจิ้งแล้วพลันใจเต้น แผนการในตอนแรกเปลี่ยนไป ละครเศร้าเปลี่ยนเป็นการโผเข้าไปร้องไห้ อดใจไม่ไหวแทบจะลงมืออยู่แล้ว…
เพียงแต่หลี่เฟิ่งเซียนไม่คาดคิดว่าหลวงจีนนี่จะมีความแน่วแน่ใช้ได้ ถ้าเป็นผู้ชายทั่วไป เธอโผเข้าใส่แบบนี้จะต้องคล้อยตามแล้ว ถึงยังไงเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก
ของที่ยังไม่เคยลิ้มลองนั้นดีที่สุด ดังนั้นหลี่เฟิ่งเซียนจึงสนใจฟางเจิ้งเข้าแล้วจริงๆ
ฟางเจิ้งเห็นหลี่เฟิ่งเซียนล้มลงก็เสียใจเล็กน้อยที่ออกแรงมากไป ประนมสองมือเอ่ยว่า “อมิตาพุทธ ขอโทษด้วยนะสีกา ที่นี่คือแดนแห่งพุทธ ขอให้รักษาระยะห่างด้วย”
หลี่เฟิ่งเซียนเม้มปาก คิดในใจว่า ‘ในวัดไม่เหมาะ ข้างๆ ก็มีป่านี่…’
ทว่าหลี่เฟิ่งเซียนกลับเผยสีหน้าเหม่อลอย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเจ็บปวดบิดเบี้ยว สุดท้ายกุมที่ข้อเท้า “โอ๊ย หลวงจีนทำไมมือหนักอย่างนี้ล่ะคะ? เท้าฉัน…โอ๊ย…ทำไมเจ็บอย่างนี้…ฮือๆๆ เมื่อกี้ฉันถูกหลอกจนเสียบ้านไปหมดแล้ว ได้ยินว่าวัดเอกดรรชนีสะอาดเลยจะมาขอให้ช่วย แต่กลับถูกทำร้าย…ฮือๆๆ”
ฟางเจิ้งได้ยินดังนั้นก็ไปต่อไม่เป็นเล็กน้อย “สีกา ขอโทษด้วยที่อาตมาเสียมารยาท”
“เสียมารยาท? ท่านดูเป็นหลวงจีนที่ดีมากนะคะ แต่ทำไมมือหนักจัง แรงเยอะเหมือนกับพวกวัวป่าเลย มิน่าถึงมีซิกแพ็ก…แค่ก โอ๊ยเจ็บเท้าจัง…” หลี่เฟิ่งเซียนนึกถึงสัมผัสที่หน้าท้องฟางเจิ้งแล้วก็เกือบหลุดปากพูด แต่ใช้วิธีตะโกนโอดโอยเก็บคำพูดไป
ฟางเจิ้งเห็นแบบนั้นก็ไม่รู้จะทำยังไง เขาจัดกระดูกหรือนวดอะไรไม่เป็น และไม่เข้าใจวิชาแพทย์ ดูจากลักษณะของหลี่เฟิ่งเซียนแล้วเหมือนจะเท้าแพลง ถ้าเป็นในหมู่บ้านทนเอาเดี๋ยวก็หายแล้ว
แต่เขาเป็นคนทำหลี่เฟิ่งเซียนเจ็บ จึงรู้สึกผิดบาปเล็กน้อย “สีกา รอเดี๋ยวนะ”
พูดจบก็หมุนตัวเดินเข้าไปในวัด
หลี่เฟิ่งเซียนชะเง้อมองแผ่นหลังของฟางเจิ้ง พลางถาม “เณรจะทำอะไรน่ะ?”
ฟางเจิ้งตอบ “อาตมาจะไปโทรศัพท์ให้ผู้ใหญ่บ้านส่งคนมาแบกโยมลงไปรักษา บนเขาไม่มียารักษาหรอก…”
หลี่เฟิ่งเซียนได้ยินก็กลอกตา ด่าทอในใจยกใหญ่ว่า ‘ไอ้หลวงจีนงั่งไม่เข้าใจอะไรเล้ย! โอกาสดีอย่างนี้ทำไมไม่เข้ามาช่วยฉันนวดข้อเท้าล่ะ?’
แต่กลับตะโกนไปว่า “รอเดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน! ไม่ต้องเรียกใครมาหรอก!”
“ทำไมล่ะ?” ฟางเจิ้งหันไปถาม
หลี่เฟิ่งเซียนพลันเกิดความคิดขึ้นมา “ฉันเป็นหมอรักษาตัวเองได้ ท่านมาช่วยประคองหน่อย หาที่นั่งพักสักเดี๋ยวก็คงหาย”
ฟางเจิ้งถามด้วยความเป็นห่วง “สีกามั่นใจนะ?”
“พูดมากจังวะ…อะแฮ่ม ค่ะ” หลี่เฟิ่งเซียนเห็นฟางเจิ้งมัวโอ้เอ้ก็แทบจะด่าทอ แต่สุดท้ายก็เก็บคำกลับไป
ฟางเจิ้งเลิกคิ้วขึ้น ถึงเขาจะไม่เคยไปโรงพยาบาล ซ้ำยังเคยเห็นหมอมาไม่มากเท่าไร แต่เขาก็เคยเรียนหนังสือ ไม่ใช่คนโง่ที่ไม่รู้อะไรเลย ผู้หญิงตรงหน้าแต่งตัวจัดจ้าน ไม่เห็นเหมือนหมอในภาพจำสักนิด!
ขอไม่นับซ่งทูจื่อในหมู่บ้าน หมอประจำหมู่บ้านคนนั้นไม่ว่าโรคอะไรก็จะใช้สายน้ำเกลือ…รักษาโรคเล็กๆ น่ะได้ แต่ถ้าใหญ่กว่านั้นต้องไปโรงพยาบาลอำเภอ ปกติซ่งทูจื่อจะเล่นไพ่นกกระจอก คุยโม้อยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน น้ำลายกระเด็นเต็มฟ้า ภาพจำนั้นไม่ใช่หมอเลย และฟางเจิ้งก็ไม่เคยมองว่าเขาเป็นหมอที่ได้มาตรฐานด้วย
เขาเคยไปโรงพยาบาลอำเภอมาแล้ว หมอพยาบาลในนั้นสุภาพ สวมชุดสีขาวตัวใหญ่ ปิดใบหน้า ในมือถือเข็มอันใหญ่ เขารู้สึกมาตั้งแต่เล็กแล้วว่าคนพวกนี้น่ากลัวอยู่หน่อยๆ…
หลังเข้ามัธยมปลาย ความคิดของเขาถึงเปลี่ยนไปอย่างเงียบเชียบ ทุกวันจะนั่งอยู่แถวหลัง ฟังเพื่อนนักเรียนหารือกันเรื่องพยาบาลชุดชมพู ถุงน่อง หรือขาวยาวอะไรพวกนี้…สรุปคือพยาบาลที่พวกเขาคุยกัน ถ้าหมอเป็นผู้หญิงก็จะเป็นนางฟ้า! สวย สะอาดบริสุทธิ์ แถมยังถ่ายภาพยนตร์บ่อยๆ ด้วย…
…………………………