ไอ้แก่หยางดูไปด้วย ส่ายหัวไปด้วย สุดท้ายก็ยื่นหนังสือไปให้เซี่ยเจี้ยนโก๋ “น้องเซี่ย นายมาดูนี่สิ !”
“ฉันรู้สึกว่าไอเดียของหนังสือเล่มนี้ไม่เลวเลย แต่ว่า ทั้งหมดก็เป็นแค่เรื่องไร้สาระ เอาไว้เรียกเสียงหัวเราะได้เท่านั้นแหละ !”
เซี่ยเจี้ยนโก๋รับไปด้วยความสงสัย แล้วเปิดดูผ่านๆ น่าเสียดายที่เขาถูกขับไล่ออกจากครอบครัวแพทย์แผนจีนเร็วเกินไป จึงไม่ได้เรียนรู้วิชาแพทย์ในตระกูลมาเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องเห็นถึงความวิเศษของวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงแน่
“หึ ของแบบนี้ เอามาใช้เรียกความบันเทิงให้ผู้คนได้เท่านั้นแหละ เป็นไม่ได้มากกว่านั้นหรอก !”
พอพูดจบ เซี่ยเจี้ยนโก๋ก็โยนหนังสือเล่มนั้นไว้บนโต๊ะ
ไอ้แก่อู๋ที่อยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา เลยพูดว่า “พี่เซี่ย ขอฉันดูหน่อยได้ไหม ?”
เซี่ยเจี้ยนโก๋ชี้นิ้วไปที่หนังสือเล่มนั้นด้วยสีหน้ารังเกียจ แล้วพูดว่า “ทุกคนเอาไปดูได้ตามใจเลย ไม่จำเป็นต้องมาถามฉัน”
“ขอบคุณครับพี่เซี่ย” ไอ้แก่อู๋เดินเข้ามา หยิบหนังสือแล้วนั้นไป แล้วเริ่มเปิดดู
“ไร้สาระ ไร้สาระสิ้นดี !”
ไอ้แก่อู๋ดูแค่ไม่กี่หน้า ก็ส่งต่อไปให้คนอื่น
“ไร้สาระ นี่มันเรื่องไร้สาระทั้งนั้น !”
“ไร้สาระสิ้นดี ! ไอ้นี่มันของเด็กเล่นชัดๆ !”
ทุกคนที่ดูแล้วต่างก็พากันส่ายหัว ทักษะทางการแพทย์ของคนเหล่านี้ต่างก็ด้อยกว่าไอ้แก่หยางกับไอ้แก่อู๋ทั้งนั้น ก็เลยมีส่วนที่ดูไม่เข้าใจมากกว่าพวกเขาเสียอีก
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะดูไม่รู้เรื่อง แต่พวกเขาก็ใช่ว่าจะยอมรับว่าตัวเองมีทักษะทางการแพทย์ที่ด้อยกว่า ดังนั้นได้แต่เป็นเพราะการฝังเข็มมีปัญหา
“คิดไม่ถึงจริงๆ ! เป็นถึงลูกเขย แต่กลับใช้ของเด็กเล่นแบบนี้มาหลอกพ่อตา หึหึ !”
“ถ้าฉันมีลูกเขยแบบนี้ ฉันคงลากคอออกไปตีให้ตายแล้ว !”
“ไม่รู้เลยว่าไอ้หนูนั่นมันจะหน้าด้านขนาดไหน ถึงได้มอบของเด็กเล่นแบบนี้ให้พ่อตาเป็นของขวัญวันเกิดอายุครบห้าสิบปี !”
ทุกคนพากันพูดจาเยาะเย้ยหลินหยุนคนละประโยคสองประโยค แต่นอนว่า พวกเขากับหลินหยุนไม่เคยมีความแค้นอะไรกันมาก่อน
เพียงแต่ ใครใช้ให้หลินหยุนยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคุณชายรองนายกเว่ยกันเล่า ?
การโจมตีหลินหยุน ก็เหมือนเป็นการเอาอกเอาใจคุณชายตระกูลเว่ย !
โจวเฟินหันไปมองหลินหยุนที่มีสีหน้าเรียบเฉยทีหนึ่ง แล้วหันไปตะคอกใส่พวกคนที่พูดจาเยาะเย้ยหลินหยุน “พวกนายไม่เคยได้ยินเหรอ ว่าของขวัญไม่สำคัญเท่าความรู้สึก ?”
“เสียวหยุน แค่ความรู้สึกของนายสื่อไปถึงก็พอแล้ว อย่าไปสนใจพวกไร้มารยาทเลย !”
โจวเฟินเป็นแม่งานของงานวันเกิด พอเห็นโจวเฟินโมโห ทุกคนก็เลยยอมหยุด
แต่ว่า จู่ๆเซี่ยหยู่เวยก็ทำเสียงเย็นในลำคอ “หลินหยุน วันนี้คุณพ่อฉันอายุครบห้าสิบปี นายอยู่ในฐานะลูกเขย แต่กลับเอาของไร้ค่าแบบนี้มาเป็นของขวัญวันเกิด นี่นายกำลังดูถูกพ่อของฉันอยู่เหรอ !”
หึ เกมสนุกเริ่มขึ้นแล้ว !
ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างก็ตั้งตารอชมกันทันที สีหน้าของผู้คนส่วนใหญ่เริ่มปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ย
โจวฝูเริ่มมีสีหน้าซับซ้อน หันไปมองหลินหยุนอย่างกังวล อยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ถึงแม้โจวจิ้งจะไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา แต่แววตากลับกลบความตื่นเต้นเอาไว้ไม่มิด เห็นได้ชัดว่า เขายังคงเคียดแค้นหลินหยุนอยู่
โจวเฟินเห็นว่าคนอื่นๆเริ่มเงียบไปแล้ว แต่ว่า ลูกสาวของตัวเองกลับโพล่งออกมากะทันหัน
“เวย ลูกทำอะไรของลูก ? หลินหยุนเป็นสามีของลูกนะ !” สีหน้าของโจวเฟินเต็มไปด้วยความผิดหวัง
เซี่ยหยู่เวยหัวเราะเสียงเย็นแล้วพูดว่า “คุณแม่คะ ตอนนั้นที่หนูแต่งงานกับคนๆนี้ ก็เพราะไม่อยากให้พวกคุณเสียใจ ที่หนูแต่งงานกับเขา ก็เพื่อตามใจพวกคุณ”
“แต่งงานกันมานานขนาดนี้ แต่เขาก็นอนบนพื้นมาตลอด พวกเราไม่เคยมีความสัมพันอะไรกันเลย”
พอได้ยินคำพูดเหล่านั้น ฝูงชนก็เริ่มโกลาหลขึ้นมาทันที !
“ให้ตายเถอะ พี่ชาย นายนี่แน่จริงๆ ! ยัยหนูตระกูลเซี่ยคนนี้ยังไม่เคยเสียตัวจริงๆด้วย !”
“หึหึ แน่นอนสิ ฉันผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วน เคยหรือไม่เคยเสียตัว แค่แวบเดียวฉันก็ดูออกแล้ว !”
“แต่ไอ้หนูนี่มันก็น่าเวทนาจริงๆนะ ชายหนุ่มหญิงสาวอยู่ห้องเดียวกันมานานขนาดนี้ แต่กลับต้องนอนบนพื้น !”
“นั่นสิ ถ้าเปลี่ยนเป็นฉันนะ ถึงแม้จะต้องบังคับขืนใจเธอ ฉันก็จะต้องเอากับยัยหนูตระกูลเซี่ยคนนั้นให้ได้ !”
“หึหึ ต้องเฝ้าดูเมียที่สวยขนาดนี้ แต่กลับแตะต้องไม่ได้ ไอ้หนูนี่มันช่างเป็นไอ้ตัวไร้น้ำยาสมชื่อจริงๆเลย !”
“หึหึ ใครจะไปรู้ว่าสิ่งที่ยัยหนูตระกูลเซี่ยคนนั้นพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ! ลองไปถามดูสิว่ามีผู้ชายคนไหนบ้างที่ต้องเฝ้าดูเมียที่สวยขนาดนี้แล้วยังอดใจไหว ? นอนบนพื้นเหรอ ? หึ ฉันว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ต้องเป็นเรื่องโกหกแน่ !”
เซี่ยหยู่เวยดูเหมือนจะได้ยินบทสนทนาของพวกวัยรุ่นเหล่านั้น เลยหยิบมือถือขึ้นมาแล้วชูมือขึ้นสูง “ถ้าทุกคนไม่เชื่อ ก็ลองดูที่มือถือฉันสิ นี่เป็นห้องนอนของฉันกับเขา !”
ถึงแม้หน้าจอของโทรศัพท์มือถือจะไม่ใหญ่ แต่ว่าภาพเบาะนอนพื้นตรงมุมห้องก็ปรากฏสู่สายตาของทุกคนอย่างชัดเจน
“ให้ตายเถอะ นอนบนพื้นจริงๆเหรอเนี่ย ! ผู้ชายคนนี้น่าเวทนาชะมัดยาดเลย !”
“ถ้าฉันเป็นเขานะ เวลาแบบนี้ฉันคงหารูมุดเข้าไปแล้ว คงไม่มีหน้ามายืนอยู่ตรงนี้หรอก ขายขี้หน้าชาวบ้าน !”
ผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็เริ่มต่อว่าหลินหยุนต่างๆนานาสีหน้าต่างก็ดูถูกเหยียดหยาม
โจวเฟินโมโหจนหันไปตะคอกใส่เซี่ยหยู่เวย “เสี่ยวเวย ลูกบ้าไปแล้วหรือไง ? ลูกรู้ตัวไหมว่าลูกกำลังทำอะไรอยู่ ?”
เซี่ยหยู่เวยตอบกลับด้วยเสียงแข็งกร้าว “คุณแม่ เรื่องของหนูแม่อย่ามายุ่งดีกว่า ตอนนี้หนูโตแล้ว หนูรู้ตัวเองดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ !”
เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเซี่ยหยู่เวยก็ชูคอสูงราวกับหงส์ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดังก้องเปี่ยมพลัง
“ผู้ชายที่เซี่ยหยู่เวยคนนี้ชอบ ทั้งชาติตระกูล รูปร่างหน้าตา ความสามารถจะต้องดีที่สุดเท่านั้น ฉันจะไปชอบไอ้ตัวไร้น้ำยาแบบนี้ได้ยังไง ?”
“ดังนั้น ฉันจะขอประกาศตอนนี้เลย ว่าการแต่งงานก่อนหน้านี้ถือว่าเป็นโมฆะ !”
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันกับหลินหยุนจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก !”
ห้องโถงเงียบมาก มีแต่เสียงเย็นยะเยือกของเซี่ยหยู่เวย ที่แฝงด้วยกลิ่นอายเยาะเย้ยอยู่ด้วย
จากนั้น เซี่ยหยู่เวยก็เอาแหวนแต่งงานที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรกแล้วออกมา ก้าวเท้าอย่างสง่างาม ค่อยๆเดินไปตรงหน้าหลินหยุน เสียงของรองเท้าส้นสูงที่ย่ำลงบนพื้นดังเป็นจังหวะ
“ไม่ว่านายจะเห็นด้วยหรือไม่ ยังไงเดิมทีการแต่งงานระหว่างพวกเราก็ไม่ได้มีผลทางกฎหมายอยู่แล้ว ตอนนี้ ฉันขอประกาศ ว่าพวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว !”
เซี่ยหยู่เวยยื่นนิ้วเรียวยาวราวกับหยกออกไป บีบแหวนวงนั้นเอาไว้ ค่อยๆยื่นไปตรงหน้าหลินหยุน
จากนั้น ก็คลี่นิ้วออก แหวนร่วงลงบนพื้น เกิดเป็นเสียงดังก้องหู
“ขอโทษที มือลื่นไปหน่อย รบกวนนายก้มลงไปเก็บเองแล้วกันนะ” สีหน้าของเซี่ยหยู่เวยเหมือนได้รับการปลดปล่อย และมีความสุขจากก้นบึ้งของจิตใจ
ผ่านมาตั้งนาน ในที่สุดวันนี้ก็ได้จัดการความสัมพันธ์กับไอ้ตัวไร้น้ำยานี่อย่างชัดเจนสักที
เซี่ยเจี้ยนโก๋นิ่งอึ้งไปทันที
เขารู้อยู่แล้วว่าลูกสาวคนนี้อาจจะทำเรื่องที่เกินกว่าเหตุ แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าเซี่ยหยู่เวยจะบ้าคลั่งได้ขนาดนี้ !
ยกเลิกการแต่งงานต่อหน้าฝูงชน ขายขี้หน้าต่อหน้าฝูงชน ไม่ไว้หน้าต่อหน้าฝูงชน……
ถึงแม้จะเป็นพ่อแท้ๆอย่างเขา ก็ยังรู้สึกว่ามันเกินไป ถ้าเขายืนอยู่ในสถานการณ์เดียวกับหลินหยุน คงอยากจะเดินเข้าไปตบหน้าผู้หญิงของตัวเองคนนี้สักฉาดสองฉาด
แต่ว่า เซี่ยเจี้ยนโก๋ไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน
เมื่อก่อนเขาเห็นด้วยกับการรับหลินหยุนเข้ามาเป็นเขย เพราะว่าเซี่ยหยู่เวยเป็นผู้หญิง ไม่อาจสืบทอดตระกูลแทนเขาได้
ดังนั้น เลยอยากให้ลูกของเซี่ยหยู่เวยกับหลินหยุน มาเติมเต็มความปรารถนาของเขา
หวังว่าสักวันหนึ่ง ทายาทของเขาจะมาสืบทอดตระกูล ให้พวกที่เคยขับไล่เขาได้เห็น ว่าตอนแรกที่คนพวกนั้นเคยขับไล่เขาออกจากตระกูล มันเป็นการตัดสินใจที่โง่เง่าขนาดไหน
แต่ว่า เซี่ยเจี้ยนโก๋เองก็เข้าใจดี ว่าความปรารถนานั้นมันเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน โอกาสที่จะสมหวังนั้นน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย เพราะตัวเขานั้นได้เรียนรู้ทักษะทางการแพทย์มาจากตระกูลเพียงแค่เศษเสี้ยวเท่านั้น
ตอนนี้ พอเห็นว่าลูกสาวของตัวเองกับคุณชายของรองนายกมีความรู้สึกดีๆต่อกัน เซี่ยเจี้ยนโก๋ก็เริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาที่ตอนแรกจับคู่ให้เซี่ยหยู่เวยกับหลินหยุนแต่งงานกัน
ในเมื่อวันนี้เซี่ยหยู่เวยประกาศต่อหน้าฝูงชนแล้วว่าจะหย่า แน่นอนว่าเซี่ยเจี้ยนโก๋ก็ไม่มีทางต่อต้าน
แต่ว่า ยังไงลูกสาวตัวเองก็ทำเกินกว่าเหตุ เซี่ยเจี้ยนโก๋เลยไม่มีทางเอ่ยปากเห็นด้วยแน่
เลยทำได้แค่พูดว่า “เฮ้อ ลูกสาวพอโตขึ้นก็ไม่เชื่อฟังพ่อแม่แล้ว ! เรื่องปัญหาเกี่ยวกับความรู้สึกระหว่างพวกเธอคนหนุ่มสาว ฉันเองก็ขี้เกียจไปก้าวก่าย พวกเธอจัดการกันเองก็แล้วกัน !”