หลินหยุนมองไปที่ฉินหลัน ยิ้มและพูดขึ้นว่า: “ที่จริงคุณสวยงามกว่าเธอเสียอีก”
ฉินหลันจ้องมองไปที่หลินหยุน หัวเราะและพูดติดตลกว่า: “คิดไม่ถึงว่านายอายุยังน้อย จะพูดจาลิ้นลมคมคายได้ขนาดนี้! ”
“ยอมรับความจริงมานะว่า ได้เคยหลอกลวงความรู้สึกเพื่อนนักเรียนหญิงที่มหาวิทยาลัยเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวล่ะสิ? ”
“มีที่ไหนกัน? ฉันก็พูดตามความเป็นจริง หรือว่าพี่ฉินหลันไม่เคยส่งกระจกเหรอ? ” หลินหยุนพูดขึ้นด้วยท่าทางที่ไม่มีความผิด
ฉินหลันคิ้วขมวดทันที แล้วมองไปที่หลินหยุนด้วยความสงสัย: “น่าแปลก ทำไมนายถึงทราบชื่อของฉันด้วยล่ะ? ”
หลินหยุนตกใจ ยุ่งแล้วเชียว ปากพูดออกไปไวเสียจริง เกือบที่จะถูกจับผิดได้แล้ว
“อ้อ เมื่อครู่ได้ยินที่พวกเขาเรียกกัน” หลินหยุนพูดตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ใช่เหรอ? ฉันจำได้ว่าเมื่อครู่พวกเขาต่างก็เรียกฉันว่าผู้ช่วยฉินทั้งนั้น! ”
ฉินหลันแสดงท่าทางที่กำลังครุ่นคิด แต่ว่ารายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ ถือว่าถูกหลินหยุนแปลกปลอมผ่านด่านไปก็แล้วกัน
หลินหยุนพูดว่า: “มีคนเรียกกันตั้งมากมาย คุณคงไม่ได้สนใจ แต่ฉันได้ยินแล้ว”
“ตามนี้ เอาเบอร์โทรศัพท์ของนายให้ฉัน พรุ่งนี้ฉันจะโทรติดต่อไปหานายเอง! ” ฉินหลันกล่าว
“อืม”
หลินหยุนกับฉินหลันได้แลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ซึ่งกันและกัน
ฉินหลันพูดว่า: “ฉันจะโอนเงินตอบแทนของวันพรุ่งนี้ให้นายก่อน ถือว่าเป็นเงินมัดจำ จากนี้ต่อไปจะจ่ายค่าตอบแทนเป็นรายวันไป”
“ตกลง! ” หลินหยุนตอบตกลงอย่างเบิกบานใจ สายตาจ้องมองไปที่ฉินหลันโดยตลอด สำหรับเรื่องเงินแล้ว เขาไม่เคยใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
ฉินหลันสังเกตได้ว่าแววตาที่หลินหยุนมองมาที่เธอนั้นค่อนข้างแปลก เลยอดไม่ได้ที่จะจ้องมองกลับไป และพูดเตือนขึ้นว่า: “เจ้าหนุ่มน้อย ฉันขอเตือนนายไว้ก่อนนะว่าอย่าคิดวางแผนร้ายอะไร มิเช่นนั้นฉันจะให้นายรับผิดชอบกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด! ”
หลินหยุนรีบชูมือสองข้างขึ้น ทำท่าทางยอมศิโรราบ: “เปล่า ฉันสาบานได้ ว่าฉันไม่ได้คิดวางแผนเรื่องร้ายอะไรเลย! ”
หลินหยุนรำพึงในใจว่า ฉันคิดแต่เรื่องที่ดีงามทั้งนั้น
“งั้นก็ดีไป ฉันมีธุระอีก ขอตัวไปก่อน นายไม่ต้องติดตามฉันมาแล้ว” ฉินหลันกล่าว
“รับทราบ” หลินหยุนยิ้มและพูดตอบรับ แล้วก็มองส่งฉินหลันเดินจากไป
ฉินหลันขณะเดินไปก็หันหลังกลับมามอง เหมือนว่าจะไม่ค่อยวางใจหลินหยุนสักเท่าไหร่
“หนุ่มน้อยนี้มองฉันด้วยสายตาที่แปลกมาก? รู้สึกว่าเหมือนจะรู้จักกับฉันมาเป็นเวลานานแล้ว! ”
“แต่ฉันก็ไม่ได้สังเกตพบว่าสายตาของเขามีเจตนาร้ายอะไร แต่กลับเปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วงความเอาใจใส่มากกว่า”
“เป็นเด็กหนุ่มที่แปลกเสียจริง! ”
เมื่อเห็นฉินหลันจากไปแล้ว หลินหยุนก็เก็บสำรวมรอยยิ้มขึ้น
“พี่ฉินหลัน ฉันแปลกใจมาก พรุ่งนี้คุณเตรียมที่จะทำอะไร! ”
ฉินหลันแอบว่าจ้างหลินหยุนเป็นบอดี้การ์ด แสดงว่าเตรียมที่จะไม่ใช้บอดี้การ์ดของบริษัทตงหวาง กรุ๊ป พูดได้ว่า เรื่องที่ฉินหลันจะไปกระทำนั้น เป็นการลักลอบกระทำโดยที่ไม่ให้หวางซูเฟินทราบ
หลินหยุนเชื่อว่าฉินหลันไม่มีทางที่จะทำเรื่องทรยศหักหลังคุณแม่เป็นแน่ ดังนั้น หลินหยุนยิ่งคิดก็ยิ่งแปลกใจ ฉินหลันจะกระทำอะไรกันแน่?
บนเวที การแสดงของหยางหยิงสิ้นสุดลง และได้เปลี่ยนนักแสดงอีกคนหนึ่งขึ้นแสดงบนเวทีแล้ว
หลินหยุนรู้สึกค่อนข้างคุ้นเคย แต่ลืมไปแล้วว่าดาราผู้นั้นมีชื่อว่าอะไร
หลินหยุนเดินไปยังทางเข้าด้านหลังเวที เพื่อไปเจอกับหยางหยิง
แต่ว่า ผู้จัดการนักแสดงเฉินซีเฟิ่งก็วิ่งออกมาจากทางเข้าด้านหลังเวที ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดูกระเซอะกระเซิง
“เกิดขึ้นอะไรขึ้นเหรอ? ” หลินหยุนจิตใจไม่ค่อยดี ดูเหมือนว่าหยางหยิงจะประสบกับเรื่องร้ายแล้ว
“คุณหลิน หยางหยิงถูกเฉียนเจียเหาจับตัวไปแล้ว คุณรีบไปช่วยเธอด้วย! ” เฉินซีเฟิ่งพูดอย่างกระวนกระวายใจ
หลินหยุนสีหน้าเย็นชา เฉียนเจียเหาผู้นี้ยังไม่ยอมเลิกราเสียทีจริงเชียว!
“พาฉันไปหน่อย! ”
เฉินซีเฟิ่งรีบพูดขึ้นว่า: “คุณหลิน พวกเขานั่งรถพาตัวหยางหยิงไปแล้ว! ”
“คุณขับรถ รีบขับพาฉันตามไป” หลินหยุนกล่าว
“ตกลง! ”
ทั้งสองคนออกจากประตู รถตู้เบนซ์สีดำคันหนึ่ง ก็กำลังขับผ่านหน้าทั้งสองคนออกไป
“นั่นคือรถของเฉียนเจียเหา! ” เฉินซีเฟิ่งส่งเสียงขึ้นอย่างตกใจ
“อย่าเพิ่งตกใจ รีบขับตามไป” หลินหยุนกล่าว
จากนิสัยของเฉียนเจียเหาแล้ว เมื่อหยางหยิงตกอยู่ในกำมือของเขา โอกาสเกินครึ่งที่จะถูกย่ำยี
พวกเขาจำต้องไล่ตามเฉียนเจียเหาอย่างไม่ลดละ เพื่อไม่เหลือเวลาให้เขาทำเรื่องเลวร้าย
ทักษะการขับรถของเฉินซีเฟิ่งไม่เลวเลยทีเดียว ช่วงระยะทางหนึ่งชั่วโมงกว่า ก็ยังไล่ตามติดรถของเฉียนเจียเหาโดยตลอด
รถของเฉียนเจียเหา ขับมุ่งหน้าตรงไปที่ท่าเรือ
รถของเฉียนเจียเหาหยุดจอดที่ท่าเรือ
เฉียนเจียเหาลงจากรถทันที มองเห็นรถคันด้านหลังที่กำลังจะขับมาถึง จึงตะโกนเสียงดังว่า: “เร็ว รีบขึ้นเรือยอชท์! ”
ลูกน้องสองคนควบคุมตัวหยางหยิง ขึ้นบนเรือยอชท์
“พวกนายขับเรือยอชท์อีกคันออกไปด้วย ต่อให้พวกเขาเร่งตามมา ก็ไม่สามารถไล่ตามพวกเราทันอีก”
ลูกน้องอีกสองคน รีบขับเรือยอชท์อีกลำหนึ่งออกไปเช่นกัน
ผู้คนที่พบเห็นว่าเรือยอชท์ของตนเองนั้นถูกลักขโมย ก็รีบวิ่งกันเข้ามา ดุด่าเสียงดัง: “ขโมย หยุดเดี๋ยวนี้ นำเรือยอชท์พวกเรากลับคืนมา! ”
เอี๊ยด!
เสียงล้อรถข้างหนึ่งที่เสียดสีกับพื้นดังขึ้น!
รถของเฉินซีเฟิ่งก็มาถึงแล้ว
หลินหยุนกับเฉินซีเฟิ่งรีบลงจากรถ เห็นว่าเฉียนเจียเหานำตัวหยางหยิง นั่งเรือยอชท์ออกไปไกลจากท่าเรือแล้วกว่าหลายสิบเมตร
ทั้งสองคนยืนอยู่ที่ท่าเรือ มองไปที่ท้องทะเลสีฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล หมดวิธีทางที่จะช่วยเหลือ
เฉียนเจียเหากระหยิ่มยิ้มย่องและพูดขึ้นว่า: “ไล่ตามมา ไล่ตามมาสิ! ”
“กระโดดลงทะเลและว่ายน้ำไล่ตามมาสิ! แกไม่ใช่เก่งกาจมากนักหรือไง? กระโดดลงมาสิ! ”
เฉียนเจียเหากับพวกลูกน้องหัวเราะเยาะกันยกใหญ่
“ด้านนั้นมีเรือประมงอยู่ลำหนึ่ง! ” เฉินซีเฟิ่งชี้ไปยังเรือไม้เล็กลำหนึ่งที่จอดอยู่บริเวณข้างท่าน้ำ และพูดขึ้นอย่างดีอกดีใจ
แต่ว่า ไม่นานความดีอกดีใจของเฉินซีเฟิ่งก็สูญสิ้นไป
ใช้เรือไม้เพื่อไล่ตามเรือยอชท์ เหมือนว่าจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ก็เหมือนกับว่านั่งรถม้าเพื่อไล่ตามรถสปอร์ตอย่างไรอย่างนั้น
แต่ว่า หลินหยุนกลับรีบเดินมายังที่เรือประมง และกระโดดลงไปในเรือ
“ลงเรือมาสิ! ” หลินหยุนตะโกนเรียกเฉินซีเฟิ่ง
เฉินซีเฟิ่งพูดขึ้นว่า: “คุณหลิน คุณใจเย็นก่อน! เรือประมงไม่สามารถที่จะไล่ตามเรือยอชท์ของพวกเขาได้หรอก พวกเราควรที่จะคิดหาวิธีอื่นเพื่อช่วยเหลือหยางหยิงกันเถอะ! ”
หลินหยุนพูดซ้ำอีกครั้ง: “ลงเรือมาเดี๋ยวนี้! ” สีหน้าท่าทางแสดงออกถึงความเชื่อมั่นอย่างที่สุด
เดิมทีเฉินซีเฟิ่งยังอยากที่จะพูดเตือนอีกครั้ง แต่พอเห็นสีหน้าท่าทางที่มุ่งมั่นของหลินหยุน ก็กลืนคำพูดที่ติดอยู่ริมฝีปากกลับคืนเข้าไป
“ตกลง ฉันจะลองบ้าบิ่นกับคุณสักครั้ง! ”
บนเรือยอชท์ มองเห็นพวกหลินหยุนทั้งสองคนลงเรือประมงแล้ว เฉียนเจียเหากับพวกลูกน้องหัวเราะเยาะกันยกใหญ่
“แม่ง ข้ามองไม่ผิดไปใช่ไหม! นึกไม่ถึงว่าไอ้หนุ่มนี้จะใช้เรือประมงไล่ตามเรือยอชท์ของพวกเรา เขาคงบ้าไปแล้ว! ”
“คุณชายเฉียน ท่านดูไม่ผิดหรอก ข้าก็เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกเหมือนกันที่ใช้เรือประมงไล่ตามเรือยอชท์! ”
“ช่างน่าขันสิ้นดี พวกนายกี่คนช่วยส่งแรงเชียร์ให้เขาหน่อย ให้เขาใช้พละกำลังที่มีอยู่ออกมาให้หมด! จะต้องไล่ตามมาให้ทันนะ อย่าหยุดไล่ตามเสียกลางคันล่ะ! ข้ารอคอยเขาสร้างปรากฏการณ์ปาฏิหารย์อยู่นะรู้ไหม? ฮ่าฮ่า……”
ใช้เรือประมงไล่ตามเรือยอชท์ เฉินซีเฟิ่งก็รู้สึกว่าหลินหยุนคงบ้าไปแล้ว ตัวเองก็บ้าเช่นกัน
แต่ว่า ตอนที่หลินหยุนกำลังเริ่มต้นพายเรือนั้น ลูกตาของเฉินซีเฟิ่งแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า!
ความเร็วในการพายเรือของหลินหยุนนั้น เห็นเป็นเพียงแค่เงาเลือนรางสองเส้น รวดเร็วขนาดที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้
ความเร็วของเรือประมง นึกไม่ถึงว่าจะเทียบเท่ากับเรือยอชท์
บนเรือยอชท์ พวกลูกน้องของเฉียนเจียเหาอดไม่ได้ถึงกับต้องขยี้ตา และพูดขึ้นด้วยท่าทางตะลึงว่า: “คุณชายเฉียน ข้าตาฝาดไปแล้วใช่ไหม? ทำไมข้าถึงเห็นว่าความเร็วของเรือประมงนั้นรวดเร็วกว่าเรือยอชท์ของพวกเราเสียอีก! ”
“นายไม่ได้ตาฝาดไป ข้าก็มองเห็นแล้ว! ” เฉียนเจียเหาพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่อึ้งทึ่ง
จากนั้น เฉียนเจียเหาก็เหมือนกับแมวที่ถูกเหยียบหาง พูดตะโกนใส่ลูกน้องที่กำลังขับเรือยอชท์อยู่ว่า: “เพิ่มความเร็วให้ถึงขีดสุด! รวดเร็วขึ้นอีก!”
“ทิ้งหนีพวกเขาไปให้ได้! ”
เฉียนเจียเหาใช้มือบีบไปที่ลำคออันขาวนวลของหยางหยิง พูดขึ้นด้วยความโมโหว่า: “แกไปหาไอ้คนประหลาดนี้มาจากที่ไหนกัน? กัดไม่ยอมปล่อยเลยจริง ๆ! ”
หยางหยิงถูกมัดมือไว้ด้านหลัง ปากก็ถูกปิดด้วยเทปใส ทำได้เพียงส่งเสียงขัดขืนอือๆ ออกมาเท่านั้น
เฉินซีเฟิ่งพูดขึ้นอย่างตึงเครียดว่า: “คุณหลิน พวกเขาเร่งความเร็วแล้ว! ”
“ฉันทราบแล้ว”
หลินหยุนไม่กล้าที่จะเพิ่มความเร็วขึ้นอีก แม้ว่าความเร็วของเขาจะยังไม่ถึงขีดสุด แต่เพราะเรือประมงนั้นถึงขีดสุดของมันแล้ว
หากว่าหลินหยุนเร่งความเร็วขึ้นอีก เรือประมงทั้งลำจะต้องแตกพังกระจาย
ความเร็วของทั้งสองฝ่ายค่อย ๆ เว้นระยะห่าง แต่ว่าเรือยอชท์ของเฉียนเจียเหากับพวกพ้อง ก็ไม่ได้ทิ้งหนีเรือประมงของหลินหยุนไปไกลมากเท่าไหร่นัก
ทุกคนต่างสามารถมองเห็นอีกฝ่ายหนึ่งได้
ลูกน้องคนหนึ่งพูดขึ้นว่า: “คุณชายเฉียน ด้านหน้าปรากฏเรือสำราญลำหนึ่ง พวกเราจะเทียบเคียงเข้าไปใกล้หรือไม่! ”
เฉียนเจียเหาหัวเราะเสียงดังขึ้นทันที: “ฮ่าฮ่าฮ่า เรือสำราญมันฮักในที่สุดพวกเราก็มาถึงแล้ว”