ดังนั้นฟางเจิ้งจึงพูดอย่างมีเหตุผล “โยม โจ๊กล่าปาต้องเป็นภิกษุทำด้วยตัวเองเท่านั้นถึงจะมีความหมาย ไม่ควรยืมมือคนอื่น”
หยางหวาตอบ “มีอย่างนี้ด้วยเหรอ?”
ฟางเจิ้งพยักหน้า หยางหวายอมแพ้ “ได้ ในเมื่อท่านจะจัดพิธีสรงน้ำพระ ถ้าอย่างนั้นฉันจะกลับไปช่วยประกาศแล้วกัน จะได้มีคนมากันเยอะๆ อืม…อย่างน้อยครอบครัวฉันมาแน่!”
ฟางเจิ้งขอบคุณ จากนั้นส่งหยางหวา
“เอาเถอะ ฟังจากน้ำเสียงแล้ว วันนั้นคงมากันไม่กี่คนจริงๆ” ฟางเจิ้งส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วเดินไปห้องครัว หุงโจ๊กล่าปาไม่ใช่เรื่องง่าย ก่อเตา ย้ายหม้ออะไรพวกนี้ยุ่งยากมาก
ฟางเจิ้งกำลังยุ่งกับงาน…
ทว่าตรงตีนเขา เมื่อหยางหวากลับมาก็เกิดการปะทุขึ้น
“อะไรนะ? ฟางเจิ้งจะจัดพิธีสรงน้ำพระ? จึ๊ เจ้าเด็กนี่เป็นไปได้! ไม่ได้การแล้ว ฉันจะไปวัดเขา!”
“เหล่าหลี่ นายเตรียมไปวัดผาแดงไม่ใช่รึไง?”
“ไปวัดผาแดงทำบ้าไรล่ะ! ถ้าไม่สนับสนุนเด็กบ้านเราแล้วจะสนับสนุนใคร! อีกอย่างไต้ซือวัดผาแดงบอกแล้วไม่ใช่เรอะว่าแค่มีความจริงใจก็จะศักดิ์สิทธิ์! ที่ไหนก็เหมือนกัน”
คนพวกนี้ป่าวประกาศไป ไม่นานคนในหมู่บ้านรับรู้ ทว่าทุกคนต่างพูดคุยกัน ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปที่ไหน ตอนนี้เองเสียงลำโพงดังในหมู่บ้าน!
“ประกาศ ประกาศ! เทศกาลล่าปา วัดเอกดรรชนีจะจัดพิธีสรงน้ำพระ หมู่บ้านตัดสินใจแล้วว่าจะสนับสนุนวัดเอกดรรชนี สนับสนุนความก้าวหน้าของวัดบ้านเรา ดังนั้นหวังว่าทุกคนจะไปร่วมพิธีสรงน้ำพระที่วัดเอกดรรชนี แน่นอนทุกอย่างอยู่ที่ความสมัครใจ! คนที่จะไปให้รวมกลุ่มกันในหมู่บ้านไปด้วยกัน มาลงชื่อที่บ้านฉัน แล้วก็นะเอาชามไปเองด้วย เจ้าฟางเจิ้งยากจนแค่ไหนคงไม่ต้องบอกนะ” เสียงหวังโอ้วกุ้ยดังแว่วมา
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็ดีใจขึ้นมา
เวลานี้เองมีเสียงหนึ่งตะโกนดังขึ้นตาม “ทุกคนก็เห็นเจ้าฟางเจิ้งโตมาแต่เล็ก ทุกคนไปร่วมพิธีสรงน้ำพระครั้งแรกของวัดเอกดรรชนีเถอะ รวมคนกันไปเยอะๆ”
นี่คือเสียงของเสมียนหมู่บ้านถานจวี่กั๋ว
ชาวบ้านที่เดิมทีแค่คุยกันได้ฟังดังนั้น ผู้ใหญ่บ้านกับเสมียนพูดแล้ว เจ้าฟางเจิ้งก็ไม่เลว เอาเถอะ ไปด้วยกัน!
หวังโอ้วกุ้ยตะโกนเหมือนกัน ไม่คิดว่าพวกชาวบ้านจะสนับสนุนขนาดนี้ หนึ่งวันผ่านไปเขานับจำนวนแล้วก็ตบที่หน้าขาสำนึกเสียใจภายหลัง ตะโกนดังลั่น “แย่แล้วๆ!”
“อะไรครับ? อะไรแย่?” หยางผิงถามด้วยความไม่เข้าใจ
หวังโอ้วกุ้ยยิ้มแห้ง “มัวแต่คิดจะช่วยเจ้าฟางเจิ้งดึงคน แต่ตอนนี้มีสามร้อยสามสิบหกคนแล้ว!”
หยางผิงได้ยินแบบนั้นก็งงเล็กน้อย “เหมือนว่าตอนนี้ทั้งหมู่บ้านไม่ได้มีคนมากขนาดนั้นนี่?”
“ใกล้จะปีใหม่แล้ว ลูกหลานต่างกลับมา มีลูกกันเป็นโขยง จำนวนเท่านี้ก็ไม่แปลกหรอก คนในหมู่บ้านต่างสนับสนุน อีกอย่างเด็กพวกนั้นจะไปเที่ยวกันมากกว่า เฮ้อ…คนเยอะขนาดนี้ แกว่าฟางเจิ้งจะเตรียมโจ๊กล่าปาเยอะขนาดนั้นไหวไหม?” หวังโอ้วกุ้ยพูดด้วยความกังวล
หยางผิงกลอกตา ยิ้มกล่าว “เตรียมไม่ไหวก็ใช้น้ำแทนสิ…เหอะๆ ถึงยังไงน้ำเขาก็อร่อยดี”
หวังโอ้วกุ้ยอึ้งไปจากนั้นยิ้ม “ก็ใช่…อีกเดี๋ยวจะโทรไปหาเขาให้เตรียมตัวล่วงหน้า ถึงตอนนั้นถ้าทุกคนไปแล้วไม่ได้ดื่มแม้แต่น้ำจะแย่เอาจริงๆ”
พูดจบหวังโอ้วกุ้ยก็โทรไปหาฟางเจิ้ง บอกจำนวนคนไปแล้วถือโอกาสถามด้วยเลยว่าวัตถุดิบโจ๊กล่าปาพอหรือไม่ ไม่พอเขาจะช่วยจัดการให้
เดิมทีฟางเจิ้งคิดว่าจะมากันสิบยี่สิบคนก็ถือว่าไม่เลว พอได้ยินว่าสามร้อยกว่าคน! เขาพลันตาเหลือกแทบจะหมดสติ! ต้องเตรียมโจ๊กล่าปาจำนวนคนขนาดนี้เชียว?
ฟางเจิ้งสำนึกเสียใจที่ให้หยางหวาไปแล้ว ทำคนเดียวมากขนาดนี้เป็นไปได้เหรอ?
ทว่าพอตรึกตรอง ญาติพี่น้องเหล่านี้ไม่ไปวัดใหญ่ แต่มาวัดเล็กของเขา นี่ก็เพราะความผูกพัน! ทุกคนต่างรักและเอ็นดูเขา เขาก็ไม่ควรจะเยือกเย็นไร้ใจไหม? โจ๊กล่าปานี่ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวต้องใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุด แต่ต้องทำให้ดีที่สุดด้วย!
คิดได้ดังนั้นจึงตอบหวังโอ้วกุ้ย “โยมหวัง อาตมาไม่ต้องการอะไรเป็นพิเศษ แค่ขอหม้อสักสองใบได้ไหม? แล้วก็เตรียมชามกันมาเอง!”
หวังโอ้วกุ้ยหัวเราะ กล่าวรับปากวางใจให้เขาจัดการทุกอย่างเอง
วันที่สอง หวังโอ้วกุ้ยให้คนส่งหม้อเหล็กใบใหญ่มาห้าใบ ขณะเดียวกันก็ช่วยฟางเจิ้งก่อฐานเตาห้าแห่ง หยางหวาพาคนไปหาฟืนมาจำนวนมาก รวมกับที่ฟางเจิ้งกับหมาป่าเดียวดายไปเก็บมาแล้วก็น่าจะพอใช้
หลังส่งทุกคนกลับ ฟางเจิ้งมองแถวหม้อใบใหญ่ตรงปากประตู ก่อนเงยหน้ามองฟ้าพลางถอนหายใจด้วยความเศร้า “นี่ฉันฆ่าตัวตายรึเปล่าเนี่ย?”
แก๊ง…
ตอนนี้เองฝาหม้อใบหนึ่งขยับ
ฟางเจิ้งขมวดคิ้วพลางคิดในใจ ‘อะไรวิ่งเข้าไปในหม้อ’
พอเข้าไปดูก็หัวเราะ เห็นกระรอกมุดเข้าไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แถมยังซ่อนเมล็ดสนไว้ไม่น้อย!
“เจ้าตัวน้อย เมล็ดสนแค่นี้ยังซ่อนอีกนะ ทำไมแกขี้งกขนาดนี้? เอาเถอะ เมล็ดสนพวกนี้ถือเป็นค่าอาหารแล้วกัน” ฟางเจิ้งหัวเราะเสียงดังด้วยความหน้าด้าน เจ้าตัวน้อยมีท่าทีโกรธ แยกเขี้ยวตวัดกรงเล็บไปมา ขบฟันข่มขู่จนแก้มป่อง เหมือนลวงเอาของส่วนตัวของมันไป
แม้จะอร่อย แต่แน่นอนว่าเมล็ดสนอร่อยสู้ข้าวผลึกไม่ได้ แต่กินข้าวผลึกทุกวัน ของว่างกลางภูเขาแบบนี้ถือว่าล้ำค่า อีกอย่างกระรอกน้อยเจ้าเล่ห์มาก มันไม่สนใจเมล็ดสนธรรมดา ดังนั้นที่มันเอากลับมาจะต้องเป็นเมล็ดที่อวบอิ่บ กินไปในปากจะเต็มไปด้วยความหอมมัน! นี่ก็เป็นหนึ่งในของว่างที่ฟางเจิ้งชอบที่สุด ทำให้กระรอกตัวน้อยซ่อนเมล็ดสนไว้ตามที่ต่างๆ ทุกวันราวกับหัวขโมย…
ส่วนฟางเจิ้งมีอีกเหตุผลที่จะปัดกวาดวัดแล้ว…หาของว่าง!
ฟางเจิ้งเก็บเมล็ดสนไว้เป็นของตัวเอง กระรอกโกรธจนไล่ตามไป ดึงใบหูเขา แต่ฟางเจิ้งไม่เจ็บ…
“ระบบ เตรียมหม้อแล้ว วัตถุดิบล่ะ? สูตรลับล่ะ?” ฟางเจิ้งยืนอยู่ในครัว ลูบท้องที่หิวอยู่นิดๆ พลางถาม รู้สึกเห็นแก่ตัวเล็กน้อย สินค้าจากระบบจะต้องวิเศษแน่ โจ๊กคุณภาพดีขนาดนี้ไม่มีเหตุผลที่ตนจะไม่ลองก่อน!
“ยังไม่ให้ตอนนี้ แต่จะให้ตัวอย่างโจ๊กล่าปาชามเล็กกับนาย ให้ลองชิมดูก่อนได้”
พูดจบมีชามเล็กปรากฏตรงหน้าฟางเจิ้ง! มันชามเล็กจริงๆ เท่าฝ่ามือเล็ก!
ฟางเจิ้งเห็นแบบนั้นก็พึมพำ “ระบบ นายมันขี้เหนียวจริงๆ!”
เพิ่งกล่าวแสงทองจากโจ๊กล่าปาหายไป ต่อมาฟางเจิ้งตาค้าง!
เห็นข้าวสีขาวในชามเล็ก ลูกเดือยสีเหลือง ลูกบัวแวววาว พุทราจีนใหญ่สีแดง…วัตถุดิบต่างๆ รวมเข้าด้วยกัน แต่กลับแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน แดงก็แดงเพลิง ขาวก็แพรวพราว เหลืองอร่าม…วัตถุดิบทั้งหมดรวมเข้าด้วยกันนี่มันใช่โจ๊กที่ไหน เป็นภาพวาดต่างหาก! วัตถุดิบในนั้นก็ไม่ใช่วัตถุดิบ แต่เป็นอัญมณีสดใส หยกและทองคำ สวยจนฟางเจิ้งทำใจกินไม่ลง!
…………………