หวางซูเฟินมองไปที่ประธานคณะกรรมการของบริษัทตงหวางกรุ๊ป ด้วยใบหน้าหวาดกลัว“แย่แน่ บริษัทตงหวางกรุ๊ปแย่แน่!”
ฉินหลันพยุงหวางซูเฟิน และปลอบใจอย่างอ่อนโยน “ท่านประธาน คุณต้องเข้มแข็งไว้ แม้ว่าประธานคณะกรรมการทั้งหมดจะถอนหุ้น พวกเราก็ยังสามารถหานักลงทุนใหม่ได้! ขอเพียงยังมีเงินทุนอยู่ พวกเราก็สามารถฝ่าวิกฤตินี้ไปได้!
หวางซูเฟินค่อยๆตั้งสติได้ มองไปที่ฉินหลันแล้วพูดว่า “ถูกต้อง คุณพูดถูก พวกเราสามารถหานักลงทุนได้ไหม พวกเรายังมีโอกาส!”
เมื่อมองไปที่เหยียนต้าวหมิงและคนอื่นๆ หวางซูเฟินพูดด้วยเสียงขมขื่น “ท่านประธานกรรมการทุกท่าน นึกถึงตอนแรกที่พวกเราทุ่มเททำงานเพื่อบริษัทตงหวางกรุ๊ป มันไม่ง่ายที่จะประสบความสำเร็จเหมือนในปัจจุบัน แต่พวกคุณทำเพื่อผลกำไรเพียงเล็กน้อย ก็จะยอมทิ้งบริษัทตงหวางกรุ๊ปที่สร้างมาด้วยมือของตัวเองอย่างยากลำบากเลยเหรอ?”
มีประธานกรรมการหลายคนนึกถึงความทรงจำเหล่านั้น แต่พวกเขาก็ไม่ทำเช่นนี้ไม่ได้
หวางซูเฟินพูดต่อ “ตอนนี้ ถ้ามีคนเต็มใจที่จะกลับมา ฉันจะไม่ถือโทษที่เคยทำผิดไป นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกคุณ!”
กลับไปเหรอ?
แม้ว่ามีประธานกรรมการบางคนยังผูกพันกับบริษัทตงหวางกรุ๊ป เพียงแต่ว่า ในเมื่อพวกเขาได้ก้าวออกไปแล้ว ก็ไม่อาจย้อนกลับไปได้อีก
เหยียนต้าวหมิงหัวเราะเยาะและพูดว่า “หวางซูเฟิน เธออย่าฝันไปเลย ในไม่ช้าบริษัทตงหวางกรุ๊ปก็จะล้มละลาย คนโง่เท่านั้นที่จะยอมไปตายที่บริษัทตงหวางกรุ๊ปพร้อมเธอ!”
หวางซูเฟินยิ้มเยาะเย้ย“ล้มละลาย? ไม่แน่มั้ง! แม้ว่าพวกคุณจะถอนหุ้นออก ตราบใดที่ฉันสามารถหานักลงทุนใหม่ได้ ก็สามารถเติมช่องว่างเงินทุนที่เหลือจากการถอนออกของพวกคุณ!”
หลังจากที่หวางซูเฟินพูดจบ สายตาก็มองไปท่ามกลางฝูงชน
เหยียนต้าวหมิงยิ้มมีเลศนัย “หวางซูเฟิน คุณกำลังมองหาประธานหลี่ของบริษัทฉางเหอกรุ๊ปในหลิ่งเป่ยเหรอ?”
หวางซูเฟินพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ถูกต้อง ประธานหลี่ได้เจรจากับฉันเรียบร้อยแล้ว เขาเต็มใจที่จะลงทุนในบริษัทตงหวางกรุ๊ป ด้วยความแข็งแกร่งของบริษัทฉางเหอกรุ๊ป สามารถช่วยให้บริษัทตงหวางกรุ๊ปฝ่าวิกฤตนี้ไปได้อย่างแน่นอน!”
มีเสียงอุทานดังขึ้นจากฝูงชน
“บริษัทฉางเหอในหลิ่งเป่ย! เทียบได้กับความแข็งแกร่งของตระกูลเหรอ! ถ้าบริษัทตงหวางกรุ๊ปสามารถหาบริษัทฉางเหอกรุ๊ปมาช่วยได้จริงๆ คราวนี้ตระกูลส้งได้พบกับคู่ต่อสู้จริงๆ!”
“ใช่แล้ว ไม่คาดคิดว่า หวางซูเฟินสามารถเจรจากับประธานหลี่ของบริษัทฉางเหอได้ มันน่าทึ่งจริงๆ! ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอคนเดียว สามารถประคองบริษัทตงหวางกรุ๊ปได้ทั้งหมด!”
เหยียนต้าวหมิงยิ้มและพูดว่า “หวางซูเฟิน คุณวางแผนได้ไม่เลว ถ้าหากบริษัทฉางเหอกรุ๊ปยินดีที่จะช่วยคุณ บริษัทตงหวางสามารถฝ่าฟันวิกฤตินี้ได้อย่างแน่นอน”
“แต่ว่า สิ่งที่คุณคิดได้ มีหรือที่ประธานส้งจะคิดไม่ได้?”
ทุกคนอึ้ง!
“หมายความว่ายังไง? เป็นไปได้ไหมที่บริษัทฉางเหอกรุ๊ปถูกส้งหัวอันแย่งไปก่อน?”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นบริษัทตงหวางกรุ๊ปตายแน่นอน!”
สีหน้าของหวางซูเฟินดูแย่มาก และอุทาน “เป็นไปไม่ได้! ประธานหลี่ของบริษัทฉางเหอกรุ๊ปไม่ใช่คนประเภทที่ไม่รักษาสัจจะ! สิ่งที่เขาเคยพูด จะต้องรักษาสัญญาอย่างแน่นอน!”
ส้งหัวอันหัวเราะเยาะและพูดว่า “หวางซูเฟิน คุณดูซิว่านี่เป็นใคร?”
หลังจากพูดแล้ว ส้งหัวอันก็ตบมือไปที่ด้านหลังเวที
ชายในชุดสูทสีดำอายุห้าสิบกว่าก็เดินออกมา
หวางซูเฟินดูตกใจทันที “ประธานหลี่! ที่แท้คุณมาถึงแล้ว!”
เขาเป็นประธานหลี่ของบริษัทฉางเหอกรุ๊ป เมื่อปีที่แล้วเคยพบเขาหนึ่งครั้ง สไตล์ของเขายังคงเหมือนเดิม!” หลิวเหอหมิงที่อยู่ที่โต๊ะเบอร์หนึ่งพูด
“แน่นอนว่าเป็นประธานหลี่ของบริษัทฉางเหอกรุ๊ป ดูเหมือนว่าส้งหัวอันได้แย่งไปก่อนหน้านี้แล้ว” ในฝูงชน เจี่ยงสงมองไปที่ประธานหลี่ที่อยู่ข้างๆส้งหัวอัน โดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ
แม้ว่าเขาจะเห็นใจหวางซูเฟินเล็กน้อย แต่บริษัทตงหวางกรุ๊ปจะอยู่หรือตาย มันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา
หลินหยุนก็มองประธานหลี่ด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้น? ชาติที่แล้วคุณแม่ก็ใช้บริษัทฉางเหอกรุ๊ป เพื่อแก้ไขวิกฤตินี้”
แต่ตอนนี้ประธานหลี่ของบริษัทฉางเหอกรุ๊ป อยู่ฝั่งเดียวกับตระกูลส้ง! ประวัติศาสตร์ได้เกิดการเปลี่ยนแปลง เป็นเพราะฉันหรือเปล่า?”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณแม่ก็ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแน่นอน”
ส้งหัวอันยืนขึ้น จับมือกับประธานหลี่อย่างสนิทสนม และยิ้ม “พี่หลี่ ฉันหวังว่าจะได้ร่วมมือกับคุณมาตลอด ในวันนี้ความปรารถนานั้นสำเร็จลุล่วงแล้ว!”
คุณหลี่ยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณประธานส้งที่เตือนฉัน ไม่อย่างนั้นฉันเกือบจะตกหลุมพรางคนอื่นแล้ว!”
หัวใจของหวางซูเฟินสั่นคลอน เมื่อมองไปที่ประธานหลี่ และถามด้วยความไม่กล้าเชื่อ “ท่านประธานหลี่ ความร่วมมือของพวกเรา ยังคงใช้ได้หรือไม่?”
ประธานหลี่พูดอย่างเย็นชา “ท่านประธานหวาง บริษัทตงหวางกรุ๊ปของคุณเป็นแบบนี้แล้ว คุณไม่อธิบายให้มันชัดเจนลย นี่เป็นการหลอกฉันชัดๆ!”
“คุณทำให้ฉันผิดหวังมาก! ต่อจากนี้ไป บริษัทฉางเหอกรุ๊ปของฉัน จะไม่มีความร่วมมือใดๆกับคุณอีก!”
หวางซูเฟินเข่าอ่อน และเกือบจะล้มลง
“ท่านประธาน!” ฉินหลันอุทานออกมา และรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยพยุง
เพียงแต่ว่า หวางซูเฟินได้เอื้อมมือออกไปหามไว้
ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันยังไหว!”
หวางซูเฟินมีใบหน้าที่เคร่งเครียด แม้ว่าในขณะนี้บริษัทตงหวางกรุ๊ปกำลังเผชิญกับวิกฤติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ว่า ในขณะนี้สมองและความคิดของหวางซูเฟินนั้นชัดเจนกว่าคนอื่น
ในช่วงเวลาสำคัญ ความเด็ดขาดและสติปัญญาของผู้หญิงที่แข็งแกร่ง ก็เข้ามามีบทบาททันที
หวางซูเฟินมองส้งหัวอันอย่างเย็นชา และพูดอย่างเคร่งขรึม “ตระกูลส้งมีกลยุทธ์ที่ดีจริงๆ เริ่มต้นจากที่ดินผืนนั้น และทำให้บริษัทตงหวางกรุ๊ปเข้าสู่วิกฤตทางการเงิน จู่ๆธนาคารก็ระงับการกู้เงิน ซึ่งก็เป็นฝีมือของตระกูลส้งใช่ไหม!”
“จากนั้น ตระกูลส้งก็โน้มน้าวประธานคณะกรรมการ ทำให้บริษัทตงหวางกรุ๊ปยิ่งแย่ลงไปอีก”
“ในที่สุด ก็ทำลายความร่วมมือระหว่างบริษัทตงหวางกรุ๊ปกับบริษัทฉางเหอกรุ๊ป บีบให้บริษัทตงหวางกรุ๊ปถึงทางตัน”
“ท่านประธานส้ง สมควรได้รับตำแหน่งประธานหอการค้าจงโจวสี่สมัยติดต่อกัน! ร้ายกาจมากจริงๆ!”
สีหน้าส้งหัวอันเรียบเฉย มองไปที่หวางซูเฟิน และพูดเบาๆว่า “ท่านประธานหวาง ตอนนี้นอกจากขายบริษัทตงหวางกรุ๊ปให้กับฉัน ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!”
“อย่ายื้อเวลาอีกเลย เด็ดขาดหน่อย!”
ส้งหัวอันแสดงท่าทางเหมือนคนที่ได้รับชัยชนะ ยืนอยู่บนที่สูงแล้วเหยียบย่ำหวางซูเฟิน
หวางซูเฟินยิ้มอย่างแปลกประหลาด “ฮ่าฮ่า ส้งหัวอัน คุณคิดว่าทำเช่นนี้ก็สามารถจะเอาชนะฉันได้หรือ? ถ้าอย่างนั้นคุณก็ดูถูกฉันมากเกินไป!”
ทันใดนั้นหวางซูเฟินก็หันกลับมา กวาดสายตามองทุกคนที่อยู่ตรงนั้น แล้วพูดเสียงดังว่า “ผู้ถือหุ้นทั้งหมดของบริษัทตงหวางกรุ๊ปที่ถอนหุ้นออก ตอนนี้ฉันเต็มใจที่จะเอาหุ้น50% ของบริษัทตงหวางกรุ๊ปออกมา เพื่อแลกกับการลงทุน เกี่ยวกับแนวโน้มการพัฒนาของบริษัทตงหวางกรุ๊ปนั้น ฉันไม่จำเป็นต้องพูดมาก สามารถเห็นได้ชัดจากความพยายามของตระกูลส้งที่อยากจะยึดครองบริษัทตงหวางกรุ๊ป”
“ดังนั้น โอกาสมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อบริษัทตงหวางกรุ๊ปพ้นวิกฤตนี้แล้ว ในอนาคตการขายหุ้นให้กับคนภายนอกคงเป็นเรื่องยาก ทุกคนยึดมั่นและรักษาโอกาสนี้ไว้!”
ฉินหลันอุทาน “ท่านประธาน นี่มันมากเกินไปแล้วมั้ง! เรื่องเงินลงทุน พวกเรายังคิดหาวิธีได้ แต่หลังจากที่เปลี่ยนมือผู้ถือหุ้น มันไม่ง่ายเลยที่จะซื้อคืนกลับมา”
หวางซูเฟินพูดอย่างเคร่งขรึม “คุณไม่จำเป็นต้องเกลี้ยกล่อมฉัน เพื่อที่จะรักษาบริษัทตงหวางกรุ๊ป แม้ฉันต้องยอมเสียหุ้นทั้งหมดก็ยอม!”
ดูเหมือนว่า หวางซูเฟินคงจะตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว
เหยียนต้าวหมิงดูตกใจ “50% ของหุ้น หวางซูเฟินบ้าไปหรือเปล่า? แม้ว่าผู้ถือหุ้น51%จะเป็นผู้ควบคุมหุ้นอย่างสมบูรณ์ แต่ครั้งเดียว ก็ยอมปล่อย50% ของหุ้น มันอันตรายมาก”
“หากมีคนหาวิธีที่จะได้ซื้อหุ้นอีกร้อยละหนึ่ง ดังนั้นบริษัทที่หวางซูเฟินสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบาก จะถูกส่งต่อให้ผู้อื่น”
“แม้ว่าตอนนี้ เมื่อคนๆเดียวได้ถือหุ้น50% เขาจะเทียบเท่าหวางซูเฟิน!”
แม้แต่ส้งหัวอัน สีหน้าก็เปลี่ยนไป
ในฝูงชน เริ่มมีคนเคลื่อนไหวแล้ว
แนวโน้มการพัฒนาของบริษัทตงหวางกรุ๊ป แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องพูด นี่คือบริษัทที่มีความหวังที่จะก้าวหน้ากว่าบริษัทตระกูลส้ง
หากได้หุ้นครึ่งหนึ่งของบริษัทตงหวางกรุ๊ป ถ้างั้นจะเป็นประโยชน์มหาศาล! มันทำให้นักธุรกิจทุกคนน้ำลายไหล
