จนถึงตอนนี้หลิวเหอหมิง เหมือนกับเพิ่งตื่นขึ้นมาจากความฝัน
“เป็นไปได้อย่างไร ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้? ไอ้หนุ่มผู้นี้ทำสำเร็จได้อย่างไรกัน? เขาไม่ใช่เป็นเพียงแค่บอดี้การ์ดต่ำต้อยคนหนึ่งหรอกเหรอ? ”
“ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้?”
“ไอ้หนุ่มน้อย ตกลงนายเป็นใครกันแน่? ” หลิวเหอหมิงตะโกนถามขึ้นด้วยท่าทางที่ตื่นตระหนก
หลินหยุนยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ และพูดขึ้นว่า: “ข้าเป็นใคร นายไม่สมควรจะทราบ แต่ว่า นายพ่ายแพ้แล้ว! ”
“ทำตามที่เดิมพันกันไว้เถอะ! ”
“การเดิมพัน! ”
นั่นก็คือจะต้องคุกเข่าลงแสดงความขอโทษต่อหวางซูเฟินต่อหน้าของทุกคน จะทำแบบนี้ได้อย่างไรกัน!
หลิวเหอหมิงยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า: “ไอ้หนุ่มน้อย นายคงจะสมรู้ร่วมคิดกับพวกคนเหล่านี้ก่อนล่วงหน้าแล้ว และจงใจที่จะทำให้ข้าหลงกล นายหลอกลวงข้าไม่ได้หรอก! ”
“ดังนั้น การเดิมพันครั้งนี้ไม่ถือว่าเป็นผล! ”
หลินหยุนสีหน้าเฉยเมย ต่อการที่หลิวเหอหมิงเล่นลูกไม้อย่างหน้าด้าน เหมือนกับจะตรงตามที่เขาได้คาดการณ์เอาไว้อยู่ก่อนแล้ว
แต่ว่า ซูเหลียงจื่อที่อยู่ด้านข้างของหลินหยุนกลับทนเห็นต่อไปไม่ได้ ในอดีตซูเหลียงจื่อที่เคยเป็นอันธพาลใช้ชีวิตพเนจรร่อนเร่ไปทั่วมาหลายสิบปี การเล่นลูกไม้ใช้เล่ห์เหลี่ยมกลโกงนั้น คือสิ่งที่เขาชำนาญเป็นพิเศษอยู่แล้ว
เวลานี้ นึกไม่ถึงว่าจะมีคนมาปฏิบัติกับซูเหลียงจื่อในลักษณะนี้ ซูเหลียงจื่อจะทนยอมให้มันจบได้อย่างไร?
“นายคิดจะเล่นลูกไม้ใช้เล่ห์เหลี่ยมงั้นเหรอ? ” ซูเหลียงจื่อมองไปที่หลิวเหอหมิง ด้วยใบหน้าหม่นหมอง
หลิวเหอหมิงพูดโต้แย้งขึ้นว่า: “ไม่ใช่ข้าที่เล่นลูกไม้ใช้เล่ห์เหลี่ยม คือพวกนายต่างหากที่ฉ้อโกง! ”
ซูเหลียงจื่อยิ้มอย่างเย็นชาด้วยท่าทางที่เหยียดหยาม: “แค่จัดการกับนาย จะต้องฉ้อโกงด้วยงั้นเหรอ? ”
พูดจบ ซูเหลียงจื่อก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาหลิวเหอหมิง
หลิวเหอหมิงตกใจกลัวจนสีหน้าขาวซีด พูดด้วยความตื่นตระหนกว่า: “นายคิดจะทำอะไร? ”
“บอดี้การ์ดอยู่ไหน มาขัดขวางเขาเอาไว้! ”
บอดี้การ์ดของหลิวเหอหมิงสองคน รีบวิ่งมาทันที และขวางกั้นอยู่เบื้องหน้าของซูเหลียงจื่อ
ส้งหัวอันที่ไม่ได้พูดได้จาอะไรเลย ในที่สุดก็พูดขึ้นแล้ว
“พอได้แล้ว! ท่านหลิว ให้คนของท่านปล่อยเขาไปเดี๋ยวนี้! ” ส้งหัวอันพูดด้วยเสียงหนักแน่น
หลิวเหอหมิงมองไปที่ซูเหลียงจื่อ พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่กังวล: “ประธานส้ง แต่ว่าเขา……”
ส้งหัวอันพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่หม่นหมอง: “ทำไมเหรอ? ไม่เชื่อข้าหรืออย่างไร? หรือว่าสงสัยในอิทธิพลความสามารถของบริษัท หัวอัน กรุ๊ปของข้า? ”
โดนส้งหัวอันจ้องเขม็ง หลิวเหอหมิงตกใจเป็นอย่างมาก และก็หวาดกลัวขึ้น: “เปล่า ไม่เลย ฉันเชื่อในตัวประธานส้ง! ”
“พวกนายออกไปกันก่อน! หลิวเหอหมิงตะโกนพูดกับบอดี้การ์ด”
บอดี้การ์ดจ้องมองไปที่ซูเหลียงจื่อ แล้วก็หันหลังเดินจากไป
หลินหยุนก็พูดขึ้นอย่างเฉยเมยว่า: “กลับมาเดี๋ยวนี้”
ซูเหลียงจื่อมองไปที่หลิวเหอหมิงอย่างไม่พึงพอใจ ทำเสียงสบถอย่างเย็นชา แล้วก็เดินกลับไปที่ด้านข้างของหลินหยุน เหมือนกับเป็นเทพผู้พิทักษ์องค์หนึ่งที่คอยปกป้องหลินหยุน
ส้งหัวอันมองไปที่หวางซูเฟินที่มีสีหน้าเย็นชา ยิ้มและพูดขึ้นว่า: “ประธานกรรมการหวาง ฉันควรจะพูดอย่างไรกับท่านดีล่ะ? จะชื่นชมว่าท่านมีโชคชะตาที่ดี? หรือว่าตัวฉันเองที่มีโชคชะตาอันเลวร้าย? ”
“การหาคนทั่วไปว่าจ้างมาเป็นบอดี้การ์ด นึกไม่ถึงว่าจะสามารถหาเจอบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้! ”
หวางซูเฟินยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า: “ท่านประธานส้งก็พูดชมกันเกินไปแล้ว ไม่ใช่ว่าฉันโชคดีอะไรหรอก แต่เป็นท่านต่างหากที่ทำเรื่องไม่ดีไร้คุณธรรมเอาไว้มากมาย ทำให้คนรอบข้างทนเห็นต่อไปไม่ได้แล้ว! ”
“เหอะๆ? ทำเรื่องไม่ดีไร้คุณธรรมไว้มากมาย? พวกเราทำธุรกิจก็พูดคุยกันในเรื่องธุรกิจ โดยที่นักธุรกิจเดิมทีก็ต้องการหวังพึ่งผลกำไร เรื่องนี้ประธานกรรมการหวางคงทราบชัดเจนเป็นอย่างดี แล้วจะมากล่าวพาดพิงถึงในเรื่องการมีคุณธรรมไม่มีคุณธรรมได้อย่างไรกันล่ะ? ”
ส้งหัวอันกวาดสายตามองไปที่ทุกคนด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม ถอนหายใจและพูดว่า: “พวกผู้มีอิทธิพลอำนาจและพวกเศรษฐีจากทั้งสิบแปดเมืองในมณฑลหลิงหนาน ซึ่งนี่ก็ถือว่าเป็นผลงานอันยอดเยี่ยมเลยทีเดียว ต่อให้เป็นตัวข้าเอง ก็คงจะไม่มีความสามารถทำได้ถึงขนาดนี้”
“แต่ พวกท่านคิดว่าจะอาศัยพวกกลุ่มคนที่ไม่สามัคคีกลมกลืนกันเหล่านี้ ก็จะสามารถข่มขู่ตระกูลส้งของข้าได้อย่างนั้นเหรอ? ”
น้ำเสียงของส้งหัวอันค่อย ๆ ดังขึ้น: “นั่นหมายความว่าพวกท่านมองข้ามตระกูลส้งของข้าเกินไปแล้ว! ”
แปะๆ!
ส้งหัวอันปรบมือขึ้นสองครั้งโดยพลัน แล้วตะโกนไปยังทางซ้ายมือ: “ออกมาเถอะ! ”
ทันใดนั้น ด้านข้างของเวทีก็มีเงาร่างหนึ่งเดินออกมา
คนผู้นี้ อยู่ในชุดสูทสีดำ ใบหน้าเมตตาสุภาพ แต่รูปร่างลักษณะมีความคล้ายคลึงกับส้งหัวอันบ้างเล็กน้อย
เมื่อเงาร่างนั้นยืนปรากฏอยู่บนเวที ทุกคนที่อยู่ในโต๊ะเบอร์หนึ่งต่างก็ตระหนกตกใจ!
“ส้ง รองนายกส้ง! ” หลิวเหอหมิงมีสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึง!
บุคคลผู้นี้ มักจะพบเห็นได้บนโทรทัศน์อยู่บ่อยครั้ง โดยที่จะติดตามอยู่ด้านหลังของหลู่ฉางหลินนายกเมืองจงโจวอยู่เป็นประจำ
นี่คือรองนายกเมืองจงโจว ชื่อว่าส้งหัวเหลียง!
รองนายกส้งยิ้มและพูดขึ้นว่า: “ท่านหลิว ไม่เจอกันตั้งนานแล้ว! ครั้งก่อนที่พบเจอกัน ฉันจำได้ว่าคงเป็นการประชุมเสวนาในเมืองของพวกเราใช่หรือไม่! ”
หลิวเหอหมิงพูดขึ้นอย่างสุภาพอ่อนน้อม: “ใช่ ใช่ ใช่เลย รองนายกส้งความจำดีเสียจริง! ”
ส้งหัวเหลียงมองไปที่ส้งหัวอัน ยิ้มและพูดว่า: “พี่ชาย ที่ท่านเรียกฉันกลับมาจากเมืองหลวง เป็นเพราะคิดเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วใช่หรือไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น! ”
“หลายปีมานี้ที่พี่ชายได้ดำเนินประกอบธุรกิจ ซึ่งทำให้มีสายตาที่เฉียบคมเสียจริง! ผู้น้องนับถือ! ”
ทุกคนต่างตกตะลึงขึ้นกันหมด!
พี่ชาย!
นี่มันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น?
รอสักครู่ ส้งหัวอัน ส้งหัวเหลียง ชื่อของทั้งสองคนใกล้เคียงกันขนาดนี้ คงน่าจะคิดออกไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ!
ผ่านไปชั่วครู่หนึ่งหลิวเหอหมิง จึงได้พูดขึ้นด้วยท่าทางที่ตื่นตระหนกว่า: “ทำให้ทุกคนตะลึงเสียจริงเชียว นึกไม่ถึงว่ารองนายกส้งจะเป็นน้องชายของท่านประธานส้ง! ”
ทุกคนภายในห้องโถงต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันขึ้น
“หลายปีมานี้ พวกเรากลับคาดคิดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อย! ”
“ประธานส้งปกปิดซ่อนเร้นเอาไว้อย่างลึกลับ! ”
“ได้ยินว่ารองนายกส้งผู้นี้ คือตัวเลือกที่มีความหวังที่สุดเพื่อจะได้ขึ้นดำรงตำแหน่งแทนในวาระหน้า ซึ่งต่อไปเจ้าเมืองหลู่จะโยกย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าการมณฑล และรองนายกส้งก็จะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาแทนที่ ในภายภาคหน้า จะมีอนาคตที่เติบโตก้าวหน้าอย่างแน่นอน! ”
“ใช่สิ เมื่อถึงเวลานั้นส้งหัวอันเป็นตัวแทนวงการธุรกิจสนับสนุนรองนายกส้ง เมื่อคิดก็ทราบได้เป็นอย่างดีว่า อนาคตของรองนายกส้งผู้นี้ จะรุ่งเรืองสดใสแน่นอน! ”
“เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลส้งในจงโจว ต่อให้เมื่อเปรียบเทียบกับควีนจินหลิงหนาน ก็คงไม่ด้อยไปกว่ากัน! แม้ว่าบริษัท ฉางเหอ กรุ๊ปแห่งหลิงเป่ย ก็ยังต้องก้มศีรษะยอมจำนน!”
ในห้องโถง สายตาของทุกคนที่มองไปยังส้งหัวอัน ต่างก็เต็มไปด้วยความอิจฉา
เมืองจงโจว เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษของจีน แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับมณฑล แต่ก็มีสถานะที่สูงกว่าระดับเมืองธรรมดาทั่วไปหลายเท่านัก
คณะผู้นำของจงโจวในทุกวาระ ในอนาคตต่างก็จะเข้าสู่การเป็นตัวแทนระดับชั้นผู้มีอำนาจการตัดสินใจสูงสุดของจีน
หากว่าเป็นรองนายกของเมืองธรรมดาทั่วไปแล้ว บางทีเจี่ยงสงอาจจะยังไม่ถึงกับต้องเกรงกลัว แต่หากเป็นเมืองจงโจวแล้วมันแตกต่างกันมาก
รองนายกของเมืองจงโจว แม้แต่ควีนจินเองก็ยังไม่อยากที่จะล่วงเกิน เพราะว่า รองนายกของเขตพิเศษนี้ สามารถที่จะรายงานถึงผู้นำสูงสุดได้โดยตรง
ยิ่งไปกว่านั้น อนาคตตำแหน่งหน้าที่ที่ก้าวหน้าของรองนายกท่านนี้ หากไม่เกิดเหตุการณ์สุดวิสัยอะไรแล้ว ต่อไปจะเข้าสู่ระดับชั้นผู้มีอำนาจการตัดสินใจของจีนอย่างแน่นอน
หวางซูเฟินที่เดิมทีคิดว่ารอดพ้นจากภาวะวิกฤตแล้วนั้น ใบหน้ากลับดูหม่นหมองย่ำแย่ลงไปอีก
“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า รองนายกส้งจะเป็นน้องชายแท้ ๆ ของส้งหัวอัน ตระกูลส้งปกปิดเอาไว้ได้อย่างลึกลับเลยทีเดียว มิน่าล่ะที่ภายในระยะเวลาไม่กี่ปีตระกูลส้งก็สามารถที่จะ เอาชนะตระกูลโบราณเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในจงโจวได้ ไพ่เด็ดใบสุดท้ายของตระกูลส้ง มากมายเหลือเกินจริง ๆ! ”
“แม้ว่ารองนายกส้งผู้นี้จะไม่ได้พูดกล่าวอะไร ไม่ได้ทำอะไร แต่เมื่อมายืนอยู่ที่ตรงนี้ ความน่า เกรงขามก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว! ”
“หากต้องการที่จะกดดันรองนายกส้งผู้นี้ เกรงว่าคงจะมีเพียงหลู่ฉางหลินเจ้าเมืองหลู่เท่านั้นแล้ว! ”
นายกเทศมนตรีเมืองจงโจวหลู่ฉางหลิน นั่นคือคนของตระกูลหลู่ที่มีประวัติยาวนานนับร้อยปีในมณฑลตงซาน ตระกูลหลู่มีอิทธิพลอำนาจมากกว่าตระกูลส้งเป็นสิบเท่า แม้ว่าจะเป็นควีนจินแห่ง หลิงหนาน ก็ยังเป็นรองตระกูลหลู่อยู่ไม่น้อย
อีกทั้ง หลู่ฉางหลินมีผลงานหน้าที่ยอดเยี่ยม ซึ่งรับการยืนยันแล้วว่าจะเข้าดำรงตำแหน่งหน้าที่ในระดับชั้นผู้มีอำนาจการตัดสินใจสูงสุดของจีน
หากต้องการที่จะเชิญเทพผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ลงมาเพื่อแสดงตัวออกหน้าให้ คงยากลำบากเช่นเดียวกับการขึ้นไปบนสรวงสวรรค์!
หวางซูเฟินมีสีหน้าเคร่งเครียด จิตใจกำลังสั่นไหว: “ตระกูลส้ง ตระกูลส้งร้ายกาจมากเลยทีเดียว! ”
ส้งหัวอันมองไปที่ส้งหัวเหลียงด้วยรอยยิ้ม และถามขึ้นว่า: “ใช่แล้ว หัวเฉียงล่ะ? ”
ส้งหัวเหลียงพูดว่า: “เมื่อครู่รับสายโทรศัพท์ ไม่รู้วิ่งออกไปที่ไหนแล้ว! คิดว่าอีกไม่นานคงจะกลับมา พี่ชายไม่ต้องกังวล! ”
ขณะที่พูดอยู่นั้น ชายผู้หนึ่งร่างกายกำยำในชุดทหาร อายุสี่สิบต้น ๆ ท่าทางทะมัดทะแมง ได้เดินเข้ามา
น้ำเสียงของเขาหนักแน่นกังวาน มีพลังเต็มเปี่ยม: “พี่ใหญ่ ท่านเรียกข้ามาตั้งไกล ตกลงมีเรื่องอะไรงั้นเหรอ? ข้าบอกท่านก่อนว่า หากไม่มีเรื่องอะไรที่รีบร้อนจำเป็นจริง ๆ และทำให้ข้าต้องพลาดการนำขบวนฝึกซ้อมล่ะก็ ท่านจะต้องชดเชยความเสียหายของข้าด้วย! ”
“น้องชายสาม! ”
ส้งหัวอันกับส้งหัวเหลียงยิ้มและตะโกนเรียกพร้อมกัน