เมื่อมองไปที่หลินหยุนที่จู่ ๆ ก็เอ่ยปากขึ้นมา ทุกคนก็ต่างก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน
คุณชายหลี่พูดด้วยท่าทางโอเว่อร์เกินจริงว่า: “ไอ้เด็กคนนี้ อาศัยว่ามีปรมาจารย์หลินคอยปกป้อง ก็หยิ่งซะจนไม่เห็นท่านปรมาจารย์หวางอยู่ในสายตา จะอวดดีเกินไปหน่อยแล้ว!”
“ถึงแม้ว่าปรมาจารย์หลินจะแข็งแกร่งมาก แต่เขาก็คงเอาชนะปรมาจารย์หวางไม่ได้หรอกมั้ง!”
เสียดายก็แต่ บทที่ลุงโจวจะจากไป เพราะเขากลัวในพลังของระดับปรมาจารย์ จึงไม่ได้เล่าให้คุณชายหลี่ฟังไปตรง ๆ ซะก่อน
จนวันนี้คุณชายหลี่ก็ยังคงไม่เข้าใจว่า ซูจื่อเหลียงเป็นปรมาจารย์
ประธานหูยังพูดเสริมด้วยสีหน้าดูถูกว่า “หึ แม้แต่ลูกน้องที่เป็นยอดฝีมือของคุณอี ก็ยังแพ้ไปแล้ว มันก็แค่ไอ้ละอ่อนที่เกาะผู้หญิงกิน ยังกล้าอวดดีถึงขนาดนี้! ช่างรนหาที่ตายแท้ๆ!”
เหยียนรุ่ยเหวินยกยิ้มอย่างชั่วร้าย: “พ่อครับ ไอ้เด็กนี่มันถึงกับไม่เห็นท่านปรมาจารย์นักบู๊อยู่ในสายตา คราวนี้มันได้ตายแน่แล้ว!”
ทุกคนพากันหัวเราะเยาะเย้ยเสียงดัง ไอ้แมงดาที่เกาะผู้หญิงกินคนหนึ่งอย่างหลินหยุน กลับบังอาจดูถูกปรมาจารย์นักบู๊ตัวจริง ช่างไม่รักตัวกลัวตายซะแล้ว
ปรมาจารย์หวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หวางซูเฟิน เหมือนว่าจะคว้าโอกาสได้ในที่สุด จ้องมองหลินหยุนตาเขม็ง แล้วตะโกนด้วยน้ำเสียงดูถูกเต็มที่: “โอหังนัก!”
“เจ้าหนู แกคิดว่าได้รู้จักคนร่ำรวยมั่งคั่งเหล่านี้ ก็ไม่ต้องเห็นใครอยู่ในสายตาแล้วก็ได้งั้นเรอะ? แกไม่รู้หรอกว่าปรมาจารย์นักบู๊ที่แท้จริงน่ะ แข็งแกร่งทรงพลังขนาดไหน!”
“ต่อให้แกรวบรวมคนทั้งหมดที่นี่เข้าไว้ด้วยกัน มันก็ยังไม่อาจเทียบได้กับนิ้วมือนิ้วเดียวของท่านปรมาจารย์ด้วยซ้ำ คนธรรมดาอย่างแก ถึงกับกล้าพูดว่าท่านปรมาจารย์เป็นเหมือนมดปลวก ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำซะแล้ว!”
ปรมาจารย์หวง หันไปมองหวางฉงซานด้วยสีหน้าเคารพเลื่อมใส เหมือนกับเหล่าสาวกผู้มีความเชื่ออย่างสุดใจ ได้มีโอกาสเผชิญหน้ากับพระเจ้าที่เขาเชื่ออย่างไรอย่างนั้น
“ปรมาจารย์นักบู๊ พวกเขาเหล่านั้นล้วนเป็นตัวตนที่เปรียบเสมือนกับเทพเจ้าบนท้องฟ้า ถ้ามีปรมาจารย์คนไหนสักคนที่อยากให้แกตาย เขาสามารถทำได้ง่ายพอๆ กับการบี้มดเล็กๆ ตัวหนึ่งเลยเชียวล่ะ!”
“เจ้าหนู จำใส่กะโหลกไว้ให้ดี! ปรมาจารย์นักบู๊คำนี้ อย่าได้ดูถูกเป็นอันขาด!”
ซูจื่อเหลียง หันไปจ้องมองปรมาจารย์หวงอย่างเย็นชา สีหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ พลังอันยิ่งใหญ่ของหลินหยุน เป็นอะไรที่คนระดับพรสวรรค์ขั้นต้น ๆ อย่างเขา จะสามารถจินตนาการได้ด้วยรึไง?
หลินหยุนคร้านที่จะสนใจปรมาจารย์หวงโดยสิ้นเชิง นับตั้งแต่ที่เขาได้เจอปรมาจารย์หวงครั้งแรก ฝ่ายนั้นก็เอาแต่แสดงท่าทีสูงส่ง ไม่ยอมลงให้ใครใส่หลินหยุนไม่หยุด
ตอนนี้ เป็นเพราะถูกปรมาจารย์แห่งตระกูลหวางกดดันไว้ เพื่อรักษาหน้าตัวเอง เขาจึงหันไปสั่งสอนหลินหยุนแทน เพื่อหมายจะแสดงความไม่ธรรมดาของตัวเองให้คนอื่นได้เห็น
เจ้าคนกระจอกพรรค์นี้ บังอาจมองข้ามหัวเขาไปเรอะ! นี่เป็นการลงโทษที่คู่ควรสำหรับเขาที่สุดแล้ว
ควีนจีนปิดคลุมใบหน้าไว้มิดชิด แต่แววตาที่เธอใช้มองปรมาจารย์หวง กลับแสดงความรู้สึกรังเกียจขึ้นมาวูบหนึ่ง
นักบู๊ประเภทนี้ใจแคบ ไม่รู้จักเรียนรู้ น่ากลัวว่าตลอดทั้งชีวิตนี้ คงไม่มีโอกาสเข้าสู่ขั้นสูงสุดได้แน่
หากตระกูลหวาง ใช้อิทธิพลของตัวเองเข้ากดดันคนอื่นที่คิดแข็งข้อ บางทีหลินหยุนก็อาจจะยังมีความลังเลอยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นการใช้พลังบู๊เข้ากดดันล่ะก็ นั่นจะกลายเป็นอะไรที่เข้าทางหลินหยุนมากเลยทีเดียว
หวางซูเฟินอดปรายตามองหลินหยุนไม่ได้ เธอรู้ว่าหลินหยุน ก็คงจะเป็นนักบู๊คนหนึ่งเช่นกัน แต่เธอก็ยังรู้สึกว่า หลินหยุนคงไม่สามารถเอาชนะระดับปรมาจารย์ได้
“หลินหยุน ปรมาจารย์หวงพูดถูกแล้ว ปรมาจารย์นักบู๊ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาอย่างเราจะสามารถจินตนาการถึงได้นะ! เธออายุยังน้อย คึกคะนองไปตามวัย รีบขอโทษท่านผู้อาวุโสเร็วเข้าเถอะ ระดับผู้อาวุโสทั้งสูงส่งเกรียงไกร เขาไม่คิดเล็กคิดน้อยอะไรกับเธอหรอก!”
หวางซูเฟินกังวลว่า หลินหยุนจะไปกระตุ้นให้ปรมาจารย์ของตระกูลหวางโกรธเข้า จนอาจก่อให้เกิดหายนะขึ้นกับตัวได้
ลุงฉินที่อยู่ข้าง ๆ คุณอีหันไปมองหลินหยุน แววตาของเขาที่มองไป ก็แสดงความเย็นชาออกมาเช่นกัน
“เจ้าหนู ต่อให้ถือว่าทุกคนเป็นศัตรู แต่ระดับปรมาจารย์ ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาอย่างเธอจะไปปรามาสได้ง่าย ๆ หรอกนะ!”
คุณอีรับรู้ได้ถึงความโกรธของลุงฉิน สีหน้าปรากฏความรู้สึกไม่พอใจน้อยๆ เดิมทีเขาก็ไม่ได้มีความประทับใจที่ดีต่อหลินหยุนอยู่แล้ว แต่ตอนนี้หลินหยุนถึงกับปากกล้า ไปพูดจาดูถูกต่อหน้าปรมาจารย์นักบู๊ให้ได้อาย
หลินหยุนดูหมิ่นปรมาจารย์นักบู๊ ก็เท่ากับทำให้ลุงฉินต้องอับอายทางอ้อมไปด้วย
เดิมทีเพราะเห็นแก่หน้าลูกสาว อีหยุ่นถึงได้พยายามระงับความไม่พอใจเอาไว้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่า หลินหยุนจะเย่อหยิ่งอวดดี ถึงขั้นที่ว่าในสถานการณ์ที่มันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่วิกฤติขนาดนี้ เขายังโอหังทำเรื่องบ้าบอขนาดนี้ออกมาได้อีก!
“ไอ้หนู แกทำให้ฉันผิดหวังมาก แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าแกใช้วิธีไหน ถึงได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากลูกสาวฉันขนาดนี้ แต่ด้วยนิสัยอวดดีไม่เห็นใครในสายตาแบบนี้ ในวันข้างหน้า มันจะกลายเป็นอาวุธที่หันมาทำร้ายตัวแกเองอย่างแน่นอน!”
หลินหยุนกวาดสายตามองดูฝูงชน และมุมปากยกโค้ง พูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆว่า: “ก็แค่ปรมาจารย์เองไม่ใช่เหรอ ถ้าฉันอยากได้ แค่เรียกก็มาแล้ว!”
แค่เรียกก็มาแล้ว!
ครั้งนี้ ทุกคนถูกหลินหยุนทำให้โกรธกันหมดโดยสิ้นเชิง!
“โอหังชะมัด!”
“เจ้าเด็กนี่ยโสโอหังสิ้นดี! มันถึงกับบอกว่าระดับปรมาจารย์ แค่เรียกก็มาทันทีด้วยแน่ะ!”
“นี่แกคิดว่าปรมาจารย์นักบู๊ เหมือนกับผักกาดขาวที่ขึ้นดาษดื่นอยู่ตามริมถนนหรือไงหา!”
ทุกคนพากันชี้หน้าด่าหลินหยุนแบบเรียงคน
หวางฉงซานจ้องหลินหยุนเขม็งอย่างโกรธจัด เสื้อคลุมของเขาพัดสะบัด ตะโกนเสียงดังก้องอย่างโกรธเคือง: “ไอ้หนู ฉันมีชีวิตอยู่มาหลายสิบปี เพิ่งจะมีแกเป็นคนแรกนี่แหละ ที่กล้าดูหมิ่นฉันได้มากถึงขนาดนี้!”
“ถ้าไม่ฆ่าแกให้ตายไปซะวันนี้ โลกบู๊ของฉันคงไม่มีหน้าอยู่ต่อไปในโลกใบนี้ได้อีกแล้ว!”
หลินหยุนไม่สนใจโดยสิ้นเชิง เพียงยกยิ้มอย่างแผ่วเบา: “ก็แค่ปรมาจารย์เอง ฉันก็มี!”
ที่ข้างกายหลินหยุน ซูจื่อเหลียงที่หมดความอดทนไปนานแล้ว ก้าวออกมาอย่างกะทันหัน แล้วลอยตัวขึ้นไปในอากาศ
ปราณที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าหวางฉงซานถึงสิบเท่า แผ่เข้ากดทับเหนือผู้คนทั้งหมดในทันที
ทุกคนพากันตกตะลึงตาค้างกันไปหมด!
“ปรมาจารย์! มีปรมาจารย์มาอีกคนแล้ว!”
“แถมยังแข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์แห่งตระกูลหวางนั่นด้วย!”
“ปีนี้ ปรมาจารย์กลายเป็นผักกาดริมถนนไปแล้วรึไงเนี่ย? นั่นคือปรมาจารย์นักบู๊เชียวนะ! มันมีอยู่แค่ในตำนานเท่านั้นไม่ใช่เหรอ ไปหาให้ทั่วทั้งโลกยังไม่มีให้เห็นเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้ถึงกับมีออกมาให้เห็นทีเดียวสองคนเลย !”
พวกส้งหัวอันมีสีหน้าเคร่งเครียด สถานะของพวกเขามาถึงระดับนี้ได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มาจากโลกแห่งบู๊ แต่พวกเขาก็รู้ความหมายของคำว่าปรมาจารย์ดีกว่าใคร ๆ ทั้งหมด
ระดับปรมาจารย์หนึ่งคน จะสามารถสร้างตระกูลใหญ่ ที่ไม่จำเป็นต้องขึ้นต่อตระกูลส้งได้อย่างง่ายดาย
หวางหย่วนหยางและหวางฉงซาน ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาเช่นกัน ที่เมื่อครู่พวกเขาสามารถดูถูกนักสู้ในระดับธรรมดาได้ ก็เพราะพวกเขามีปรมาจารย์นั่งอยู่ฝ่ายเดียวกันกับพวกเขา
แต่ตอนนี้ ฝ่ายของหลินหยุนก็ถึงกับมีปรมาจารย์ มาปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันแล้วเช่นกัน ในเวลานี้ ข้อได้เปรียบที่เหนือกว่า ในการใช้กดดันให้คนทำตามตระกูลหวาง ได้หายไปหมดสิ้นไม่มีเหลือแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น จากการสังเกตเมื่อครู่นี้ พวกเขาค้นพบว่าซูจื่อเหลียง ยืนอยู่ข้างหลินหยุนมาโดยตลอด ดังนั้น สถานะของซูจื่อเหลียงจึงไม่เหมือนว่าเป็นอาจารย์ของหลินหยุน แต่เหมือนเป็นคนรับใช้มากกว่า
เอาปรมาจารย์บู๊มาทำหน้าที่เป็นคนรับใช้…..
หวางหย่วนหยางกับหวางฉงซาน ต่างก็คิดไม่ถึง แม้แต่ตระกูลหวางซึ่งถือเป็นหัวหน้าของสี่สุดยอดตระกูล ก็ยังไม่สามารถเรียกจิกปรมาจารย์ มาทำหน้าที่เป็นคนรับใช้ได้!
พวกคุณชายหลี่ตกตะลึงสุดขีด: “ที่แท้เขาไม่ใช่พวกเกาะผู้หญิงกินนี่นา! ไอ้หมอนั่นถึงกับมีปรมาจารย์อยู่ข้างๆ! มิน่าล่ะ ถึงได้กล้าโอหังอวดดีซะขนาดนั้น!”
ประธานหูก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน: “มิน่าล่ะ เจ้าเด็กนั่นมันถึงไม่เห็นปรมาจารย์อยู่ในสายตา ที่แท้ก็มีปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งกว่าอยู่ข้างๆนี่เอง!”
เหยียนรุ่ยเหวินตกตะลึงตาค้าง: “ที่แท้ เจ้าเด็กนั่นบอกว่าแค่เรียก ปรมาจารย์ก็จะมาทันทีนั่น สรุปว่าเป็นความจริงเหรอเนี่ย ! เจ้านั่นซ่อนปรมาจารย์ไว้ข้าง ๆ ตัวเองตลอดเวลาเนี่ยนะ!”
จำได้ว่าก่อนหน้านี้ เขาเคยอาจหาญไปใช้ให้ลูกน้องลงไม้ลงมือกับหลินหยุน เหยียนรุ่ยเหวินก็พลันเหงื่อแตกเต็มตัว เขารู้สึกว่ามันเป็นปาฏิหาริย์มากแล้ว ที่เขาสามารถมีชีวิตอยู่มาได้จนถึงตอนนี้
ใบหน้าแก่ ๆ ของปรมาจารย์หวงก็แดงก่ำขึ้นมาทันที จำได้ว่าก่อนหน้านี้ ที่เขาทำท่าทางเหมือนว่า ตัวเองคือผู้อาวุโสผู้ทรงภูมิ ตักเตือนหลินหยุนเสียมากมายว่าปรมาจารย์บู๊นั้นทรงพลังเพียงใด
สุดท้ายกลับมีปรมาจารย์ตัวเป็น ๆ อยู่ข้าง ๆ หลินหยุนตลอดเวลา แถมดูเหมือนว่าปรมาจารย์คนนั้น น่าจะเป็นลูกน้องของหลินหยุนอีกด้วย!
ปรมาจารย์หวงพลันรู้สึกว่า ตัวเองเป็นคนที่เหมือนจู่ ๆ ก็ถูกหวยได้รับรางวัลใหญ่ห้าล้าน แล้วไปโอ้อวดอย่างภาคภูมิใจ ต่อหน้าหลินหยุนที่เป็นมหาเศรษฐีพันล้าน ว่าเขาร่ำรวยมากมายขนาดไหนเลยทีเดียว
ใครจะรู้ ว่าที่แท้จริงแล้วเขานี่แหละ คือตัวตลกที่น่าหัวเราะเยาะที่สุด!
คุณฉินก็ตกใจมากเช่นกัน เงยหน้าขึ้นมองไปที่ซูจื่อเหลียงที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า อย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง! ทำไมฉันไม่รู้สึกถึงพลังชี่ในตัวเขาเลยสักนิด!”
“มีปรมาจารย์อยู่ข้างๆ เป็นผู้คุ้มกัน มิน่าล่ะ เจ้าเด็กนี่ถึงได้ไม่เห็นปรมาจารย์บู๊ในสายตา”
ใบหน้าของอีหยุ่นแข็งทื่อ แววตาที่มองหลินหยุนเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน
“เจ้าเด็กคนนี้ ถึงกับมีปรมาจารย์ติดตามข้างตัว! เขามีประวัติความเป็นมายังไงกันแน่? ก่อนหน้านี้ประเมินเขาต่ำเกินไปมากจริงๆ!”
หวางซูเฟินกับฉินหลันก็ตกใจมาก หันมามองหน้ากัน แล้วเงยหน้าขึ้นมองไปที่ซูจื่อเหลียงอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“ข้างกายหลินหยุน ถึงกับมีปรมาจารย์บู๊คอยติดตามรับใช้จริงๆ! สรุปแล้วเขาเป็นใครกันแน่?”