หวางเต๋อหรง ลูกคนที่สี่ของตระกูลหวาง น้องสาวของหวางซูเฟิน มองไปที่หวางจิงหลงอย่างระมัดระวัง ถามอย่างไม่แน่ใจว่า “พ่อคะ ทางพี่สามนั้น พ่อคิดจะจัดการยังไงเหรอคะ?”
หวางจิงหลงปรายตามองหวางเต๋อหรง ดวงตาเย็นชา ราวกับเสือร้ายกระหายเลือดที่ลงมาจากภูเขา ตะเบ็งเสียงดังว่า “ใครคือพี่สามของแก?”
“พี่สามของแกตายไปตั้งนานแล้ว! นังลูกสาวไม่รักดีนั่น มันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลหวางทั้งนั้น! แกจำใส่กะโหลกไว้ให้ดี!”
“รับทราบ!” ลูกหลานทุกคนในตระกูลหวาง ต่างพากันก้มหน้า ไม่มีใครกล้าต่อกรความยิ่งใหญ่เผด็จการของหวางจิงหลงได้
สีหน้าของหวางจิงหลงคลายลงไปเล็กน้อย แต่น้ำเสียงของเขายังคงเย็นชา: “ในฐานะหัวหน้าตระกูลหวาง จะต้องไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น การทำทุกอย่างเพื่อตระกูลหวาง นับเป็นเรื่องสำคัญยิ่งเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด!”
“เจ้าใหญ่ ทางตงหวางกรุ๊ปนั่น แกจงไปจับตามองไว้ให้ดี! พวกนั้นเพิ่งพ้นจากคราวหายนะ คงจะระแวดระวังตัวมากขึ้น อย่าเพิ่งรีบร้อน ให้รอโอกาสเหมาะ ๆ ค่อยลงมือโจมตีแบบครั้งเดียว กำจัดให้ราบไม่มีเหลือ! ”
หวางโส่วเหรินยืนขึ้น ก้มศีรษะพลางตอบรับ “ขอรับ!”
“เอาล่ะ แยกย้ายกันไปเถอะ!” หวางจิงหลงลุกขึ้นยืน หันหลังแล้วเดินออกไป
หลังจากที่หวางจิงหลงออกไป น้องสี่หวางเต๋อหรง ก็รีบมองไปที่พี่ใหญ่หวางโส่วเหริน: “พี่ใหญ่ พ่อตัดสินใจเด็ดขาดขนาดนี้ พวกเราจะผลักพี่สามไปสู่ทางตันจริง ๆ น่ะเหรอ?”
หวางโส่วเหรินสีหน้าจริงจัง ปรายตามองหวางเต๋อหรงพลางถอนหายใจ: “ในเมื่อพ่อมีคำสั่งเด็ดขาดมาแล้ว พวกเราก็ไม่อาจขัดขืนได้”
หลังจากหยุดชะงักไปชั่วครู่ หวางโส่วเหรินก็พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “แต่ยังไงน้องสามก็เป็นญาติของเรา เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ รอเมื่อตงหวางกรุ๊ปถูกทำลายแล้ว ฉันจะพยายามหาทางปกป้องเธอ แล้วพาเธอกลับมาที่นี่ละกัน”
“พอถึงตอนนั้น เราค่อยมาช่วยกันเกลี้ยกล่อมน้องสาม ให้เธอยอมรับความผิดกับพ่อ ก็หวังแค่ว่าพ่อจะให้อภัยเธอได้ล่ะนะ!”
หวางเต๋อหรงเผยสีหน้าจนใจ พูดว่า: “ก็คงทำได้แค่เท่านี้จริง ๆ แล้วล่ะ!”
“ไปกันเถอะ!” หวางโส่วเหรินกล่าว
กลางดึก หวางเจ๋อนั่งเงียบ ๆ อยู่ในห้องหนังสือ พลิกดูเอกสารบางอย่าง
เพียงไม่นาน โทรศัพท์สีดำบนโต๊ะก็ดังขึ้น
มุมปากของหวางเจ๋อยกโค้งขึ้น รับโทรศัพท์ทันที: “ว่ามา!”
“คุณชายหวาง คนที่คุณสั่งให้ผมไปสืบประวัติ ผมสืบมาได้เรียบร้อยแล้วครับ”
“เด็กคนนั้นคือหลินหยุน เรียนอยู่ที่สถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจว แล้วก็เป็นลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลคนรวยตระกูลหนึ่ง คุณให้ผมไปสืบประวัติไอ้แมงดา เกาะผู้หญิงกินทำไมกันเหรอครับ?” เสียงจากปลายสายอีกด้านของโทรศัพท์ แสดงความรู้สึกดูถูกเล็กน้อย
หวางเจ๋อยกยิ้มประหลาด: “เกาะผู้หญิงกิน? แกรู้หรือเปล่าว่าไอ้แมงดาที่แกว่าคนนี้ มันสร้างพลังอันยิ่งใหญ่ขนาดไหนในการประชุมสุดยอดจงโจว ทั้งยังทำลายความดีงามของตระกูลหวางของฉันจนป่นปี้ ทั้งยังฆ่าปรมาจารย์ของตระกูลหวางของเราไปอีกคน!”
“อะไรนะ! คุณชายหวาง อย่าล้อเล่นสิครับ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?” ชายหนุ่มที่อยู่ปลายสายโทรศัพท์แผดเสียงร้อง ราวกับแมวที่โดนเหยียบหาง
หวางเจ๋อยิ้มค้าง รอให้คนที่อยู่ปลายสายสงบลง ก่อนจะถามต่อไปว่า “แกได้ตรวจสอบความสัมพันธ์ของเขา กับบริษัทตงหวางกรุ๊ปชัดแล้วหรือยัง?”
“สืบมาชัดแล้วครับ เขาไม่เคยมีการไปมาหาสู่อะไรกับตงหวางกรุ๊ปมาก่อน แค่ได้มาพบกันในการประชุมสุดยอดจงโจวนี่เองครับ”
ใบหน้าของหวางเจ๋อปรากฏสีหน้าประหลาดวูบ: “แกแน่ใจหรือว่าพวกเขาเพิ่งได้มาพบกันในการประชุมสุดยอดจงโจวเท่านั้น?”
“แน่ใจเต็มร้อยเลยครับ! ถ้าผมสืบหาเรื่องนี้ไม่ได้ ผมจะยังมีหน้าเป็นพี่เป็นน้องของคุณชายหวางได้ยังไงกันล่ะครับ!”
“โอเค ขอบใจที่เหนื่อยทำเรื่องนี้ให้ วางสายก่อนล่ะนะ!”
หลังจากวางสาย ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของหวางเจ๋อ
“ได้พบกันครั้งแรกที่การประชุมสุดยอดจงโจว ทำเพื่อช่วยตงหวางกรุ๊ปเผชิญหน้ากับตระกูลหวางของฉัน!”
“น่าสนใจดีนะ?”
“ดูเหมือนว่า ไอ้เด็กนี่จะให้ความสำคัญกับบริษัทตงหวางกรุ๊ปน่าดู!”
หวางเจ๋อดูเหมือนจะพบทิศทางของจุดอ่อน ที่จะใช้เจาะทำลายอีกฝ่ายได้เข้าแล้ว
สองวันต่อมา หลินโจว คฤหาสน์เย่หยาหู
หลินหยุนตื่นขึ้นจากการปิดด่านฝึก
พลังชี่ทิพย์แผ่กระจายสาดออกมาจากทั่วทั้งร่าง ชำระฝุ่นไคลทั้งตัวจนสะอาดเอี่ยม
พูดให้ถูกคือ เขาถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้น
หมายเลขผู้โทรคือ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาชน โจวชิงเหอ
หลินหยุนกดรับสาย: “สวัสดีครับ?”
“คุณหลิน สะดวกที่จะออกมาสักครู่ไหมครับ?” โจวชิงเหอถามด้วยรอยยิ้ม
“ส่งที่อยู่มาให้ผมแล้วกัน” หลินหยุนตอบกลับ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลินหยุนก็มาถึงโรงน้ำชาที่โจวชิงเหอส่งที่อยู่มาให้เขา
บนชั้นสอง ในห้องส่วนตัว
โจวชิงเหอและซูชิงเหยียนมาถึงนานแล้ว ต่างมารอหลินหยุนเป็นเวลานานพอสมควร
เมื่อเห็นหลินหยุนเข้ามา ทั้งสองก็รีบลุกขึ้นทักทายทันที
“หมอเทพหลิน เชิญนั่งเถอะครับ!”
หลินหยุนก็ไม่ได้เกรงใจ นั่งลงตามคำเชิญ หันไปมองโจวชิงเหอแล้วถามว่า “ผู้อำนวยการ
โจวเรียกผมมามีเรื่องอะไรรึ?
ด้วยการคบค้า ไปมาหาสู่กันแล้วหลายต่อหลายครั้ง โจวชิงเหอจึงมีความเข้าใจในนิสัยของหลินหยุนพอสมควร รู้ว่านิสัยของหลินหยุนนั้นเป็นคนตรง ๆ เขาจึงไม่มัวอ้อมค้อมอะไรให้มันมากมาย
“หมอเทพหลิน ครั้งนี้อธิการบดีซูอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณหน่อยน่ะครับ!” โจวชิงเหอหันไปมองซูชิงเหยียน แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “อธิการบดีซูกลัวว่าจะไม่ทรงเกียรติพอ ก็เลยลากผมมาด้วยอีกคน”
หลินหยุนถามว่า “อธิการบดีซูอยากให้ผมช่วยอะไรล่ะ?”
ซูชิงเหยียนแอบกังวลว่าหลินหยุนจะปฏิเสธในคำเดียวรึเปล่า แต่เมื่อได้ยินหลินหยุนถามแบบนั้น สุดท้ายจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก รีบตอบไปว่า: “คือว่าอย่างนี้ครับ หลังจากที่เทคนิคการฝังเข็มของคุณ แพร่หลายไปจนถึงเมืองหลวงแล้ว ก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากๆเลยล่ะครับ ”
“จากนั้น มหาวิทยาลัยแพทย์ปักกิ่งก็จัดกลุ่มนักศึกษามากลุ่มหนึ่ง เพื่อมาเรียนที่มหาวิทยาลัยแพทย์หลินโจวของเรา”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของซูชิงเหยียน ก็เริ่มกระอักกระอ่วนขึ้นมาเล็กน้อย “ หมอเทพหลิน อย่างที่คุณก็รู้ดีว่า นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่ง ล้วนเป็นนักศึกษาที่มีผลการเรียนสูง พวกเขาจะไปที่ไหนก็ล้วนแล้วแต่จะได้ท็อป ไม่ก็คว้าเกียรตินิยมกันเป็นว่าเล่น ถ้าเราให้อาจารย์จากมหาวิทยาลัยแพทย์หลินโจวของเรา เป็นคนไปสอนพวกเขา ผมก็เกรงว่ามันอาจจะทำให้พวกเขาหัวเราะเยาะเรา ว่าในวงการแพทย์หลินโจวของเราไม่มีใครเจ๋งจริง”
“ดังนั้น ผมก็เลยคิดไตร่ตรองจนได้ข้อสรุปว่า อยากขอให้คุณมาที่มหาวิทยาลัยแพทย์ เป็นอาจารย์พิเศษให้สักสองสามวัน ช่วยมาเป็นหน้าเป็นตาให้มหาวิทยาลัยหน่อยน่ะครับ!”
หลินหยุนเงยหน้าขึ้น ปรายตามองคนสองคนที่มองมาอย่างคาดหวัง ถามเสียงราบเรียบว่า :
“นักศึกษาจากปักกิ่งจะมาเมื่อไหร่ล่ะ ? ”
ซูชิงเหยียนดีใจจนเนื้อเต้น รีบตอบไปว่า: “วันมะรืนครับ ช้าสุดคือวันมะรืน! พวกเขาจะมาฟังเลคเชอร์แค่สามวัน หลังจากครบสามวัน ก็ไม่ต้องรบกวนหมอเทพหลินแล้วล่ะครับ!”
“แน่นอนว่า ถ้าหมอหลินมีข้อกำหนดอะไร ก็สามารถบอกมาได้ทันทีนะครับ ทางผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อให้คุณพอใจในงานชิ้นนี้!”
หลินหยุนยืนขึ้น แล้วพูดว่า “งั้นก็ได้ พรุ่งนี้เช้าคุณหารถมารับผมที่สถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์แล้วกัน!”
“ได้ครับ! ได้ครับ! ตกลงตามนี้ครับ!” ซูชิงเหยียนดีใจมาก ไม่คิดว่าหลินหยุนจะตอบตกลงรวดเร็วว่องไวขนาดนี้ ช่างเป็นความสุขที่มาอย่างไม่คาดคิดจริงๆ
“หมอเทพหลิน กลับอย่างระมัดระวังด้วยนะครับ!”
หลังจากส่งหลินหยุนออกไปแล้ว ซูชิงเหยียนก็คว้าตัวโจวชิงเหอเข้าไปกอดอย่างตื่นเต้น: “เหล่าโจว เพราะคุณช่วยออกหน้าให้แท้ ๆ เลยนะเนี่ย!”
โจวชิงเหอยิ้มพลางพูดว่า “อย่ามาเพ้อเจ้อน่า หมอเทพหลินเป็นผู้เป็นคนมีคุณธรรมน้ำมิตร! จริงๆ แล้วอาจเป็นเพราะสวรรค์เมตตาหลินโจวของพวกเรา ถึงได้ประทานหมอที่มีความสามารถระดับอัจฉริยะแบบนี้ ให้มาปรากฏตัวในวงการแพทย์ของหลินโจวเราก็เป็นได้!”
ในวันเดียวกันนั้นเอง หลินหยุนก็กลับมาที่สถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจว
พวกจางซือจู่ไม่อยู่ หลังจากสอบถามดู ถึงได้รู้ว่าหยางหยิงได้ให้บทพวกเขาไปคนละบท ทำให้แต่ละคนตอนนี้ น่าจะกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวกันจนหัวหมุนแน่ ๆ!
หลินหยุนไม่ได้ไปที่ห้องเรียน แต่ไปนอนอยู่ในหอพักรอพวกเพื่อน ๆ กลับมา
การรอครั้งนี้ ลากยาวไปจนถึงช่วงบ่าย
คนแรกที่เดินกลับเข้ามาในหอพัก คือเทพฟ้าผ่า
เมื่อเห็นหลินหยุน เทพฟ้าผ่าก็เผยสีหน้าประหลาดใจไปชั่วขณะ: “หลินหยุน! ทำไมแกถึงกลับมาแล้วล่ะ!”
จางซือจู่เข้ามาเป็นอันดับสอง พอเห็นหลินหยุน ก็ร้องอุทานอย่างเซอร์ไพรส์สุดๆว่า: “ไม่จริงน่า! หลินหยุน ทำไมแกถึงกลับมาแล้วล่ะ?”
จากนั้น คนอื่น ๆ ก็ค่อยทยอยเดินเข้ามากันทีละคน ๆ
หลินหยุนมองจางซือจู่อย่างงุนงง ถามออกไปว่า “ทำไม? ไม่ต้อนรับฉันงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่โว้ย! แกไปกับซุปตาร์หยางหยิงเชียวนะ เธอไม่ให้บทอะไรแกสักบทเลยรึไงฮะ? แค่ให้แกกลับมาเฉย ๆ ทั้งยังงี้เลยเนี่ยนะ?” จางซือจู่ถึงขั้นใช้สายตากวาดมองหลินหยุนขึ้น ๆ ลง ๆ ทำราวกับเขาต้องการจะสำรวจดูว่า หลินหยุนได้ซ่อนอะไรไว้ในตัวหรือไม่
“ตอนนี้ฉันไม่สนใจเรื่องการแสดงน่ะ” หลินหยุนตอบ แล้วก้มหน้าลงเล่นโทรศัพท์มือถือ จางซือจู่เผยสีเศร้าโศกพลางพูดว่า: “หลินหยุน นี่แกรู้ตัวรึเปล่าเนี่ย? ว่าแกปล่อยเงื่อนไขดี ๆ ทิ้งไปอย่างเปล่าประโยชน์ขนาดไหน! รู้มั้ยว่ามีคนที่อยากรู้จักหยางหยิงตั้งมากเท่าไหร่ ? รู้มั้ยว่ามีคนกี่คนที่อยากได้รับบทดี ๆ สักบทหนึ่งจากหยางหยิง ? โอกาสที่วิเศษขนาดนี้แกดันไม่คว้าไว้ แต่กลับปล่อยมันเสียทิ้งไปเปล่า ๆ ยังงี้เนี่ยนะ!”
“ฉันละหมดคำจะพูดกับแกจริง ๆ ว่ะ!”
หลินหยุนยกเท้าขึ้นเตะจางซือจู่ไปทีหนึ่ง พูดเรียบ ๆ ว่า “เอาน่า อย่ามัวพูดจาไร้สาระ ฉันกลับมาครั้งนี้เพื่อจะมากำชับพวกแกสักประโยค แสดงให้ดีๆ ล่ะ อย่าทำให้ฉันขายหน้า!”
“ฉันยังมีธุระที่ต้องจัดการ ขอไปก่อนนะ”
โดยไม่รอให้จางซือจู่พูดจบ หลินหยุนก็เดินออกจากหอไป
สถานที่ที่ตกลงกันไว้ ถูกเปลี่ยนเป็นโรงแรม ซึ่งอยู่ใกล้กับสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์ หลินหยุนจึงฝึกวิชาอยู่ในโรงแรมนั้น
เช้าวันรุ่งขึ้น ซูชิงเหยียนขับรถไปรับหลินหยุนด้วยตัวเอง แล้วจึงตรงไปที่มหาวิทยาลัยแพทย์หลินโจว