ทันใดนั้น เย่เทียนเหาก็รู้สึกเหมือนตกลงไปในหลุมน้ำแข็ง ตัวสั่นเทิ้มด้วยความรู้สึกหนาวเยือก
“เอ่อ… ฮะๆ ๆ คือว่าชิงฉัน ฉันไม่ได้พูดถึงเธอหรอกนะ เธอเป็นผู้หญิงซะที่ไหนล่ะ….” หลังจากพูดประโยคนั้นออกไป พริบตานั้น เย่เทียนเหาก็เห็นคล้ายว่าสายตาของซ่างกวงชิงฉันจะลุกเป็นไฟขึ้นมาได้อยู่แล้ว จึงรีบยิ้มอย่างแหยๆแล้วแก้ตัวเป็นพัลวันว่า: “ไม่! ไม่! เธอเป็นผู้หญิง เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในมหาลัยของเราด้วย ฉันหมายถึง คาแรคเตอร์ของเธอทั้งแข็งแกร่ง ทั้งเด็ดขาดซะยิ่งกว่าผู้ชายเลยต่างหาก!”
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของซ่างกวงชิงฉันค่อย ๆ ผ่อนคลายลงบ้างแล้ว เย่เทียนเหาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขากลัวซ่างกวงชิงฉันมาก ไม่ใช่เพราะตระกูลของเขาด้อยกว่าเธอ ในทางตรงกันข้าม ตระกูลของเย่เทียนเหานั้น มีฐานะสูงกว่าตระกูลซ่างกวงไปขั้นหนึ่ง
แต่เพราะซ่างกวงชิงฉัน เป็นดาวมหาลัยประจำมหาวิทยาลัยแพทย์ปักกิ่ง!
ขอแค่เธอยกมือขึ้นร้องเรียกสักคำ ก็จะมีบรรดาคุณชายน้อยใหญ่ในเมืองหลวงจำนวนนับไม่ถ้วน ที่จะบุกกันมารุมประชาทัณฑ์พวกเขาให้ตายในทีเดียว
ต่อให้เป็นเย่เทียนเหา ก็ยังมีสิทธิ์ถูกฆ่าไม่เหลือซากได้อย่างแน่นอน
นี่คือสิทธิพิเศษของการเป็นสาวงาม!
ชายหนุ่มสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อเห็นเย่เทียนเหาที่ปกติมักยโสโอหัง เย่อหยิ่งไม่เห็นหัวใครมีสภาพหวาดกลัวจนหัวหด ก็ระเบิดเสียงหัวเราะก๊ากออกมาอย่างสะใจ
“โย่ว! คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ย ว่าคุณชายเย่จะรู้จักกลัวกับเขาด้วย!”
เย่เทียนเหาหันไปจ้องทั้งสองคน: “ไปไกล ๆ เลยไป๊ ฉันแค่รักหยกถนอมบุปผาหรอกโว้ย!”
“ถือว่านายมีไหวพริบไปละกัน!” ซ่างกวงชิงฉันยอมเลิกแล้วเพียงเท่านี้
ตอนที่หลินหยุนเดินเข้าไปในห้องเรียนชั่วคราว สภาพทั้งห้องเรียนก็วุ่นวายอลหม่านไปแล้ว
ถึงขั้นมีผู้ชายคนหนึ่งกอดผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ ในขณะที่ข้าง ๆ ก็มีคนคอยส่งเสียงโห่เชียร์ดังลั่น
จู่ ๆ หลินหยุนก็ได้รับสายตาแสดงความเห็นใจจากอาจารย์กั๋ว ผู้ช่วยสนับสนุนการสอน
ไม่ผิดหรอก นักเรียนเหล่านี้เป็นพวกหัวกะทิ เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะทุกคน แต่ในขณะเดียวกัน ส่วนใหญ่ก็เป็นนักศึกษา ที่มีปัญหาซึ่งแตกต่างกันไปตามทางของตัวเอง และส่วนใหญ่ เป็นพวกที่มาจากตระกูลที่มีภูมิหลังไม่เลวกันเกือบทั้งนั้น
ดังนั้นนักเรียนเหล่านี้ จึงเป็นนักเรียนที่จัดการได้ยากที่สุด
คิดจะเป็นวิทยากรให้กับพวกนักเรียนเหล่านี้ ถ้าไม่มีความสามารถในการเรียนรู้ น่ากลัวว่าคงยากที่การเรียนการสอน จะก้าวหน้าไปได้แน่ ๆ
“เฮ้! ทำไมเพื่อนร่วมชั้นคนนี้ถึงดูแปลกหน้าจัง ?” ผู้ชายคนหนึ่งได้เจอเข้ากับหลินหยุน
“แปลกหน้า? นักศึกษาหลี่ นายตาบอดเรอะ! เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าคุ้นตาซะขนาดนี้! นี่ไม่ใช่สามีเศษสวะของดาวมหาลัยเซี่ยหรอกเหรอ ? ครั้งที่แล้วเขายังมาที่มหาลัยเราอยู่เลย นายลืมไปแล้วรึไง?” หญิงสาวที่ใบหน้าเต็มไปด้วยสิวพูดขึ้นอย่างแสบสัน
ชายหนุ่มตบต้นขาตัวเองดังเพี๊ยะ! : “ใช่เลย ถึงว่าสิ ว่าทำไมฉันถึงรู้สึกคุ้น ๆ ตา ปรากฏว่าเป็นสามีของดาวมหาลัยเซี่ยนี่เอง!”
“ดาวมหาลัยเซี่ย สามีของคุณมาหาคุณที่นี่แล้ว!”
ผู้หญิงบางคนมองไปที่เซี่ยหยู่เวย พลางยกยิ้มเย้ยหยัน
สายตาที่บรรดาชายหนุ่มมองไปที่หลินหยุน ลุกเป็นไฟด้วยความอิจฉาริษยา
เซี่ยหยู่เวยก็มองหลินหยุนพลางขมวดคิ้วน้อย ๆ คิดในใจกับตัวเองว่า: “เขามาทำอะไรที่นี่?”
“คงจะไม่……”
เซี่ยหยู่เวย พลันบังเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาอย่างประหลาด
ในงานเลี้ยงวันเกิดของเซี่ยเจี้ยนโก๋ครั้งก่อนนั้น เธอก็ได้เห็นสถานะอันไม่ธรรมดาของหลินหยุน ในแวดวงการแพทย์ด้วยตาตัวเองมาแล้ว
แม้แต่รองประธานสมาคมการแพทย์จีน ก็ยังคิดจะดึงเขามาเป็นพวก ถ้าอธิการบดีซูออกไปเชิญคนจากข้างนอกมาจริง เช่นนั้นแล้วคนที่เขาเชิญมา ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นหลินหยุนจริง ๆ
แม้แต่จางเหยียนกับจงเฟยหยู่ ก็ยังอดตกตะลึงไม่ได้
“ทำไมถึงเป็นเขาไปได้ล่ะ!”
แม้ว่าจงเฟยหยู่กับจางเหยียน จะไม่รู้เรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรของหลินหยุน แต่พวกเขาได้เห็นความจริงเรื่องที่ตอนแรก คนในงานประชุมมหาวิทยาลัยแพทย์ฉินโจวมาท้าทาย และหลินหยุนเพียงคนเดียว สามารถปราบคนพวกนั้นจนอยู่หมัด ซึ่งพวกเขาได้เห็นกับตากันเลยเชียว
“เขามาทำอะไรที่นี่น่ะ?” จงเฟยหยู่รู้สึกงุนงงเล็กน้อย เธอคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหลินหยุนจะเป็นวิทยากรที่ซูชิงเหยียนไปเชิญมา
เย่เทียนเหาก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่ง แล้วมองหลินหยุนด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “เจ้าหนูเอ๊ย นี่ต้องเรียกว่าโลกมันกลมซะจริงๆนะเนี่ย!”
หลินหยุนปรายตามองเย่เทียนเหาอย่างเฉยเมย ไม่มีท่าทีว่าจะสนใจใด ๆ เลยแม้แต่น้อย เขาขึ้นไปยืนบนแท่นบรรยาย แล้วมองดูกลุ่มนักศึกษาอย่างเงียบ ๆ
เขาแค่ยืนอยู่บนโพเดียมแบบนั้นนิ่งๆ มองทุกคนด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
เสียงในห้องเรียนค่อย ๆ เงียบลงทีละน้อย ความสนใจของนักศึกษาทุกคนถูกหลินหยุนดึงดูดไปจนหมด
“เด็กคนนี้เป็นใครเหรอ?”
นักศึกษาส่วนใหญ่ไม่รู้จักหลินหยุน แต่ไม่นานก็มีคนกระจายข่าว เรื่องการแต่งงานของหลินหยุนกับเซี่ยหยู่เวยออกไป
เพียงอึดใจเดียว กลุ่มคนที่ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน ก็พากันตกตะลึง!
“อะไรนะ! เจ้าหมอนี่เป็นสามีของดาวมหาลัยเซี่ยจริงๆน่ะเหรอ! นี่มันเอาเปรียบกันหน้าด้านๆเลยนะ!”
ในเวลานั้นเอง สายตาของพวกนักศึกษาที่มองไปที่หลินหยุน ก็แสดงความเป็นปฏิปักษ์ออกมาโดยไม่รู้ตัว
ต้องเข้าใจก่อนว่า สถานะของเซี่ยหยู่เวยเวลาอยู่ในมหาลัยนั้น เธอจะเทียบได้กับระดับเทพธิดาในใจของผู้ชายหลาย ๆ คนเลยทีเดียว ถ้าถูกคนอย่างเจิ้งเทียนหมิงได้ไปครอบครอง ในใจของทุกคนก็จะมีความรู้สึกว่า นั่นก็เป็นอะไรที่คู่ควรดี ไม่ได้มีอะไรที่ไม่สมดุลกัน
แต่ถ้ากลับกัน พอกลายเป็นคนไร้ชื่อเสียงเรียงนามอย่างหลินหยุนได้ไป ในใจของคนพวกนี้ก็จะรู้สึกว่า มันช่างดูไม่สมน้ำสมเนื้อเอาเสียเลย
เซี่ยหยู่เวยมองหลินหยุนด้วยใบหน้าสงบนิ่ง นึกเย้ยหยันในใจว่า: “เฮอะ! ในเมื่อนายอยากมาทำให้ตัวเองขายหน้าที่นี่เอง ก็อย่ามาโทษที่ฉันไม่เกรงใจล่ะ!”
เป็นธรรมดาที่เย่เทียนเหา ซึ่งนั่งอยู่ในแถวแรก จะได้ยินบทสนทนาเรื่องของหลินหยุนจากบรรดานักศึกษาของมหาวิทยาลัยแพทย์หลินโจวด้วย
ทันใดนั้นเย่เทียนเหาก็หัวเราะร่วน: “โย่ว! ไม่คิดเลยว่าแกจะเป็นพวกเกาะผู้หญิงกินซะด้วย มิน่าล่ะถึงได้กล้าไถเงินฉัน!”
หลินหยุนหันไปมองใบหน้าที่โอหังลำพองของเย่เทียนเหา ฉับพลันมุมปากก็ยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มแปลก ๆ
เย่เทียนเหายิ้มเย้ยหยัน พูดขึ้นว่า “ไอ้หนู แกยังมีหน้ามายิ้มได้อยู่อีกนะ เดี๋ยวชั้นจะทำให้แกต้องร้องไห้ขี้มูกโป่งเลยคอยดู!”
หลินหยุนยังคงเพิกเฉยต่อเย่เทียนเหาเหมือนเดิม ดวงตาค่อย ๆ ย้ายออกจากใบหน้าของเขา แล้วมองไปที่นักศึกษาทุกคน
“ฉันเป็นอาจารย์ผู้บรรยายของทุกคน ฉันแซ่หลิน”
เสียงเรียบนิ่งราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ ดังขึ้นอย่างชัดเจนในหูของนักศึกษาทุกคน
ทั้งหมดต่างพากันตกตะลึงจนตาค้าง
ต่างคนต่างก็มองไปที่หลินหยุน ด้วยสีหน้าตกตะลึงอึ้งค้าง สภาพเหมือนกลายเป็นหินไปชั่วขณะ!
แม้ว่าเซี่ยหยู่เวยจะเตรียมจิตใจไว้นานพอสมควรแล้ว แต่เมื่อได้ยินหลินหยุนพูดประโยคนี้ออกจากปาก หัวใจของเธอก็มีอาการเต้นผิดจังหวะไปเหมือนกัน
“เป็นเขาจริง ๆ ด้วย!”
ผ่านไปครู่ใหญ่ ทุกคนถึงค่อยฟื้นคืนสติ!
แต่สิ่งที่ทุกคนคิดเป็นอันดับแรก ไม่ใช่เรื่องที่ว่าหลินหยุนเหมาะสมที่จะเป็นวิทยากรให้พวกเขาหรือไม่? แต่คิดว่าหลินหยุนกำลังล้อพวกเขาเล่น
“ไอ้หนู ที่นี่คือห้องเรียนนะ ไม่ใช่ที่ที่ให้นายมาทำเรื่องวุ่นวายตามอำเภอใจ!”
“ใช่ ไสหัวกลับไปเกาะผู้หญิงกินตามเดิมนู้นไป ที่นี่ไม่ใช่ที่เล่นของนายนะ!”
พวกคนที่ไม่รู้เบื้องหลังว่าหลินหยุนเคยทำอะไรมาบ้าง ต่างพากันหัวเราะเยาะเย้ยเสียงดังใส่เขา
แต่ทางจงเฟยหยู่กับจางเหยียน รวมถึงนักศึกษาที่ได้เข้าร่วมการประชุมทางการแพทย์ฉินโจวเมื่อครั้งล่าสุดนั้น ต่างก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ทุกคนต่างก็มีข้อสงสัยในใจ เพราะพวกเขารู้ดีในเรื่องทักษะทางการแพทย์ของหลินหยุน แม้ว่าพวกเขาก็ไม่อยากเชื่อว่า หลินหยุนจะมีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นวิทยากรในครั้งนี้ได้ แต่อย่างน้อยทักษะทางการแพทย์ของหลินหยุน ก็ได้รับความนับถือจากพวกเขาได้จริงๆ
ปฏิกิริยาของเย่เทียนเหารุนแรงขึ้น ลุกขึ้นยืนแล้วชี้ไปที่หลินหยุน หัวเราะเกินจริงราวกับว่าเขาได้สำรวจพบโลกใบใหม่อย่างไรอย่างนั้น: “ฮ่าๆๆๆ นี่ทำชั้นขำตายได้จริงๆนะเนี่ย ไอ้หนู นี่แกกล้ามาแกล้งเล่นเป็นอาจารย์เลยเชียวเรอะ !”
“นี่สมองแกโดนลาเตะเข้าไปรึไงหา!”
“ไม่ ไม่! ถ้าจะพูดอย่างนั้น ก็ออกจะลดคุณค่าของลาเกินไปหน่อย ดีไม่ดีลามันอาจจะคิดว่าดูถูกกีบเท้าของมันก็ได้ป่ะ!”
ฉู่หมิงเฉิงกับซ่างกวงชิงฉันต่างก็ขมวดคิ้ว หันไปมองหลินหยุนด้วยแววตาสงสัย
โดยปกติแล้ว พวกเขาจะไม่ถึงกับหักหาญเหมือนอย่างเย่เทียนเหา ในเมื่อหลินหยุนกล้าที่จะมายืนอยู่ตรงนี้ แล้วพูดคำว่าอาจารย์สองคำนี้ออกมาจากปาก นั่นย่อมเป็นการพิสูจน์ตัวตนของเขาแล้วว่าเขาคู่ควร
ใครจะอยู่ดี ๆ ก็วิ่งออกมาปลอมตัวเป็นวิทยากรกันล่ะ! มันจะไปมีประโยชน์อะไร?
น่าเสียดายที่นักศึกษาส่วนใหญ่ถูกครอบงำด้วยความคิดอุปาทาน เมื่อเห็นว่าหลินหยุนยังเด็ก ก็รีบตัดสินทันทีว่าเขาแค่พูดจาไร้สาระ
“เงียบหน่อย ช่างไร้ระเบียบวินัยอะไรอย่างนี้!”
อธิการบดีซูชิงเหยียน เดาไว้แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ดังนั้น เขาจึงยืนอยู่ข้างนอกตลอดเวลา
เมื่อได้ยินพวกนักศึกษาดูหมิ่นหลินหยุนขนาดนั้น เขาก็ทนไม่ไหวอีก
หลินหยุนเป็นแขกผู้มีเกียรติที่เขาเชิญมา ถ้าพวกนักศึกษาไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำพวกนี้ เกิดทำให้เขาโกรธจนกลับไปจริง ๆ แล้วเขาจะไปหาใครมาแทนได้ล่ะทีนี้?
ทั่วทั้งหลินโจว น่ากลัวว่าจะไม่มีหมออัจฉริยะอย่างหลินหยุนเป็นคนที่สองแน่!
“หมอเทพหลินเป็นอัจฉริยะระดับแนวหน้าของเมืองหลินโจวเรา ฉันต้องใช้คอนเนคชั่นพิเศษถึงไปเชิญเขามาได้ในที่สุด พวกเธอกลับไม่รู้จักคว้าโอกาสดี ๆ ที่หาได้ยากยิ่งแบบนี้เอาไว้ กลับมาพูดจาเหลวไหลไร้สาระกันอยู่ได้!”
“ถ้าใครไม่อยากฟัง ก็ออกไปซะเดี๋ยวนี้!” ซูซิงเหยียนเอ็ดตะโรอย่างฉุนเฉียว