“ติ๊ง! วัตถุดิบส่งมาถึงหมดแล้ว! จะตรวจรับเลยหรือไม่?”
“รับ…ไม่รับ!” ฟางเจิ้งแทบจะตะโกนไปว่ารับ พอมองห้องเล็กๆ ของตน ถ้ารับเดาว่าในห้องคงไม่มีที่ของเขา เลยลุกขึ้นจากเตียง วิ่งไปในลานแล้วเอ่ยขึ้น “รับ!”
“ปึก!” ถุงผูกเล็กตกลงตรงหน้าฟางเจิ้ง
ฟางเจิ้งก้มหน้ามองก็พบว่าเป็นถุงขนาดเท่าฝ่ามือ ผูกด้วยเชือกพันรอบไว้ นับจำนวนอย่างถี่ถ้วนแล้วมีสิบแปดถุงพอดี!
“จำนวนใช้ได้ แต่ว่าระบบ นายมั่นใจนะว่าไม่ได้เอาถุงผิดมา? ถุงเล็กแค่นี้จะใส่ของได้เท่าไรเชียว? คนสามร้อยกว่าคนเลยนะ นายคิดว่าเป็นกระรอกสามร้อยตัวรึเปล่า?” ฟางเจิ้งกล่าวอย่างจำใจ
“นายลองดูได้ ถ้านายใช้หมดจะถือว่าฉันแพ้”
“มหัศจรรย์ขนาดนั้นเลย?” ฟางเจิ้งพลันแปลกใจ
“นี่คือถุงพระสุเมร มิติข้างในบรรจุสิ่งของในหนึ่งห้อง อีกอย่างยังรักษาความสดได้ตลอดไป สิบแปดถุงเท่ากับวัตถุดิบสิบแปดห้อง นายคิดว่าไม่พอหรอ?” ระบบกล่าว
ฟางเจิ้งตอบ “พอ! เลี้ยงหมูยังพอเลย!” ขณะเดียวกันก็ตรึกตรองในใจ จะเก็บไว้ให้ตัวเองก่อนสักหน่อยดีไหม?
ทว่าระบบพูดเสริมขึ้น “ขอเตือนอย่างเป็นมิตร นี่คือของขวัญวันเทศกาลที่ระบบมอบให้ หลังผ่านเทศกาลไปแล้ว ของทั้งหมดที่ใช้ไม่หมดจะถูกเก็บไปโดยอัตโนมัติ แน่นอนถ้าไม่พอจริงๆ ระบบจะให้วัตถุดิบเพิ่มได้ตลอดเวลา”
ฟางเจิ้งได้ยินแบบนั้นก็เงียบเหงา เก็บไว้ไม่ได้ ใช้ได้แค่วันนั้น รับไม่ได้!
ฟางเจิ้งถอนหายใจก่อนหิ้วถุงสิบแปดถุงออกไป
“ระบบ มีวัตถุดิบแล้ว ว่าแต่จะทำยังไง?” ฟางเจิ้งถาม
สิ้นเสียง มีกระดาษแผ่นหนึ่งตกลงตรงหน้า หยิบขึ้นมาดูฟางเจิ้งก็หน้าเขียวคล้ำ “ระบบ ไหนบอกว่าเป็นสูตรลับ?”
“มีปัญหาอะไรเหรอ?” ระบบถามอย่างมีเหตุผล
ฟางเจิ้ง “เหอะๆ…ไม่มีปัญหา…ไม่มีปัญหาก็บ้าแล้ว! ด้านบนมีแค่สี่ตัวเอง ใส่หม้อ เติมน้ำ! นี่มันสูตรลับตรงไหน? นายยังบอกฉันไม่หมดใช่ไหม? แสร้งทำให้ดูลึกลับใช่ไหม?”
“เดิมทีโจ๊กล่าปามาจากอาหารที่ภิกษุถวายแก่พระพุทธองค์ จะทิ้งก็เสียดายเลยเอามาต้มรวมกันกลายเป็นโจ๊กพิเศษ หรือนายคิดว่าต้องมีสูตรอื่นๆ ด้วยรึไง? ถ้าใส่สูตรอื่นๆ รวมเข้าไปก็ไม่ใช่โจ๊กล่าปาแล้ว ส่วนสูตรลับ วัตถุดิบจากเขาคุนหลุนคือสูตรลับที่ดีที่สุด! คิดถึงข้าวผลึกที่นายกินสิ”
ฟางเจิ้งคิดแล้วก็มีเหตุผล แค่หุงข้าวผลึกสุกก็ส่งกลิ่นหอมฟุ้งทำให้อยากอาหารแล้ว มิหนำซ้ำวัตถุดิบเหล่านี้ก็ดีกว่า?
แต่ว่าฟางเจิ้งก็ไม่ได้เชื่อระบบทั้งหมด ถึงยังไงบางครั้งระบบก็เชื่อถือไม่ได้ เขาเปิดถุงเล็กดู มองไปข้างหน้าพลันอึ้งงัน “ระบบ นายมั่นใจนะว่าไม่ได้ให้ผิด นี่ใช่วัตถุดิบที่ไหน นี่มันงานศิลปะชัดๆ!”
ฟางเจิ้งตกใจจริงๆ เปิดดูถุงแรก ในนั้นเป็นถั่วเขียวมรกตทั้งหมด! ที่สำคัญคือถั่วเขียวมรกตราวกับหยกแข็งไม่เท่าไร แต่ด้านบนยังแกะสลักภาพพระพุทธองค์! สมจริงราวกับมีชีวิต! แม้แต่บนถั่วเขียวเม็ดเล็กๆ ยังมีการแกะสลัก นี่มันน่าเหลือเชื่อ!
“เจ้าเด็กไร้ความรู้ โจ๊กล่าปาทางพุทธศาสนาไม่ใช่โจ๊กล่าปาของปุถุชน ย่อมมีความพิถีพิถัน ถั่วเขียวแกะสลักพระอรหันต์แปดร้อยรูป ต่อไปยังมีสิงโตสัตว์มงคลที่ทำขึ้นจากพุทราจีน มังกรแท้จริงที่ทำจากถั่ววอลนัท พระอรหันต์สิบแปดรูปที่ทำจากลูกพุทราทุบเป็นต้น…” ระบบกล่าว
ฟางเจิ้งเปิดดู แม้จะมีสิบแปดถุง ทว่าไม่ใช่วัตถุดิบสิบแปดชนิด แต่เป็นวัตถุดิบสิบแปดรูปลักษณ์! บ้างรวมกันจากวัตถุดิบหลายชนิด บ้างเป็นรูปแกะสลักเดี่ยวๆ หรือรวมกัน บ้างก็บีบรวมกันเป็นรูปแกะสลักต่างๆ เป็นสีส้ม
ฟางเจิ้งปลงอยู่ในใจ “ระบบ นะ…นี่เท่ากับกินพระอรหันต์รึเปล่า? โหดร้ายไปหน่อยไหม?”
ระบบตอบกลับมา “ไม่รู้”
ฟางเจิ้งมองค้อนและไม่สนใจระบบเหมือนกัน เขาให้หมาป่าเดียวดายดูแลน้ำห้าหม้อใหญ่ไว้ จุดไฟ จากนั้นใส่ผลไม้แห้งกับวัตถุดิบที่ค่อนข้างสุกยากเข้าไปตามลำดับ ต้มด้วยไฟแรงสักพักถึงปรับเป็นไฟอ่อน รอจนผลไม้แห้งสุกยากสุกแล้วถึงใส่วัตถุดิบสุกง่ายตามไป…
สุดท้ายใช้ไฟอ่อนเคี่ยวช้า…
ส่วนหมาป่าเดียวดายขึ้นลงเขาไปตักน้ำตลอด กระรอกวิ่งไปมาดูตื่นเต้นมาก แถมยังไปเอากิ่งไม้แห้งกลับมาตลอด ถือว่าออกแรงช่วยวัด
ข้ามเรื่องฟางเจิ้งบนเขาไปก่อน…
เมื่อเสียงไก่ขัน ชาวบ้านทางภาคเหนือต่างตื่นนอน ควันอาหารลอยโชย จุดประทัดดังปุงปัง เมื่อเสียงดังขึ้น! ปัง! ประทัดไฟระเบิดหมดแล้ว เป็นการแสดงล่วงหน้าว่าในที่สุดก็ใกล้จะถึงปีใหม่!
หมู่บ้านเล็กๆ อันเงียบสงบคึกคักขึ้นตาม ทุกบ้านพากันตื่นนอน จุดไฟทำอาหาร อวยพรกันให้การงานเจริญก้าวหน้า
กินอาหารเช้าเสร็จ ทุกคนก็พากันออกเดินทาง ขึ้นเขา ไหว้พระ กินโจ๊กล่าปา ร่วมพิธีสรงน้ำพระ
พวกหวังโอ้วกุ้ย ถานจวี่กั๋วและหยางผิงตื่นนอนนานแล้ว รวมทุกคนขึ้นเขาพร้อมกัน เส้นทางภูเขาเอกดรรชนีเดินยาก เนินลาดชันเยอะ อีกอย่างข้างๆ เป็นหน้าผาตัดลงไป ถ้าไมมีวินัยเป็นกลุ่มจะเกิดอันตรายง่ายมาก โดยเฉพาะพวกคนชราและเด็ก จะต้องดูแลเป็นพิเศษ
กลุ่มคนคึกคัก พูดคุยพลางขึ้นเขาไปพลาง ทำให้ภูเขาเอกดรรชนีที่เงียบเหงาครึกครื้นขึ้นมา
แต่ว่ามักจะมีบางคนเป็นข้อยกเว้น…
“คุณจะไม่ไปจริงๆ เหรอ?” ในครอบครัวหนึ่ง ผู้หญิงวัยกลางคนเตรียมตัวทุกอย่างพร้อมแล้ว จึงเรียกผู้ชายที่นอนอยู่บนเตียงเตา
“ไม่ไป มีอะไรให้น่าไปล่ะ ทุกคนเหมือนกับผีหิวโหยกันทั้งนั้น ทำไม? ไม่เคยกินข้าวรึไง? อีกอย่างฟางเจิ้งนั่นจะมีฝีมือจัดพิธีสรงน้ำพระได้เหรอ? เขาคิดจริงๆ หรือว่าเป็นเจ้าอาวาสไม่กี่วันแล้วจะเป็นเจ้าอาวาสจริงๆ? ไม่ไป!” ผู้ชายพูดด้วยความโมโห
“นี่ ทำไมคุณพูดอย่างนี้ล่ะ? ฟางเจิ้งไม่เคยทำอะไรให้คุณไม่พอใจเลยนี่? เอาเถอะ! ถ้าคุณไม่ไป ฉันไปเอง!” ผู้หญิงพูดจบก็จะออกไปข้างนอก
ผู้ชายไม่พอใจ ลุกขึ้นมา “คุณจะไปไหน? ผมบอกเลยนะว่าไม่ให้ไป บ้านเราห้ามมีใครไปทั้งนั้น!”
“เฉินจิน!” ผู้หญิงโกรธแล้ว มองผู้ชายด้วยความโมโห “คุณยังเป็นผู้ชายอยู่ไหม? ทำไม ปีนี้คุณไม่รวมคนไปพิธีสรงน้ำพระที่วัดผาแดงแล้วบ้านเราจะไปวัดเอกดรรชนีไม่ได้? ทุกคนไปวัดเอกดรรชนี นั่นก็เพื่อช่วยสนับสนุนฟางเจิ้ง ทุกคนจะไปวัดผาแดงกับคุณทำไม? ไม่สรงน้ำพระก็ไปกินโจ๊กล่าปาก็ได้ รวมกันครึกครื้นดีออกไม่ใช่เหรอ? ทำไมจะต้องตามคุณไปด้วย? แล้วก็ผู้ใหญ่บ้านบอกแล้วนี่ว่าปีหน้าให้ทุกคนตามคุณไป?”
เฉินจินตอบด้วยความไม่พอใจ “พวกผู้หญิงจะเข้าใจอะไร? ไต้ซืออู้หมิงมอบเรื่องสำคัญขนาดนี้ให้ฉัน นั่นเพราะเขาไว้ใจฉัน! ก่อนหน้านี้คุยโม้กับเขาไปแล้ว ตอนนี้ดูสิไม่ได้พาใครไปเลย! แถมยังไปวัดเอกดรรชนีไปร่วมพิธีสรงน้ำพระของฟางเจิ้งอย่างดีอกดีใจกันอีก? จะให้ฉันหน้าแตกรึไง? จากนี้จะมีหน้าไปพบไต้ซืออู้หมิงได้ยังไง?! คนเราต้องมีหน้าตา ต้นไม้ต้องมีเปลือก เข้าใจไหม?”
……………