เย่เทียนเหามองหลินหยุน หลินหยุนกึ่งนอนบนเก้าอี้ สีหน้าท่าทีเหมือนไม่มีเรื่องใดๆ
เย่เทียนเหารู้สึกว่าท่าทีประเภทนี้ของหลินหยุน เห็นได้ชัดว่ากำลังเพิกเฉยเขา!
ความโกรธแค้นพุ่งตรงเข้าในจิตใจของเย่เทียนเหา เขาเงยหน้าทันที มองอีหยุ่น กล่าวด้วยสีหน้าดุดัน: “คุณอีครับ ผมไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินตระกูลอี แต่ วันนี้ผมจะต้องทำให้ไอ้หนุ่มนี่ชดใช้ด้วยเลือดเป็นแน่ ใครก็ขัดขวางผมไม่ได้!”
“พี่ป๋าย พี่หมายความว่ายังไง?” เย่เทียนเหาเข้าใจอย่างดี พึ่งพาตระกูลเย่ของตัวเองอย่างเดียว ยังไงก็ไร้แรงต้านทานตระกูลอี ถ้าหากบวกตระกูลป๋ายเข้าไป แบบนั้นก็ไม่เหมือนกันแล้ว
ป๋ายรุ่ยเหวินรู้สึกตื่นเต้นในใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน สามสิบปีก่อน ตระกูลป๋ายกดตระกูลอีมาตลอด แต่ตอนนี้กำลังของตระกูลอีกลับกดตระกูลป๋ายหลายสิบปี ตระกูลป๋ายกลายเป็นลำดับที่สองตลอดมา
เรื่องนี้แม้ว่าโดยผิวเผินตระกูลป๋ายไม่ได้พูด แต่กลับกลายเป็นขวากหนามในใจของคนตระกูลป๋าย
คนของตระกูลป๋ายทุกเวลาทุกนาทีล้วนคิดอยากจะนำหน้าตระกูลอี ขึ้นครองตำแหน่งเจ้าแห่งวงการของมณฑลเจียงหนานอีกครั้ง
ป๋ายรุ่ยเหวินออกจากบ้านไปสิบปี ไหว้รับอาจารย์เรียนเพลงบู๊ เหตุผลที่สำคัญที่สุดในนั้นก็คือมุ่งคิดพยายามใช้ศักยภาพของเส้นทางบู๊ เพื่อนำหน้าตระกูลอี
ถ้าหากร่วมกับตระกูลเย่ เช่นนั้นการรวบรวมแรงกำลังของตระกูลเย่และตระกูลป๋ายสองตระกูล สามารถกดดันตระกูลอีได้แน่นอน
ตอนนี้ โอกาสดีขนาดนี้วางอยู่ต่อหน้าป๋ายรุ่ยเหวิน ป๋ายรุ่ยเหวินจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร?
ในดวงตาของป๋ายรุ่ยเหวินฉายประกายความบ้าคลั่งแวบหนึ่ง เงยหน้ามองคุณอี น้ำเสียงแน่วแน่: “คุณอีครับ ผมก็ไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินคุณ แต่หมอนี่รังแกซินซิน และดูหมิ่นตระกูลป๋ายของผม วันนี้หากไม่สั่งสอนเขา หน้าตาตระกูลป๋ายของผมจะอยู่ได้อย่างไร!”
คุณชายโจวและเหล่าบรรดาเศรษฐีหนุ่มคนอื่นๆ มองดูเย่เทียนเหาและป๋ายรุ่ยเหวินด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง
แบบนี้คือต้องการต่อต้านตระกูลอีอย่างโจ่งแจ้ง!
ตระกูลเย่และตระกูลป๋ายแบบนี้คือต้องการร่วมมือกันแล้วหรือ?
นี่เป็นข่าวใหญ่นะ! ถ้าหากแพร่ออกไป สั่นสะเทือนทั้งมณฑลเจียงหนานอย่างแน่นอน!
อีหยุ่นหัวเราะเหอะๆขึ้นมาอย่างฉับพลัน ทั้งๆที่เป็นเพียงคนธรรมดา แต่บนร่างของเขากลับระเบิดพลังอำนาจที่ให้ผู้คนตื่นกลัวสุดขีดชนิดหนึ่งออกมา
“ดี คลื่นลูกใหม่ในมหานทีไล่คลื่นลูกเก่า คนรุ่นหลังของตระกูลเย่และตระกูลป๋าย ไม่เห็นแม้แต่คนแซ่อีอย่างฉันอยู่ในสายตาแล้วจริงๆ!”
“ฉันจะดูว่าวันนี้ ใครจะกล้าก่อเรื่องในคฤหาสน์เฉี่ยนหลงนี้!”
เสียงของคุณอีดังขึ้นอย่างไม่นึกมาก่อน พวกเศรษฐีหนุ่มที่ได้ยินทั้งหมดตกใจ
คุณอี เช่นนี้คือโมโหแล้วจริงๆ!
หลินหยุนมองดูอีหยุ่นเรียบๆ ไม่เข้าใจนิดหน่อย ทั้งๆที่ในใจของอีหยุ่นเกลียดเขาเป็นอย่างมาก แต่ทำไมกลับต้องช่วยเขา?
เย่เทียนเหาและป๋ายรุ่ยเหวินก็ตกใจ แต่ ในเมื่อทั้งสองได้ตัดสินใจต่อต้านตระกูลอีพร้อมกันแล้ว ถ้าหากประนีประนอมตอนนี้ เช่นนั้นหลังจากนี้ก็ไม่มีโอกาสได้ท้าทายตระกูลอีอีกแล้ว
ทั้งสองสบตากัน มองไปทางคุณเหลียนและคุณเหยียนที่อยู่ด้านหลังพร้อมกัน
“เชิญทั้งสองท่านลงมือ!”
คุณเหลียนและคุณเหยียน มองหลินหยุนด้วยสายตาเหยียดหยาม เปล่งเสียงไม่พอใจ บนร่างระเบิดลมปราณของนักบู๊ในระดับที่มีพรสวรรค์ติดตัวมาแต่เกิดโดยไม่ต้องฝึกฝนนั่นออกมา พัดตลบไปทั่วสถานที่อย่างรวดเร็วและรุนแรง
พลังบนตัวของอีหยุ่น ก็เหมือนดั่งแม่น้ำสายเล็กๆที่ได้พบทะเลใหญ่ ถูกโจมตีแตกกระเจิงในพริบตา
“ข้าจะดูซิว่าใครจะสามารถมาขัดขวางการลงมือของพวกข้าทั้งสองได้!”
คุณเหลียนตะโกนเสียงดังอย่างเยือกเย็นด้วยสีหน้าหยิ่งผยอง
อาฉินด้านหลังของอีหยุ่น ไม่ได้เปล่งเสียง ขึ้นมาด้านหน้าก้าวหนึ่งเงียบๆ พลังลมปราณที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า กดอัดพลังของคุณเหลียนและคุณเหยียนลงไปชั่วพริบตา
สีหน้าของคุณเหลียนเปลี่ยนทันใด อุทานอย่างตกใจ: “พรสวรรค์สูงสุด!”
สีหน้าของคุณเหยียนก็เปลี่ยนไปมาก ก้มหน้าชำเลืองมอง อาฉินที่สีหน้าเรียบสงบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
แม้ว่าคุณเหลียนและคุณเหยียนล้วนมีฝีมือที่แท้จริงของแดนพรสวรรค์ ห่างกันเพียงขั้นเดียวเมื่อเทียบกับอาฉิน แต่ว่า ระดับพลังการฝึกบู๊ หนึ่งระดับ ก็แทบจะเป็นท้องฟ้ากับเหว
นักบู๊พรสวรรค์สูงสุดผู้หนึ่ง สามารถสู้ชนะนักบู๊แดนพรสวรรค์สิบคนได้อย่างง่ายดาย
แน่นอน ในนักบู๊ระดับเดียวกัน ก็มีการแบ่งระดับสูงต่ำ เช่นซูจื่อเหลียงและซูหนัน พวกเขาสองคนล้วนฝึกฝนเพลงฝึกบู๊ที่หลินหยุนดัดแปลงมาจากวิชาการบำเพ็ญเซียน พวกเขาสามารถบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามระดับเดียวกันได้ กระทั่งยังสามารถท้าทายข้ามระดับขั้นได้
บรรยากาศในสถานที่เคร่งขรึมเป็นอย่างมาก ไม่ระวังเพียงเล็กน้อย การต่อสู้ครั้งใหญ่จะปะทุขึ้นได้
การต่อสู้ฉากนี้จะกลายเป็นกระทั่ง มหาอำนาจสามอันดับแรกของมณฑลเจียงหนาน จุดชนวนระเบิดของการเปิดสงครามอย่างเต็มรูปแบบ
“สารเลว!”
แล้วในเวลานี้ เสียงตะโกนด้วยความโกรธดังขึ้นกลางอากาศ ต่อจากนั้น ผู้หนึ่งสวมชุดจงซานสีขาวทั้งตัว ชายวัยกลางคนที่ใบหน้ามีเมตตาและอ่อนโยน เดินเข้ามาในกลุ่มคนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
เย่เทียนเหาเห็นคนที่มา สีหน้าตกใจในพริบตา ก้มหัวลงพร้อมเรียกอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย: “พ่อ!”
คนผู้นี้ก็คือเจ้านายใหญ่ของห้องโถงจี้ซื่อแห่งเจียงหนาน เจ้าบ้านตระกูลเย่แห่งเจียงหนาน เย่จี้ซื่อ
“ไอ้เลว รอกลับไปฉันจะจัดการแก!” เย่จี้ซื่อเพ่งมองเย่เทียนเหาอย่างดุดัน หมุนตัวไปมองคุณอี ทำมือเคารพพร้อมกล่าว: “คุณอี คนแซ่เย่สอนลูกไม่ดี ยังไงได้โปรดให้อภัยด้วย!”
สีหน้าของอีหยุ่นอ่อนลง ทำมือแสดงการคารวะตอบ: “คุณจี้ซื่อ พูดเกินไปแล้ว!”
เย่จี้ซื่อหันหน้าไปจ้องเย่เทียนเหาและป๋ายรุ่ยเหวิน ตวาดด้วยความโมโห: “พวกเธอสองคนเป็นเด็ก คิดไม่ถึงว่าจะกล้าล่วงเกินคุณอี ยังไม่รีบขออภัยกับคุณอีอีก!”
แม้ว่าเย่เทียนเหาจะไม่ยินดี แต่ก็ไม่กล้าขัดขืนความประสงค์ของคุณพ่อ
“คุณอีครับ ความโกรธโจมตีในจิตใจของผม เสียมารยาทไปชั่วขณะ ยังไงก็หวังว่าคุณอีจะให้อภัย!” เย่เทียนเหาโค้งตัวแสดงความเคารพ
ป๋ายรุ่ยเหวินตบมือข้างเดียวไม่ดัง ก็ทำได้เพียงก้มหัวแสดงความเคารพ: “คุณอีโปรอภัย!”
เย่จี้ซื่อกล่าวอย่างเคร่งขรึม: “หากว่าคุณอีไม่พอใจ ต่อหน้าคุณอีผมก็จะ สั่งสอนเจ้าเด็กสองคนนี้หนักๆรอบหนึ่ง!”
“นี่ คุณจี้ซื่อ พูดเกินไปแล้ว ฉันจะถือสาเด็กรุ่นหลังสองคนได้ยังไง!” อีหยุ่นยิ้มพร้อมกล่าว
เย่จี้ซื่อกล่าวอย่างเคร่งขรึม: “คุณอีใจกว้าง!”
“พวกเธอสองคน ยังไม่รีบขอบคุณคุณอีที่ปล่อยพวกเธออีก!”
เย่เทียนเหาและป๋ายรุ่ยเหวิน แสดงความขอบคุณคุณอีอย่างเชื่อฟัง
เห็นทั้งสามตระกูลปรับความเข้าใจ ทุกคนก็โล่งใจ ถ้าหากสามตระกูลนี้เกิดสงครามใหญ่ขึ้น เช่นนั้นพวกเขาคนเหล่านี้จะต้องถูกบังคับให้เลือกข้างเป็นแน่
แต่ ใบหน้าขมึงของเย่จี้ซื่อ ก็ไม่ได้ผ่อนคลาย
“คุณอี เด็กสองคนนี้เสียมารยาทต่อคุณ ผมได้ทำโทษพวกเขาแล้ว แต่ว่า มีคนทำร้ายลูกหลานตระกูลเย่ของผม ตระกูลเย่ของผมก็จำเป็นต้องขอคำอธิบาย!” สีหน้าของเย่จี้ซื่อเคร่งขรึม เห็นได้ชัดว่าไม่มีช่องทางให้เจรจาได้แม้แต่น้อย
บรรดาผู้คนที่โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ตึงขึ้นอีกทันที
อีหยุ่นมองดูเย่จี้ซื่อนิ่งๆ เขาได้ยินมาตั้งนานแล้วว่าคนคุมหางเสือของตระกูลเย่ผู้นี้ ลึกล้ำคาดเดาได้ยาก การวางตัวการทำงาน ระมัดระวังรอบคอบ วันนี้ได้เจอ ชื่อเสียงสมคำร่ำลือจริงๆ!
เมื่อครู่เผชิญหน้ากับเย่เทียนเหาและป๋ายรุ่ยเหวินคนรุ่นหลังสองคน คุณอีก็นับว่าได้ให้อาฉินสั่งสอนพวกเขาแล้ว แม้ว่าในใจของตระกูลป๋ายและตระกูลเย่จะไม่พอใจ ก็จะไม่ว่าอะไร ยิ่งจะไม่ก่อให้เกิดสงครามใหญ่ของสามตระกูล
เช่นตระกูลใหญ่อย่างพวกเขาประเภทนี้ ขยับเพียงเล็กน้อยก็กระทบถึงส่วนใหญ่ จะไม่เปิดสงครามง่ายๆ
แต่ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเย่จี้ซื่อ เช่นนั้นสถานะภาพก็ไม่เหมือนกันแล้ว
เจ้าบ้านของตระกูลเย่ในปัจจุบัน ขอคำอธิบายด้วยตัวเอง ถ้าหากอีหยุ่นยังคงต่อกรเหมือนกับที่ปฏิบัติต่อเย่เทียนเหาเช่นนั้น กดทับด้วยความแข็งแกร่ง เช่นนั้นก็เป็นการเปิดสงครามกับตระกูลเย่อย่างเป็นทางการโดยไร้ข้อกังขา
ความคิดของอีหยุ่นหมุนอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ไม่มีหนทางที่จะระงับไว้ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเย่เทียนเหาที่บาดเจ็บทั้งตัวยืนอยู่ตรงนี้ แม้ว่าเป็นเขาที่หาเรื่องก่อน ตอนนี้เขาก็เป็นผู้ได้รับบาดเจ็บ หลินหยุนจำเป็นต้องอ่อนข้อให้
“แบบนี้ ให้เจ้าหนุ่มนั่นขอโทษต่อเทียนเหา เรื่องนี้หาทางออกเช่นนี้เป็นการชั่วคราวก่อน คุณเห็นว่ายังไง?” อีหยุ่นกล่าว
เย่จี้ซื่อรู้อยู่แก่ใจ อีหยุ่นต้องการจะปกป้องเจ้าหนุ่มนั่น สามารถหาทางลงได้ ตอนนี้เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด
“ในเมื่อคุณอีเอ่ยปากแล้ว เช่นนั้นผมจะปฏิบัติตาม!”
“ขอบคุณมาที่คุณจี้ซื่อใจกว้าง!” อีหยุ่นอมยิ้มแล้วกล่าว จากนั้น เก็บรอยยิ้ม จ้องมองหลินหยุนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม: “เจ้าหนุ่ม รีบขอโทษเทียนเหา ขอบคุณคุณจี้ซื่อที่ไม่ถือโทษ ไม่ถือสาเธอ!”
เย่เทียนเหาจ้องมองหลินหยุนด้วยสีหน้าชั่วร้าย ในตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจ
คุณชายโจวและกู้ซิวหรั่นรวมถึงเหล่าบรรดาเศรษฐีหนุ่มของเจียงหนานไม่พอใจอยู่ในใจ: “คิดไม่ถึงว่าคุณอีจะออกหน้าปกป้องเขาด้วยตัวเองจริงๆ เสียเปรียบเจ้าหมอนี่จริงเชียว!”
ป๋ายรุ่ยเหวินและป๋ายรุ่ยซินพี่น้อง ในใจก็ไม่พอใจ แต่คุณอีเอ่ยปาก พวกเขาก็ทำตามแผนไม่ได้
“ให้เขาขอโทษก็แล้วไปแล้ว เสียเปรียบเจ้าหมอนี่จริงๆเลย”
หลินหยุนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองคุณอีแวบหนึ่ง เสียงที่เลือนรางว่างเปล่า ยังแฝงด้วยความเหยียดหยามบางๆ
“ใครให้คุณตัดสินใจโดยพลการด้วยตัวเองแทนฉัน?”
“ให้ฉันขอโทษเขา เขาคู่ควรเหรอ?”