หลินหยุนลืมตา กวาดมองกู้ซิวหรั่นและบรรดาเศรษฐีหนุ่มของเจียงหนานด้วยสีหน้าเย็นชา ขณะที่เห็นเซี่ยหยู่เวยและเจิ้งเทียนหมิงกับคนอื่นๆที่อยู่ด้านหลัง ชะงักเล็กน้อย
แต่ ก็เคลื่อนจากไปอย่างรวดเร็ว
“แกอยากพูดอะไร?” เสียงหลินหยุนนิ่งเรียบ ทั้งๆที่กำลังมองดูกู้ซิวหรั่น แต่ ลักษณะท่าทางนั่นเหมือนกู้ซิวหรั่นที่อยู่ด้านหน้าเป็นอากาศโดยสิ้นเชิง
มองข้าม มองข้ามโดยสิ้นเชิง!
เพียงครู่หนึ่ง ในใจกู้ซิวหรั่นก็เกิดความรู้สึกถูกเหยียดหยามอย่างยิ่งใหญ่
กู้ซิวหรั่นหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง อดกลั้นความเดือดดาลเต็มเปี่ยม หัวเราะอย่างเย็นชาแล้วกล่าว: “หลินหยุน แกคิดว่าอาศัยความหลงใหลที่คุณหนูอีหลิงมีต่อแก แกก็ไม่ต้องกลัวฟ้ากลัวดินได้แล้วหรือ? แกคนไร้ชื่อเสียงพรรคนี้ เดิมทีก็ไม่เข้าใจประเพณีที่สืบทอดกันมาของตระกูลใหญ่ๆเหล่านี้”
“หากว่าเป็นเมื่อก่อน อีหลิงอาจจะยังสามารถอยู่กับแกได้ แต่ ตอนนี้อีหลิงเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของตระกูลอีแห่งเจียงหนาน เหมือนตระกูลอีตระกูลใหญ่โตที่มีอำนาจสั่นสะเทือนของเจียงหนานแบบนี้ ในฐานะที่อีหลิงเป็นลูกสาวของคุณอีแห่งเจียงหนาน จะสามารถอยู่กับแกคนไร้ชื่อเสียงผู้หนึ่งได้ยังไงกัน?”
“ดังนั้น แกตัดใจซะ ไสหัวกลับหลินโจวไปเถอะ!”
คำพูดเหล่านี้ พูดคำในใจของเศรษฐีหนุ่มเจียงหนานเหล่านี้ออกมา และพูดถึงความลำบากของลูกหลานในตระกูลใหญ่เหล่านี้
ในฐานะลูกชายลูกสาวของตระกูลใหญ่ การแต่งงานของพวกเขาล้วนต้องเกี่ยวข้องกันกับผลประโยชน์ของตระกูลเสมอ
“ถูก เจ้าหนุ่ม กลับหลินโจวของแกไป ที่นี่คือเจียงหนาน พวกเราคนเจียงหนานไม่ต้องรับแก!” เศรษฐีหนุ่มเจียงหนานผู้หนึ่งพูดเสียงดังด้วยใบหน้าดูหมิ่น
“ใช่ กลับหลินโจวของแกไป คนไร้ชื่อเสียงผู้หนึ่ง ยังคิดจะหลอกคุณหนูใหญ่ของตระกูลอีแห่งเจียงหนานของพวกเราไปอีก ฝันไปเถอะ!”
“ไสหัวกลับหลินโจวไป รีบไปซะ!”
บรรดาเศรษฐีหนุ่มของเจียงหนานศัตรูคู่แค้นคนเดียวกัน แม้ว่าพวกเขาจะมีเจตนามิดีมิร้ายต่ออีหลิงแฝงอยู่ต่างกันไป แต่ตอนนี้ช่วงเวลาคับขัน ต้องต่อกรกับคนนอกโดยพร้อมเพรียง ไล่คนที่มาจากที่อื่นของอีหลิงไปก่อน
สำหรับอีหลิงสุดท้ายแล้วเป็นของใคร นั่นเป็นปัญหาภายในกลุ่มของพวกเขาเศรษฐีหนุ่มแห่งเจียงหนาน
หลินหยุนเหลือบมองบรรดาผู้คนแวบหนึ่งอย่างเฉยเมยไร้ค่า ยิ้มแล้วกล่าวด้วยความสงบง่ายๆ: “เมื่อไหร่ที่ ตระกูลอี สับเปลี่ยนเป็นพวกแกเหล่านี้มาทำการตัดสินใจแล้ว?”
“วันนี้วันเกิดอีหลิง ฉันไม่อยากทำเรื่องที่ไม่มีความสุข พวกแกหลบไปไกลๆหน่อย อย่ามากวนฉัน
พูดจบ หลินหยุนปิดตาพักสงบจิตใจต่อ น้ำเสียงและสีหน้าท่าทางนั่น เหมือนกำลังไล่ฝูงแมลงวันเช่นนั้น
“นี่ เจ้าหมอนี้ชั่งหยิ่งยโสเกินไปแล้ว!”
“หยามกันเกินไปแล้ว!”
“แม่งเอ้ย เจ้าหมอนี่มาถึงเจียงหนานของพวกเราคนเดียว ยังคิดจะมาหลอกคุณหนูใหญ่ตระกูลอีแห่งเจียงหนานของพวกเราไปอีก! ตอนนี้ต่อหน้าพวกเราบรรดาชายหนุ่มผู้สง่าของเจียงหนาน คิดไม่ถึงว่ายังกล้าหยิ่งยโสขนาดนี้!”
“แกเอาพวกฉันชายหนุ่มวีรบุรุษแห่งเจียงหนานเหล่านี้ทำเป็นของจัดแสดงหรือ?”
“ซ้อมมัน! ทุบตีจนแม่บังเกิดเกล้าก็จำมันไม่ได้!”
“ถูก ซ้อมมัน!”
วัยรุ่น วู่วามง่ายเป็นที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นพวกเศรษฐีหนุ่มเหล่านี้เดิมทีก็อวดดีไม่มีที่เปรียบ
เซี่ยหยู่เวยชำเลืองมองที่พิงอยู่บนพนักเก้าอี้ หลินหยุนที่หลับตาพักจิตใจ บนใบหน้ามีความชั่วร้ายล้ำลึกแวบผ่าน: “หลินหยุนเอ๊ยหลินหยุน จุดอ่อนการอวดดีถือดีของเธอ เมื่อไหร่ถึงจะเปลี่ยนได้ ที่นี่คือเจียงหนาน ไม่ใช่หลินโจว แม้ว่าระดับคนที่แทบจะเป็นวีรบุรุษ มาถึงเจียงหนานก็ไม่กล้าอวดดีขนาดนี้!”
“เธอรนหาที่ตายจริงๆ!”
ในขณะที่เหล่าบรรดาเศรษฐีหนุ่มต้องการจะพุ่งขึ้นไป คุณชายโจวที่มองดูอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆมาโดยตลอด ยื่นมือห้ามไว้กะทันหัน
“ทุกคนอย่าเพิ่งลงมือ”
“เขาเป็นคนไร้ประโยชน์ที่กล้านอนเพียงบนพื้นเท่านั้น คู่ควรให้พวกเราคนมากมายขนาดนี้ลงมือด้วยที่ไหนกัน? แบบนั้นไม่ใช่ว่าให้เกียรติเขาเกินไปแล้วหรือ?”
“ฮ่าๆ ถูก นี่ก็แค่คนไร้ประโยชน์! คู่ควรเพียงแค่นอนบนพื้น คนไร้ประโยชน์!” คนกลุ่มหนึ่ง เยาะเย้ยเสียงดังด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยามดูถูก
คุณชายโจวมีฐานะสูงที่สุดในหมู่เศรษฐีหนุ่มเหล่านี้ ทุกคนค่อนข้างเชื่อฟังเขา
เวลานี้ มีคนถามเสียงดัง: “คุณชายโจว งั้นคุณว่าทำยังไงดี?”
คุณชายโจวกวาดตามองดูระหว่างบรรดาผู้คนแวบหนึ่ง ชี้สองคนอย่างง่ายๆ กล่าว: “คุณชายหวาง พวกคุณสองคนเข้าไปจัดการเขาสักรอบ ระวังหน่อย วันนี้เป็นวันเกิดอีหลิง อย่าให้เห็นเลือด!”
“ได้!”
ทั้งสองเป็นวัยรุ่นที่ค่อนข้างกำยำ เดินออกมาด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
กู้ซิวหรั่นเห็นดังนั้น ขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนนั้นในชั้นเรียนวิชาศิลปะการต่อสู้ศักยภาพที่หลินหยุนแสดงออกมา เขากระจ่างที่สุด
“คุณชายโจว ยังมีข่าวอีกอย่าง เจ้าหมอนี้ฝีมือไม่เลว ก่อนหน้านี้แม้แต่ครูฝึกมืออาชีพวิชาศิลปะการต่อสู้ของพวกเราก็เคยพ่ายแพ้มาก่อน!”
คุณชายโจวหัวเราะเหอะๆแล้วกล่าว: “คุณชายกู้วางใจ ศักยภาพของพวกคุณชายหวาง ก็ไม่ได้อ่อนด้อย!”
คุณชายหวางกำหมัดขึ้น โชว์กล้าม กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา: “คุณชายโจววางใจเถอะ! คุณชายกู้ คุณดูถูกศักยภาพของพวกเรางั้นหรือ?”
กู้ซิวหรั่นหัวเราะเหอะๆแล้วกล่าว: “ผมกล้าที่ไหน?”
“หึ เชื่อว่าคุณไม่กล้า!” คุณชายหวางพูดจบอย่างผยอง หันหน้าไปมองหลินหยุนด้วยความเย่อหยิ่ง: “ไอ้หนุ่ม แกคนไร้ประโยชน์ คิดไม่ถึงว่าจะทำให้พวกฉันสองคนลงมือเอง แกควรรู้สึกเป็นเกียรติ”
คุณชายหวางสองคนสบตากัน ก่อการทันที ซ้ายคนขวาคน จับไปที่ไหล่สองข้างของหลินหยุน
ความรวดเร็วและแรงกำลังของคุณชายหวางสองคน มากกว่าคนธรรมดาสิบเท่า เทียบกับครูฝึกศิลปะการต่อสู้มืออาชีพก็ไม่ได้ด้อยกว่า มิน่าล่ะคุณชายโจวถึงได้กล้าคุยโวโอ้อวดต่อหน้ากู้ซิวหรั่น
กู้ซิวหรั่นกล่าวอย่างตกใจเล็กน้อย: “คุณชายโจว ศักยภาพของคุณชายหวางพวกเขา ทำให้คนมองด้วยความทึ่งจริงๆ! เทียบกับครูฝึกศิลปะการต่อสู้มืออาชีพของพวกเราก็ไม่ได้ด้อยกว่า”
คุณชายโจวกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ภูมิใจ: “เหอะๆ พวกเขาสองคนออกโรง เทียบกับพวกเราเข้าไปเป็นฝูงผึ้ง ยังแข็งแกร่งมากกว่าน่ะสิ! เลี่ยงการทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะพวกเราวีรบุรุษหนุ่มของเจียงหนานทำได้เพียงใช้คนจำนวนมากรังแกคนจำนวนน้อย”
รู้สึกได้ถึงการโจมตีของคุณชายหวางสองคน หลินหยุนลืมตาสองข้างขึ้นทันที เปิดปากเล็กน้อย ตวาดเบาๆ: “หลบไป!”
คุณชายหวางทั้งสองรู้สึกได้เพียงพลังที่ไม่สามารถต้านทานได้ เหมือนดั่งภูเขาลูกใหญ่เช่นนั้น ตกลงมาจากฟ้า กดทับลงมาที่พวกเขา
พลานุภาพการกดดันอันน่าสะพรึงที่มาจากจิตวิญญาณ ทำให้ทั้งสองวู่วามอยากกราบไหว้ขึ้นมากะทันหัน หยุดการลงมือทันที คุกเข่าลงต่อหน้าหลินหยุน
บรรดาผู้คนประหลาดใจมาก!
คุณชายโจวที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กล่าวเสียงดังด้วยความโมโหทันที: “คุณชายหวาง พวกคุณทั้งสองกำลังทำอะไร!”
“พวกคุณทำให้วีรบุรุษหนุ่มแห่งเจียงหนานของพวกเราอับอายขายหน้ากันหมดแล้ว!”
คุณชายหวางสองคนมีความลำบากที่พูดไม่ออก ตอนนี้ทั้งร่างสั่นเทา เหงื่อเย็นผุดตลอด แม้คำพูดก็พูดไม่ออก
กู้ซิวหรั่นตกใจ เขาไม่เชื่อว่าคุณชายหวางสองคนจะคุกเข่าต่อหน้าหลินหยุนอย่างไร้เหตุผล หลินหยุนจะต้องใช้วิธีการพิเศษอะไรแน่นอน
“เจ้าหมอนี่ ดูเหมือนว่าฉันประเมินมันต่ำไปแล้ว”
กู้ซิวหรั่นขึ้นไปด้านหน้า กระซิบเบาๆข้างหูคุณชายโจว: “คุณชายโจว เจ้าหมอนี่มีความประหลาด ทุกคนอย่าได้ลงมือมั่วซั่วเด็ดขาด!”
เวลานี้คุณชายโจวก็ดึงสติกลับมาได้ เก็บสายตาตกตะลึง จ้องมองหลินหยุนด้วยหน้าตาขึงขัง: “หลินหยุน ปล่อยพวกคุณชายหวาง!”
หลินหยุนยกแก้วชาบนโต๊ะขึ้น รินชาให้ตัวเองแก้วหนึ่ง จิบชาเบาๆ กล่าวอย่างง่ายๆสบายๆ: “แกบอกให้ปล่อยก็ปล่อย งั้นก็ฉันจะเสียหน้าเป็นอย่างมาก”
คุณชายโจวหรี่ตาลง ในสายตาปรากฏท่าทางความอันตรายออกมา กล่าวอย่างหนักหน่วง: “งั้นแกคิดจะเอายังไง? อย่าลืม ที่นี่เป็นบ้านของคุณอี!พวกเขาทั้งสองตระกูลมีการคบค้าสมาคมทำธุรกิจกันมากมายกับตระกูลอี หากว่าแกกล้าแตะต้องพวกเขา คุณอีไม่ปล่อยแกง่ายๆแน่!”
หลินหยุนเหลือบมองคุณชายโจวอย่างเฉยชาแวบหนึ่ง กล่าวด้วยสีหน้าสงบ: “งั้นแกก็ไปเรียกอีหยุ่นมาเอาคนที่ฉันสิ!”
“จองหอง!”
“อวดดีไร้ยางอาย!”
“ฐานะของคุณอีสูงส่งเพียงใด ไม่ใช่ว่าแกจะพบก็พบได้!”
บรรดาผู้คนทั้งหมดตำหนิว่ากล่าวเสียงดัง
คุณชายโจวมองดูหลินหยุนอย่างเย็นชา กล่าวอย่างหนักแน่น: “เจ้าหนุ่ม วันนี้เป็นวันเกิดของคุณหนูอีหลิง ฉันก็ไม่อยากทำเรื่องให้วุ่นวายใหญ่โต แบบนี้ พวกเราถอยคนละก้าว แกปล่อยพวกคุณชายหวาง พวกฉันก็จะไม่หาเรื่องแก เป็นไง?”