ป๋ายรุ่ยเหวินแอบถอนหายใจ: “จบแล้ว ถูกเขามองออกจนได้! ”
อีหลิงรับจี้หยกกลับคืนมา แล้วก็ห้อยไว้ที่คออีกครั้ง พยักหน้าด้วยท่าทางที่จริงจัง: “ฉันจำเอาไว้แล้ว ขอบคุณอาฉินมาก! ”
อีหลิงมีความประหลาดใจอยู่บ้าง ตามสถานะอาฉินเป็นพ่อบ้านของตระกูลอี แต่อีหยุ่นได้เคยบอกกับอีหลิงไว้ก่อนแล้วว่า จะต้องเคารพอาฉิน เธอทราบว่าอาฉินมีพลังความสามารถเก่งกล้า แต่ว่า จากสถานะและพลังความสามารถของอาฉินแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะตั้งสติไม่อยู่เมื่ออยู่ต่อหน้าจี้หยกชิ้นนี้!
อีหลิงอดไม่ได้ต่อความสงสัยในใจ: “จี้หยกชิ้นนี้ที่หลินหยุนมอบให้กับฉัน ตกลงว่ามีความอัศจรรย์อะไรตรงไหน? ถึงทำให้อาฉินต้องปฏิบัติรักษาอย่างระมัดระวังขนาดนี้ด้วย! ”
อีหลิงอดไม่ได้จึงแอบหันมองที่หลินหยุน พบว่าหลินหยุนมีสีหน้าท่าทางเฉยเมย โดยมองไม่ออกว่าในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่
กู้ซิวหรั่นเห็นอยู่ว่าหลินหยุนกำลังถูกโจมตีอย่างรุนแรง แต่ชายแก่ผู้นี้กลับปรากฏตัวออกมา ยกย่องชมเชยจี้หยกนี้อย่างถึงที่สุด
กู้ซิวหรั่นไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หัวเราะขึ้นและพูดว่า: “ก็แค่จี้หยกของแบกะดินไม่ใช่เหรอ จะมีอะไรที่พิเศษได้อย่างไร หรือว่าจะมีมูลค่ามากกว่าแสงแห่งความหวังที่คุณชายป๋ายมอบให้อย่างนั้นเหรอ? ”
ป๋ายรุ่ยเหวินหน้าแดง อยากที่จะถีบกู้ซิวหรั่นให้กระเด็นออกไป นายไม่รู้เรื่องก็อย่ามาพูดซี้ซั้วได้หรือไม่?
คำพูดแบบนี้หากพูดต่อหน้าคนธรรมดาทั่วไปก็ถือว่าไม่มีอะไร แต่นี่นายพูดต่อหน้านักบู๊ระดับพรสวรรค์สูงสุดคนหนึ่ง แบบนี้มันไม่ใช่เป็นการดูถูกตัวเองหรอกเหรอ?
แสงแห่งความหวังแม้ว่าจะล้ำค่า แต่ มันก็เป็นเพียงแค่ของเล่น จะนำไปเปรียบเทียบกับเครื่องรางที่มีพลังอัศจรรย์นั้นได้อย่างไรกัน?
เป็นไปตามนั้น อาฉินมองไปยังกู้ซิวหรั่นด้วยความเหยียดหยาม ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า: “วันนี้ในบรรดาของขวัญทั้งหมด จี้หยกชิ้นนี้เป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุด แสงแห่งความหวังอะไรนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับจี้หยกชิ้นนี้แล้ว ก็เป็นได้แค่ขยะ! ”
“พวกนายเป็นพวกชายหนุ่มที่ด้อยความรู้ จะสามารถเข้าใจความล้ำค่าของสมบัติชิ้นนี้ได้อย่างไรกัน! นายลองพูดเองออกมาหน่อยสิ คุณชายป๋าย! ”
สายตาของอาฉินมองไปที่ป๋ายรุ่ยเหวินในทันที และยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา
ป๋ายรุ่ยเหวินอับอายอย่างมาก อยากที่จะเข้าไปชกไอ้กู้ซิวหรั่นหน้าโง่สักตั้ง โดยที่หากว่าอาฉินเป็นเพียงแค่พ่อบ้านของตระกูลอี เขาก็คงไม่ต้องไปสนใจอะไรมาก
แต่ อาฉินเป็นถึงนักบู๊พรสวรรค์สูงสุดท่านหนึ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับอาจารย์ของเขาแล้ว ก็ด้อยกว่าเพียงแค่เล็กน้อย
ในโลกบู๊ มีกฎระเบียบเคร่งครัด ป๋ายรุ่ยเหวินอยู่ต่อหน้าคนอื่น สามารถกำเริบเสิบสานอย่างไรก็ได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้านักบู๊อาวุโสท่านหนึ่ง เขากลับไม่กล้าที่จะพูดเกินความเป็นจริง
“ท่านผู้อาวุโสพูดได้ถูกต้องแล้ว จี้หยกชิ้นนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับแสงแห่งความหวังที่ข้ามอบให้นั้น มีความล้ำค่ามากกว่าเป็นหมื่นเท่า! ”
ทุกคนต่างก็ตะลึงงัน แม้พวกเขาฝันก็ยังคงคิดไม่ถึงว่า ป๋ายรุ่ยเหวินจะยอมรับจากปากตนเองว่า ของขวัญของเขาเทียบกับของหลินหยุนไม่ได้!
กู้ซิวหรั่นขมวดคิ้ว สงสัยอยู่ในใจ เขาไม่เข้าใจว่าป๋ายรุ่ยเหวินที่มีสถานะเป็นถึงคุณชายของตระกูลป๋าย ทำไมถึงจะต้องเคารพต่อพ่อบ้านคนหนึ่งของตระกูลอีขนาดนี้ด้วย
“คุณชายป๋าย เขาเป็นเพียงแค่พ่อบ้านคนหนึ่ง จะไปทราบถึงความล้ำค่าของแสงแห่งความหวังได้อย่างไรกัน นายไม่จำเป็นต้องไปสนใจเขา! ”
ป๋ายรุ่ยเหวินหน้ามืด เกือบที่จะสลบลงไป และได้ตวาดใส่กู้ซิวหรั่นด้วยความโมโหว่า: “นายหุบปากเดี๋ยวนี้! นายไอ้คนโง่จะเข้าใจอะไร ถอยหลบออกไปซะ!”
กู้ซิวหรั่นหน้าเขียวและแดงสลับกัน ไม่รู้ว่าทำไมป๋ายรุ่ยเหวินถึงได้โมโหขึ้นอย่างกะทันหันแบบนี้ แต่ก็ไม่กล้าที่จะโต้แย้งกลับไป แม้ว่าตระกูลกู้จะมีอิทธิพลอยู่บ้างในหลิงหนาน แต่ในมณฑล เจียงหนาน ไม่มีใครที่จะให้เกียรติเห็นแก่หน้าตระกูลกู้
ป๋ายรุ่ยเหวินดุด่าเขาเหมือนกับดุด่าลูกชายอย่างไรอย่างนั้น
และหลังจากที่เขาโดนด่าแล้ว พวกคุณชายลูกเศรษฐีแห่งเจียงหนาน ไม่เพียงไม่มีคนที่เห็นอกเห็นใจเขา กลับยังยิ้มเยาะแสดงท่าทางดีใจที่เขาโชคร้าย
อาฉินหัวเราะอย่างเย็นชา และมองไปที่ป๋ายรุ่ยเหวินอย่างมีความหมาย ดวงตาปรากฏความชื่นชมขึ้นมาแวบหนึ่ง
จากนั้น อาฉินมองไปยังหลินหยุนที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก พูดขึ้นอย่างจริงจังว่า: “ขอบคุณมากที่นายได้นำสมบัติอันล้ำค่าชิ้นนี้มอบให้กับคุณหนู แม้ว่าข้าจะมองไม่ออกว่าสิ่งของชิ้นนี้มีคุณประโยชน์สำคัญอะไร แต่ข้าก็ขอขอบคุณแทนคุณหนูก่อน! ”
พูดจบ อาฉินก็โค้งคำนับต่อหลินหยุน เป็นการแสดงความเคารพ!
ทุกคนต่างตะลึงงัน!
การแสดงความเคารพของอาฉินนี้ ทำให้พวกคุณชายลูกเศรษฐีพากันตกใจตะลึงกันยกใหญ่!
แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ทราบชัดเจนว่าอาฉินมีสถานะอะไรในตระกูลอี แต่ เมื่อครู่ที่อีหลิงมีท่าทางที่เคารพอ่อนน้อมต่ออาฉินนั้น ทุกคนต่างก็เห็นกันทั้งหมด
นอกจากนี้ ป๋ายรุ่ยเหวินที่แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีใครอยู่ในสายตา เมื่ออยู่ต่อหน้าของอาฉิน ก็กลายเป็นเด็กน้อยที่เชื่อฟังโดยง่าย ทุกคนจึงคิดเชื่อมโยงกันได้โดยง่ายว่า สถานะของอาฉินนั้น ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
แต่ว่า บุคคลท่านหนึ่งที่มีสถานะสูงศักดิ์ขนาดนี้ในตระกูลอี นึกไม่ถึงว่าจะแสดงความเคารพต่อ ไอ้หนุ่มหลินหยุนนั่นเพียงเพราะจี้หยกชิ้นนี้!
ตกลงว่าจี้หยกชิ้นนี้เป็นสมบัติล้ำค่าระดับไหนกันแน่?
เมื่อครู่ อาฉินพูดว่าแสงแห่งความหวังชิ้นสุดท้ายบนโลกใบนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าของจี้หยกชิ้นนี้ก็เป็นเพียงแค่ขยะ ทุกคนอาจจะคิดว่าอาฉินไม่เข้าใจทางด้านนี้ หรือว่าจงใจที่จะพูดกดดันป๋ายรุ่ยเหวิน
แต่ว่า ตอนนี้เมื่อดูจากท่าทางของอาฉินแล้ว ไม่ใช่อย่างที่คิดเอาไว้นั้นเลย
จี้หยกชิ้นนี้ไม่ใช่สิ่งของธรรมดา ถึงขนาดที่ว่า มีเรื่องราวที่มายิ่งใหญ่มาก!
พวกคนที่อดใจไว้ไม่ได้ สายตาก็มองไปที่หลินหยุน แสดงออกถึงอาการที่ตื่นตระหนก
กู้ซิวหรั่นโกรธเกลียดอย่างมาก: “แม่งสิ โชคร้ายเสียจริง เห็นอยู่ว่าหลินหยุนกำลังถูกโจมตีอย่างรุนแรง คิดไม่ถึงว่าระหว่างนั้นก็มีชายแก่ผู้นี้ปรากฏตัวออกมา! ตอนนี้ไม่เพียงแค่ไม่สามารถว่ากล่าวโจมตีหลินหยุนได้ แต่กลับทำให้เขาได้แสดงตัวอย่างยิ่งใหญ่ออกมา มีอย่างที่ไหนกันเล่า! ”
เย่เทียนเหามองไปที่ป๋ายรุ่ยเหวินที่มีสีหน้าหม่นหมอง แล้วความโกรธก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เดิมได้พูดกันเอาไว้ว่าจะร่วมมือกันต่อต้านตระกูลอี จัดการกับหลินหยุน แต่ป๋ายรุ่ยเหวินทำแบบนี้ ถือเป็นการหักหลังกันกลางคันอย่างชัดเจน!
หลี่เหยนด่าขึ้นด้วยความโกรธ: “แม่งสิ ไอ้หนุ่มนี้มันช่างโชคดีขนาดนี้เลยเหรอ? เขารอดตัวไปได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว! ”
เซี่ยหยู่เวยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แต่จิตใจกลับมีเมฆดำปกคลุมอยู่หนึ่งชั้น ‘โชคดีเหรอ? ’ คงไม่ใช่แน่! จี้หยกชิ้นนั้นตกลงเป็นสิ่งของอะไรกันแน่? หลินหยุน ตัวตนของนายตกลงยังมีอะไรแอบซ่อน ที่เป็นความลับไม่ได้เปิดเผยให้คนอื่นรับรู้อีก?
ใบหน้าอันสวยงามของอีหลิงได้แดงก่ำขึ้น ก้มศีรษะ และพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้นว่า: “หลินหยุน ขอบคุณที่นายได้มอบจี้หยกล้ำค่าชิ้นนี้ให้กับฉัน”
อีหลิงดีอกดีใจเป็นอย่างมาก ที่หลินหยุนได้มอบจี้หยกที่ล้ำค่าขนาดนี้ให้กับเธอ นั่นแสดงให้เห็นถึงสถานะความสำคัญของเธอที่อยู่ในจิตใจของหลินหยุน
ป๋ายรุ่ยเหวินมีสีหน้าที่ย่ำแย่อย่างมาก เพราะอีหลิงนั่นคือว่าที่ภรรยาของเขา! แต่ตอนนี้นึกไม่ถึงว่าเธอจะส่งสายตาสื่อความรู้สึกให้กับไอ้หลินหยุนนั่น
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอาฉิน ป๋ายรุ่ยเหวินก็ไม่กล้าที่จะโวยวายอะไร ทำได้เพียงอดทนยอมรับเงียบ ๆ
ป๋ายรุ่ยซินเห็นหลินหยุนได้ทีทำเป็นออกหน้าออกตา จึงไม่ค่อยพอใจอย่างมาก: “ฮึ จะมีอะไรที่อัศจรรย์กัน! ครั้งหน้าข้าจะซื้อจี้หยกชิ้นที่ใหญ่และดีกว่านี้ มอบให้กับอีหลิง! ”
อาฉินยิ้มอย่างเหยียดหยาม ไม่ใช่ว่าชิ้นที่ใหญ่กว่าดีกว่าจะไปมีประโยชน์อะไรได้ จี้หยกชิ้นนี้ที่ หลินหยุนมอบให้กับอีหลิงนั้น ชัดเจนว่าเป็นเครื่องรางที่ได้ทำขึ้นมาเป็นอย่างดี คนธรรมดาอย่างป๋ายรุ่ยซิน ไม่มีทางที่จะเข้าใจในมูลค่าของมันได้
สำหรับการแสดงความเคารพของอาฉิน หลินหยุนก็น้อมรับอย่างเต็มใจ โดยยืนอยู่ที่เดิมในท่าทางเฉยชา ไม่พูดจาอะไรแม้แต่คำเดียว
ดูเหมือนว่า อาฉินที่อยู่เบื้องหน้าของเขา ก็ไม่แตกต่างอะไรกับพวกลูกชายเศรษฐีเหล่านั้น
อาฉินไม่แปลกใจอะไรเลย เขาติดตามอีหยุ่น และได้เคยพบเจอกับหลินหยุนแล้วสองครั้ง โดยที่ท่าทางหยิ่งยโสของหลินหยุนนั้น เขาค่อนข้างเข้าใจดี
อีกทั้ง ในใจอาฉินยังมีความสงสัยเพิ่มมากขึ้นว่า หลินหยุนคงจะไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปเป็นแน่
“ตอนแรกที่อยู่ในห้องพักผ่อน เขาตั้งใจที่จะปลดปล่อยลมหายใจที่แกร่งกล้าต่อหน้าข้า โดยที่ไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย ตอนนี้ ได้นำเครื่องรางชิ้นหนึ่งมาเป็นของขวัญมอบให้กับคุณอีหลิง ซึ่งไม่ใช่ว่าคนธรรมดาทั่วไปจะสามารถทำอย่างนี้ได้! ”
“ไอ้หนุ่มนี้ ตกลงว่ามีสถานะอะไรกันแน่? ”
ในขณะที่อาฉินกำลังแอบคาดเดาสถานะของหลินหยุนอยู่นั้น ก็มีเสียงดังโครมขึ้น ประตูใหญ่ได้ถูกเปิดขึ้นด้วยพลังอันรุนแรง
ยามสองคนที่อยู่ในชุดปฏิบัติงาน ถูกต่อยกระเด็นลอยเข้ามา ล้มลงไปกองบนพื้นอย่างกระเซอะกระเซิงแล้วก็สลบไป
จากนั้น ชายหนุ่มสองคนในชุดฝึกบู๊สีดำ ได้แบกหามโลงศพสีดำโลงหนึ่ง เดินเข้ามาด้านใน