หลินหยุนแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นคนพวกนี้ แล้วเดินหน้าต่อไป
พวกเถียนชุ่ยชุ่ยมองไปหาเขา จู่ๆ เถียนชุ่ยชุ่ยก็หัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “หลินหยุน เจอเพื่อนร่วมห้องทั้งที จะไม่มาทักทายกันหน่อยเหรอ มันจะไร้มารยาทเกินไปหรือเปล่า!”
หลินหยุนก็ยังคงไม่สนใจอยู่ดี เดินผ่านเถียนชุ่ยชุ่ยด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ ทำเหมือนพวกเถียนชุ่ยชุ่ยเป็นอากาศธาตุ
เฮิง!
ใจของคนพวกนี้เก็บความโกรธเอาไว้ไม่หยุด
“เฮ้ย หลินหยุน ฉันกำลังถามแกอยู่น่ะ?” เถียนชุ่ยชุ่ยโกรธมาก จึงตะโกนออกไป
หลินหยุนหยุดเท้าของตัวเอง หันหน้ากลับไป แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “ฉันพักอยู่ข้างบน มีปัญหารึไง?”
“อะไรน่ะ!”
ทุกคนต่างก็ตกใจ
จากนั้น คนที่สวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาว งดงามจนหัวใจสั่นไหวอย่างจางเหมิง จู่ๆก็หัวเราะด้วยความดูถูกแล้วพูดว่า “ฮ่าๆๆๆ ขำจนจะบ้าตายแล้วเนี่ย!”
“หลินหยุน ถ้าแกจะพูดโกหก ก็ใช้สมองสักนิดสิ! ใครไม่รู้ว่าคฤหาสน์ที่อยู่ข้างบน เป็นของท่านเจี่ยงในหลินโจว แกบอกว่าแกพักอยู่ด้านบน คิดว่าแกเป็นลูกชายของท่านเจี่ยงรึไง?”
เถียนชุ่ยชุ่ยมองจางหมิงด้วยใบหน้าที่สงสัย แล้วถามว่า “จางหมิง คฤหาสน์ด้านบนนี้เป็นของท่านเจี่ยงจริงๆเหรอ?”
จางหมิงพูดด้วยสีหน้าที่มั่นใจว่า “มันแน่นอนอยู่แล้ว เรื่องพวกนี้เสวเหวินเป็นคนบอกกับฉันเอง ด้วยความสัมพันธ์ของเสวเหวินกับปรมาจารย์หลิน การที่จะรู้เรื่องของท่านเจียงมันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว”
เถียนชุ่ยชุ่ยเข้าใจได้ในทันทที “ในเมื่อปรมาจารย์หลินสามารถขอให้ท่านเจี่ยงเคลื่อนไหวได้ การที่จะรู้เรื่องของท่านเจี่ยง ก็เป็นเรื่องปรกติ”
เหยียนเสวเหวินเขินอายเล็กน้อย ความจริงเขารู้ว่าอยู่แล้วว่าคฤหาสน์ข้างบนนักพัฒนาเป็นคนมอบให้กับท่านเจี่ยง ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับปรมาจารย์หลิน
เพราะว่านักพัฒนานั่น เป็นเจ้านายคนก่อนของพ่อเขา เพราะงั้นเขาถึงรู้ประวัติความเป็นมาของคฤหาสน์ด้านบนนั้น
แต่ว่าเหยียนเสวเหวินไม่ยอมพูดออกไปอยู่แล้ว มีเรื่องให้โม้แล้ว จะไม่ให้โม้ได้ยังไง?
เหยียนเสวเหวินพยักหน้าอย่างจริงจังแล้วพูดว่า “เหมิงเหมิงพูดถูกแล้ว บทที่คฤหาสน์พวกนี้เพิ่งสร้างเสร็จ นักพัฒนาก็เอาตึกว่างเยว่ด้านบนสุดมอบให้กับท่านเจี่ยง เพื่อแสดงถึงความเคารพ!”
พอได้รับการยืนยันจากเหยียนเสวเหวิน บวกกับที่เหยียนเสวเหวินรู้จักกับคนลึกลับอย่างปรมาจารย์หลินที่หาตัวจับได้ยาก พวกเถียนชุ่ยชุ่ยต้องเชื่อคำพูดของจางหมิงอยู่แล้ว
เถียนชุ่ยชุ่ยหันไปมองหลินหยุนด้วยสีหน้าที่ดูถูกทันที ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “หลินหยุน ฉันรู้ว่าเพราะฉันไม่เลือกแก เพราะงั้นแกจึงโกรธแค้นฉันมาโดยตลอด อยากจะให้ฉันเสียใจที่ตอนนั้นไม่เลือกแกสินะ”
“แต่ว่า แกคิดว่าคำโกหกปัญญาอ่อนแบบนี้ จะสามารถทำให้ฉันมองแกใหม่รึไง?”
“น่าเสียดาย! คำโกหกของแกถูกหมิงหมิงมองออกสักแล้ว น่าขายหน้าสักจริง!”
คำพูดของเถียนชุ่ยชุ่ย ทำให้เสิ่นหย่งกับพวกจางหมิงหัวเราะเยาะออกมา
สายตาที่พวกเขามองหลินหยุน เหมือนเป็นตัวตลก ก็ราวกับโจรที่ถูกเปิดเผยอย่างหมดเปลือกแต่ก็ไม่ยอมรับผิด จนทำให้โจรคนนั้นพูดอะไรไม่ออก
หลินหยุนเผยรอยยิ้มด้วยความดูถูก ไม่แม้แต่จะอธิบาย เดินเข้าไปในป่าที่ถูกครอบคลุมด้วยค่ายกล
จนถึงตอนนี้ คนพวกนี้ยังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของปรมาจารย์หลินด้วยซ้ำ ตัวประกอบแบบนี้ หลินหยุนไม่อยากสนใจแม้แต่น้อย
“เขาเข้าไปแบบนี้เลยเหรอ!” เถียนชุ่ยชุ่ยพูดด้วยความตกใจ
“เฮิง ก็แค่เสแสร้งเท่านั้นแหละ! อีกไม่นาน เขาก็จะเหมือนกับพวกเรา ที่ต้องกลับมายังจุดเดิม!” จางหมิงพูดพร้อมรอยยิ้มที่เย็นชา
“งั้นพวกเราก็รอเขาอยู่ที่นี่ รอจนเขากลับมา ดูว่าเมื่อถึงตอนนั้น เขายังมีอะไรจะพูดอีก!” ใจของเถียนชุ่ยชุ่ยคิดแต่เรื่องที่จะแก้แค้นหลินหยุน อยากให้หลินหยุนอับอาย
“ก็ดี!เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ฉันหมั่นไส้ไอ้สายตาของเขาที่ไม่เห็นหัวคนอื่นมาตั้งนานแล้ว! เดี๋ยวตอนเขากลับมายังจุดเดิม พวกเราก็ถามเขาว่า จำทางกลับบ้านของตัวเองไม่เจอแล้วเหรอ? ฮ่าๆ แกลองคิดดูว่าเขาจะทำสีหน้ายังไง?” จางหมิงเอามือปิดปากแล้วหัวเราะออกมาพร้อมกับเฝ้ารอ ในเสียงหัวเราะเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
พวกเขานั่งพักอยู่บนสนามหญ้า รอการกลับมาของหลินหยุน
แต่ว่า ผ่านไปครึ่งชั่วโมง หลินหยุนก็ยังคงไม่กลับมา
เถียนชุ่ยชุ่ยพูดด้วยความสงสัย “พวกเราเข้าไปสามครั้ง ครั้งที่นานที่สุดก็เดินวนอยู่ข้างในราวๆยี่สิบนาทีถึงออกมาได้ หลินหยุนเดินเข้าไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมยังไม่ออกมาอีก?”
พวกเขาต่างก็ไม่เข้าใจ จางหมิงพูดเดาขึ้นมาว่า “เป็นไปได้ไหมว่าจะหลงทางอยู่ข้างในนั้น?”
“ไม่น่าเป็นไปได้ วันนี้มีคนเข้าไปเยอะขนาดนั้น ยังไม่ได้ยินเลยว่ามีใครหลงทาง” เหยียนเสวเหวินพูด
“รึว่าเขาพักอยู่ข้างบนจริงๆ?”หวางหยู่หันที่อยู่ข้างๆพูดความคิดนี้ขึ้นมา
“เป็นไปไม่ได้!” เถียนชุ่ยชุ่ยกับจางหมิงพูดขึ้นมาพร้อมกับ เพื่อหักล้างความสงสัยของหวางหยู่หัน
จางหมิงพูดว่า “เสวเหวินบอกแล้ว คฤหาสน์ข้างบนเป็นของท่านเจี่ยงในหลินโจว ไอ้เจ้าหลินหยุนจะไปพักอยู่ข้างบนได้ยังไง?”
“งั้นเขาเข้าไปนานขนาดนั้น ทำไมยังไม่ออกมาอีก จะอธิบายเรื่องนี้ยังไง?” หวางหยู่หันพูด
จางหมิงไม่สามารถเถียงได้ มองไปยังป่าด้านหน้าที่เต็มไปด้วยหมองด้วยความโมโห กัดฟันพูดออกไปว่า “รออีกสักครึ่งชั่วโมง ถ้าเกิดเขายังไม่ออกมา จะต้องหลงทางอยู่ข้างในอย่างแน่นอน หรือไม่เขาก็รู้ว่าพวกเรารอเขาอยู่ข้างนอก เพราะงั้นจึงตั้งใจไม่ออกมา เพื่อหลบหน้าพวกเรา”
“เป็นไปได้!” เถียนชุ่ยชุ่ยพยักหน้า “ฉันรู้จักเขาดี เขาเป็นคนที่ต่อให้ตายก็ต้องรักษาหน้าเอาไว้ ถ้าเกิดพวกเราไม่ไป เขาสามารถหลบอยู่ข้างในได้จนถึงพรุ่งนี้!”
“ฉันว่าช่างเถอะ พวกเรากลับกันเถอะ! มาเสียเวลากับคนขี้แพ้แบบนี้ทำไม? มันไม่คุ้นเอาซะเลย!” เสิ่นหย่งพูด
“เสิ่นหย่งพูดถูกแล้ว พวกเราไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเพื่อคนขี้แพ้แค่คนเดียว กลับกันเถอะ เดี๋ยวฟ้าก็จะมืดแล้ว!” เหยียนเสวเหวินเองก็พูดเสริม
“งั้นก็ได้! ครั้งนี้จะปล่อยหลินหยุนไปสักครั้ง!” เถียนชุ่ยชุ่ยพูดด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
พอหลินหยุนกลับมายังคฤหาสน์เยว่โหลว เมื่อเพิ่มค่ายกลรวมพลังขนาดใหญ่กับเล็ก ก็ทำให้ชี่ทิพย์ที่อยู่รอบๆคฤหาสน์หนาแน่นยิ่งกว่าข้างนอก จนกลายเป็นหมอกชี่ทิพย์อย่างสมบูรณ์
หลินหยุนกระโดดขึ้นไป อยู่บนดาดฟ้าโดยที่ไม่มีเสียง
เมื่อคิดๆไปก็มีหยกขวดเล็กหนึ่งขวดปรากฏออกมาในมือของเขา
“หมอกชี่ทิพย์ สามารถกักเก็บน้ำซี่ทิพย์ได้เล็กน้อย”
แม้ว่าแดนที่หลินหยุนอยู่ในตอนนี้ น้ำซี่ทิพย์จะไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาแล้ว แต่ว่า สำหรับคนธรรมดา ก็เทียบเท่ากับยาขนานวิเศษ
ถ้าเกิดทานเป็นประจำ สามารถช่วยให้อ่อนวัย และรักษาโรคต่างๆ ให้ร่างกายกลับไปแข็งแรงอีกครั้ง
“แม่กับพี่ฉินหลัน แล้วก็ยังมีน้าเฟิน ถึงเวลานั้นค่อยแบ่งให้พวกเธอก็แล้วกัน”
พอสะบัดมือ ซี่ทิพย์ที่เหมือนกับหมอกบางๆ ถูกดูดเข้าไปยังขวดหยกอย่างรวดเร็ว ราวกับควันบางๆ
แต่ว่า ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ถึงสามารถรวบรวมหยดน้ำจากขวดหยกมาได้ไม่กี่หยด
หลินหยุนเอาขวดหยกไปวางตรงมุมหนึ่งของดาดฟ้า จากนั้นก็วางผนึกรวบรวมวิญญาณ เพื่อให้ขวดหยกดูดเองอัตโนมัติ
เขาเดินไปอีกทาง นั่งสมาธิเพื่อบำเพ็ญต่อ
ปิดตัวฝึกฝนครั้งเดียว ก็ผ่านไปสามวันแล้ว
หลังจากที่ฝึกฝนจนเสร็จ หลินหยุนก็เปิดมือถือ แล้วก็เห็นข้อความของโจวชิงเหอในทันที
“หมอเทพหลิน ได้รับโควตาในการเข้าร่วมการแข่งขันราชาการแพทย์แล้ว ท่านต้องการเมื่อไหร่ ข้าจะรีบส่งไปให้ท่านทันที!”
ยังมีอีกหนึ่งข้อความ คนที่ส่งมาก็คือฉินหลัน
ข้างในข้อความมีแค่สามคำ สะดวกไหม?
ดูเวลาที่ข้อความถูกส่งมา เป็นเวลาสี่ทุ่มของเมื่อวาน
“ในเวลาสี่ทุ่ม พี่ฉินหลันกลับส่งข้อความมาหา ดูเหมือนว่าน่าจะเจอกับปัญหาอะไรสักอย่าง!”
เวลานั้น หลินหยุนก็เกือบจะบอกตัวตนที่แทนจริงออกไปแล้ว แบบนี้เวลาที่ฉินหลันมาหาเขา บางทีอาจจะไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้
หลินหยุนรีบโทรไปหาฉินหลัน
รอสายอยู่ไม่กี่วิ กว่าจะรับสาย
“หลินหยุน!” เสียงของฉินหลันดูตกใจเล็กน้อย
หลินหยุนเข้าใจดี บางทีเพราะเมื่อวานได้ส่งข้อความมาหาเขา แต่เขาไม่ได้ตอบกลับไป ฉินหลันคงคิดว่าหลินหยุนไม่อยากยุ่งเรื่องของเธอแล้ว
“พี่ฉินหลัน เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” หลินหยุนพูดด้วยเสียงที่อบอุ่น