เมื่อเปรียบเทียบกับคนธรรมดาทั่วไปที่ตื่นตระหนกแล้ว ป๋ายรุ่ยเหวินเองที่เป็นนักบู๊ก็สงบนิ่งมากกว่าคนอื่นพอสมควร
ป๋ายรุ่ยเหวินหันมองไปที่คุณเหลียนที่อยู่ด้านหลัง กระซิบถามขึ้นว่า: “คุณเหลียน ท่านว่าสองคนนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ? ”
คุณเหลียนมองไปยังทั้งสองคนที่เหาะเหินไปมาในสถานที่ต่อสู้ สีหน้าท่าทางหวั่นไหว: “พวกเขาทั้งสองต่างก็เป็นนักบู๊ที่มีความสามารถระดับขั้นพรสวรรค์สูงสุด ซึ่งสูงกว่าข้ามากมายหลายเท่า ข้ามองไปออก! ”
“แม้แต่ท่านก็ยังมองไม่ออก ระดับขั้นพรสวรรค์สูงสุดช่างแข็งแกร่งมากมายเสียจริง! ” ป๋ายรุ่ยเหวินก็เป็นผู้มีพรสวรรค์ชั้นต้นที่มีทักษะด้านนั้น ๆ ติดตัวมาแต่เกิดเล็กน้อยโดยไม่ต้องฝึกฝน โดยเขารู้ว่าตนเองมองไม่ออกถึงพลังความสามารถของเขาทั้งสองคน ก็เป็นเรื่องที่น่าเข้าใจได้
แต่ คุณเหลียนเป็นถึงผู้มีพรสวรรค์ชั้นสูงที่มีทักษะด้านนั้น ๆ ติดตัวมาแต่เกิดโดยไม่ต้องฝึกฝน หากก้าวหน้าขึ้นอีกขั้นก็จะถึงขั้นพรสวรรค์สูงสุดแล้ว คิดไม่ถึงว่าแม้แต่เขาก็ยังคงมองไม่ออกว่าสองคนนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ
คุณเหลียนถอนหายใจแล้วพูดว่า: “การฝึกบำเพ็ญบู๊ ช่วงระหว่างของแต่ละแดน เหมือนกับคูน้ำที่ล้อมรอบธรรมชาติ แม้ว่าขั้นพรสวรรค์สูงสุดกับขั้นพรสวรรค์ชั้นสูงจะแตกต่างกันแค่แดนเดียว แต่ว่า เมื่อข้าอยู่ต่อหน้าพวกเขาสองคนแล้ว ไม่มีทางที่จะต่อกรกับพวกเขาได้เลย แล้วจะสามารถมองออกถึงผลแพ้ชนะได้อย่างไร”
ในเมื่อคุณเหลียนมองไม่ออก ถ้าอย่างนั้นคุณเหยียนแห่งตระกูลเย่ ก็คงมองไม่ออกเช่นกัน
สายตาของป๋ายรุ่ยเหวินมองไปยังเย่เทียนเหาที่อยู่ไม่ไกลมากนัก เป็นไปตามนั้นว่า เย่เทียนเหาเองก็กำลังมองมาที่เขาเช่นกัน
ทั้งสองคนจ้องมองกันโดยไม่พูดไม่จา ขณะเดียวกันก็ส่ายศีรษะ
อีหลิงตึงเครียดเล็กน้อย แล้วก็ค่อย ๆ เดินมาที่ด้านข้างของอีหยุ่น กระซิบถามขึ้นว่า: “คุณพ่อ อาฉินจะเอาชนะได้ไหม? ”
อีหยุ่นแสดงรอยยิ้มที่อ่อนโยน และพูดอย่างนุ่มนวลว่า: “วางใจเถอะ อาฉินจะเอาชนะได้อย่างแน่นอน! ”
ผ่านไปชั่วครู่ ทั้งสองคนก็ต่อสู้กันไปอีกสิบกว่ากระบวนท่า แต่ว่า อาฉินไม่ทันระวังตัว จึงถูกชายชราในชุดคลุมสีดำชกเข้าที่ทรวงอก กระเด็นลอยไปไกล
ชายชราในชุดคลุมสีดำเหมือนว่ามีความเชื่อมั่นในตนเองอย่างมาก ไม่ได้ตามเข้าไปลงมือต่อ แต่หยุดยืนอยู่กับที่ แล้วมองไปที่อาฉินด้วยสีหน้าที่หยิ่งผยอง: “ข้าพูดเอาไว้แล้วว่า ถ้าหากนายไม่ต่อสู้อย่างสุดกำลังสุดชีวิต ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”
อาฉินลุกยืนขึ้น แล้วก็ค่อย ๆ เช็ดรอยเลือดที่มุมปาก ร่างกายที่หลังค่อมง่อนแง่นดูเหมือนว่าจะ แก่ชราลงไปอีกมาก และอาจจะเสียชีวิตลงได้ทุกเมื่อ
“ข้ายอมรับว่านายแข็งแกร่ง หากว่าข้าอยู่ในช่วงที่บำเพ็ญฝึกฝนสูงสุด อาจจะสามารถต่อสู้กับนายได้อีกยก แต่ข้าในตอนนี้ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนายจริง ๆ”
“นายพูดได้ถูกต้อง หากต้องการเอาชนะนาย ข้าจะต้องสู้อย่างสุดกำลังสุดชีวิตเท่านั้น! ”
พูดจบ ลมหายใจที่แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ได้ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของอาฉิน ชั่วครู่ ก็โหมพัดไปทั่วทั้งสถานที่
อีหยุ่นตกตะลึง รีบตะโกนเรียก: “อาฉิน อย่าเด็ดขาด! ”
อาฉินหันกลับไปมองเขาเล็กน้อย ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่ไร้ความกังวลขึ้น: “ไม่เป็นไร ต่อไปอย่างมากก็แค่การพลังฝึกฝนบำเพ็ญนั้นสูญสิ้นไป”
“แต่ ศัตรูคนใดที่มารุกล้ำทำร้ายตระกูลอี หากว่ามีข้าอยู่ จะต้องตายทั้งหมด! ”
อีหยุ่นน้ำตาคลอเบ้า ท่าทางซาบซึ้งใจ: “อาฉิน นายปกป้องคุ้มครองข้ามาหลายสิบปี ทำให้ข้าเติบโตมาจนทุกวันนี้ คิดไม่ถึงว่าเมื่อตอนที่ข้าขึ้นเป็นผู้นำของตระกูลอีแล้ว กลับไม่สามารถที่จะปกป้องนายเอาไว้ได้ ข้าละอายแก่ใจจริง ๆ! ”
พวกผู้มีชื่อเสียงแห่งเจียงหนาน แต่ละคนสีหน้าท่าทางหวาดผวา เพราะถูกพลังอันแข็งแกร่งนั้นสยบเอาไว้
“พละกำลังในครั้งนี้ ทรงพลังกว่าครั้งก่อนหนึ่งเท่าตัว! ”
เดิมทีร่างกายที่ง่อนแง่นหลังค่อมของอาฉิน ค่อย ๆ ยืนตัวตรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน ลักษณะท่าทางก็เปลี่ยนเป็นหนุ่มขึ้น จากเดิมที่เป็นชายชราที่ใกล้จะตาย ได้กลับกลายเป็นชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบกว่าปี
หลินหยุนมองไปที่อาฉินอย่างเฉยเมย แววตาแสดงรอยยิ้มอย่างเย็นชา: “เดิมทีหากว่าควบคุมอาการบาดเจ็บเอาไว้ ก็ยังสามารถมีชีวิตได้อีกหลายสิบปี ตอนนี้ได้ใช้พละกำลังการบำเพ็ญฝึกฝนทั้งหมด ทำให้อาการบาดเจ็บทรุดหนักลง อาการบาดเจ็บเดิมก็ยังไม่หายดีแล้วมาเพิ่มการบาดเจ็บใหม่เข้าไปอีก คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว! ”
ชายชราในชุดคลุมสีดำหัวเราะฮ่าฮ่า ชุดคลุมสีดำเคลื่อนไหวเองโดยปราศจากแรงลม: “ใช่แล้ว แบบนี้จึงค่อยสมน้ำสมเนื้อหน่อย! ”
อาฉินยืนตัวตรง หัวเราะอย่างเย็นชา ไม่ได้พูดจาอะไรที่ไร้สาระ ก็ปล่อยหมัดพุ่งเข้าไปที่ชายชราในชุดคลุมสีดำ
“มาก็ดีแล้ว! ” ชายชราในชุดคลุมสีดำก็ชูไม้เท้าขึ้นเพื่อต้านทาน
อาฉินทรงพลังมากขึ้น แต่ คิดไม่ถึงว่าชายชราในชุดคลุมสีดำก็มีพละกำลังที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือดยากที่จะแยกออกจากกัน โดยที่ความสามารถไม่มีใครเป็นรองใคร
นักบู๊เหล่านั้นที่อยู่ในห้องโถง แต่ละคนต่างอดไม่ได้ที่จะพูดคุยกัน: “คิดไม่ถึงว่า เมื่อครู่ทั้งสองคนนี้ต่างก็ยังไม่ได้ปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมาอย่างเต็มที่! ตอนนี้ต่างหาก ถึงจะเป็นพละกำลังที่สูงสุดของทั้งสองคน! ”
ภายในห้องโถง แรงลมพัดโหม ทั้งสองคนก็ยิ่งรวดเร็วมากขึ้น จากนั้น คนธรรมดาก็เห็นเพียงเงาร่างสองเงาที่ลอยไปลอยมา
ตุบ!
หลังจากที่ทั้งสองคนต่อสู้กันไปครบยก ก็แยกตัวออกจากกัน
ชายชราในชุดคลุมสีดำยิ้มอย่างประหลาดและก็มองไปที่อาฉิน: “ถ้าหากว่านายไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่เกินสามปี นายคงจะสามารถเข้าสู่ขั้นสูงสุดได้แน่นอน กลายเป็นปรมาจารย์บู๊! ”
“แต่ว่า น่าเสียดาย! ”
อาฉินพูดขึ้นอย่างไร้อารมณ์ว่า: “นายก็เช่นกันไม่ใช่เหรอ? ”
“ฮ่าฮ่า! ” ชายชราในชุดคลุมสีดำหัวเราะดังขึ้นอย่างประหลาด จากนั้น เสียงหัวเราก็หยุดลงอย่างกะทันหัน: “มาตัดสินผลแพ้ชนะกันเถอะ! ”
อาฉินพยักหน้าด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม: “ตกลง! ”
ทั้งสองคนจ้องมองไปยังฝ่ายตรงข้าม ในครั้งนี้ ต่างก็ไม่มีใครจะชิงลงมือก่อน
ลมหายใจของทั้งคู่รุนแรงจนถึงขั้นสูงสุด เพียงขยับก็เคลื่อนไหวไปทั่วทั้งร่างกาย
ทุกคนต่างหยุดกลั้นลมหายใจ ต่อให้เป็นคนธรรมดาทั่วไปเหล่านั้น ต่างก็สังเกตเห็นได้ จากนั้นก็ยังไม่มีใครเคลื่อนไหว เพียงแค่เคลื่อนไหว แน่นอนว่าถึงขั้นฟ้าถล่มดินสลาย จู่โจมครั้งเดียวถึงกับชีวิต!
ทั้งสองคนต่างจ้องมองไปยังฝ่ายตรงข้าม เวลาผ่านไปกว่าหลายนาที ในที่สุด เหมือนว่าทั้งสองคนต่างอดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ จึงได้ลงมือพร้อมกัน
“ไม้เท้าพิฆาต! ”
ชายชราในชุดคลุมสีดำสองมือชูไม้เท้าไม้มะเกลือขึ้น ร่ายรำไม้เท้าอยู่กลางอากาศโดยที่ไม่มีกระบวนท่าอะไร ราวกับว่าเป็นคนเมาเหล้ากำลังอาละวาด
แต่ว่า อาฉินกลับมีสีหน้าที่จริงจังกว่าที่ผ่านมา โดยกำลังเตรียมที่จะแสดงท่าไม้ตายสุดยอดของเขาออกมา
“ฝ่ามือมหาเทวราช! ”
อาฉินเปลี่ยนจากพลังหมัดเป็นพลังฝ่ามือ เตรียมพร้อมรอเอาไว้แล้ว โดยที่ยังไม่แสดงออกไปก่อน ก็เหมือนกับสิงโตตะปบกระต่าย รอคอยจู่โจมเพียงแค่ครั้งเดียว
ตุบ!
การโจมตีอันทรงพลังของทั้งสองฝ่าย ในที่สุดก็ได้ปะทะกัน
อาฉินกระอักเลือดนองพื้น ร่นถอยหลังไปสี่ห้าก้าว จากนั้นก็ล้มนั่งลงไปที่พื้น
ชายชราในชุดคลุมสีดำถูกแรงสั่นสะเทือนกระเด็นลอยไปไกล กระอักเลือดพุ่งกลางอากาศ ร่างกายพุ่งเข้ากระแทกกับกำแพงด้านหลังอย่างรุนแรง แล้วก็ตกลงสู่พื้น
“อาฉิน นายเป็นอะไรมากไหม? ” อีหยุ่นรีบเข้าไปดูอาการ คิดที่จะประคองตัวอาฉินขึ้นมา
อาฉินยกมือขึ้น ส่ายศีรษะ แสดงให้เห็นว่าตัวเองไม่เป็นอะไร
ชายชราในชุดคลุมสีดำลุกขึ้นยืนอย่างกระท่อนกระแท่น อยู่ในสภาพกระเซอะกระเซิงพอสมควรแล้วก็มองไปที่อาฉิน พูดขึ้นด้วยเสียงหนักแน่นว่า: “เป็นพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก! ข้าพ่ายแพ้แล้ว! ”
“นายก็ไม่เลว! ” อาฉินสีหน้าเคร่งขรึม ไม่ได้เป็นเพราะเหตุที่เอาชนะแล้วก็มองข้ามชายชราใน ชุดคลุมสีดำ
อีหยุ่นเดินเข้าไปหา ตะโกนใส่อย่างเย็นชา: “ตอนนี้ สามารถบอกความเป็นมาของนายได้แล้วยัง? ”
ชายชราในชุดคลุมสีดำหัวเราะอย่างประหลาดขึ้น: “นายคิดว่าเอาชนะข้าได้แล้ว ก็จะหมดเรื่องเท่านี้แล้วเหรอ? ”
อีหยุ่นสีหน้าเปลี่ยนไป เกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมาในจิตใจ: “ที่นายพูดนี้หมายความว่าอย่างไร? ”
ชายชราในชุดคลุมสีดำหัวเราะเหอะเหอะขึ้นทันทีแล้วพูดว่า: “เดิมทีข้าคิดว่าเพียงแค่อาศัยตัวข้าเอง ก็สามารถที่จะทำลายล้มล้างตระกูลอีได้ ดูเหมือนว่าข้าจะมองข้ามผู้มีอิทธิพลแห่งเจียงหนานเกินไปหน่อย จึงได้พลาดพลั้งขึ้น”
“แต่ว่า ตระกูลอีของนายวันนี้คงไม่มีทางหนีรอดไปได้ ซึ่งคนตระกูลอีทั้งหมด ไม่มีใครสามารถที่จะหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว”
พวกผู้มีชื่อเสียงแห่งเจียงหนานทั้งหมด เกิดความหวาดกลัวขนลุกขนพองขึ้นในจิตใจ
“คนผู้นี้เป็นบ้าไปแล้วเหรอ? พ่ายแพ้แล้วยังจะมาทำเป็นพูดดีอีก! ”
“ใช่ ตนเองพ่ายแพ้แล้วยังจะมาคุยโวว่าจะทำลายล้มล้างตระกูลอี ตระกูลอีคือตระกูลขนาดใหญ่อันดับหนึ่งแห่งเจียงหนานของพวกเรา เขาจะพูดว่าทำลายล้มล้างได้อย่างง่ายดายที่ไหนกันเล่า! ”
พวกที่เป็นบริวารภายใต้อิทธิพลอำนาจของตระกูลอี ต่างก็ทยอยออกมา พูดเสียดสีชายชราในชุดคลุมสีดำที่โอ้อวดอย่างไม่มีความละอาย พูดบ้า ๆ สุ่มสี่สุ่มห้า
แต่ อีหยุ่นกับอาฉินไม่พูดไม่จาอะไร สีหน้าท่าทางเคร่งเครียด
เหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามจะเข้าใจเรื่องทุกอย่างของตระกูลอีได้เป็นอย่างดี แต่ว่า จนถึงตอนนี้ ตระกูลอีกลับไม่ทราบอะไรเลยเกี่ยวกับชายชราในชุดคลุมสีดำคนนี้
พวกเขาคิดว่า เรื่องมันคงยังไม่จบลงอย่างง่ายดายแบบนี้เป็นแน่
เป็นไปตามนั้นจริง ชายชราในชุดคลุมสีดำหันหลังโดยพลัน ไปที่หน้าประตูใหญ่ โค้งคำนับ ด้วยท่าทางที่เคารพ: “ขอเชิญเจ้านาย! ”
น้ำเสียงของเขาปะปนไปด้วยชี่แท้ เสียงดังขึ้นอย่างชัดเจนแล้วก็แผ่กระจายออกไป คาดว่าภายในบริเวณห้ากิโลเมตรคงสามารถที่จะได้ยิน
“อะไรกัน! ”
“เขายังมีเจ้านายอีกเหรอ! ”
“เขาเองก็แข็งแกร่งถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นเจ้านายของเขาจะแข็งแกร่งมากขนาดไหนกันเชียว? ”
เกือบทุกคนต่างก็แสดงออกถึงความหวาดกลัว หยุดกลั้นลมหายใจ แล้วมองไปที่หน้าประตูใหญ่อย่างเหลือเชื่อ
บรรยากาศภายในห้องโถง แปลกประหลาดมากถึงที่สุด