จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 328 ขอเชิญเจ้านาย

บทที่ 328 ขอเชิญเจ้านาย

เมื่อเปรียบเทียบกับคนธรรมดาทั่วไปที่ตื่นตระหนกแล้ว ป๋ายรุ่ยเหวินเองที่เป็นนักบู๊ก็สงบนิ่งมากกว่าคนอื่นพอสมควร

ป๋ายรุ่ยเหวินหันมองไปที่คุณเหลียนที่อยู่ด้านหลัง กระซิบถามขึ้นว่า: “คุณเหลียน ท่านว่าสองคนนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ? ”

คุณเหลียนมองไปยังทั้งสองคนที่เหาะเหินไปมาในสถานที่ต่อสู้ สีหน้าท่าทางหวั่นไหว: “พวกเขาทั้งสองต่างก็เป็นนักบู๊ที่มีความสามารถระดับขั้นพรสวรรค์สูงสุด ซึ่งสูงกว่าข้ามากมายหลายเท่า ข้ามองไปออก! ”

“แม้แต่ท่านก็ยังมองไม่ออก ระดับขั้นพรสวรรค์สูงสุดช่างแข็งแกร่งมากมายเสียจริง! ” ป๋ายรุ่ยเหวินก็เป็นผู้มีพรสวรรค์ชั้นต้นที่มีทักษะด้านนั้น ๆ ติดตัวมาแต่เกิดเล็กน้อยโดยไม่ต้องฝึกฝน โดยเขารู้ว่าตนเองมองไม่ออกถึงพลังความสามารถของเขาทั้งสองคน ก็เป็นเรื่องที่น่าเข้าใจได้

แต่ คุณเหลียนเป็นถึงผู้มีพรสวรรค์ชั้นสูงที่มีทักษะด้านนั้น ๆ ติดตัวมาแต่เกิดโดยไม่ต้องฝึกฝน หากก้าวหน้าขึ้นอีกขั้นก็จะถึงขั้นพรสวรรค์สูงสุดแล้ว คิดไม่ถึงว่าแม้แต่เขาก็ยังคงมองไม่ออกว่าสองคนนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ

คุณเหลียนถอนหายใจแล้วพูดว่า: “การฝึกบำเพ็ญบู๊ ช่วงระหว่างของแต่ละแดน เหมือนกับคูน้ำที่ล้อมรอบธรรมชาติ แม้ว่าขั้นพรสวรรค์สูงสุดกับขั้นพรสวรรค์ชั้นสูงจะแตกต่างกันแค่แดนเดียว แต่ว่า เมื่อข้าอยู่ต่อหน้าพวกเขาสองคนแล้ว ไม่มีทางที่จะต่อกรกับพวกเขาได้เลย แล้วจะสามารถมองออกถึงผลแพ้ชนะได้อย่างไร”

ในเมื่อคุณเหลียนมองไม่ออก ถ้าอย่างนั้นคุณเหยียนแห่งตระกูลเย่ ก็คงมองไม่ออกเช่นกัน

สายตาของป๋ายรุ่ยเหวินมองไปยังเย่เทียนเหาที่อยู่ไม่ไกลมากนัก เป็นไปตามนั้นว่า เย่เทียนเหาเองก็กำลังมองมาที่เขาเช่นกัน

ทั้งสองคนจ้องมองกันโดยไม่พูดไม่จา ขณะเดียวกันก็ส่ายศีรษะ

อีหลิงตึงเครียดเล็กน้อย แล้วก็ค่อย ๆ เดินมาที่ด้านข้างของอีหยุ่น กระซิบถามขึ้นว่า: “คุณพ่อ อาฉินจะเอาชนะได้ไหม? ”

อีหยุ่นแสดงรอยยิ้มที่อ่อนโยน และพูดอย่างนุ่มนวลว่า: “วางใจเถอะ อาฉินจะเอาชนะได้อย่างแน่นอน! ”

ผ่านไปชั่วครู่ ทั้งสองคนก็ต่อสู้กันไปอีกสิบกว่ากระบวนท่า แต่ว่า อาฉินไม่ทันระวังตัว จึงถูกชายชราในชุดคลุมสีดำชกเข้าที่ทรวงอก กระเด็นลอยไปไกล

ชายชราในชุดคลุมสีดำเหมือนว่ามีความเชื่อมั่นในตนเองอย่างมาก ไม่ได้ตามเข้าไปลงมือต่อ แต่หยุดยืนอยู่กับที่ แล้วมองไปที่อาฉินด้วยสีหน้าที่หยิ่งผยอง: “ข้าพูดเอาไว้แล้วว่า ถ้าหากนายไม่ต่อสู้อย่างสุดกำลังสุดชีวิต ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”

อาฉินลุกยืนขึ้น แล้วก็ค่อย ๆ เช็ดรอยเลือดที่มุมปาก ร่างกายที่หลังค่อมง่อนแง่นดูเหมือนว่าจะ แก่ชราลงไปอีกมาก และอาจจะเสียชีวิตลงได้ทุกเมื่อ

“ข้ายอมรับว่านายแข็งแกร่ง หากว่าข้าอยู่ในช่วงที่บำเพ็ญฝึกฝนสูงสุด อาจจะสามารถต่อสู้กับนายได้อีกยก แต่ข้าในตอนนี้ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนายจริง ๆ”

“นายพูดได้ถูกต้อง หากต้องการเอาชนะนาย ข้าจะต้องสู้อย่างสุดกำลังสุดชีวิตเท่านั้น! ”

พูดจบ ลมหายใจที่แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ได้ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของอาฉิน ชั่วครู่ ก็โหมพัดไปทั่วทั้งสถานที่

อีหยุ่นตกตะลึง รีบตะโกนเรียก: “อาฉิน อย่าเด็ดขาด! ”

อาฉินหันกลับไปมองเขาเล็กน้อย ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่ไร้ความกังวลขึ้น: “ไม่เป็นไร ต่อไปอย่างมากก็แค่การพลังฝึกฝนบำเพ็ญนั้นสูญสิ้นไป”

“แต่ ศัตรูคนใดที่มารุกล้ำทำร้ายตระกูลอี หากว่ามีข้าอยู่ จะต้องตายทั้งหมด! ”

อีหยุ่นน้ำตาคลอเบ้า ท่าทางซาบซึ้งใจ: “อาฉิน นายปกป้องคุ้มครองข้ามาหลายสิบปี ทำให้ข้าเติบโตมาจนทุกวันนี้ คิดไม่ถึงว่าเมื่อตอนที่ข้าขึ้นเป็นผู้นำของตระกูลอีแล้ว กลับไม่สามารถที่จะปกป้องนายเอาไว้ได้ ข้าละอายแก่ใจจริง ๆ! ”

พวกผู้มีชื่อเสียงแห่งเจียงหนาน แต่ละคนสีหน้าท่าทางหวาดผวา เพราะถูกพลังอันแข็งแกร่งนั้นสยบเอาไว้

“พละกำลังในครั้งนี้ ทรงพลังกว่าครั้งก่อนหนึ่งเท่าตัว! ”

เดิมทีร่างกายที่ง่อนแง่นหลังค่อมของอาฉิน ค่อย ๆ ยืนตัวตรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน ลักษณะท่าทางก็เปลี่ยนเป็นหนุ่มขึ้น จากเดิมที่เป็นชายชราที่ใกล้จะตาย ได้กลับกลายเป็นชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบกว่าปี

หลินหยุนมองไปที่อาฉินอย่างเฉยเมย แววตาแสดงรอยยิ้มอย่างเย็นชา: “เดิมทีหากว่าควบคุมอาการบาดเจ็บเอาไว้ ก็ยังสามารถมีชีวิตได้อีกหลายสิบปี ตอนนี้ได้ใช้พละกำลังการบำเพ็ญฝึกฝนทั้งหมด ทำให้อาการบาดเจ็บทรุดหนักลง อาการบาดเจ็บเดิมก็ยังไม่หายดีแล้วมาเพิ่มการบาดเจ็บใหม่เข้าไปอีก คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว! ”

ชายชราในชุดคลุมสีดำหัวเราะฮ่าฮ่า ชุดคลุมสีดำเคลื่อนไหวเองโดยปราศจากแรงลม: “ใช่แล้ว แบบนี้จึงค่อยสมน้ำสมเนื้อหน่อย! ”

อาฉินยืนตัวตรง หัวเราะอย่างเย็นชา ไม่ได้พูดจาอะไรที่ไร้สาระ ก็ปล่อยหมัดพุ่งเข้าไปที่ชายชราในชุดคลุมสีดำ

“มาก็ดีแล้ว! ” ชายชราในชุดคลุมสีดำก็ชูไม้เท้าขึ้นเพื่อต้านทาน

อาฉินทรงพลังมากขึ้น แต่ คิดไม่ถึงว่าชายชราในชุดคลุมสีดำก็มีพละกำลังที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือดยากที่จะแยกออกจากกัน โดยที่ความสามารถไม่มีใครเป็นรองใคร

นักบู๊เหล่านั้นที่อยู่ในห้องโถง แต่ละคนต่างอดไม่ได้ที่จะพูดคุยกัน: “คิดไม่ถึงว่า เมื่อครู่ทั้งสองคนนี้ต่างก็ยังไม่ได้ปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมาอย่างเต็มที่! ตอนนี้ต่างหาก ถึงจะเป็นพละกำลังที่สูงสุดของทั้งสองคน! ”

ภายในห้องโถง แรงลมพัดโหม ทั้งสองคนก็ยิ่งรวดเร็วมากขึ้น จากนั้น คนธรรมดาก็เห็นเพียงเงาร่างสองเงาที่ลอยไปลอยมา

ตุบ!

หลังจากที่ทั้งสองคนต่อสู้กันไปครบยก ก็แยกตัวออกจากกัน

ชายชราในชุดคลุมสีดำยิ้มอย่างประหลาดและก็มองไปที่อาฉิน: “ถ้าหากว่านายไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่เกินสามปี นายคงจะสามารถเข้าสู่ขั้นสูงสุดได้แน่นอน กลายเป็นปรมาจารย์บู๊! ”

“แต่ว่า น่าเสียดาย! ”

อาฉินพูดขึ้นอย่างไร้อารมณ์ว่า: “นายก็เช่นกันไม่ใช่เหรอ? ”

“ฮ่าฮ่า! ” ชายชราในชุดคลุมสีดำหัวเราะดังขึ้นอย่างประหลาด จากนั้น เสียงหัวเราก็หยุดลงอย่างกะทันหัน: “มาตัดสินผลแพ้ชนะกันเถอะ! ”

อาฉินพยักหน้าด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม: “ตกลง! ”

ทั้งสองคนจ้องมองไปยังฝ่ายตรงข้าม ในครั้งนี้ ต่างก็ไม่มีใครจะชิงลงมือก่อน

ลมหายใจของทั้งคู่รุนแรงจนถึงขั้นสูงสุด เพียงขยับก็เคลื่อนไหวไปทั่วทั้งร่างกาย

ทุกคนต่างหยุดกลั้นลมหายใจ ต่อให้เป็นคนธรรมดาทั่วไปเหล่านั้น ต่างก็สังเกตเห็นได้ จากนั้นก็ยังไม่มีใครเคลื่อนไหว เพียงแค่เคลื่อนไหว แน่นอนว่าถึงขั้นฟ้าถล่มดินสลาย จู่โจมครั้งเดียวถึงกับชีวิต!

ทั้งสองคนต่างจ้องมองไปยังฝ่ายตรงข้าม เวลาผ่านไปกว่าหลายนาที ในที่สุด เหมือนว่าทั้งสองคนต่างอดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ จึงได้ลงมือพร้อมกัน

“ไม้เท้าพิฆาต! ”

ชายชราในชุดคลุมสีดำสองมือชูไม้เท้าไม้มะเกลือขึ้น ร่ายรำไม้เท้าอยู่กลางอากาศโดยที่ไม่มีกระบวนท่าอะไร ราวกับว่าเป็นคนเมาเหล้ากำลังอาละวาด

แต่ว่า อาฉินกลับมีสีหน้าที่จริงจังกว่าที่ผ่านมา โดยกำลังเตรียมที่จะแสดงท่าไม้ตายสุดยอดของเขาออกมา

“ฝ่ามือมหาเทวราช! ”

อาฉินเปลี่ยนจากพลังหมัดเป็นพลังฝ่ามือ เตรียมพร้อมรอเอาไว้แล้ว โดยที่ยังไม่แสดงออกไปก่อน ก็เหมือนกับสิงโตตะปบกระต่าย รอคอยจู่โจมเพียงแค่ครั้งเดียว

ตุบ!

การโจมตีอันทรงพลังของทั้งสองฝ่าย ในที่สุดก็ได้ปะทะกัน

อาฉินกระอักเลือดนองพื้น ร่นถอยหลังไปสี่ห้าก้าว จากนั้นก็ล้มนั่งลงไปที่พื้น

ชายชราในชุดคลุมสีดำถูกแรงสั่นสะเทือนกระเด็นลอยไปไกล กระอักเลือดพุ่งกลางอากาศ ร่างกายพุ่งเข้ากระแทกกับกำแพงด้านหลังอย่างรุนแรง แล้วก็ตกลงสู่พื้น

“อาฉิน นายเป็นอะไรมากไหม? ” อีหยุ่นรีบเข้าไปดูอาการ คิดที่จะประคองตัวอาฉินขึ้นมา

อาฉินยกมือขึ้น ส่ายศีรษะ แสดงให้เห็นว่าตัวเองไม่เป็นอะไร

ชายชราในชุดคลุมสีดำลุกขึ้นยืนอย่างกระท่อนกระแท่น อยู่ในสภาพกระเซอะกระเซิงพอสมควรแล้วก็มองไปที่อาฉิน พูดขึ้นด้วยเสียงหนักแน่นว่า: “เป็นพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก! ข้าพ่ายแพ้แล้ว! ”

“นายก็ไม่เลว! ” อาฉินสีหน้าเคร่งขรึม ไม่ได้เป็นเพราะเหตุที่เอาชนะแล้วก็มองข้ามชายชราใน ชุดคลุมสีดำ

อีหยุ่นเดินเข้าไปหา ตะโกนใส่อย่างเย็นชา: “ตอนนี้ สามารถบอกความเป็นมาของนายได้แล้วยัง? ”

ชายชราในชุดคลุมสีดำหัวเราะอย่างประหลาดขึ้น: “นายคิดว่าเอาชนะข้าได้แล้ว ก็จะหมดเรื่องเท่านี้แล้วเหรอ? ”

อีหยุ่นสีหน้าเปลี่ยนไป เกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมาในจิตใจ: “ที่นายพูดนี้หมายความว่าอย่างไร? ”

ชายชราในชุดคลุมสีดำหัวเราะเหอะเหอะขึ้นทันทีแล้วพูดว่า: “เดิมทีข้าคิดว่าเพียงแค่อาศัยตัวข้าเอง ก็สามารถที่จะทำลายล้มล้างตระกูลอีได้ ดูเหมือนว่าข้าจะมองข้ามผู้มีอิทธิพลแห่งเจียงหนานเกินไปหน่อย จึงได้พลาดพลั้งขึ้น”

“แต่ว่า ตระกูลอีของนายวันนี้คงไม่มีทางหนีรอดไปได้ ซึ่งคนตระกูลอีทั้งหมด ไม่มีใครสามารถที่จะหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว”

พวกผู้มีชื่อเสียงแห่งเจียงหนานทั้งหมด เกิดความหวาดกลัวขนลุกขนพองขึ้นในจิตใจ

“คนผู้นี้เป็นบ้าไปแล้วเหรอ? พ่ายแพ้แล้วยังจะมาทำเป็นพูดดีอีก! ”

“ใช่ ตนเองพ่ายแพ้แล้วยังจะมาคุยโวว่าจะทำลายล้มล้างตระกูลอี ตระกูลอีคือตระกูลขนาดใหญ่อันดับหนึ่งแห่งเจียงหนานของพวกเรา เขาจะพูดว่าทำลายล้มล้างได้อย่างง่ายดายที่ไหนกันเล่า! ”

พวกที่เป็นบริวารภายใต้อิทธิพลอำนาจของตระกูลอี ต่างก็ทยอยออกมา พูดเสียดสีชายชราในชุดคลุมสีดำที่โอ้อวดอย่างไม่มีความละอาย พูดบ้า ๆ สุ่มสี่สุ่มห้า

แต่ อีหยุ่นกับอาฉินไม่พูดไม่จาอะไร สีหน้าท่าทางเคร่งเครียด

เหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามจะเข้าใจเรื่องทุกอย่างของตระกูลอีได้เป็นอย่างดี แต่ว่า จนถึงตอนนี้ ตระกูลอีกลับไม่ทราบอะไรเลยเกี่ยวกับชายชราในชุดคลุมสีดำคนนี้

พวกเขาคิดว่า เรื่องมันคงยังไม่จบลงอย่างง่ายดายแบบนี้เป็นแน่

เป็นไปตามนั้นจริง ชายชราในชุดคลุมสีดำหันหลังโดยพลัน ไปที่หน้าประตูใหญ่ โค้งคำนับ ด้วยท่าทางที่เคารพ: “ขอเชิญเจ้านาย! ”

น้ำเสียงของเขาปะปนไปด้วยชี่แท้ เสียงดังขึ้นอย่างชัดเจนแล้วก็แผ่กระจายออกไป คาดว่าภายในบริเวณห้ากิโลเมตรคงสามารถที่จะได้ยิน

“อะไรกัน! ”

“เขายังมีเจ้านายอีกเหรอ! ”

“เขาเองก็แข็งแกร่งถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นเจ้านายของเขาจะแข็งแกร่งมากขนาดไหนกันเชียว? ”

เกือบทุกคนต่างก็แสดงออกถึงความหวาดกลัว หยุดกลั้นลมหายใจ แล้วมองไปที่หน้าประตูใหญ่อย่างเหลือเชื่อ

บรรยากาศภายในห้องโถง แปลกประหลาดมากถึงที่สุด

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท