เจี่ยงสงมองไปที่หลินหยุน ด้วยสายตากระตือรือร้น ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะหลินหยุนมีพลังเหนือคนทั่วไป เจี่ยงสงคงจะเข้าไปแย่งแล้ว
หลินหยุนไม่ได้ตอบคำถามของเจี่ยงสง แต่กลับถามว่า “ถ้าให้คุณเอาน้ำชี่ทิพย์แบบนี้ ขายตามที่กำหนดทั่วประเทศ คุณจะทำได้ไหม?”
ขายตามที่กำหนดทั่วประเทศ!
ลูกตาของเจี่ยงสงเกือบจะถลนออกมาด้วยความตกใจ
เขาคิดว่าน้ำชี่ทิพย์แบบนี้เป็นยอดสุราธาราหยกของพระสุวรรณมารดร! คิดไม่ถึงว่าปรมาจารย์หลินจะมีมากมายขนาดนี้
ในขณะนี้ เจี่ยงสงไม่รีบร้อนแล้ว ในเมื่อปรมาจารย์หลินต้องการขายน้ำชี่ทิพย์ทั่วประเทศ ถึงตอนนั้นผลประโยชน์ของเขาจะขาดไปได้เหรอ?
ไม่เสียชื่อที่เจี่ยงสงเป็นถึงผู้มีอิทธิพลใหญ่สุดในเมืองนี้ ความสามารถทางธุรกิจแสดงออกมาให้เห็นทันที
“ปรมาจารย์หลิน ถ้าต้องการขายน้ำชี่ทิพย์ประเภทนี้ให้กับคนทั้งประเทศ ทางที่ดีควรจะเปิดบริษัทก่อน แล้วจัดตั้งระบบการขายแบบอิสระ ใช่สิ ทางที่ดีคือควรไปขอจดลิขสิทธิ์ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการลอบเลียนแบบ”
หลินหยุนพูดว่า “ไม่มีใครเลียนแบบได้ คุณวางใจในการขายได้เลย”
ไม่มีใครเลียนแบบได้!
เจี่ยงสงตกใจอีกครั้ง!
ใช่สิ สิ่งมหัศจรรย์ชนิดนี้ มีแต่ปรมาจารย์หลินหยุนเท่านั้นที่สามารถสร้างขึ้นมาได้ คนอื่นจะเลียนแบบได้อย่างไร?
เท่ากับเป็นการผูกขาดกับตลาด!
ราคาก็ขึ้นอยู่กับตัวเองกำหนดเท่านั้น?
เจี่ยงสงเหมือนกับมองเห็นเส้นทางที่ปกคลุมไปด้วยทองคำ นำไปสู่สวรรค์!
“ปรมาจารย์หลิน คุณวางใจมอบหมายงานนี้ให้กับฉันได้เลย ในอีกสองปี ไม่ ภายในหนึ่งปี ฉันสัญญาว่าจะทำให้น้ำชี่ทิพย์ของคุณโด่งดังไปทั่วโลก!” เจี่ยงสงให้คำมั่นสัญญา
ในปีนั้นโทรศัพท์มือถือไอโฟนออกสู่ตลาด ถึงแม้จะได้ประโยชน์จากข้อดีของระบบ โดยพื้นฐานแล้วโทรศัพท์มือถือไอโฟนนั้นส่วนใหญ่ผลิตในประเทศจีน
หลังจากนั้นก็ติดตั้งระบบของไอโฟน ก็ขายได้ราคาสูงเสียดฟ้า แม้ว่าในขณะนั้นคุณภาพของผลิตภัณฑ์จะยอดเยี่ยมมาก แต่ก็เป็นสินค้าเลิศหรูในแผนการตลาด
ในสมองเจี่ยงสงได้คิดเส้นทางแผนการขายสินค้าหรูหราไว้แล้ว เขา ต้องการทำให้น้ำชี่ทิพย์แบบนี้กลายเป็นสิ่งค้าชิ้นหนึ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน และเป็นสิ่งของล้ำค่าที่ไม่มีใครสามารถทำได้ในอนาคต
นอกจากนี้ ผลประโยชน์ของน้ำชี่ทิพย์ ก็เปรียบเสมือนสิ่งของหรูหราที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
มันก็เหมือนกับออกแบบมาสำหรับเศรษฐี!
เศรษฐีขาดอะไร? แน่นอนว่าการมีสุขภาพที่ดี และอายุยืนยาวร้อยปี
ไม่มีผลข้างเคียง ขจัดโรคภัย น้ำชี่ทิพย์ที่ยืดอายุเวลา เมื่อเปิดตัวขาย จะต้องได้ราคาสูงลิ่วแน่นอน!
อย่างไรก็ตาม แค่คำพูดของหลินหยุน ก็ทำให้เจี่ยงสงกระตือรือร้นมาก
“ฉันมีเรื่องจะขอร้องนิดหน่อย”
“ประการแรก น้ำชี่ทิพย์ขายได้เฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น”
“ประการที่สอง ราคาของน้ำชี่ทิพย์ ต้องรับประกันให้ทุกคนมีปัญญาซื้อบริโภคได้”
ประการที่สาม ฉันไม่ได้ห้ามคุณหากำไร แต่ว่า กำไรของน้ำชี่ทิพย์ห้ามเกินสองเท่า”
เจี่ยงสงดูงุนงง “ปรมาจารย์หลิน เพราะอะไร? สิ่งของมหัศจรรย์เช่นนี้นับประสาอะไรแค่สองเท่า แม้จะเป็นสองพันเท่าก็ไม่เกินไป!”
ต่อหน้าหลินหยุน มีร่างเงาของท่านหลิวปรากฏขึ้นอีกครั้ง และรูปลักษณ์ของโม่หัวถิงที่ตายแล้วก็ยังยิ้มอย่างมีความสุข
“เพื่อสัญญาที่เคยตกลงไว้”
“ไปจัดการซะ หลังจากที่คุณจดทะเบียนบริษัทเสร็จ น้ำชี่ทิพย์ชุดแรกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ใช้ในนามชื่อของฉัน แล้วส่งจดหมายเชิญคนเด่นคนดังมา”
“ฉันจะเลี้ยงอาหารพวกเขา”
เจี่ยงสงตกใจ ดูเหมือนว่าปรมาจารย์หลินกำลังสร้างพลังอำนาจให้น้ำชี่ทิพย์!
มีปรมาจารย์หลินเป็นผู้สนับสนุน และประสิทธิภาพของน้ำชี่ทิพย์นั้นอัศจรรย์มาก ปรมาจารย์หลินกลับไม่นำมาทำเงิน มันช่างน่าเสียดายจริงๆ!
“บางทีเงินบนโลกมนุษย์นี้ในสายตาของปรมาจารย์หลิน มันคงไม่มีคุณค่าใดๆ”
“มันก็ถูกต้อง ถ้าฉันมีความแข็งแกร่งอันน่าทึ่งเหมือนปรมาจารย์หลิน ฉันก็คงไม่สนเรื่องความมั่งคั่งบนโลกมนุษย์นี้หรอก”
“คุณไปจัดการเถอะ ฉันยังมีธุระ ขอตัวไปก่อนนะ” หลินหยุนจากไปอย่างสง่างาม
“ขอน้อมส่งปรมาจารย์หลินด้วยความเคารพ!”เจี่ยงสงโค้งคำนับ
หลังจากออกมาจากบ้านเจี่ยงสง หลินหยุนดูเวลา แล้วเร่งรีบไปที่สนามบิน
ในตอนเช้า เขาได้รับข่าวจากเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยพิเศษ ฉิวเชียนซาได้ท้าสู้กับเขาที่เมืองเซินเฉิงภูเขาหนันผิง
หลินหยุนไม่รู้ว่าฉิวเชียนซาคือใคร แต่เจ้าหน้าที่รัฐได้ให้ข้อมูลโดยละเอียดแก่เขา รวมถึงคำบัญชาเทพยาที่หุบเขาเทพยาเป็นคนสั่ง
ขณะที่ได้ยินคำบัญชาเทพยา จู่ๆหลินหยุนก็รู้สึกเหมือนเสือกินเม่น รู้สึกเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะยอดเยี่ยมกว่าคนอื่น แต่นักบู๊ในโลกบู๊นั้น มีมากมายแค่ไหน!
ถ้าทั้งหมดมาหาเขา เขาคงไม่ใช่จะฆ่าพวกเขาทั้งหมด?
โชคดีที่ฉิวเชียนซามาที่นี่
คำบัญชาเทพยาถูกระงับแล้ว
นักบู๊เหล่านั้นที่ได้รับคำบัญชาเทพยา ต่างตกตะลึงกับชื่อเสียงพลังอำนาจของฉิวเชียนซา และในเวลานี้ไม่กล้าที่จะโจมตีหลินหยุน กังวลว่าจะไปยั่วให้ฉิวเชียนซาโมโห
และนักบู๊เกือบทั้งหมดเชื่อว่า หลินหยุนยั่วยุฉิวเชียนซาดาวพิฆาตคนนี้ ขอเพียงเขากล้าไปตามคำนัดหมาย ตามหลักแล้วเขาจะตายโดยไม่มีข้อกังขา
เมื่อหลินหยุนเสียชีวิต คำบัญชาเทพยาก็เหมือนถูกยกเลิกเช่นกัน
สำหรับหลินหยุน ขอเพียงเขาฆ่าฉิวเชียนซา จะทำให้ฝูงชนที่มีอำนาจตกตะลึง ในเวลานั้น จะมีสักกี่คนที่กล้ารับคำบัญชาเทพยา?
อย่างไรก็ตามหุบเขาเทพยานั้นแค่มีพระคุณต่อพวกเขาเท่านั้น พวกเขากลัวพลังอำนาจของหุบเขาเทพยา บางทีอาจตอบแทน แต่ ไม่มีวันที่จะทุ่มเทสุดชีวิตอย่างแน่นอน
หลินหยุนมาถึงสนามบินที่ใกล้หลินโจวที่สุด ตรงนั้นมีเครื่องบินส่วนตัวของรัฐรออยู่แล้ว
ขณะที่หลินหยุนกำลังขึ้นเครื่องบินไปยังเมืองเซินเฉิง นักบู๊จำนวนมากได้มาถึงภูเขาหนันผิงแล้ว
แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะรู้สึกว่าการต่อสู้ครั้งนี้ อาจเป็นการฆ่าล้างที่ง่ายดาย แต่ในนามของอาชูร่ามารโลหิตฉิวเชียนซา มันยังคงดึงดูดนักบู๊จำนวนนับไม่ถ้วน
ถึงขนาด ยังมีคนคนแก่ชรายอดฝีมือ ต่างพากันขึ้นเขา เพียงเพื่อดูความแข็งแกร่งของฉิวเชียนซาในขณะนี้
ในตอนกลางคืนหลังห้าทุ่ม เมืองเซินเฉิงที่ไม่เคยหลับใหล เริ่มมีประชากรเบาบางลง
ภูเขาหนันผิงตกอยู่ในความมืดมิด
เพียงแต่ว่า บนยอดเขาหนันผิง ในป่า บนโขดหิน มีคนอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ตรงกลางมีก้อนหินสีเขียวขนาดเท่าแผ่นโม่หิน มีชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีแดงยืนอยู่
หน้าซีดเซียว ในความมืดมน เหมือนผี
เสื้อคลุมสีแดงนั้น ในคืนที่มืดมิด ออร่าที่เปล่งออกมาทำให้ผู้คนสะพรึงกลัว
นักบู๊ที่อยู่รอบๆ ถอยห่างจากฉิวเชียนซาไกลออกไปประมาณหนึ่งไมล์ และด้วยสายตาของนักบู๊ ระยะนี้ไม่ส่งผลต่อการมองเห็นของพวก
เริ่มตั้งแต่สองทุ่ม ฉิวเชียนซาก็นั่งรออยู่ที่นั่น
เพียงแต่ว่า หลินหยุนไม่มาสักที
แม้ว่าจะยังไม่ถึงเวลาที่นัดกันไว้ แต่นักบู๊ที่อยู่รอบๆก็รอจนหมดความรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย
“หืม หลินชางฉองคนนั้นไม่กล้ามาแล้วมั้ง?”
“ฉันคิดว่าส่วนใหญ่ไม่กล้ามาตามที่นัดหมาย รู้ดีว่ามาแล้วก็ต้องตาย จะกล้ามาได้อย่างไร? สามารถยื้อชีวิตไปได้ยิ่งนานยิ่งดี!”
“ไม่ต้องรีบร้อน ตอนนี้มันก็ยังไม่ถึงเวลาที่กำหนดนี่? รอไปก่อน”
“การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ไม่ใช่ต้องมาล่วงหน้าเพื่อมาสังเกตภูมิประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมหรือ? หลินชางฉองคนนั้น เพราะไม่เข้าใจ หรือเพราะหยิ่งทะนงจนคิดว่าตัวเองคือที่หนึ่งในโลก?”
“รออีกหน่อย ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว และยังเหลืออีกหนึ่งชั่วโมงก็จะผ่านวันนี้ไป ถ้าหลินชางฉองยังไม่มา คิดว่าฉิวเชียนซาคงจะไปบุกที่กบดานของไอ้หนุ่มนั่นแล้วมั้ง”
ลมกระโชกแรงยามค่ำคืนพัดผ่านไป นักบู๊บางคนอดไม่ได้ที่จะหดตัว
นักบู๊หนุ่มคนหนึ่งบังเอิญมองไปที่เส้นทางแคบๆขึ้นเนินเขา และทันใดนั้นก็พบชายหนุ่มคนหนึ่ง กำลังเดินขึ้นมาอย่างช้าๆ
“ดึกมากขนาดนี้แล้ว ยังมีคนปีนเขา! หาที่ตายจริง!”
ในร่างชายหนุ่มชุดดำ ไม่รู้สึกถึงชี่แท้ในร่างกายของเขา ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นเพียงคนธรรมดา
ชายหนุ่มชุดดำเดินอย่างมั่นคง และเดินตรงไปที่ตรงกลางยอดเขา
นักบู๊หนุ่มคนนั้นขยี้ตาอย่างเหลือเชื่อ “ไอ้หนุ่มคนนี้ ตาบอดหรือเปล่า? มองไม่เห็นว่าที่นั่นมีคนอยู่เหรอ!”