จองหอง เย่อหยิ่ง ดูถูกคนอื่น!
เอาคำพวกนี้รวมกัน ก็ยังไม่เท่าความหยิ่งผยองของเซี่ยหมิงเห้า!
หมอที่มาในวันนี้ ล้วนเป็นหมอที่มีชื่อเสียงของประเทศจีน แต่ว่า กลับไม่มีใครที่กล้ายืนออกมา ดุเซี่ยหมิงเห้า
วัยรุ่นสองคนที่ข้างๆเซี่ยหมิงเห้ามี พอเห็นคนพวกนี้โมโหแต่ไม่มีใครพูดอะไร เดิมทีก็ยังมีท่าทางกังวลอยู่เล็กน้อย แต่จู่ๆก็เปลี่ยนเป็นความมั่นใจ จ้องมองหมอพวกนี้ที่อายุราวๆกับปู่ของพวกเขา จากนั้นก็เผยรอยยิ้มเย็นชาที่เต็มไปด้วยความเหยียบหยาม
ท่านหลิวเดินเข้าไป ยืนอยู่ตรงหน้าของเซี่ยหมิงเห้า พูดด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ว่า “ราชาการแพทย์มีสิทธิ์ท้าแข่งกับตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีนได้หนึ่งครั้ง นี่เป็นกฎ เจ้าไม่มีอำนาจมาตัดสิน”
เซี่ยหมิงเห้ายิ้มด้วยใบหน้าที่ใสซื่อแล้วพูดว่า “ผมตัดสินอะไรพวกแกเหรอ? ไม่มีมั้ง สิ่งที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริงทั้งนั้น!”
“หรือว่าแค่ขยะอย่างพวกแก ก็คู่ควรที่จะแข่งกับตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีนรึไง? ออกมาสิ ให้ข้าดูหน่อยว่า การแข่งขันราชาการแพทย์ที่พวกแกพูดถึง มีกี่คนที่สามารถใช้ชี่ฝังเข็มได้!”
ความหยิ่งผยองของเซี่ยหมิงเห้าสูงเสียบฟ้า ทั้งๆที่เขาก็รู้ว่าคนพวกนี้เป็นแค่คนธรรมดา จะสามารถบำเพ็ญชี่แท้ออกมาได้ยังไง? แต่กลับใช้คำพวกนี้ในการเสียดสีผู้อื่น ช่างเป็นคำพูดของคนขี้แพ้
“เฮิง!”
“จะมากเกินไปแล้ว!”
“ตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีนมันจะหยิ่งผยองเกินไปแล้ว!”
เหล่าคุณหมอที่อยู่ในห้องโถง ต่างก็โกรธเกรี้ยว จ้องมองด้วยความโกรธ แล้วชี้ไปที่เซี่ยหมิงเห้า
แต่ว่า ก็ยังไม่มีใครยืนออกมา
ถึงแม้เซี่ยหมิงเห้าจะหยิ่งผยอง แต่ว่ามีอยู่สิ่งหนึ่งที่เขาพูดถูก! คนมากมายที่อยู่ที่นี่ คนที่สามารถใช้ชี่ฝังเข็มได้ นอกจะหลินหยุน ก็ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว
ก็ไม่แปลกที่ตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีนจะไม่เห็นพวกคุณหมอในโลกมนุษย์อยู่ในสายตา ราวกับจิตวิญญาณของเทพที่อยู่ด้านบนสุด จะทำยังไงได้ในเหมือนอีกฝ่ายเขาแข็งแกร่งขนาดนั้น
เซี่ยหมิงเห้าเบิกตามอง เหล่าคุณหมอที่กำลังโมโหอยู่ด้วยใบหน้าที่ดูถูกเหยียบหยามอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นก็โบกมือพูดอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วพูดว่า “พอแล้วพอแล้ว อย่าพูดเรื่องที่ไม่มีประโยชน์เลย ผมจะยืนอยู่ตรงนี้ ถ้าเกิดพวกแกคนไหนที่คิดว่ามีฝีมือ ก็ขึ้นมาแข่งกับผมได้”
“ถ้าเกิดไม่มี งั้นก็เรียกผู้ท้าชิงออกมา ให้ผมดูหน่อยสิว่าใครกันที่กล้าขนาดนี้!”
ไม่มีใครกล้าขึ้นไป ขึ้นไปก็มีแต่ทำให้ตัวเองขายขี้หน้าไม่ใช่รึไง?
ยืนด่าอยู่ข้างหลังเพื่อระบายอารมณ์ก็พอแล้ว ใครจะโง่เอาหน้าตัวเองไปให้เจ้าเซี่ยหมิงเห้าตบต่อหน้าล่ะ?
เซี่ยเจี้ยนโก๋มองไปยังหลินหยุน เห็นว่าหลินหยุนกำลังมองเซี่ยหมิงเห้าด้วยแววตาที่เย็นชา เซี่ยเจี้ยนโก๋ดึงแขนของโจวเฟิน ได้เผยสีหน้าของคนที่เพิ่งฟื้นจากความตาย “พวกเราไปกันเถอะ!”
“ได้!” โจวเฟินกุมมือของเซี่ยเจี้ยนโก๋ที่กำลังสั่นอยู่อย่างแน่นหนา แล้วเดินตามออกไปพร้อมกับเขา
ความหวังทั้งชีวิตของเซี่ยเจี้ยนโก๋ จะสำเร็จหรือไม่ ก็ต้องดูครั้งนี้
เซี่ยหมิงเห้าไม่รู้จักเซี่ยเจี้ยนโก๋ด้วยซ้ำ ตอนที่เซี่ยเจี้ยนโก๋ถูกขับไล่ออกจากตระกูล เขาเพิ่งจะห้าหกขวบ ผ่านมานานขนาดนี้ ต่อให้เป็นเซี่ยเจี้ยนโก๋เมื่อกี้ ก็ยังใช้เวลาอยู่นานกว่าจะนึกออกว่าเขาชื่อเซี่ยหมิงเห้า
นี่มันก็เป็นเพราะว่าเซี่ยเจี้ยนโก๋เอ็นดูเซี่ยหมิงเห้าตอนเด็กเป็นพิเศษ เพราะงั้นจึงสามารถนึกออกได้
แต่ว่าเซี่ยหมิงเห้าก็นึกเซี่ยเจี้ยนโก๋ไม่ออก
พอเห็นเซี่ยเจี้ยนโก๋จูงมือโจวเฟิน มายืนอยู่ตรงหน้าของตัวเอง เซี่ยหมิงเห้าก็ตะลึงไปพักหนึ่ง ถามด้วยใบหน้าที่ดูถูกว่า “เจ้าเองเหรอที่เป็นผู้ท้าชิง?”
“ทำไมข้าถึงรู้สึกคุ้นหน้าเจ้าอย่างบอกไม่ถูก?”
คนรอบๆพอเห็นคู่สามีภรรยาเซี่ยเจี้ยนโก๋ทั้งสองที่จู่ๆก็เดินออกมา ก็อึ้งไปพักหนึ่ง จ้องมองทั้งสองคนด้วยความสงสัย
“สองคนนี้เป็นใครกัน? ทำไมถึงยืนออกมาในเวลาแบบนี้? นี่มันเป็นการหาเรื่องให้ตัวเองอับอายไม่ใช่รึไง?”
เซี่ยเจี้ยนโก๋พยายามเก็บอาการตื่นเต้นของตัวเอง พูดออกไปด้วยเสียงสั่นๆว่า “หมิงเห้า เจ้าลองดูดีๆ ยังจำผมได้ไหม? ผมเป็นลุงสามของแกไง!”
เซี่ยหมิงเห้าอึ้งออกมาก่อน จากนั้นจู่ๆก็หัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ที่แท้เจ้าก็คือคนที่ไม่สามารถบำเพ็ญชี่แท้ได้ จนถูกขับไล่ออกจากตระกูลอย่างลุงสามที่เป็นขยะนี่เอง!”
“เฮ้อ พวกแกทั้งสอง ไม่ใช่เอาแต่พูดว่าอยากจะเห็นลุงสามที่เป็นขยะคือใครไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ก็รีบมาดูสิ!”
วัยรุ่นที่อยู่ข้างหลังทั้งสองคน ราวกับเด็กน้อยที่ไปดูลิงในสวนสนุก สังเกตเซี่ยเจี้ยนโก๋ตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ที่แท้แกก็คือลุงสามที่เป็นขยะของพวกเรานี่เอง จุ๊ๆ ดูๆไปก็ไม่เห็นจะเท่าไรนี่? ไม่แปลกใจที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูล สมควรแล้ว!”
เย็นชา ไร้เยื่อใย ดูถูก เซี่ยเจี้ยนโก๋ไม่อยากจะเชื่อว่า สายตาพวกนี้ จะออกมาจากรุ่นหลานๆของเขา
หนึ่งในนั้นอย่างเป็นหลานที่เขาเอ็นดูมากที่สุด
จิตใจของเซี่ยเจี้ยนโก๋กำลังโห่ร้องด้วยความเจ็บปวด มองเซี่ยหมิงเห้าด้วยแววตาที่เศร้าโศก ชี้เขาด้วยนิ้วที่สั่นๆ แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “หมิงเห้า ตอนแกยังเด็ก ผมเอ็นดูแกที่สุด ตั้งแต่แกสามขวบจวบจนถึงห้าขวบในสองปีนั้น ล้วนเป็นผมที่อุ้มเล่นกับเจ้า ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้กับผม?”
จู่ๆเซี่ยหมิงเห้าก็เผยใบหน้าที่ขยะแขยงแล้วพูดว่า “ถุ๊ย! แกไม่พูดถึงก็ยังดี พอเจ้าพูดแบบนี้ ผมถึงได้เข้าใจสักที ที่แท้หลายปีมานี้ที่ทักษะการแพทย์ของข้าไม่พัฒนาสักที จะต้องเป็นเพราะว่าได้รับผลมาจากความโชคร้ายในตัวเจ้าอย่างแน่นอน!”
“ตอนนี้พอผมนึกถึงตอนเด็กเคยถูกขยะอย่างแกอุ้ม ผมก็ขนลุกไปทั้งตัว ขยะแขยงจนจะตายอยู่แล้ว!”
เซี่ยเจี้ยนโก๋รู้สึกแค่ว่าตรงคอผิดปรกติ จากนั้นก็มีเลือดสดๆหลายออกมาจากมุมปากของเขา
“เจี้ยนโก๋ คุณ คุณเป็นอะไรน่ะ?” โจวเฟินตกใจจนหน้าขาวซีด ถามออกไปด้วยความร้อนรน
หลินหยุนมองเซี่ยเจี้ยนโก๋แวบหนึ่ง จากนั้นก็หันหัวกลับไปอีกครั้ง
เซี่ยเจี้ยนโก๋ยกมือออกมาหนึ่งข้าง แล้วพูดด้วยเสียงโทนต่ำว่า “ฉันไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรก็ดี” โจวเฟินถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จากนั้น โจวเฟินก็นึกถึงคนที่เป็นต้นเหตุ จ้องมองเซี่ยหมิงเห้า แล้วพูดเสียงดังว่า “ไอ้เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน แกพูดกับคนที่อาวุโสกว่าเจ้าแบบนี้ได้ยังไง? ไม่ว่าจะยังไง เขาก็เป็นลุงสามของแก แต่แกกลับใช้คำพูดแบบนี้มาทำร้ายลุงสามของแก ลุงสามของเจ้ายังอุตส่าห์หวังว่าจะสามารถกลับไปที่ตระกูลได้”
“ฉันว่าสามารถเลี้ยงเด็กที่ไม่มีการสั่งสอนแบบเจ้าออกมาได้ ตระกูลแบบนี้จะต้องไม่ใช่ตระกูลที่ดีอย่างแน่นอน ไม่กลับก็ช่างมัน!”
“พี่เห้า นางด่าว่าพี่พ่อแม่ไม่สั่งสอน!” วัยรุ่นที่อยู่ข้างหลัง รายงานด้วยใบหน้าที่ตื่นตกใจ
จู่ๆใบหน้าของเซี่ยหมิงเห้าก็เปลี่ยนไป ดำมืดจนไม่สามารถหาอะไรมาเปรียบเทียบได้ “ยัยผู้หญิงคนนี้ แกกล้าด่าว่าข้าพ่อแม่ไม่สั่งสอนเหรอ? ข้าว่าแกคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!”
พอพูดจบ ก็ใช้ฝ่ามือตบไปยังโจวเฟิน
“หยุดเดี๋ยวนี้!” ใบหน้าของเซี่ยเจี้ยนโก๋เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ถึงแม้เขาจะไม่ใช่ผู้บำเพ็ญบู๊ แต่ว่าเขาก็ยังมองออก การตบของเซี่ยหมิงเห้าในครั้งนี้ ตบด้วยความโกรธ และมีชี่แท้แฝงอยู่ด้วย โจวเฟินเป็นแค่คนธรรมดา จะทนรับไว้ได้ยังไง?
คนที่อยู่รอบๆก็แอบด่าและสาปแช่ง เจ้าเด็กจากตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีน แทบจะไม่ใช่คนแล้ว
แม้แต่ผู้หญิงคนหนึ่งก็ยังไม่เว้น!
พอเห็นว่าฝ่ามือนั้นกำลังจะโดนหน้าของโจวเฟิน คนที่อยู่รอบๆก็รู้สึกได้เพียงแค่ว่าภาพตรงหน้าก็มีเงาผ่านไปแวบหนึ่ง
มือข้างนึกที่ทั้งผอมบางและขาว จับข้อมือของเซี่ยหมิงเห้าเอาไว้อย่างแน่นหนา
“แกเป็นคนที่ไม่ได้รับการสั่งสอนมาจริงๆด้วย!” หลินหยุนไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ แล้วน้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความเย็นชา
หลินหยุนไม่อยากยุ่งเรื่องของตระกูลเซี่ยด้วยซ้ำ แต่ เซี่ยหมิงเห้าลงมือกับโจวเฟิน งั้นเขาก็ต้องเข้าไปยุ่ง
“เสี่ยวหยุน!” โจวเฟินดีใจมาก ราวกับคนที่เพิ่งรอดพ้นจากความตาย
เซี่ยหมิงเห้าตกใจเล็กน้อย “น่าแปลกใจจริงๆ ข้ากลับไม่เห็นว่าเจ้าหมอนี่เคลื่อนไหวตั้งแต่เมื่อไร!”
แต่ว่า เซี่ยหมิงเห้าไม่ยอม ระเบิดชี่แท้ที่อยู่ในร่างทั้งหมด ไปยังฝ่ามือของตัวเอง
“เฮิง ผมขอดูหน่อยว่าครั้งนี้แกจะรับมือยังไง!” เซี่ยหมิงเห้ายิ้มอย่างเย็นชา
แต่ว่า วินาทีต่อมา เขาก็ต้องตกใจ
ขนาดใช้ชี่แท้ที่อยู่ในร่างทั้งหมด แต่ว่าข้อมือของเขาก็ยังถูกหลินหยุนกุมเอาไว้ ฝ่ามือที่ผอมบางของหลินหยุน ก็ราวกับคีมเหล็กยักษ์ ที่รัดข้อมือของเขาเอาไว้
“เป็นไปได้ยังไง!”
เซี่ยหมิงเห้าตกตะลึง สังเกตหลินหยุนอีกครั้ง เขานึกไม่ถึงว่า ชายหนุ่มตรงหน้าที่น่าจะอายุน้อยกว่าเขาสองปี กลับมีฝีมือถึงขนาดนี้!
“เจ้าหนุ่ม แกเป็นใครกัน?” เซี่ยหมิงเห้าถามด้วยใบหน้าที่มืดมน
หลินหยุนพูดอย่างสงบนิ่งว่า “คนที่ท้าแข่งกับเจ้า”
จากนั้น หลินหยุนก็พูดเสริมเข้าไปอีกหนึ่งประโยค “และเป็นคนที่สอนเจ้าว่าเป็นคนต้องทำตัวยังไง”