จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 410 ใต้หล้าไม่มีใครไม่รู้จักท่าน

บทที่ 410 ใต้หล้าไม่มีใครไม่รู้จักท่าน

บนเวที หลังจากที่เจี่ยงสงได้กล่าวแนะนำเปิดงานตามเหมาะสมแล้ว ก็ได้เริ่มต้นเข้าสู่หัวข้อหลัก: “แม้ว่างานเลี้ยงฉลองในครั้งนี้ข้าจะเป็นผู้เริ่มต้น แต่ทุกคนคงทราบกันดีว่า ข้าเป็นตัวแทนของปรมาจารย์หลินที่เชิญทุกท่านให้มาร่วมงาน! ”

“แน่นอนว่า วัตถุประสงค์ของงานเลี้ยงฉลองในครั้งนี้ คาดว่าทุกคนคงน่าจะทราบกันอยู่ก่อนแล้ว ถูกต้อง ซึ่งก็คือน้ำแห่งชีวิต! ”

“รายละเอียดที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรมนั้น ก็คงต้องเชิญให้ปรมาจารย์หลินขึ้นมาพูดแนะนำให้กับทุกคนฟัง! ”

“ขอเชิญปรมาจารย์หลิน! ”

เมื่อเจี่ยงสงพูดจบ ด้านล่างเวทีก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นอย่างเกรียวกราว

หลินหยุนจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน ไม่ใช้ไมโครโฟน กวาดสายตามองไปที่ทุกคน และพูดขึ้นว่า: “ครั้งนี้ที่ได้เรียกทุกคนมารวมตัวกัน ต้องการจะถามว่า ใครสนใจที่จะเป็นตัวแทนสิทธิ์ในการจำหน่าย น้ำแห่งชีวิตบ้าง! ”

“หากมีใครที่สนใจเป็นตัวแทน ก็ไปหาเจี่ยงสงพร้อมกับจ่ายเงินค่ามัดจำหนึ่งร้อยล้านหยวน แต่ว่าพวกคุณจะมีเพียงแค่สิทธิ์การจำหน่าย ส่วนอย่างอื่นนั้น พวกคุณไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งเกี่ยว”

“พวกคุณจะได้รับผลกำไรครึ่งหนึ่งจากการจำหน่ายน้ำแห่งชีวิต ถ้าหากมีใครสนใจที่จะเป็นตัวแทน ก็ไปหาเจี่ยงสงได้เลย”

สรรพคุณที่น่าอัศจรรย์ของน้ำแห่งชีวิต เจี่ยงสงเคยได้กล่าวแนะนำเอาไว้ก่อนแล้ว

ดังนั้น พวกคุณเหล่านี้ที่มากันในวันนี้ ต่อให้จะไม่รับผลกำไรแม้เพียงหนึ่งเฟิน ก็สามารถที่จะได้รับสิทธิ์การเป็นตัวแทนของน้ำแห่งชีวิตได้

ยิ่งไปกว่านั้น ผลกำไรครึ่งหนึ่ง ของน้ำแห่งชีวิตที่มีความอัศจรรย์นั้น แทบจะเป็นตัวเลขมูลค่าที่มากมายนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว

ถึงขนาดที่ว่าไม่ต้องถึงหนึ่งปี เพียงแค่ผลกำไรจากการจำหน่ายน้ำแห่งชีวิต ก็สามารถมีมูลค่าที่ เกินกว่ามูลค่าทรัพย์สินดั้งเดิมของตนแล้ว

“ปรมาจารย์หลิน ฉัน ฉันสนใจ! ”

“ฉัน ฉันก็สนใจด้วย! ”

“ยังมีฉันด้วย……”

ผู้มีอิทธิพลอำนาจ ผู้มีชื่อเสียงแต่ละคนแต่ละคน ต่างก็ไม่ใส่ใจในภาพลักษณ์ของตนเอง ตะโกนเสียงดังอย่างสุดกำลัง

เจี่ยงสงพูดว่า: “คนที่สนใจให้มาลงทะเบียนที่ข้าตรงนี้! ”

ทันใดนั้น เบื้องหน้าของเจี่ยงสงก็ได้มีการเข้าแถวยาวขึ้นสองแถว

การลงทะเบียนใช้เวลาไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม ๆ จากนั้นจึงได้เริ่มต้นงานเลี้ยงฉลองอย่างเป็นทางการ

พวกเซี่ยหยู่เวยกับเถียนชุ่ยชุ่ย ต่างก็นั่งอยู่ด้านข้างผู้อาวุโสของตัวเอง

หลินหยุนที่มีเจี่ยงสงคอยติดตาม ได้เดินชนแก้วแสดงความเคารพไปแต่ละโต๊ะตามมารยาท

แต่ว่า ไม่ทันรอให้หลินหยุนเดินมาถึงที่โต๊ะ คนที่อยู่ในโต๊ะนั้นต่างก็ได้ลุกยืนขึ้นล่วงหน้าแล้ว พร้อมกับต้อนรับด้วยสีหน้าท่าทางที่เคารพ

ทุกคนต่างก็ดื่มจนหมดแก้ว ส่วนหลินหยุนเพียงแค่จิบพอเป็นพิธี

เซี่ยหยู่เวยมองไปยังวัยรุ่นที่เดินไปมาที่บริเวณโต๊ะงานเลี้ยง บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มเบาบางเล็กน้อย ท่าทางสงบนิ่ง ราวกับไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป

เซี่ยหยู่เวยเป็นครั้งแรกที่รู้สึกถึงความละอายใจที่ตัวเองเทียบไม่ได้กับคนอื่น

ตอนนั้นไอ้คนที่ไม่ได้เรื่องได้ราวที่ตัวเองดูถูกเหยียดหยาม และรังเกียจเป็นอย่างมาก ได้มา แปรเปลี่ยนไป กลายเป็นผู้ที่ตัวเองทำได้เพียงแค่เงยหน้ามองและเลื่อมใสไปตลอดชีวิต!

ในทุกโต๊ะที่หลินหยุนเดินเข้าไปหา คนที่โต๊ะนั้นต่างก็พากันยกย่องชมเชย เหมือนกับในสมัยโบราณตอนที่ขันทีพบกับฮ่องเต้

ผ่านไปชั่วครู่ หลินหยุนก็เดินมายังโต๊ะของตนเอง

เซี่ยหยู่เวยใจเต้นแรงขึ้นในทันที

เห็นว่าหลินหยุนใกล้จะมาถึง ทุกคนที่โต๊ะต่างก็รีบลุกยืนขึ้น

เซี่ยหยู่เวยกับเว่ยเทียนหมิงก็รีบลุกยืนขึ้นตามพวกผู้ใหญ่ ก้มศีรษะลง เกรงว่าหลินหยุนจะจดจำตนเองได้

“ปรมาจารย์หลิน ข้าแซ่หวางได้เคารพเลื่อมใสท่านมานานแล้ว” คนที่พูดนี้ คือผู้รับผิดชอบราชการแห่งเมืองหลินโจว ซึ่งก็คือหัวหน้าของเว่ยเด๋อหลง

เขามีท่าทางที่สุภาพ วางตัวอย่างนอบน้อมถ่อมตน

“ชื่นชมกันเกินไปแล้ว! ” หลินหยุนพูดขึ้นอย่างเฉยเมย

เว่ยเด๋อหลงที่อยู่ด้านข้างเห็นสถานการณ์นี้แล้ว จึงรีบยกแก้วขึ้นด้วยมือสองข้าง และพูดขึ้นด้วยท่าทางที่สุภาพนอบน้อมว่า: “ปรมาจารย์หลิน ข้าแซ่เว่ยขอคารวะท่านหนึ่งแก้ว! ”

เว่ยเด๋อหลงที่มีอานุภาพน่าเกรงขาม เป็นถึงรองผู้รับผิดชอบราชการแห่งเมืองหลินโจว นึกไม่ถึงว่าจะยกแก้วเหล้าขึ้นด้วยมือสองข้างเพื่อคารวะหลินหยุน อีกทั้งยังเรียกหลินหยุนว่า ‘ท่าน’ อีกด้วย!

หลินหยุนมองไปที่เว่ยเด๋อหลง เขามีอายุห้าสิบกว่าปี จอนผมเริ่มหงอกบ้างแล้ว เป็นคนที่สดชื่นแจ่มใสและมีความสามารถ อีกทั้งยังมีกลิ่นอายของความเป็นผู้รู้และมีบุคลิกที่สง่างาม

แต่ หลินหยุนรู้ว่าเว่ยเด๋อหลงผู้นี้ไม่ธรรมดา เป็นคนน้ำนิ่งไหลลึก ในชาติที่แล้วผู้ที่ช่วยบริษัท หัวอัน กรุ๊ปของตระกูลส้งจุดไฟเผาคนสุดท้าย ก็คือเขา

พูดอีกอย่างหนึ่งได้ว่า เขาก็คือหนึ่งในศัตรูของหลินหยุน

มองไปยังเว่ยเด๋อหลงที่ยกแก้วเหล้าขึ้นด้วยมือสองข้าง และมีสีหน้าท่าทางนอบน้อม หลินหยุนไม่มีการตอบสนองอะไร โดยมองไปยังแก้วเหล้าที่อยู่ในมือด้วยสีหน้าท่าทางที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก

เว่ยเด๋อหลงเกิดความเก้อเขิน เพราะคนอื่นที่โต๊ะต่างก็จ้องมองมาที่เขา เขาเป็นถึงรองผู้รับผิดชอบราชการแห่งเมืองหลินโจวที่น่าเกรงขาม เตรียมคารวะเหล้ากับหลินหยุนด้วยตนเอง แต่หลินหยุน กลับไม่ได้แสดงท่าทางตอบรับอะไรกลับมา!

แบบนี้เว่ยเด๋อหลงเองก็เสียหน้าไปพอสมควร

แต่ว่า เว่ยเด๋อหลงกลับไม่กล้าที่จะแสดงอาการอะไรออกมา ปรมาจารย์หลินในวันนี้ เขาไม่สามารถที่จะล่วงเกินได้อย่างเด็ดขาด

เว่ยเด๋อหลงก็เป็นคนฉลาด ที่เขาได้ออกมาชนแก้วแสดงความเคารพต่อหลินหยุนนั้นก็เพราะ ข้อที่หนึ่งก็เพื่อแสดงออกต่อหน้าผู้บังคับบัญชา

ข้อที่สองก็เพื่อขอโทษหลินหยุน

ก็เพราะว่า เว่ยเทียนหมิงลูกชายของเขากล้าที่จะไปแย่งชิงคนของปรมาจารย์หลิน ซึ่งความผิดนี้เขาต้องออกหน้ารับผิดชอบเอง

เดิมที เขาคิดว่าบางทีหลินหยุนอาจจะเห็นแก่เกียรติแก่หน้าตาของเขาบ้าง ทุกคนควรจะเปลี่ยนจากสงครามให้กลายเป็นมิตรภาพ แต่เห็นได้ชัดเจนว่า เขาประเมินค่าเกียรติและหน้าตาของเขา สูงเกินไป

“ปรมาจารย์หลิน ลูกชายของข้าก่อนหน้านี้ได้ล่วงเกินท่าน ข้าขอแสดงความขอโทษแทนเขาในที่ตรงนี้ หวังว่าผู้ใหญ่อย่างท่านคงจะให้อภัยไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเด็กผู้ต่ำต้อย! ”

พูดจบ เว่ยเด๋อหลงก็โค้งคำนับหลินหยุน ด้วยท่าทางที่นอบน้อมและจริงใจ

คนอยู่ที่โต๊ะ ต่างก็มองมาที่หลินหยุน ซึ่งการที่เว่ยเด๋อหลงแสดงความขอโทษด้วยตนเอง ทั่วทั้งเมืองหลินโจว เกรงว่าคงจะไม่มีใครสามารถได้รับการปฏิบัติจากเขาแบบนี้

แต่ว่า หลินหยุนก็ยังคงไม่แสดงท่าทีอะไร และก็เพียงมองไปยังเว่ยเด๋อหลงแวบหนึ่ง แล้วก็หันหลังเดินกลับออกไป

ด้านข้างของเว่ยเด๋อหลง เว่ยเทียนหมิงที่กำลังก้มศีรษะ โกรธจัดจนหน้าเขียว กำหมัดสองข้างอย่างแน่น จนเล็บมือฝังเข้าไปข้างในเนื้อแล้ว

อับอายขายหน้า! อับอายขายหน้าอย่างมากเลยทีเดียว!

แบบนี้ยังอับอายขายหน้ามากกว่าหลินหยุนตบหน้าของเขาเสียอีก!

ก่อนหน้านี้ เว่ยเทียนหมิงไม่เคยคิดว่าหลินหยุนเป็นศัตรูมาก่อน เพราะเขารู้สึกว่าหลินหยุนยังไม่คู่ควร

แต่ว่า ตอนนี้แม้แต่ผู้ที่เขาพึ่งพาอย่างมากที่สุดก็ยังถูกหลินหยุนเหยียดหยาม โดยเว่ยเด๋อหลงแสดงความขอโทษกับหลินหยุนต่อหน้าทุกคน แต่หลินหยุนกลับไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย

นี่เป็นการเยาะเย้ยถากถางอย่างมากเลยทีเดียว!

ด้านข้างของเว่ยเทียนหมิง เซี่ยหยู่เวยกลับได้เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่งดงามทั้งสองข้างจ้องมองไปยังหลินหยุน

เห็นเงาร่างทีเลือนลางของหลินหยุน แล้วหันกลับมามองเว่ยเทียนหมิงที่อยู่ด้านข้าง ก็รับทราบถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน!

โดยตัวเองเคยมองว่าเว่ยเทียนหมิงเป็นคนที่เก่งกาจมีความสามารถ เป็นเจ้าชายขี่ม้าขาว แต่ว่าเมื่อนำเขาไปเปรียบเทียบกับหลินหยุนแล้ว กลับพบว่าเป็นเพียงแค่เศษขยะ!

ตัวเองแท้ ๆ ที่ทอดทิ้งหยกอันล้ำค่าของจริงอย่างหลินหยุนไป แล้วก็หันไปเลือกเศษขยะอย่างเว่ยเทียนหมิงนี้!

จิตใจของเซี่ยหยู่เวยในตอนนี้ หลากหลายอารมณ์และความรู้สึกซึ่งเกินกว่าจะบรรยายเป็นคำพูดออกมาได้

โกรธแค้น ไม่ยินยอม สำนึกผิด หงุดหงิด ที่มากที่สุดคือเสียใจ!

มองไปยังเงาร่างที่ผอมบางของวัยรุ่นคนนั้น ในทุกที่ที่ไป เต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติ ผู้มีอิทธิพลอำนาจนับไม่ถ้วน โดยทั้งหมดต่างก็มองไปที่เขาอย่างเคารพและยำเกรง

พวกผู้มีอิทธิพลอำนาจเหล่านี้เป็นผู้ที่ดำรงอยู่โดยคนธรรมดาทั่วไปต่างก็พากันเลื่อมใส เมื่อแต่ละคนเดินออกไปไหนมาไหนคนเดียว ต่างก็ยังคงได้รับความเคารพจากคนธรรมดาทั่วไปนับไม่ถ้วน

แต่ว่า วันนี้พวกผู้มีอิทธิพลอำนาจเหล่านี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ต่างก็เงียบกริบ และสุภาพนอบน้อม

นี่คือเกียรติยศความภาคภูมิใจอย่างมากเลยทีเดียว! นี่คืออำนาจบารมีที่สูงส่งมากเลยทีเดียว!

ถ้าหากตอนนั้นตัวเองไม่ได้เลือกที่จะทอดทิ้งเขา ในวันนี้พวกเกียรติยศความภาคภูมิใจ อำนาจบารมีเหล่านี้ ก็คงเป็นของเธอครึ่งหนึ่ง!

สิ่งเหล่านี้ต่างก็เคยเป็นที่สิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝันต้องการ!

แต่กลับถูกตัวเองทำลายลงด้วยมือของตัวเอง

เซี่ยหยู่เวยสีหน้าขาวซีด จิตวิญญาณในร่างกายของตนเหมือนกับถูกกลืนหายไปแล้ว

เว่ยเด๋อหลงนั่งลงบนเก้าอี้ บุคคลที่ยิ่งใหญ่สง่างามไร้ขีดสุดแห่งเมืองหลินโจวท่านนี้ เวลานี้กลับอยู่ในท่าทางที่เซื่องซึม

จากนั้น สายตาของเขาก็มองไปที่เซี่ยหยู่เวย สิ่งที่เผยออกมาทางแววตาไม่รู้ว่าเป็นความเจ็บแค้น หรือว่าเหยียดหยาม หรือว่าหงุดหงิดใจกันแน่

เว่ยเทียนหมิงเหมือนว่ารับรู้ได้ถึงแววตาของผู้เป็นพ่อ ก็ยิ่งก้มศีรษะต่ำลงไปอีก สีหน้าเต็มไปด้วยความละอาย

ถ้าหากว่าเขาไปไม่ได้ไปแย่งชิงคนรักมาจากหลินหยุน ก็คงจะไม่ทำให้พ่อของเขาถูกบีบบังคับถึงขั้นนี้?

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดของเขา!

ลูกชายของรองผู้รับผิดชอบเมืองหลินโจวที่สง่างาม เขาต้องการผู้หญิงอย่างไรไม่ใช่ว่าจะหาไม่ได้แต่กลับดันไปเลือกผู้หญิงที่มีสามีแล้วอย่างเซี่ยหยู่เวย

คนอื่นที่โต๊ะ ต่างก็มองไปที่เซี่ยหยู่เวย ด้วยสีหน้าท่าทางที่ซับซ้อน

ทุกคนต่างทราบดีถึงความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยหยู่เวยกับหลินหยุน ผู้หญิงคนนี้ยอมที่จะทอดทิ้งบุคคลระดับเซียนอย่างปรมาจารย์หลิน แล้วกลับมาเลือกคนที่มีหน้าตาดีแต่ไม่มีสติปัญญาอย่าง เว่ยเทียนหมิง

ช่างมีตาหามีแววไม่เสียจริง! น่าเสียดาย น่าสงสาร น่าโศกเศร้า น่าสลดใจ!

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท