ทุกคนต่างก็ตกใจขึ้นมาพร้อมกัน!
สายตานับไม่ถ้วนจ้องมองไปยังคนที่พูดคำนี้ออกมา
ใครกัน? ที่กล้ายืนออกมาในเวลาแบบนี้
นี่มันเหมือนประกาศเป็นศัตรูกับหวางซี่ไห่!
มู่ชิงซานกับมู่เฉิงก็สนใจมาก ในตอนที่บริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปของพวกเขากำลังจนหนทาง เป็นใครกันแน่ที่กล้ายืนออกมาช่วยเหลือเขา!
ชายหนุ่มที่สวมเสื้อสีดำที่กำลังเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ทางกลางการจ้องมองของคนรอบๆ ก็ค่อยๆเดินเข้ายังข้างในห้องโถง
ใบหน้าของหวางซี่ไห่เผยความดุร้ายออกมา “เจ้าหนุ่ม ฉันไม่สนว่าแกเป็นใคร แต่วันนี้ฉันขอเตือนแกสักประโยค อย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่า!ไม่งั้น ผลลัพธ์ไม่ใช่สิ่งที่แกจะสามารถรับเอาไว้ได้!”
เดิมทีมู่ชิงซานยังมีความหวังเล็กน้อย แต่ว่า หลังจากที่เห็นว่าคนที่มาเป็นหลินหยุน จู่ๆก็เผยความผิดหวังออกมา
“ที่แท้ก็เป็นคุณนี่เอง!” แววตาของมู่ชิงซานเผยความอับอายออกมา เขายังจำได้ดีว่าตอนที่อยู่ในงานประมูล หลินหยุนเคยพูดเตือนเขาแล้ว
แต่ว่าหลังจากที่เขาได้ราชาประมูลมา ก็ถูกความดีใจครอบงำ จนไม่คิดจะสนใจคำเตือนของหลินหยุน
ตอนนี้พอมองหลินหยุนอีกครั้ง จู่ๆก็รู้สึกอับอายขึ้นมา
มู่เฉิงเผยความตกใจออกมา “ทำไมถึงเป็นคุณ!”
ทันใดนั้น ก็พูดด้วยใบหน้าที่เขินอาย “สหาย เสียใจจริงๆที่ตอนนั้นไม่ยอมเชื่อคำพูดของคุณ ถึงได้หลงกลแผนสกปรกของคนชั่วพวกนี้!”
“แต่ว่าเรื่องในวันนี้ คุณไม่สามารถช่วยอะไรได้ รีบไปดีกว่า อย่าเอาตัวเองมาเดือดร้อนด้วยเลย”
มู่เฉิงรู้สึกว่าหลินหยุนยังเป็นแค่วัยรุ่น บางทีอาจจะออกมาเพราะทนดูความไม่ยุติธรรมไม่ไหว ถึงได้ยืนออกมาในตอนที่ตระกูลมู่อยู่ในช่วงวิกฤต แต่เขาไม่สามารถช่วยเหลืออะไรบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปได้ เพราะว่าทั่วทั้งอำเภอจีหมิง ก็ไม่มีบริษัทไหนที่สามารถต่อกรกับบริษัทซี่ไห่กรุ๊ปได้อีก
ในตอนที่ผู้คนกำลังจะตาย ล้วนต้องการลืมความชั่วร้ายของมนุษย์และปรารถนาที่จะมีความสุข!
มู่เฉิงไม่อยากให้ช่วงเวลาวิกฤตของตระกูลมู่ ยังดึงคนไม่เกี่ยวข้องเข้ามาเดือดร้อนด้วย
มู่ชิงซานเองก็พูดด้วยเสียงจริงจัง “เจ้าหนุ่ม นึกไม่ถึงว่าในตอนที่ตระกูลมู่อยู่ในช่วยวิกฤต คนที่ยืนออกมากลับเป็นคนแปลกหน้าอย่างคุณ!ครั้งก่อนฉันเข้าใจคุณผิดไป แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ อย่าฝืนเลย รีบออกไปเถอะ!”
หลินหยุนไม่ได้สนใจคำขู่ของหวางซี่ไห่ และไม่ได้สนใจคำโน้มน้าวของพ่อลูกตระกูลมู่ ถามด้วยเสียงเรียบๆว่า “ลองคำนวณดูสิว่าต้องการเงินเท่าไหร่ถึงจะสามารถช่วยเหลือตระกูลมู่ของพวกคุณ?”
มู่ชิงซานกับมู่เฉิงตกใจพร้อมกัน
มู่ชิงซานจ้องมองหลินหยุนอย่างจริงจัง พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เจ้าหนุ่ม คุณเอาจริงงั้นเหรอ? หวางซี่ไห่เตรียมการมานานแล้ว ตอนนี้ถ้าต้องการช่วยเหลือตระกูลมู่ ถ้าเกิดไม่มีเงินทุนอย่างน้อยสองร้อยล้านเกรงว่าคงจะไม่พอ!”
มู่เฉิงรีบพูดขึ้นมาว่า “สหาย ความหวังดีของคุณฉันขอรับไว้ด้วยใจก็พอแล้ว คุณรีบออกไปเถอะ!”
มู่เฉิงที่อยู่ในหมู่คุณชายของอำเภอจีหมิง ไม่เคยเจอหลินหยุนมาก่อน อย่าว่าสองร้อยล้านเลย ถ้าเขาสามารถเอาเงินออกมาได้หนึ่งร้อยล้านก็สามารถเป็นใหญ่ในหมู่คนพวกนั้นได้แล้ว
เขาคิดว่าหลินหยุนน่าจะต้องการที่จะบลัฟ
หวางซี่ไห่ที่อยู่ข้างๆยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “เจ้าหนุ่ม แกจงใจที่จะเป็นศัตรูกับบริษัทซี่ไห่กรุ๊ปของฉันใช่ไหม!ได้ วันนี้ฉันจะยืนดูอยู่ที่นี่แหละ ดูว่าแกจะช่วยตระกูลมู่ที่อยู่ตรงหน้ายังไง!”
หลินหยุนหยิบบัตรทองม่วงออกมา แล้วโยนมันออกไปอย่างสบายๆ บัตรไปอยู่ตรงหน้าโต๊ะของมู่ชิงซานพอดี
“ให้ห้าร้อยล้าน พอไหม?”
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ
ทุกคนต่างก็ตกตะลึง
จากนั้น คนรอบๆก็หัวเราะออกมา
“ฮ่าๆ เจ้าหนุ่มคนนี้ แสดงได้เหมือนจริงๆ!”
“นั่นสิ ดูเขาน่าจะอายุยี่สิบต้นๆ แต่การแสดงของเขาสามารถเป็นนักแสดงยอดเยี่ยมได้เลยนะเนี่ย”
“เขาก็ไม่คิดสักหน่อยว่า ห้าร้อยล้านมันเป็นตัวเลขในฝัน? ถ้าเกิดเขามีห้าร้อยล้าน อำเภอจีหมิงของพวกเราต้องรู้จักคนคนนี้ตั้งนานแล้ว”
หวางเจียเฉียงจ้องมองหลินหยุนด้วยใบหน้ามืดมน แล้วหันไปกระซิบถามหวางซี่ไห่ “พ่อ ให้ผมเรียกคนมาไล่เขาออกไปไหม? อย่าให้เขามาก่อกวนที่นี่เลย”
หวางซี่ไห่ส่ายหัว สีหน้าดูหนักอึ้งเล็กน้อย สายตาจ้องมองบัตรทองม่วงที่อยู่บนโต๊ะของมู่ชิงซานโดยไม่กะพริบ
“บัตรใบนั้นดูคุ้นๆยังไงไม่รู้?”
มู่ชิงซานในตอนนี้ ก็จ้องมองบัตรทองม่วงที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าตกใจ
“นี่ นี่มันบัตรทองม่วงสูงศักดิ์ของจินซื่อหรง!ทำไมเจ้าเด็กนี้ถึงมีมันได้ล่ะ? คงไม่ใช่ของปลอมใช่ไหม!”
มู่ชิงซานหยิบขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้วตรวจสอบมันอย่างละเอียด
“ไม่ ไม่ใช่ของปลอม!นี่เป็นของจริง!ลวดลายแบบนี้ สัมผัสนี้เป็นของจริง!นี่เป็นบัตรทองม่วงสูงศักดิ์ของจินซื่อหรงจริงแท้แน่นอน!”
มู่ชิงซานจ้องมองหลินหยุนด้วยสีหน้าตกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย เจ้าหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่?
มู่เฉิงไม่ได้รู้จักบัตรใบนี้ กลับรู้สึกขบขันกับการกระทำของหลินหยุน
“สหาย คุณไม่รู้รึไง? บัตรธนาคารใบหนึ่ง ไม่สามารถเก็บเงินได้ถึงห้าร้อยล้าน มุกตลกของคุณมันใหญ่เกินไปแล้ว!”
“……ฮ่าๆ!”
คนรอบๆหัวเราะเยาะด้วยความดูถูก คำโกหกง่ายๆของหลินหยุนถูกเปิดเผยออกมาแล้ว
มู่ชิงซานพูดด้วยเสียงจริงจัง “นี่ไม่ใช่บัตรทั่วๆไป บัตรแบบนี้สามารถเก็บเงินได้ไม่จัดการ ขอแค่เจ้าของบัตรต้องการ เก็บหนึ่งร้อยล้านได้อย่างไม่มีปัญหา!”
เอิ้ก!
รอยยิ้มของคนรอบๆจู่ๆก็ค้างอยู่บนใบหน้า!
สำหรับคำพูดของมู่ชิงซาน คนรอบๆก็ยังเชื่อมากกว่า ยังไงซะก็เป็นประธานของบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ป เห็นอะไรมาเยอะ ไม่มีความจำเป็นต้องโกหกเรื่องแบบนี้
มู่เฉิงมองหลินหยุนด้วยสีหน้าตกใจ จากนั้นก็หันไปมองมู่ชิงซาน “พ่อ พ่อบอกว่าบัตรธนาคารพิเศษแบบนี้ มีแค่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างบริษัทชิรงกรุ๊ปถึงจะสามารถทำได้ไม่ใช่เหรอ? เขาจะมีมันได้ยังไง?”
มู่ชิงซานพูดว่า “บัตรใบนี้ก็คือบัตรทองม่วงสูงศักดิ์ของจินซื่อหรง!”
อะไรนะ!
คนรอบๆต่างก็อึ้งเป็นไก่ตาแตกอีกครั้ง!
แม้แต่ใบหน้าของพ่อลูกตระกูลหวางก็เต็มไปด้วยความตกใจ!
“จินซื่อหรงเป็นคนใหญ่คนโตของหลินโจว ฉันได้ยินมาว่าเขามีบัตรทองม่วงสูงศักดิ์แค่สามใบ บอกว่าจะมอบมันให้กับคุณที่เขานับถือทั้งสามคน!”
“ฉันจำได้ว่าท่านเจี่ยงมีหนึ่งใบ อีกใบหนึ่งอยู่กับเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของหลินโจว”
“บัตรใบที่สามหรือว่าจะมอบให้กับเจ้าหนุ่มคนนี้?”
คนรอบๆเริ่มพูดคุยกัน บริษัทชิรงกรุ๊ปของจินซื่อหรง ในสายตาของประธานบริษัทเล็กๆในอำเภอเมืองอย่างพวกเขา นั่นเป็นตัวตนที่เหนือจินตนาการ
ในสายตาของพวกเขา จินซื่อหรงก็เป็นคนยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว
และคนที่จินซื่อหรงนับถือล่ะ จะเป็นตัวตนระดับไหนกัน?
นี่มันก็เหมือนกับนักบู๊คนหนึ่งที่อยู่ในระดับแดนพรแสวง เป็นความรู้สึกที่ได้แต่มองปรมาจารย์บู๊อย่างเดียว!
มู่เฉิงตื่นเต้นจนหัวเราะเสียงดังออกมา “ฮ่าๆๆ นี่ก็คือบัตรทองม่วงสูงศักดิ์ของคุณจินซื่อหรง!โชคดีจริงๆ พวกเรารอดแล้ว!”
“สหาย ไม่สิ ผู้มีพระคุณ!คุณก็คือผู้มีพระคุณบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปของพวกเรา!” มู่เฉิงพูดด้วยความตื่นเต้น
มู่ชิงซานกลับแสดงสีหน้าที่จริงจังออกมา มองไปยังหลินหยุนแล้วถามว่า “ถ้าเกิดท่านยอมช่วยเหลือตระกูลมู่ของผม ผมก็ซาบซึ้งมาก แต่ว่า ผมเข้าใจดี โลกนี้ไม่มีของฟรี คุณมีเงื่อนไขอะไร สามารถพูดออกมาได้ ผมจะได้คิดทบทวน!”
หลินหยุนส่ายหัว สีหน้าดูเรียบง่าย “ไม่มีเงื่อนไขอะไร ผมรู้สึกผูกพันกับพี่มู่ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ อยากจะเป็นเพื่อนกับเขา”
“ฉัน?” มู่เฉิงเอานิ้วชี้จมูกตัวเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ!ดูเหมือนนี้จะเป็นครั้งแรก ที่เขารู้สึกว่าตัวเองก็สามารถดึงดูดคนใหญ่คนโตเข้ามาด้วย
แต่ว่า จู่ๆมู่เฉิงก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ใบหน้าที่หล่อเหลาแดงเล็กน้อย พูดอย่างติดๆขัดๆว่า “เออคือว่าสหาย ฉันขอพูดอะไรสักอย่างแล้วกัน ฉันเป็นคนตรงๆ ไม่ยอมงอ จากนี้ไปก็เหมือนกัน!”
หลินหยุน “……”
“สบายใจได้ ฉันเองก็เป็นคนตรงมาก” หลินหยุนพูดอย่างมั่นใจ
มู่เฉิงโล่งอก “งั้นก็ดี ช่างโชคดีจริงๆ”
พอเห็นสองคนนี้กำลังพูดจาไร้สาระด้วยที่ไม่สนคนรอบข้าง หวางเจียเฉียงก็ตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ “เป็นของปลอม ล้วนเป็นของปลอม!เขามันแค่คนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าที่ไม่มีชื่อเสียงอะไร จะไปมีบัตรทองม่วงสูงศักดิ์ของคุณจินซื่อหรงได้ยังไงกัน!”
“ทุกคนอย่าโดนมันหลอกนะ!”
คนรอบๆเองก็ไม่เชื่อว่าหลินหยุนจะได้บัตรทองม่วงสูงศักดิ์ของจินซื่อหรง ต่างก็จ้องมองหลินหยุนด้วยความสงสัย
หวางซี่ไห่พูดด้วยเสียงจริงจัง “บัตรใบนั้นเป็นของจริง!”
นี่……
คนรอบๆต่างก็จ้องมองหวางซี่ไห่ด้วยสีหน้าประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่าหวางซี่ไห่จะเป็นคนพูดแทนศัตรูด้วยตัวเอง
“พ่อ!” หวางเจียเฉียงกลับมองหวางซี่ไห่ด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจ พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ทำไมพ่อถึงพูดแทนเขาล่ะ!