เจียงซ่างหมิงพูดด้วยความรำคาญว่า “พอแล้ว เริ่มกันเถอะ!”
คนทั้งงานต่างก็อยู่ในความเงียบ สายตาส่วนใหญ่ของทุกคน ต่างก็จ้องมองไปยังหลินตงหัวที่อยู่บนเวที
แต่ว่า สายตาส่วนใหญ่ของผู้รับผิดชอบแต่ละหมู่บ้าน ล้วนเต็มไปด้วยความดีใจที่ได้เห็นคนอื่นเดือดร้อน
ส่วนพวกนักธุรกิจ ใบหน้าบ่งบอกว่าไม่สนใจ
ยังไงซะคนอย่างหลินตงหัว ต่อให้พวกเขาจะให้กับสนับสนุน ก็คงไม่ส่งผลดีอะไรกับพวกเขา เพราะงั้นความเป็นความตายของหลินตงหัว ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา
บนเวที หลินตงหัวยืนตัวตรง ราวกับทหารศึกที่พร้อมสละชีพ
“กระผม ขอการสนับสนุนจากทุกท่าน!”
พอพูดจบ หลินตงหัวก็หันไปโค้งคำนับ ให้กับทุกคน
คนทั้งงานต่างก็เงียบจนน่าประหลาดใจ ไม่มีใครส่งเสียงแม้แต่น้อย และไม่มีใครยืนออกมาสนับสนุนหลินตงหัว
คนพวกนี้ล้วนเป็นนักธุรกิจ วิธีการของนักธุรกิจ ไม่มีทางที่พวกเขาจะออกไปสนับสนุนหลินตงหัวเพราะคุณธรรมของตัวเองโดยที่ไม่ได้ผลตอบแทนอะไรหรอก
ฉินหลันร้อนรนเล็กน้อย พูดกระซิบว่า “ท่านประธาน ทำยังไงดี? ลุงหลินก็ยังไม่ยอมให้ท่านช่วยเหลือเขา จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หันมามองพวกเราแม้แต่น้อย!”
ใจของหวางซูเฟินเกิดความโมโหเล็กน้อย จนถึงป่านนี้แล้ว หลินตงหัวก็ยังไม่ยอมให้เธอช่วยเหลือเขาสักครั้ง หรือว่าเขากำลังรอให้คนพวกนี้มีจิตใต้สำนึกขึ้นมาหรือยังไงกัน?
“อย่าไปสนใจเขา ในเมื่อเขาอยากจะขายขี้หน้า ก็ปล่อยเขาไปเถอะ!” หวางซูเฟินพูดด้วยความโมโห
“นี่……ก็ได้ค่ะ!” ฉินหลันไม่มีทางเลือก ได้แต่สวดภาวนาให้คนพวกนี้มีจิตใต้สำนึกขึ้นมา แล้วออกมาสนับสนุนหลินตงหัวสักครั้ง
หนึ่งวินาที สิบวินาที หนึ่งนาที……
หลินตงหัวที่ยืนอยู่บนเวที รู้สึกว่าเวลาผ่านไปไวมาก ทุกวินาทีสำหรับเขา เหมือนกับเป็นการทรมาน
เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีใครสักคนยืนออกมาให้การสนับสนุนเขา ขอแค่สักคนก็ยังดี อย่างน้อยๆเขาจะได้เห็นว่า สิ่งที่เขาเชื่อมั่น และหลักการของเขา เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
แต่ว่า ความจริงมันก็โหดร้ายแบบนี้แหละ ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมา ให้การสนับสนุนเขา แล้วกลายเป็นศัตรูของเจียงซ่างหมิงกับหยูจงหยวนหรอก
หยูจงหยวนรู้สึกว่าชัยชนะอยู่แค่เอื้อม
“หลินตงหัว แกไม่มีผู้สนับสนุนแม้แต่คนเดียว แกมีสิทธิ์อะไรมาว่าพวกเรา! แกมันก็แค่ครองตำแหน่งไว้รับผลประโยชน์โดยไม่ทำอะไรเลย แกมันก็แค่คนต่ำช้า!” หยูจงหยวนยืนขึ้นมา ตะโกนด่าเสียงดัง
“หลินตงหัว คนต่ำช้า ไสหัวลงไปซะ!” ผู้รับผิดชอบของแต่ละหมู่บ้านเองก็เริ่มด่าขึ้นมา
ใบหน้าของเจียงซ่างหมิงเต็มไปด้วยความดูถูก มองไปยังทางที่หลินหยุนนั่งอยู่ แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ไอ้หนุ่ม เห็นหรือยัง? นี่เป็นผลรับที่แกต้องการหรือยังไง?”
“ฉันบอกตั้งแต่แรกแล้ว ให้เขาขึ้นไป มีแต่ขายขี้หน้าคนอื่นเปล่าๆ!”
แววตาของหลินหยุนเผยความเย็นชาราวกับน้ำแข็ง แล้วพูดด้วยเสียงเรียบๆว่า “มันก็ไม่แน่!”
พอพูดจบ หลินหยุนก็ค่อยๆลุกขึ้นมา แล้วหันไปโค้งคำนับด้วยความเคารพต่อหลินตงหัวที่อยู่บนเวที “ผู้อาวุโสหลิน ชีวิตทั้งชีวิตของท่าน ทำงานอย่างขยันขันแข็ง โดยที่ไม่หวังผลตอบแทน ข้าน้อยคนนี้ชื่นชมท่านมานานแล้ว ขอให้ท่านอาวุโสยอมรับการคารวะจากผม!”
จากนั้น หลินหยุนก็คุกเข่าลงบนพื้น ต่อหน้าทุกคน แล้วก้มหัวทำความเคารพต่อหลินตงหัว
กระทำของหลินหยุน มีเก้าสิบเปอร์เซ็นต์มาจากใจจริงของเขา พอได้ชีวิตครั้งที่สองมา เขาถึงได้รู้ว่าพ่อของตัวเองต้องแบกรับความกดดันอะไรบ้าง เขารู้สึกผิดต่อหลินตงหัว
ส่วนสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือ ก็คือต้องการช่วยให้หลินตงหัวรอดพ้นวิกฤตนี้ เขาเชื่อว่า มีใครบางคนต้องเข้าใจกระทำของเขา
หลินตงหัวรีบพูดขึ้นมา “เสียวหยุน รีบลุกขึ้นมา คุณทำอะไรน่ะ!”
หลินหยุนลุกขึ้นมา พูดด้วยเสียงเรียบๆว่า “ผมเชื่อว่า สิ่งที่ผู้อาวุโสหลินทำ จะต้องทำให้คนที่มีจิตใต้สำนึก ออกมาสนับสนุนท่านอย่างเต็มที่!”
“ขอบคุณ ขอบคุณมาก!” หลินตงหัวซาบซึ้งจนน้ำตาคลอเบ้า หลายปีมานี้ หลินหยุน เป็นคนแรกที่ให้การสนับสนุนเขา
สิ่งที่หลินตงหัวต้องการไม่ใช่ผู้สนับสนุน แต่เป็นการยอมรับ ความเชื่อมั่นของเขา หลักการของเขา ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ขอแค่ได้การยอมรับจากคนอื่นก็พอแล้ว
หยูจงหยวนพูดด้วยเสียงเย็นชา “เฮิง ไอ้หนุ่ม แกต้องการเล่น‘ชุดใหม่ของราชา’ กับพวกเราหรือยังไง? แกคิดว่าคนอย่างพวกเราจะหลงกลแกหรือยังไงกัน?”
“ใครออกมาสนับสนุนครองตำแหน่งไว้รับผลประโยชน์โดยไม่ทำอะไรเลยคนนี้ คนนั้นต่างหากที่เป็นคนไร้จิตสำนึก!”
“นั่นสิ ไอ้เด็กนี้มาจากไหนกัน กลับกล้าแสดงละครพันธุ์นี้ ต่อหน้าสถานการณ์ที่เคร่งเครียดแบบนี้ ก็ควรที่จะไล่เขาออกไปซะ!”
“ไอ้หนุ่ม ไม่มีใครหลงกลแกหรอก แกตายใจซะเถอะ!”
หม่าเสี่ยวหลงมองไปยังหลินหยุน แล้วเผยความตกใจออกมา “เป็นเขาเองเหรอ!”
“ไอ้หนุ่มคนนี้ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นขนาดนั้นเลยเหรอ?”
หม่าเจี้ยนกั๋วถามด้วยความสงสัย “หนูรู้จักเขาเหรอ? เขาเป็นใคร?”
หม่าเสี่ยวหลงพูดด้วยความดูถูก “ตอนที่อยู่งานประมูล หนูเคยเห็นเขา ตอนนั้นเขาต้องการช่วยเหลือตระกูลมู่ เลยโดนหนูไล่ออกไป ตอนนี้ยังจะต้องการช่วยเหลือหลินตงหัวอีก ไม่รู้จักเจียมตัวสักจริงๆ!”
หม่าเจี้ยนกั๋วพูดด้วยเสียงเย็นชา “ในเมื่อเป็นแค่เด็กที่ไม่รู้จักเจียมตัว งั้นก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ”
มู่เฉิงกลับแสดงใบหน้าตกตะลึง มองไปยังหลินหยุนแล้วกระซิบว่า “สหาย นายกับหลินตงหัวมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน? ทำไมถึงได้แสดงความเคารพเขาขนาดนั้น!”
“เขาสมควรได้รับ!” หลินหยุนมองไปยังหลินตงหัวที่อยู่บนเวที น้ำเสียงดูเรียบสงบ
กระทำของหลินหยุน ก็เหมือนกับมีการโยนระเบิด ใส่ทะเลสาบที่เงียบสงบ
มู่ชิงซานและหวางซี่ไห่สองคนนี้ ต่างก็จ้องมองหลินตงหัวด้วยความตกใจ
“ทำไมคุณหลินต้องแสดงความเคารพต่อหลินตงหัวขนาดนั้นด้วยล่ะ?”
“แม้แต่ท่านเจี่ยงเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็เหมือนเป็นคนรับใช้คนหนึ่ง ตกลงหลินตงหัวมีฐานะอะไรกันแน่? ถึงได้ทำให้เขาเคารพถึงขั้นนี้!”
ประสาทของนักธุรกิจ ล้วนเป็นประสาทที่ไวมาก สายตาของนักธุรกิจเอง ก็เป็นสายตาที่เฉียบคม ถ้าเกิดไม่มีสองอย่างนี้ งั้นก็ไม่มีทางเป็นนักธุรกิจที่ประสบผลสำเร็จ
“ยังมีใครให้การสนับสนุนเขาอีกไหม?” เจียงซ่างหมิงที่ยืนอยู่ข้างๆเวที ถามถึงขึ้นมาด้วยความรำคาญ
เจียงซ่างหมิงไม่ได้ใส่ใจคำพูดของหลินหยุนแม้แต่น้อย คนที่อยู่ในงานไม่ใช่เด็กสักหน่อย กับดักที่ชัดเจนขนาดนี้ จะมีคนหลงกลได้ยังไง
ผู้สนับสนุนของหลินตงหัว มีเพียงแค่หลินหยุนคนเดียว
“พี่เจียง ไม่มีใครอีกแล้ว!รีบจบเถอะ อย่าได้เสียเวลาของทุกคนเลย อาหารก็เย็นหมดแล้ว” หยูจงหยวนพูดพร้อมรอยยิ้มที่เย็นชา
“ใช่แล้ว จบเถอะ มีเด็กโง่คนหนึ่งออกไปสนับสนุนเขาก็ไม่เลวแล้ว อย่างน้อยๆก็ทำลายสถิติที่เป็นศูนย์มาหลายปีแล้ว!”
“ฮ่าๆ ใช่แล้ว ก็ถือว่าทำลายสถิติก็แล้วกัน!”
คนรอบๆเริ่มมีการหัวเราะเยาะขึ้นมาอีกครั้ง
เจียงซ่างหมิงกวาดสายตามองคนที่อยู่ในงานอีกครั้ง เหล่สายตาแล้วถามว่า “ถ้าเกิดไม่มีใครอีก งั้นก็ขอจบตรงนี้!”
“มู่ชิงซานประธานบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป เต็มใจที่จะให้การสนับสนุนคุณหลินตงหัว!”
เสียงที่จู่ๆก็ดังขึ้นมา จากนั้น มู่ชิงซานก็รีบลุกขึ้นมา ยืนตัวตรง สีหน้าเต็มไปด้วยความหนักแน่น
“มู่……บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป! แถมมู่ชิงซานออกมาด้วยตัวเอง!”
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง!”
“บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปบ้าไปแล้วหรือไง? ทำไมพวกเขาต้องให้กับสนับสนุนหลินตงหัวด้วย?”
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในอาการตะลึง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาอีกครั้ง
“หวางซี่ไห่ประธานบริษัทซี่ไห่กรุ๊ป เต็มใจที่จะให้กับสนับสนุนคุณหลินตงหัว!”
หลังจากสิ้นเสียง หวางซี่ไห่เองก็ลุกขึ้นมา แล้วประสานมือทำความเคารพหลินตงหัวที่อยู่บนเวที
“ซี่……บริษัทซี่ไห่กรุ๊ป!”
“บริษัทซี่ไห่กรุ๊ปกับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเป็นศัตรูคู่แค้นกันมานับสิบปีไม่ใช่หรือไง? ทำไมพวกเขาถึงยอมสนับสนุนคนเดียวกันได้ล่ะ!”
“นี่พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นมาจากทิศตะวันตกหรือเปล่า?”
ใบหน้าของหยูจงหยวนเต็มไปด้วยความตกใจ ไม่อยากเชื่อภาพที่อยู่ตรงหน้า หัวใจกำลังร้องคำราม “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปกับบริษัทซี่ไห่กรุ๊ปยังมีช่วงเวลาที่ร่วมมือกันด้วยเหรอ?”
“ทั้งสองบ้านนี้ล้วนเป็นบริษัทแถวหน้าของอำเภอจีหมิง แม้แต่เจียงซ่างหมิงก็ยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากพวกเขา ทำไมตอนนี้ถึงหันไปสนับสนุนหลินตงหัวได้ล่ะ!”
เจียงซ่างหมิงที่อยู่ตรงมุมหนึ่งของข้างล่างเวทีเขาเองก็ตกใจเหมือนกัน “นี่มันเป็นไปได้ยังไง!แม้แต่ฉันก็ยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทซี่ไห่กรุ๊ปและบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป หลินตงหัวมีสิทธิ์อะไร!”
พอซี่ไห่และบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเปิดประเด็น พวกนักธุรกิจที่ติดตามพวกเขา ก็เหมือนกับแมวที่ได้กลิ่นของปลา ต่างก็ค่อยๆลุกขึ้นมา ประกาศให้การสนับสนุนหลินตงหัว
“หลี่ซูลี่เจ้าของโรงงานแก้วเชียนเย่ เต็มใจให้กับการสนับสนุนคุณหลินตงหัว!”
“หลิวตงซินประธานบริษัทตองซินกรุ๊ป เต็มใจให้กับการสนับสนุนคุณหลินตงหัว!”
เพียงครู่เดียว นักธุรกิจที่อยู่ในงานเลี้ยงทั้งหมด ต่างก็ยืนขึ้นมาเกือบหมด แล้วประกาศให้การสนับสนุนหลินตงหัว