ลูกศิษย์ของสำนักสวนอินคนนั้นตกใจอย่างมากจนสมองกลวงไปหมด แล้วพยักหน้าอย่างทื่อ ๆ: “อย่าฆ่าข้าเลย ข้าจะพานายไปเดี๋ยวนี้”
เจ้าสำนักสวนอินรับลูกศิษย์มากมาย คนพวกนี้ลักษณะนิสัยเดิมก็ไม่ดีอยู่แล้ว และก็ไม่ได้ที่จะจงรักภักดีอะไรกับสำนักสวนอิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในตอนที่ชีวิตถูกข่มขู่คุกคาม
หลินหยุนมาถึงห้องที่คุมขังฉินหลัน ซึ่งอยู่ที่ลานกว้างด้านหลังของสำนักสวนอิน
“ก็คือที่นี่” ลูกศิษย์คนนั้นพูดเสียงสั่นและชี้ไปยังห้องนั้น
หลินหยุนโบกมือ ประตูห้องก็ถูกพลังกระแทกจนเปิดออก ภายในห้องมืดสลัว ไม่มีคนส่งเสียง
ถ้าหากไม่ใช่ว่าหลินหยุนรับรู้สัมผัสได้ถึงลมหายใจของฉินหลัน เขาก็คงจะคิดว่าตนเองถูกหลอกลวงแล้ว
หลินหยุนเดินเข้าไปในห้อง ลูกศิษย์คนนั้นก็หันหลังแล้ววิ่งหนีไป
หลินหยุนไม่ได้หันหน้ากลับไป แล้วได้ยื่นมือชี้ไปที่ตรงกลางหลังของลูกศิษย์คนนั้น แสงพลังทิพย์อันแกร่งกล้าทะลุร่างผ่านไป ลูกศิษย์คนนั้นหน้าอกถูกเจาะทะลุ ร่างกายร่วงลงสู่พื้น
จากนั้น หลินหยุนก็เดินเข้าไปในห้องอย่างเบา ๆ
สายตาของหลินหยุนกวาดมองไปทั่วทั้งห้อง ท่ามกลางห้องที่มืดสลัว มีเตียงหนึ่งเตียงและเก้าอี้สองตัว และที่มุมผนังของห้องมีหนึ่งคนกำลังขดตัวอยู่
คนผู้นั้นโอบกอดแขนทั้งสองข้าง เหมือนกับนกกระจอกเทศที่เอาหัวมุดเข้าไปที่ระหว่างบริเวณหัวเข่า ผมยาวดกดำห้อยลงมา ตัวสั่นไปทั้งร่างกาย
หลินหยุนเจ็บปวดใจอย่างมาก และเรียกเบา ๆ ว่า: “พี่ฉินหลัน! ”
ร่างกายสั่นไหวสักพัก จึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา ท่ามกลางความมืด การมองเห็นของเธอไม่ดีเท่ากับหลินหยุน เพียงแค่เห็นเค้าโครงใบหน้าของหลินหยุนแบบเลือนลาง
“นายเป็นใคร? อย่าเข้ามานะ! ”
ฉินหลันยังมองไม่ออกว่าเป็นหลินหยุน และหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“พี่ฉินหลัน ไม่ต้องกลัว ฉันคือหลินหยุน! ”
จิตใจของหลินหยุนมีเลือดไหลหยด เจตนาสังหารอันแรงกล้าถูกเขาควบคุมเอาไว้ในจิตใจแล้วไม่กล้าที่จะเปิดเผยออกมาแม้แต่น้อย เกรงว่าจะทำให้ฉินหลันตกใจกลัว
เสียงฝีเท้าของเขาก็เบามาก แทบจะไม่มีเสียงอะไรเลย กังวลว่าเสียงดังเพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้ฉินหลันตกใจกลัวได้
“นายอย่าเข้ามา! ” ฉินหลันกรีดร้องเสียงดัง
หลินหยุนหยุดฝีเท้าลง และพูดเสียงเบาขึ้นอีกครั้งว่า: “พี่ฉินหลัน คุณไม่ต้องกลัวนะ มองดูให้ชัดเจน ฉันคือหลินหยุน! ”
ผ่านไปสักครู่ ฉินหลันจึงมองออก: “คุณคือหลินหยุนจริง ๆ เหรอ? ”
“ใช่ฉันเอง คุณลองมองให้ชัดเจนนะ! ” หลินหยุนใช้พลังทิพย์ทำให้เกิดเป็นแสงสว่างจาง ๆ ขึ้นบนฝ่ามือ พยายามที่จะส่องสว่างเพื่อให้เห็นตนเอง
เขาไม่กล้าที่จะให้แสงสว่างจ้ามากเกินไป กังวลว่าฉินหลันอยู่ในที่มืดมานาน จะไม่เคยชิน
เมื่อเห็นใบหน้าของหลินหยุนอย่างชัดเจนแล้ว ประสาทความรู้สึกที่ตึงเครียดของฉินหลันก็ได้ผ่อนคลายลงบ้างแล้ว
“หลินหยุน! ”
ฉินหลันอุทานขึ้น แล้วก็โผเข้าไปในอ้อมอกของหลินหยุน
“ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว มีฉันอยู่ที่นี่ ทุกสิ่งทุกอย่างได้ผ่านไปแล้ว! ” หลินหยุนพูดปลอบใจเบา ๆ
“อืม! ” ฉินหลันราวกับเด็กน้อยที่ได้รับความตกใจ และหลินหยุนก็เป็นเพียงที่พึ่งเดียวของเธอ
หลินหยุนยืนอยู่กับที่ ไม่เคลื่อนไหว เกรงว่าจะทำให้ฉินหลันตกใจ
ผ่านไปสักครู่ใหญ่ ฉินหลันจึงได้ออกจากอ้อมอกของหลินหยุน สีหน้าแดงก่ำในท่ามกลางความมืด สภาพจิตใจก็กลับคืนสู่ปกติ
“หลินหยุน นายทำไมถึงหาที่นี่เจอได้? ” ฉินหลันเกิดความสงสัย ที่นี่อยู่ท่ามกลางภูเขาใหญ่ ต่อให้หลินหยุนเป็นถึงปรมาจารย์หลิน ก็คงไม่สามารถที่จะล่วงรู้ได้!
“ไม่ต้องถามอะไรมากก่อน จากนี้ไปให้คุณปิดตาลง” น้ำเสียงของหลินหยุนเผยถึงความกระหายเลือดออกมา
ฉินหลันเข้าใจได้ว่าหลินหยุนคิดจะทำอะไร เดิมทีเธอคิดที่จะพูดเตือนหลินหยุนหากให้อภัยได้ก็ควรให้อภัย แต่เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เธอได้ประสบพบเจอมาในช่วงหลายวันนี้ ถ้าหากว่าไม่ใช่โม่หยู่ที่ใช้ชีวิตเข้าช่วยเหลือ เธอก็คงจะตายไปนานแล้ว
อีกทั้งคนพวกนี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป พวกเขาเพิกเฉยมองข้ามกฎหมายของประเทศจีนอย่างโจ่งแจ้ง เกรงว่าทางการของจีนคงจะไม่มีวิธีจัดการกับพวกเขา มีเพียงแค่ปรมาจารย์หลินเท่านั้น ที่จะสามารถจัดการกับพวกเขาได้
เมื่อออกพ้นจากประตูมา ซูจื่อเหลียงก็เพิ่งมาถึงพอดี
“อาจารย์ ช่วยคนออกมาได้แล้วเหรอ! ” ซูจื่อเหลียงเห็นว่าฉินหลันอยู่ในสภาพปกติไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ก็เบาใจลงได้บ้างทันที
เขายังไม่เคยเห็นหลินหยุนแสดงเจตนาสังหารที่ดุดันมากขนาดนี้มาก่อน ถ้าหากฉินหลันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ซูจื่อเหลียงถึงขนาดมีภาพลวงตาเกิดขึ้นว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันสิ้นโลกเลยทีเดียว
“นายส่งเธอลงไปจากภูเขา” หลินหยุนพูดขึ้นอย่างเฉยเมย
“รับทราบ! ”
ซูจื่อเหลียงคารวะเพื่อรับคำสั่ง เขาทราบดีว่าจากนี้ไปก็หมดหน้าที่ของเขาแล้ว สำหรับสำนัก สวนอินนั้น ซูจื่อเหลียงทำได้เพียงแอบภาวนาในใจให้กับพวกเขาแล้ว
หลินหยุนไม่ได้รบกวนทำให้ใครแตกตื่น โดยได้มุ่งหน้าตรงไปยังตำหนักเพื่อหาเจ้าสำนักสวนอินทันที
เมื่อเห็นหลินหยุน เจ้าสำนักสวนอินตกใจเล็กน้อย
“ฮ่าฮ่า ไอ้หนุ่มน้อย หลายวันมานี้ ข้าคิดว่านายทำตัวเป็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดอง แอบซ่อนตัวแล้ว คิดไม่ถึงว่านายจะมาปรากฏตัวต่อหน้าข้าอย่างกระทันหันแบบนี้! ”
“เป็นอย่างไรล่ะ? นายคงคิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้ล่ะสิ? ตอนนั้นที่วังเทพจันทรา นายมีสำนักอู๋จี๋ให้การ หนุนหลัง และได้ช่วงชิงแผนที่ของข้าไป ตอนนี้ ข้าต้องการให้นายนำสิ่งของที่ได้จากวังเทพจันทราทั้งหมดมอบออกมา ข้าจึงจะปล่อยตัวหญิงสาวสวยนั้นไป มิเช่นนั้น ข้าคงจะไม่หวงแหนเห็นอกเห็นใจหญิงสาวสวยหรอกนะ! ”
“ตอนนั้นในวัดร้างที่หมู่บ้านเปากู่ แม้ว่านายจะมองเธอเพียงแค่แวบเดียว แต่ข้าก็มองออกว่า เธอมีความสำคัญกับนายมาก”
“นายคงไม่มีทางที่จะยอมเห็นเธอตายจากไปอย่างแน่นอน”
หลินหยุนมีสีหน้าท่าทางที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก แล้วก็จ้องมองไปที่เจ้าสำนักสวนอิน: “สายตาของนายนั้นช่างชั่วร้ายยิ่งนัก นายพูดได้ถูกต้อง สำหรับข้าแล้ว เธอนั้นมีความสำคัญมากกว่าชีวิตของข้าเองอีก”
“แต่ว่า ตอนนี้เธอลงจากภูเขาไปแล้ว”
เจ้าสำนักสวนอินลุกยืนขึ้นจากเก้าอี้ในทันที สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก: “นายพูดว่าอะไรนะ! ”
เวลานี้ ลูกศิษย์คนหนึ่งวิ่งจากด้านนอกเข้ามาด้านใน: “เจ้าสำนัก แย่แล้ว ผู้หญิงทั้งสองคนนั้นหายตัวไปแล้ว! ”
เจ้าสำนักสวนอินตกตะลึงเล็กน้อย แล้วก็มองไปที่หลินหยุนด้วยความโกรธแค้น: “ไอ้หนุ่มตัวดีคิดไม่ถึงว่านายจะช่วยชีวิตพวกเธอไปแล้ว! ”
“แต่ว่า ในเมื่อนายมาถึงที่นี่แล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเธอทั้งสองก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว”
“ไอ้หนุ่มน้อย ที่จริงแล้วนายไม่สมควรที่จะกลับมาอีก! หลังจากที่นายช่วยชีวิตพวกเธอแล้วก็ควรที่จะหลบหนีไป ทำไมนายจะต้องเอาชีวิตกลับมาทิ้งไว้ที่นี่ด้วย? ”
เจ้าสำนักสวนอินมองไปยังหลินหยุนด้วยความเสียดาย ราวกับมองคนตายอย่างไรอย่างนั้น
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “ที่ข้ากลับมามีเพียงวัตถุประสงค์เดียว ก็คือกำจัดสำนักสวนอินให้สิ้นซาก”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ”
เจ้าสำนักสวนอินเงยหน้าหัวเราะขึ้นฟ้า เสียงหัวเราะแฝงไปด้วยความเหยียดหยาม ลูกศิษย์จำนวนหนึ่งที่อยู่ในตำหนัก ก็ได้หัวเราะเยาะเย้ยออกมาเช่นกัน
“ไอ้หนุ่มน้อย ข้ารู้ว่านายมีความสามารถพอตัว แต่ว่าลำพังแค่นายเพียงคนเดียว คิดที่จะต่อสู้กับสำนักสวนอิน มันจะเพ้อเจ้อมากเกินไปหน่อยแล้ว! ”
“ทุกคน ลงมือจัดการเขาให้ข้าเดี๋ยวนี้! ” เจ้าสำนักสวนอินตะโกนให้กับพวกลูกศิษย์ของเขา
“รับทราบ! ”
ลูกศิษย์จำนวนเจ็ดแปดคนล้อมรอบหลินหยุนเอาไว้พร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
ในจำนวนนั้นมีเด็กหนุ่มที่ตาบอดข้างหนึ่งยิ้มอย่างโหดเหี้ยมและพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “ไอ้หนุ่มน้อย นายจะยอมจำนนด้วยตนเอง หรือว่าจะให้พวกเราลงมือล่ะ! ”
“ถ้าหากพวกเราลงมือ นายคงอาจจะต้องทนทุกข์ทรมาน! ”
หลินหยุนไม่พูดไม่จา ลงมือเลยทันที เพียงแค่ช่วงลมหายใจเดียว ลูกศิษย์พวกนี้ต่างก็หัวขาด ตัวขาดไปคนละทิศคนละทาง ตายในสภาพที่อเนจอนาถ
เจ้าสำนักสวนอินสีหน้าย่ำแย่มาก ถึงขนาดที่เขาก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าหลินหยุนจัดการลงมือด้วยวิธีใด!
“ไอ้หนุ่มน้อย ช่างแข็งแกร่งมากจนผิดปกติ! ”
หลินหยุนเดินทีละก้าวทีละก้าวเข้าไปหาเจ้าสำนักสวนอิน: “ถึงคราวของนายแล้ว”
“ไอ้หนุ่มน้อย หยุดกำเริบเสิบสานได้แล้ว! ”
เจ้าสำนักสวนอินตะโกนเสียงดัง กระโดดขึ้นกลางอากาศ แล้วพุ่งหมัดชกเข้าใส่หลินหยุน
พลังความสามารถของเขา ถึงระดับขั้นปรมาจารย์ระดับใหญ่แล้ว ในโลกบู๊ ก็ถือว่ามีชื่อเสียงโด่งดังพอสมควร
มิน่าล่ะที่สำนักสวนอินถึงได้กล้าที่จะกระทำเรื่องที่บ้าระห่ำขนาดนี้!
แต่น่าเสียดายที่ เป็นถึงปรมาจารย์ขั้นแดนพรสวรรค์ แม้ว่าพลังความสามารถของหลินหยุนจะอยู่ในขั้นแดนแด่เทพเจ้าระยะแรก ก็สามารถที่จะสังหารได้โดยง่าย
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้พลังความสามารถของหลินหยุนอยู่ในขั้นแดนแด่เทพเจ้าระยะกลางแล้ว
ภายใต้ความโกรธแค้น หลินหยุนจึงลงมืออย่างเต็มกำลัง
ก็เป็นการใช้พลังหมัดพุ่งชกเข้าไปที่เจ้าสำนักสวนอินเช่นกัน
เจ้าสำนักที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศถึงกับยิ้มดีใจขึ้น: “ไอ้หนุ่มน้อย ข้าคิดว่าเขาจะหลบหลีกเสียอีก ซึ่งคิดไม่ถึงว่าเขากล้าที่จะปะทะซึ่งหน้ากับข้า เพื่อที่จะกำราบเด็กหนุ่มนี้ พลังหมัดนี้ของข้าได้ใช้พละกำลังอย่างเต็มที่ เขาต่างหากที่รนหาที่ตายเอง! ”
พวกลูกศิษย์โดยรอบต่างวิ่งกันเข้ามา เพื่อดูหลินหยุนที่กล้าถึงขนาดที่จะปะทะต่อต้านพลังหมัดนี้ของเจ้าสำนักสวนอิน และต่างก็พากันหัวเราะเยาะเย้ย
“ไอ้หนุ่มนี้กล้าที่จะปะทะซึ่งหน้ากับเจ้าสำนัก เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน! ”
“เจ้าสำนักมีวิชาการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร เขาเป็นเพียงเด็กน้อยที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม กล้าที่จะปะทะซึ่งหน้ากับเจ้าสำนัก ช่างรนหาที่ตายเสียจริง! ”
แต่ว่า ภาพเหตุการณ์หลังจากนี้ กลับทำให้ทุกคนถึงกับตะลึงงันไปเลยทีเดียว