เฉินจินหน้าแดง แต่ไม่โต้ตอบ
อู้หมิงยิ้ม “เฉินจินพูดก็มีเหตุผล แต่ลงเขาตอนนี้มันเสียเวลานะ อาตมาคิดว่าในเมื่อทุกคนมาแล้วก็ไปวัดเอกดรรชนีด้วยกันเลยเถอะ”
สิ้นเสียง หวังโอ้วกุ้ย หยางผิง เฉินจินต่างอึ้งงัน ไม่เข้าใจเล็กน้อยว่าอู้หมิงมีลับลมคมในอะไรซ่อนอยู่กันแน่
อู้หมิงกล่าว “โยมหวัง โยมหยางอย่าเข้าใจผิด อาตมารีบมาเพียงแค่คิดว่าคนชราและเด็กไปกันเยอะมาก เลยตั้งใจมาช่วย ส่วนทุกคนจะไปจุดธูปดอกแรกที่ไหนก็เหมือนกัน พวกเราบูชาพุทธศาสนา ไม่ใช่วัดใดวัดหนึ่ง บางคน ไม่ว่าอยู่ไหนแค่มีความจริงใจก็สัมฤทธิผล”
หวังโอ้วกุ้ยกับหยางผิงที่ได้ยินดังนั้นรู้สึกโล่งมาก บรรยากาศไม่อึดอัดอีก คนพวกนี้เลยเดินขึ้นเขาไป มีความเร่าร้อนเพิ่มขึ้นมาก
ขณะเดียวกันคำพูดอู้หมิงก็แพร่งพรายไป เดิมทีพวกชาวบ้านรู้สึกดีกับอู้หมิงอยู่แล้ว ถึงยังไงก็เป็นหลวงจีนที่ใกล้ชิดมากที่สุด ตอนนี้ได้ยินอู้หมิงพูดแบบนี้อีก จึงรู้สึกว่าอู้หมิงยอดเยี่ยม มีความเข้าใจ มีพุทธะ
ทุกคนขึ้นเขาไป อู้หมิงเดินไปข้างหน้าทีข้างหลังที ช่วยคนแก่และดูแลเด็กจริงๆ หวังโอ้วกุ้ยที่มองอยู่แอบพยักหน้า “อู้หมิงนี่ก็พอได้…”
แต่กลับไม่รู้ว่าอู้หมิงที่เดินไปเดินมาในกลุ่มคนมักจะพูดเบาๆ กับพวกชาวบ้านสองประโยค
“โยมท่านนี้ก็มาแย่งจุดธูปดอกแรกเหมือนกันหรือ?”
“ร่างกายฉันแบบนี้ยังจะแย่งอะไร แค่มาเที่ยวเล่นก็เท่านั้น”
“ไม่ได้นะ ธูปดอกแรกสำคัญ ถ้าได้จุดก่อนจะดวงชะตาพลิกดีขึ้น ปีหน้าไปไหนมาไหนปลอดภัย ลูกหลานร่ำรวยมีความสุข”
“จริงเหรอ?”
“แน่นอน! อาตมาเป็นนักบวชวัดผาแดง นักบวชไม่โกหก จะไปหลอกโยมได้ยังไง?”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะลองแย่งดู…ถ้าเกิดสำเร็จขึ้นมาล่ะก็”
“โยมผู้หญิงท่านนี้ โยมก็มาแย่งจุดธูปดอกแรกเหมือนกันหรือ?”
“หา? ใช่ค่ะ! แต่มันก็ยากหน่อยๆ นะ”
“ให้ลูกไปแย่งสิ อุ้มลูกไว้สูงๆ ตอนที่แย่งให้ส่งไปข้างหน้าก็ถึงแล้วนี่ ชู่ว นี่คือประสบการณ์ที่พวกเราวัดผาแดงจุดธูปดอกแรกมาหลายปี อย่าบอกใครล่ะว่าอาตมาบอกโยม”
…………
หวังโอ้วกุ้ยดึงถานจวี่กั๋วไปคุยบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้เรื่องที่อู้หมิงบอกความสำคัญของการจุดธูปดอกแรก ปลุกเร้าให้ทุกคนต้องแย่งมาให้ได้ไปทั่ว
ตอนนี้เอง…
“ระวัง! หมาชั่วร้ายนั่นมาจากไหน?!”
“โฮ่ง!”
เสียงอู้หมิงพลันดังด้วยความโกรธมาจากข้างหน้า และยังมีเสียงเห่าของหมาป่าเดียวดาย
พวกหวังโอ้วกุ้ยรีบวิ่งไปดูสถานการณ์ เห็นอู้หมิงอุ้มเด็กคนหนึ่ง หมาป่าเดียวดายที่อยู่ไม่ไกลมองอู้หมิง บนตัวมีรอยดิน เห็นได้ชัดว่าอู้หมิงปาดินใส่
พอหมาป่าเดียวดายมั่นใจว่าไม่รู้จักอู้หมิงก็เห่าทันที
ฟางเจิ้งได้ยินพอดี ทว่าไม่สนใจ…
หวังโอ้วกุ้ยขมวดคิ้ว ดึงอู้หมิงไว้ “นี่คือหมาป่าบนเขา ไม่ดุร้าย แต่สุภาพมาก”
อู้หมิงทำท่าทางว่าเข้าใจมันเป็นอย่างนี้นี่เอง เอ่ย “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้ อาตมาพรวดพราดไปเอง หวังว่าจะไม่โทษกันนะ”
เป็นอย่างที่ว่าไว้ผู้ไม่รู้ไม่ผิด อู้หมิงพูดแบบนี้ หวังโอ้วกุ้ยจะพูดอะไรได้? ก็เลยต้องช่างมัน ถึงยังไงอู้หมิงก็ปกป้องเด็ก
ถานจวี่กั๋วที่ตามมาข้างหลังเห็นดังนั้น นัยน์ตาซ่อนลึกลงไปเล็กน้อย ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
ระหว่างที่คนพวกนี้เสียเวลาอยู่ตรงนี้ ทางด้านฟางเจิ้งสวดมนต์จบ เลยออกมาดูสถานการณ์
เห็นนอกวัดมีคนมากลุ่มใหญ่! เขาเลยงุนงงเล็กน้อย นี่มันอะไร? พระยูไลแสดงอภินิหารแล้ว ให้คนมามากขนาดนี้ แถมมากลางดึกทำเอาเขาตกใจเล่น?
ฟางเจิ้งเพ่งตามองก็เห็นว่าเป็นชาวบ้านตรงตีนเขาทั้งหมด! ครอบครัวหวังโอ้วกุ้ย ครอบครัวหยางผิง ครอบครัวหยางหวา พวกถานหย่ง ถานหมิง ซ่งเอ้อโก่วก็มา! และยังมีเด็กๆ วิ่งกันไปทั่ว ตอนนี้คึกคัก เพียงแต่ลาหัวล้านที่ภายนอกดูสุภาพอ่อนโยน แต่แววตากลับไม่ใช่อย่างนั้นเลยนี่ใคร?
‘เฮ้ยๆ…พวกหัวโล้นเหมือนกัน…ไม่ควรถือสาเด็กน้อย ปล่อยผ่านไปดีกว่า’ ฟางเจิ้งรีบพูดเสริมในใจ
ยังไม่ทันที่ฟางเจิ้งจะพูดถามอะไรให้ชัดเจน ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้น “ไป! แย่งจุดธูปดอกแรก!”
ฟางเจิ้งเห็นหลายร้อยคนพุ่งเข้าไป ถ้าไม่ใช่ว่าคนพวกนี้ดูตื่นเต้นกันมาก ฟางเจิ้งคงจะคิดว่าโดนปล้น! เขาไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่เอียงตัวหลีกทาง เดี๋ยวจะโดนเหยียบตาย…
กลุ่มคนหลั่งไหลเข้าไปในวัด จากนั้นก็เบียดเข้าไปในอุโบสถ
หวังโอ้วกุ้ยเห็นดังนั้นจึงด่าทอในใจ วัดเอกดรรชนีไม่ใหญ่ ทุกคนเบียดเข้าไปแบบนั้นเกิดอุบัติเหตุง่ายมาก! เขาจึงกล่าวขึ้น “หยุด! หยุด! ยังไม่เที่ยงคืนเลย จะรีบไปไหน?”
ผู้ใหญ่บ้านกระโดดออกมา ทุกคนถึงสงบลงไม่น้อย แต่สถานการณ์ก็ยังคึกคักอยู่บ้าง ทุกคนต่างแสดงความเห็นกันใหญ่ รวมกันเป็นกลุ่ม ทว่าก็ยังมีคนตะโกนว่าให้แย่ง…
พวกชาวบ้านยังคงกระสับกระส่าย หวังโอ้วกุ้ยก็แทบจะระงับไว้ไม่อยู่แล้ว
“อมิตาพุทธ!” ตอนนี้เองเสียงสวดที่มีความมั่นใจเต็บสิบดังขึ้น เสียงดังก้องอย่างยิ่ง พริบตาเดียวดังเหนือกว่าเสียงของทุกคน!
ต่อมาฟางเจิ้งโบกมือ ปะทุพละกำลังแหวกกลุ่มคนออก เดินมาอยู่หน้าประตูอุโบสถ! เขาเข้าใจแล้ว ไม่ว่าคนพวกนี้มาทำอะไร ถ้ายังมั่วต่อไปจะต้องเกิดเรื่องแน่! ดังนั้นเมื่อเอ่ยแล้วจึงฝ่าเข้ามา!
ฟางเจิ้งยืนอยู่หน้าประตูอุโบสถ จีวรขาวภายใต้แสงจันทร์ดูเด่นตาเป็นพิเศษ! หัวโล้นเงาวาว! ธรรมะยิ่งใหญ่ สีหน้าเรียบเฉยแต่น่าเกรงขาม!
ทุกอย่างที่ฟางเจิ้งกระทำก่อนหน้าทำให้พวกชาวบ้านยอมรับเขาในฐานะเจ้าอาวาสแล้ว ตอนนี้ฟางเจิ้งออกมา ทุกคนเลยสงบลงอีกไม่น้อย
จากนั้นถานจวี่กั๋วออกมายืน ความน่าเกรงขามของเสมียนหมู่บ้านแผ่กระจาย ตอนนี้จึงสงบลงทั้งหมด
ฟางเจิ้งเห็นแบบนั้นจึงถอนหายใจโล่งอก ถามหวังโอ้วกุ้ย “โยม นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ฟางเจิ้งมึนงงจริงๆ ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นพวกชาวบ้านขึ้นเขามาฉลองปีใหม่! ปีที่แล้วๆ มาบนเขามีแค่ฟางเจิ้งกับหลวงจีนหนึ่งนิ้วสองคนเลยเงียบเหงา
“หลวงพี่ฟางเจิ้ง คือแบบนี้ นี่จะปีใหม่แล้ว ทุกคนอยากจุดธูปดอกแรกเพื่ออวยพรให้ตัวเอง ตอนแรกก็คุยกันดีแล้วในหมู่บ้าน ขึ้นเขามาเป็นระเบียบ ไม่มีใครวุ่นวายเลย แต่…เฮ้อ เจ้าพวกไม่ยอมคนพวกนี้” หวังโอ้วกุ้ยด่ายิ้มๆ
ฟางเจิ้งงง จุดธูปดอกแรก? ถ้าไม่ได้ยินหวังโอ้วกุ้ยเขาก็แทบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว! ไม่เพียงแค่วัดเอกดรรชนี วัดต่างๆ มากมายล้วนพูดถึงธูปดอกแรก โดยเฉพาะวัดใหญ่เหล่านั้น ช่วงปีใหม่มีการเบียดกันจนหัวแตกเพราะธูปดอกแรกมาแล้ว และยังมีคนครองตำแหน่ง ขายตำแหน่งสร้างเงินกัน
เพียงแต่ฟางเจิ้งไม่คิดเลยว่าวัดเอกดรรชนีจะมีคนมาแย่งธูปดอกแรกกัน ถือว่าพบเห็นได้ยาก! ขณะเดียวกันก็ตื่นเต้นกับพอใจเล็กน้อย! ในที่สุดวัดเอกดรรชนีก็เหมือนวัดขึ้นมาบ้างสักที!
ฟางเจิ้งจะรู้ได้ยังไงว่าถ้าเป็นปกติทุกคนจะไม่กระตือรือร้นขนาดนี้ ทว่าก่อนหน้ามีพวกหยางหวามาขอลูก ใครขอก็ได้ ต่อมามีโจ๊กล่าปารักษาโรค สรงน้ำพระรู้แจ้งจิตใจ ตอนนี้ทุกคนเชื่อถือและศรัทธาวัดเอกดรรชนีจริงๆ ถึงได้มีโอกาสครึกครื้นครั้งใหญ่ในวันนี้!
…………….