ออฟฟิตของเจี่ยงสง
นี่คือสำนักงานใหญ่การผลิตน้ำแห่งชีวิต
ในช่วงเวลานี้ เจี่ยงสงนั่งคุมงานอยู่ที่นี่ตลอด เมื่อเห็นว่าน้ำแห่งชีวิตร้อนแรงกว่าที่เขาคาดไว้ ก็รู้สึกกังวลมาก
มีบริษัทใหญ่ในประเทศและแม้แต่ต่างประเทศจำนวนมากได้มาหาเขา เต็มใจที่จะให้เงื่อนไขที่ดี และขอเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำแห่งชีวิต
แต่ว่า เจี่ยงสงจำคำสั่งของหลินหยุน ขณะนี้ให้ทดลองขายในหลินโจวเท่านั้น และยังไม่ขายไปที่อื่น
เพียงแต่ว่า ทนไม่ไหวกับวิธีการใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งของกลุ่มคนเหล่านั้น เจี่ยงสงจึงได้โทรหาหลินหยุน และสอบถามว่าเมื่อไหร่ถึงจะสามารถขยายน้ำแห่งชีวิตสู่ตลาดอื่นได้
หลังจากโทรหลายครั้ง ก็ไม่สามารถติดต่อหลินหยุนได้เลย
เจี่ยงสงเลยต้องยอมแพ้
แม้ว่าน้ำแห่งชีวิตจะไม่สามารถขายให้กับตลาดภายนอกได้ แต่ช่วงเวลานี้ เจี่ยงสงก็ยังเป็นผู้ควบคุมอำนาจใหญ่ และได้กลายเป็นเป้าหมายของบุคคลที่มีอิทธิพลใหญ่จำนวนมากต้องการดึงไปเป็นพรรคพวก
ชั่วขณะ เจี่ยงสงก็รู้สึกลำพองใจขึ้นเล็กน้อย และมีแนวโน้มว่าจะมองไม่เห็นวีรบุรุษผู้เก่งกาจคนอื่นๆอยู่ในสายตา
โดยเฉพาะเรื่องที่เจี่ยงสงวางแผนแสดงละครที่จะลงทุนในอำเภอจีหมิง และประสบความสำเร็จที่ทำให้หลินหยุนยอมเปลี่ยนความคิด และทำให้เจี่ยงเวยหลานชายของเขาได้มีโอกาสแก้ตัวอีกครั้ง
นี่ยิ่งทำให้เจี่ยงสงมีพลังอำนาจมากขึ้น และยิ่งทะนงตัวมากขึ้น
แต่ว่า วันนี้เจี่ยงสงได้รับจดหมายฉบับหนึ่งเนื้อความช่างจองหองมาก
จดหมายจากตระกูลกงในซีหนิง
“จากนี้อีกสามวัน ฉันจะมาเยี่ยม เจี่ยงสงในหลินโจว เตรียมพร้อมต้อนรับแขก”
นี่คือจดหมายจากตระกูลกงส่งถึงเจี่ยงสง
ขณะนี้เจี่ยงสงโกรธจัด และคว่ำโต๊ะ แล้วสาปแช่ง “ตระกูลกงในซีหนิงทำไมถึงจองหองได้ขนาดนี้!”
“อีกสามวัน ฉันจะดูว่ตระกูลกงต้องการจะทำอะไร!”
เกี่ยวกับจดหมายฉบับนี้ที่มาจากตระกูลกง เจี่ยงสงไม่ได้จริงจังกับมันนัก ควรทำสิ่งไหนก็ต้องไปทำ
หวางเจ๋อซึ่งกำลังปฏิบัติการอยู่แล้ว หลังจากได้รับข่าวที่ลูกน้องรายงานมา ก็อมยิ้ม “กงซิวซ่างคนนี้ เป็นจิ้งจอกเฒ่าที่ระมัดระวังตัวจริงๆ!”
“เขาต้องการใช้เวลาสามวันนี้ ปล่อยข่าวออกไป เพื่อลองเชิงเกี่ยวกับข่าวคราวของหลินหยุนว่าตายจริงหรือไม่”
“ถ้าหลินหยุนยังไม่ตาย จะต้องมาหาเรื่องที่ตระกูลกงแน่นอน หลังจากผ่านไปสามวัน หากหลินหยุนยังไม่มา ถ้าเช่นนั้นหลินหยุนอาจจะตายไปแล้วจริงๆ”
“ในตอนนั้น เป็นเวลาที่ตระกูลกงของเขาจะต้องไปโจมตีอย่างเต็มที่”
ลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างหลังหวางเจ๋อ พูดอย่างเย็นชาว่า “คุณชายหวาง จิ้งจอกเฒ่าของตระกูลกงเจ้าเล่ห์มาก ถ้าเขารู้ว่าพวกเราไม่เคยได้ยินข่าวเรื่องการตายของหลินหยุน ในอนาคตเขาจะล้างแค้นพวกเราหรือไม่?”
หวางเจ๋อชำเลืองมองเขา แล้วอมยิ้ม “ฉันเคยบอกแล้วหรือว่าหลินหยุนตายแล้ว?”
“ตั้งแต่ต้นจนจบฉันไม่เคยพูด ฉันแค่บอกว่าหลินหยุนไปที่สำนักมนตร์ดำ ถ้าเขาต้องการคิดแบบนี้ ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้”
ลูกน้องโค้งคำนับและพูดว่า “คุณชายฉลาดมาก!”
หวางเจ๋อแววตาคมลึก มองออกไปในป่านอกหน้าต่าง และพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “นอกจากนี้แม้ว่าหลินหยุนจะกลับมา สำนักเจ็ดดาวก็ไม่ใช่ว่าจะต้องกลัวเขา!”
“ครั้งนี้ ขอเพียงทำให้สำนักเจ็ดดาวบาดเจ็บ พวกเขาจะต้องสู้เป็นสู้ตายกับหลินหยุนแน่นอน”
“จิ้งจอกเฒ่าจากตระกูลกง คิดว่าตระกูลของตัวเองมีความสำคัญมาก ที่จริงแล้ว ตระกูลกงอยู่ในสายตาของฉัน เป็นแค่ตัวจุดชนวน ไม่มีประโยชน์อะไร”
ใบหน้าของหวางเจ๋อ ปรากฏความเหยียดหยาม
อายุยังน้อย มีเล่ห์เหลี่ยมถึงขนาดนี้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่อยู่ในตระกูลที่สุดยอดอย่างตระกูลหวาง เขาก็เป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่ดีที่สุด
เพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลกงเข้ามาก่อกวนกะทันหัน เจี่ยงสงได้แจ้งข่าวนี้ให้กับควีนจิน
เพราะยังไง ควีนจินและตระกูลกงในซีหนิง ยังคงมีความสัมพันธ์เป็นญาติกันอยู่บ้าง
เวลาสามวัน ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เจี่ยงสงไม่ได้จริงจังกับจดหมายที่มาจากตระกูลกง ในตอนนั้นต่อหน้าทุกคน หลินหยุนได้ตีขาคุณชายใหญ่ตระกูลกงจนหัก เจ้าบ้านกงยังไม่กล้าพูดอะไร
ตอนนี้ ถึงแม้ว่าชั่วขณะจะไม่สามารถติดต่อหลินหยุนได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะติดต่อไม่ได้ตลอดไป ตราบใดที่ชื่อเสียงพลังอำนาจของปรมาจารย์หลินยังอยู่ ตระกูลกงก็ไม่กล้าทำอะไร
เพียงแต่ว่า สิ่งที่เจี่ยงสงเห็นเป็นเพียงภายนอกของตระกูลกง และไม่รู้จักสำนักเจ็ดดาวที่อยู่เบื้องหลังตระกูลกง
จนกระทั่งเจ้าบ้านกงพาคนมาถึงคฤหาสน์เจี่ยงสง เหมือนกับว่าเจี่ยงสงพึ่งตื่นจากความฝัน
แต่ว่า เจี่ยงสงไม่กลัว เพราะเจ้าบ้านกงพาคนมาเพียงไม่กี่คน
ชายชราในชุดดำคนหนึ่ง ชายวัยกลางคนสองคน และชายหนุ่มห้าคน
เจี่ยงสงนั่งอยู่ในที่นั่งตำแหน่งหัวหน้าในห้องรับแขก มองไปที่เจ้าบ้านกงด้วยสีหน้าเยาะเย้ย และถามว่า “ไม่รู้ว่าพี่กงมาที่นี่ มีธุระอะไร?”
เจ้าบ้านกงก็ไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระกับเขา เหลือบมองรอบๆห้องโถง และยิ้มเยาะเย้ย “คุณเจี่ยงนี่มั่นใจมากเลยนะ ไม่ได้เชิญผู้ช่วยมาเลยสักคน!”
“ที่ฉันมาคราวนี้ เพื่อต้องการให้คุณส่งมอบอุตสาหกรรมการผลิตน้ำแห่งชีวิตออกมา! จากนั้น ให้หลิงหนานทั้งสิบแปดเมืองของพวกคุณ ยอมศิโรราบให้กับตระกูลกง!”
ในห้องโถง ลูกน้องของเจี่ยงสงบางคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราเยาะ “ตระกูลกงนี้บ้าไปแล้วมั้ง? พวกเขาไม่รู้หรือว่าตอนนี้ทั่วทั้งหลินหนานเป็นถิ่นของปรมาจารย์หลินเหรอ!”
เจี่ยงสงยังยิ้มอย่างเย็นชา โดยมองไปที่เจ้าบ้านกง และพูดด้วยความเหยียดหยาม “พี่กง เรื่องหยอกล้อนี้ไม่ตลกเลย! ฉันได้ฟังแล้วก็ช่างมัน แต่ถ้ารู้ถึงหูปรมาจารย์หลิน ฉันเกรงว่ามันจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดปัญหากับตระกูลกง คำพูดแบบนี้ ต่อไปพี่กงควรระวังให้มากกว่านี้!”
เจ้าบ้านกงถอนหายใจ “ใช่แล้ว ถ้าหากปรมาจารย์หลินยังอยู่ คำพูดแบบนี้ฉันไม่กล้าพูดแน่นอน แต่น่าเสียดายที่ ปรมาจารย์หลินได้ตายไปแล้ว ดังนั้นทุกอย่างเกี่ยวกับเขา ฉันก็จะฝืนใจยอมรับไว้”
เจี่ยงสงผงะไปครู่หนึ่ง แล้วก็หัวเราะ “พี่กง เรื่องหยอกล้อของคุณนี้ยิ่งพูดยิ่งไร้เหตุผลสิ้นดี!”
“ปรมาจารย์หลินเป็นใคร? เขาจะตายได้อย่างไร?”
ลูกน้องเหล่านั้นของเจี่ยงสง ก็พยักหน้าเห็นด้วย ในสายตาของพวกเขา หลินหยุนเป็นเหมือนเทพเซียนที่มีชีวิตบนแผ่นดินนี้ จะตายได้อย่างไร?
นอกจากนี้ ใครจะสามารถฆ่าปรมาจารย์หลิน?
เจ้าบ้านกงยิ้มเยาะ “ไม่เชื่อใช่ไหม? ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าคุณต้องไม่เชื่อ แต่พวกคุณได้สังเกตเห็นหรือไม่ ช่วงนี้พวกคุณไม่สามารถติดต่อกับหลินหยุนได้ใช่ไหม?”
“บอกความจริงให้พวกคุณฟัง เขาได้เข้าไปโจมตีสำนักมนตร์ดำตามลำพัง และเสียชีวิตในสำนักงานใหญ่สำนักมนตร์ดำแล้ว นี่คือสิ่งที่ลูกน้องของฉันเห็นมากับตา ไม่อย่างนั้นพวกคุณไม่คิดเหรอว่าทำไมฉันถึงมาปรากฏตัวที่นี่?”
เจี่ยงสงและลูกน้องคนอื่นๆจ้องมองหน้ากัน อันที่จริง ในช่วงเวลานี้ได้โทรหาปรมาจารย์หลิน และโทรติดต่อไม่ได้เลย
เป็นไปได้ไหมว่าปรจารย์หลินได้รับภัยอันตรายจริงๆ?
แต่ว่า เจี่ยงสงไม่เชื่อ ปรมาจารย์หลินนั้นมีพลังเหนือคนทั่วไป แม้ว่าจะไปที่สำนักมนตร์ดำ ก็คงไม่เจอปัญหาใดๆ
“พี่กง คุณพูดแบบนี้ ไม่กลัวหรือว่าถ้าปรมาจารย์หลินกลับมาแล้วไปคิดบัญชีกับตระกูลกงเหรอ?” เจี่ยงสงยิ้มเยาะเย้ย
เจ้าบ้านกงยังคงยิ้มเย้ยหยัน “เจี่ยงสง ดูเหมือนว่าคุณคงจะถูกไอ้หนุ่มคนนั้นล้างสมองแล้ว ถึงตอนนี้ยังมองไม่เห็นสถานการณ์ที่ชัดเจนเหรอ วันนี้ฉันจะใช้ข้อเท็จจริงให้พวกคุณได้รู้ชัดเจนว่า ไอ้หนุ่มที่คุณพึ่งพานั้น ได้ตายไปแล้ว”
หลังจากพูดจบ เจ้าบ้านกงก็โบกมือ และชายหนุ่มห้าคนที่อยู่ข้างหลัง ก็ก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางที่ไม่แยแส และล้อมรอบเจี่ยงสงเอาไว้
ลูกน้องของเจี่ยงสงไม่ยอมแน่นอน รีบออกมาสกัดกั้นทันที
แต่ว่า เพียงแค่เผชิญหน้า ลูกน้องเหล่านั้นของเจี่ยงสงก็ล้มลงกับพื้น
เจี่ยงสงตกใจมาก “แม้ว่าลูกน้องเหล่านี้จะไม่ใช่นักบู๊ แต่พวกเขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้ แค่เผชิญหน้าก็ล้มลงทันที!”
“ดูเหมือนว่าคนที่กงซิวซ่างพามา ล้วนเป็นนักบู๊!”
เจี่ยงสงพยักหน้าให้กับชายวัยกลางคนสองคนที่ยืนอยู่ข้างเขา และทั้งสองก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ความเร็วนั้น เหนือกว่าคนธรรมดา
สองคนนี้เป็นนักบู๊ที่เจี่ยงสงทุ่มเงินเยอะในการคัดเลือกมา ทั้งคู่ต่างเป็นพรแสวงสูงสุด
เพียงแต่ว่า ยังคงแค่เผชิญหน้ากัน ก็ล้มลงไป
เจี่ยงสงตกตะลึง และมองไปที่เจ้าบ้านกงผู้เย่อหยิ่ง และสงสัยมาก “แปลกจริงๆ ตระกูลกงหานักบู๊ที่แข็งแกร่งเหล่านี้มาจากไหน?”
“คนหนุ่มเหล่านี้สามารถเอาชนะนักบู๊พรแสวงสูงสุดสองคนนี้อย่างง่ายดายโดยที่ฉันได้ทุ่มเงินไปอย่างมหาศาลเพื่อเชิญมา อย่างน้อยที่สุดก็คงมีความแข็งแกร่งระดับแดนพรสวรรค์”
“นอกจากนี้ ชายวัยกลางคนสองคนและชายชรายังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ดังนั้นไม่รู้ว่าระดับการฝึกฝนของพวกเขาอยู่ในระดับไหน”
“ตระกูลกงไปหายอดฝีมือมากมายเหล่านี้มาจากที่ใด?”