ชายชราในชุดสูทสีเทาคนหนึ่ง ได้เดินออกมาอย่างรวดเร็วจากด้านหลังของเวที
จังหวะการก้าวเท้าของเขามั่นคง กระดูกสันหลังตั้งตรง สีหน้ามีน้ำมีนวล แสดงว่าร่างกายได้ฟื้นฟูกลับคืนเป็นอย่างดี
“ใช่นายท่านเสี้ยงจริง ๆ ด้วย! ”
“คิดไม่ถึงว่านายท่านเสี้ยงจะมาด้วยตนเองเลย! ”
เฉิงต๋ากับหยวนเบียวและจางเจียหยูทั้งสามคน ลุกยืนขึ้นในทันที เพื่อแสดงความเคารพ
หลี่หมิงกับโจวเจ๋หลุนและพวกดาราแนวหน้า หูเกอกับโห้เจี้ยนหวาพวกดาราแถวที่หนึ่ง เกือบทุกคนที่ได้ยินชื่อของนายท่านเสี้ยง ต่างก็ลุกขึ้นยืนกันทั้งหมด
แม้แต่เติ้งเจียหลุนเอง ก็ต้องยืนขึ้นเพื่อแสดงความเคารพ ซึ่งถ้าหากใครกล้าที่จะไม่เคารพต่อนายท่านเสี้ยงแล้ว ไม่ต้องให้นายท่านเสี้ยงสั่งการ ทุกคนทั้งวงการบันเทิงก็จะมองว่าคนผู้นั้นเป็นศัตรู
นายท่านเสี้ยง หนึ่งในผู้ก่อตั้งวงการบันเทิงของจีน ในปีนั้นเป็นเขากับนายท่านหงรวมถึงนายท่านเหลียนทั้งสามคน เป็นผู้สนับสนุนและยืนหยัดวงการบันเทิงที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้นทั่วทั้งจีน
นี่จึงทำให้เกิดเป็นปรากฏการณ์รุ่งเรื่องเฟื่องฟูของวงการบันเทิงจีนในเวลาต่อมา
กล่าวได้ว่า ถ้าหากไม่มีนายท่านเสี้ยง ก็จะไม่มีวงการบันเทิงของจีนที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
ปัจจุบัน นายท่านเสี้ยงเป็นถึงผู้มีอิทธิพลอำนาจสูงสุดในวงการบันเทิงทั่วทั้งเอเชีย และก็มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในวงการบันเทิงระดับสากล
แค่เป็นคนในวงการบันเทิงของจีน ล้วนจำเป็นที่จะต้องเคารพนอบน้อมต่อนายท่านเสี้ยงอยู่ตลอด
สถานะของเขาในวงการบันเทิงของจีน ก็เทียบได้กับนักปราชญ์ขงแห่งสำนักปรัชญาขงจื๊อ กุ่ยกู่จื่อผู้บัญชาการทหาร เล่าจื๊อแห่งลัทธิเต๋า
มองไปยังทุกคนที่ลุกยืนขึ้นทั้งหมด หลินหยุนก็ตกตะลึงเล็กน้อย: “คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า ชื่อเสียงของนายท่านเสี้ยงในวงการบันเทิง จะโด่งดังเป็นที่เคารพมากถึงขนาดนี้! ”
นายท่านเสี้ยงเดินมาถึงบนเวที แล้วยืนอยู่ด้านข้างของหลินหยุน
“คุณหลิน ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลย! ”
นายท่านเสี้ยงมีสีหน้ายิ้มแย้ม ลักษณะท่าทางเหมือนกับได้พบเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี
“ดูเหมือนว่า นายท่านเสี้ยงฟื้นฟูร่างกายได้ไม่เลวเลยทีเดียว” หลินหยุนกล่าว
จ้าวซูเหาโค้งคำนับแสดงความเคารพต่อนายท่านเสี้ยง: “นายท่านเสี้ยง ท่านสามารถมาถึงที่นี่ได้ ถือว่าเป็นเกียรติอย่างมากต่อคนรุ่นหลังอย่างพวกเรา คิดไม่ถึงว่าจะต้องรบกวนให้ท่านแสดงตัวออกหน้า เพราะความจำเป็นจริง ๆ หวังว่าท่านจะให้อภัย”
นายท่านเสี้ยงโบกมือไปมา ยิ้มและพูดว่า: “ไม่เป็นไร! ”
“ตอนนี้ ข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการว่า หัวหยา กรุ๊ป นับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ก็ได้ย้ายมาอยู่ภายใต้ชื่อของคุณหลินอย่างเป็นทางการ ซึ่งก็จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับข้าอีกต่อไปแล้ว”
“ดังนั้น คุณหลินคือเจ้านายที่แท้จริงของหัวหยา กรุ๊ป! ”
สถานที่จัดงานเงียบสงบ ที่จริงแล้วตั้งแต่นายท่านเสี้ยงปรากฏตัวอยู่บนเวที ทุกคนต่างก็พบเห็นผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าแล้ว
จ้าวซูเหายิ้มและมองไปที่เฉิงจิ่งว่าง: “ประธานเฉิง หลักฐานนี้ใช้ได้ไหม? ”
เฉิงจิ่งว่างทรุดนั่งลงไปบนเก้าอี้ทันที สีหน้าดูแย่มาก และพูดขึ้นอย่างงุนงงว่า: “เขาคือเจ้านายของหัวหยา กรุ๊ปจริง ๆ ด้วย! ”
“ก็คือว่า ต่อไปเขาก็คือเจ้านายของข้า”
“แต่ว่าเมื่อสักครู่ข้ากลับคิดที่จะขับไล่เจ้านายของตนเองออกไป! ”
แม้ว่าหลังจากที่หัวหยา กรุ๊ปเข้าซื้อกิจการของบริษัทหวนตี้แล้ว เฉิงจิ่งว่างก็ยังคงเป็นประธานกรรมการบริษัทหวนตี้เหมือนเดิม อีกทั้งยังถือหุ้นส่วนอีกด้วย
แต่ว่า หุ้นส่วนในบริษัทหวนตี้ของเขาได้ถูกปรับลดจนถึงขั้นที่หลงเหลือไม่เท่าไหร่แล้ว เพียงแค่คำพูดของหลินหยุนคำเดียว ก็สามารถที่จะขับไล่เขาออกจากบริษัทได้เลย
จางจิ้งฟาก็มีสีหน้าที่ตื่นตระหนกเช่นกัน ซึ่งรู้สึกเสียใจภายหลังเป็นอย่างมาก: “เรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงสุดท้ายไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเขาเลยแม้แต่น้อย ศีรษะของเขาเองต่างหากที่ถูกประตูหนีบจนโง่ถึงได้เสนอหน้าออกมา! ”
แม้ว่าเถียนชุ่ยชุ่ยกับจางเหมิง จะไม่มีความสงสัยในสถานะของหลินหยุน แต่ที่นายท่านเสี้ยงเสนอตัวออกหน้าเป็นพยานให้กับหลินหยุนด้วยตัวเอง ก็ยังทำให้พวกเธอทั้งหลายตกตะลึงขึ้นอีกครั้ง
“เจ้านายของหัวหยา กรุ๊ป นายท่านเสี้ยงหนึ่งในผู้ที่ก่อตั้งวงการบันเทิงของจีนเสนอตัวออกหน้าเป็นพยานให้กับนาย! หลินหยุน ปรมาจารย์หลินตกลงว่านายเป็นคนอย่างไรกันแน่! ”
หากพูดถึงเมื่อตอนที่เพิ่งทราบว่าหลินหยุนคือปรมาจารย์หลินนั้น เถียนชุ่ยชุ่ยกับจางเหมิงก็เต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรงต่อหลินหยุน
ถ้าอย่างนั้นในตอนนี้ หลินหยุนสำหรับพวกเธอแล้ว ก็เหมือนกับเทพเจ้าบนสวรรค์ พวกเธอทำได้เพียงแค่คาดเดา จินตนาการ แต่กลับยากที่จะพบเจอตัวตนที่แท้จริง
หลินเสี่ยวลู่กับอู่ซื่อหานและคนอื่น ๆ มีสีหน้าขาวซีด นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างงุนงง ราวกับว่าจิตวิญญาณได้ถูกปีศาจร้ายดูดกลืนไปจนหมดสิ้นแล้ว
“เขา เขาคือเจ้านายของหัวหยา กรุ๊ปที่แท้จริง! ”
“เมื่อครู่ที่ฉันได้ดูหมิ่นเขา ฉัน ฉันคงจะต้องลำบากเป็นแน่! ”
“ฮือ……” หลินเสี่ยวลู่กับอู่ซื่อหานได้ร้องไห้ขึ้นอย่างกะทันหัน พวกเธอสับสนวุ่นวายกันไปหมดแล้ว
พวกเธอก็เหมือนกับคนรวยชั่วข้ามคืนที่ถูกลอตเตอรี่จำนวนห้าล้าน นึกว่าหลินหยุนเป็นเพียงแต่คนธรรมดาทั่วไป โดยอวดรวยต่อหน้าหลินหยุนอย่างไม่หยุด
แต่ว่า มีคนมาบอกกับพวกเขากะทันหันว่า ที่จริงแล้วหลินหยุนคือลูกชายคนเดียวของเศรษฐีที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งของจีน
ความรู้สึกเสียใจภายหลัง ความหวาดกลัว รวมไปถึงความรู้สึกแตกต่างอย่างมากจากที่อยู่บนสวรรค์แล้วตกลงมายังนรกนั้น มันช่างทำให้พวกเธอทั้งสองคนเจ็บปวดรวดร้าวอย่างหนัก
เฉิงเฉินมองไปยังหลินหยุนที่มีสีหน้าเฉยเมินอยู่บนเวที และก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง: “เขา คือเจ้านายผู้ลึกลับของหัวหยา กรุ๊ปที่แท้จริง! ”
“ไอ้หนุ่มน้อยนี้ ปกปิดจนทำให้ฉันต้องขมขื่นอย่างมาก! ฮึ ครั้งหน้าเมื่อพบกับหยางหยิง ดูสิว่าฉันจะจัดการกับเธออย่างไร เรื่องราวแบบนี้ยังกล้าที่จะปกปิดฉันได้อีก! ”
ใบหน้าของหลันโร่หลินที่ดูเป็นผู้ใหญ่ และมีเสน่ห์ กลับแสดงออกถึงอาการเขินอายในแบบของสาวน้อย โดยสายตาที่มองไปยังหลินหยุนเต็มไปด้วยโกรธแค้นที่ซ่อนอยู่ภายใน
“หลินหยุนไอ้ตัวดี หยางหยิงไอ้ตัวดี คิดไม่ถึงว่าพวกแกทั้งสองคนจะรวมหัวกันเพื่อหลอกลวงฉัน! ”
เพียงแค่หลันโร่หลินคิดถึงตอนที่อยู่ร้านกาแฟ ที่เธอนั้นได้ตอบตกลงหยางหยิงไปอย่างเรื่อยเปื่อยว่าจะดูแลหลินหยุนให้ ก็อดไม่ได้ที่ใบหน้าจะร้อนผ่าว
“ฮึ ความหมายในตอนนั้นของหยางหยิง ชัดเจนว่าต้องการให้ไอ้หนุ่มน้อยคนนี้ดูแลฉันล่ะสิ! ”
แต่ว่า หลันโร่หลินกลับตอบรับให้สัญญาอย่างเต็มใจว่าจะดูแลหลินหยุน นี่ นี่คิดแล้วก็รู้สึกเขินอายลำบากใจอย่างยิ่งทีเดียว
บนเวที นายท่านเสี้ยงได้พูดคุยกับหลินหยุนเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็เดินกลับเข้าไปด้านหลังเวที
จ้าวซูเหาก็ดำเนินการประชุมควบรวมกิจการต่อ โดยเหมือนกับว่าได้หลงลืมเฉิงจิ่งว่างไปแล้ว
ถ้าหากจ้าวซูเหาพูดอะไรมากไปอีก เฉิงจิ่งว่างที่ต้องการรักษาเกียรติและหน้าตา ไม่แน่ว่าคงจะต้องลาออกจากบริษัทหวนตี้ไปด้วยตนเอง
แต่ว่า จ้าวซูเหาก็ทำเหมือนว่าได้หลงลืมเขาไปแล้ว ซึ่งการหมางเมินลักษณะนี้ กลับยิ่งทำให้ เฉิงจิ่งว่างรู้สึกถึงความอับอายขายหน้าอย่างที่สุด
ประธานกรรมการบริษัทหวนตี้ที่มีชื่อเสียง และเป็นถึงบุคคลระดับแนวหน้าในวงการบันเทิง ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีดาราชั้นนำจำนวนนับไม่ถ้วนเข้ามาตามประจบอยู่เสมอ
อีกทั้งเขายังเป็นหนึ่งในคนสำคัญของการประชุมควบรวมกิจการในวันนี้ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นถูกหมางเมินอย่างที่สุดแล้ว
แต่ว่า เขาเองก็ไม่สามารถที่จะโวยวายอะไรได้ เพราะว่าหลินหยุนกับจ้าวซูเหาที่เป็นเจ้านายใหม่ ทั้งสองคนของเขานั้นก็ไม่ได้พูดบอกว่าจะจัดการเขาอย่างไร ซึ่งถ้าอยู่ดี ๆ เขาเอะอะโวยวายขึ้น เกรงว่าคงจะเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมไม่มีหลักการณ์
ดังนั้น การประชุมควบรวมกิจการก็ดำเนินต่อไป เฉิงจิ่งว่างกับจางจิ้งฟาที่เป็นเจ้านายของบริษัทหวนตี้ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนพิธีการ ขึ้นกล่าวบนเวที
ตลอดช่วงพิธีการทั้งหมด เฉิงจิ่งว่างรู้สึกว่าตนเองเหมือนกับลิงที่กระโดดโลดเต้นในสวนสัตว์ โดยที่คนด้านล่างเวทีล้วนเป็นผู้ชมการแสดง
เหตุการณ์ทั้งหมดก็เป็นจริงตามนี้ การที่ได้ล่วงเกินเจ้านายของหัวหยา กรุ๊ป ทำให้เฉิงจิ่งว่างกับหลินเสี่ยวลู่ ถูกทุกคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ขึ้นรายชื่อบัญชีดำเอาไว้แล้ว
ผ่านไปสักพัก หลินหยุนได้เดินออกมาจากด้านหลังเวที กลับไปยังตำแหน่งที่นั่งเดิมของเขา
อีหลิงกับจางซือจู่ รวมถึงหลันโร่หลินและเฉิงเฉิน มองไปยังหลินหยุนด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร
“เจ้านายหลิน นายปกปิดได้อย่างมิดชิดเลยทีเดียว! ” หลันโร่หลินแสดงสายตาที่เย้ายวนน่าหลงใหล จ้องมองไปที่หลินหยุน
สีหน้าท่าทางของเฉิงเฉิน ก็แฝงไปด้วยการตำหนิตัวเอง
หลินหยุนยิ้มและพูดขึ้นว่า: “ถ้าหากฉันพูดบอกสถานะของฉันเองออกไป พวกคุณจะเชื่อกันไหม? ”
กี่คนนี้ต่างไม่พูดไม่จา ถ้าหากหลินหยุนได้พูดเปิดเผยตามตรงว่าตนเองคือเจ้านายเบื้องหลังของหัวหยา กรุ๊ป คาดว่าคงจะถูกไม่กี่คนนี้มองว่าเป็นโรคประสาท
หลินเสี่ยวลู่กับอู่ซื่อหานรวมถึงจ้าวจื่อฉี แสดงท่าทางที่น่าสงสารแล้วก็มองไปที่หลินหยุน
กี่คนนี้บิดตัวไปมาอยู่สักพัก ในที่สุดก็ได้เดินมาแสดงความขอโทษต่อหลินหยุน
“คุณหลิน พวกฉันมีตาหามีแววไม่ จึงได้ล่วงเกินท่าน ขอให้ท่านโปรดให้อภัย! ”
ในดวงตาของหญิงสาวกี่คนนี้ เปล่งประกายแวววาว หยดน้ำตาใกล้ที่จะไหลออกมาแล้ว
โดยเฉพาะอู่ซื่อหานที่เป็นดาวประจำสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หวู่หยาง แววตาของเธอนั้นเหมือนกำลังพูดว่า: “เพียงแค่คุณให้อภัยฉัน คุณต้องการให้ฉันทำอะไรฉันก็ยอมที่จะทำตามโดยทั้งหมด”