ชื่อเสียงของ’หมียักษ์’ เห็นได้ชัดว่าในโลกบู๊เจียงหนาน ก็เป็นตัวตนที่แข็งแกร่งมากเช่นกัน
แต่ว่า ก็มีคนกระโดดออกมาจากที่นั่งทันที หมุนตัวเบาๆ แล้วมาอยู่ตรงกลางสนาม
“ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เจ้าเอง!”
คนคนนี้เป็นคนที่รูปร่างผอม ตัวเตี้ย ตรงข้ามกับหนิวด้วยสิ้นเชิด
แต่ว่า การปรากฏตัวของเขา ก็ทำให้คนมากมายตกใจขึ้นมาในทันที
“นี่คือเสือเขี้ยวคม หลี่หยวนหว้า!”
“หลี่หยวนหว้าเองก็เพิ่งเข้ามาอยู่แดนพรสวรรค์ได้เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง ความแข็งแกร่งของทั้งสองคนมีพอๆกัน บันทึกการต่อสู้ก็เหมือนกัน”
“นี่จะต้องเป็นคู่ต่อสู้ที่ดุเดือดมากแน่ๆ”
“นึกไม่ถึงว่า แค่การแข่งรอบแรกของงานประลองยุทธ ก็ตื่นเต้นถึงเพียงนี้แล้ว”
“ดูเหมือนว่า งานประลองยุทธในปีนี้ จะดุเดือดยิ่งกว่าปีที่ผ่านๆมา!”
ลู่หนันสุนหันไปมองซิงจื่อเย่ที่อยู่ข้างๆ แล้วถามว่า “อีกเดี๋ยวเธอจะเข้าร่วมสนามไหม?”
แววตาของซิงจื่อเย่เผยความเร่าร้อนออกมา เธออยากเข้าร่วมมาก ในงานประลองยุทธ เป็นโอกาสที่จะแสดงฝีมือให้ทุกคนเห็นได้เป็นอย่างดี
แต่ว่า ซิงจื่อเย่ยังเด็กเกินไป ยังไม่มีความแข็งแกร่งถึงพรสวรรค์ ต่อให้ขึ้นไป ก็มีแต่ไปตายเปล่าเท่านั้น
“ข้าก็อยากขึ้นไปมาก แต่ว่างานประลองยุทธในปีนี้ เห็นได้ชัดว่ามียอดฝีมือมากกว่าปีก่อนๆมาก ฝีมือของข้า ยังไม่สามารถเทียบได้แม้แต่น้อย”
ลู่หนันสุนมองความไม่พอใจที่ซ่อนอยู่ในแววตาของซิงจื่อเย่ออก จึงพูดปลอบด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่เป็นไร เธอยังสาว รอให้เธอมีอายุถึงระดับพวกเขา ฝีมือของเธอจะต้องเหนือกว่าพวกเขาอย่างแน่นอน”
“นั่นสินะ เวลาในการบำเพ็ญของพวกเขามีมากกว่าข้าก็เท่านั้นเอง ถ้าเกิดอยู่ในวัยเดียวกัน ก็ไม่แน่สักหน่อยว่าข้าจะสู้พวกเขาไม่ได้!” ซิงจื่อเย่พูดด้วยใบหน้ามั่นใจ
ลู่หนันสุนหันไปมองหลินหยุน แล้วพูดด้วยเสียงหัวเราะเย็นชา “ไอ้หนู ดูให้ดีๆล่ะ ว่าอะไรคือความแข็งแกร่งที่แท้จริง! อย่าคิดว่าพอแกมียอดฝีมือจากตะวันตกอยู่ข้างกายแค่คนเดียว ก็จะทำอะไรตามใจชอบได้ พอเจอกับยอดฝีมือตัวจริง คนอื่นเขาใช้แค่นิ้วเดียว ก็สามารถฆ่าแกได้แล้ว”
อีหลิงรู้สึกหมั่นไส้ใบหน้าของลู่หนันสุน จึงพูดกลับด้วยเสียงเย็นชาว่า “แล้วแกจะรู้ได้ยังไงว่าหลินหยุนไม่มีฝีมือ? บางทียอดฝีมือในสายตาของเจ้า เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินหยุน ก็อาจจะไม่มีค่าอะไรเลยก็ได้?”
“ฮ่าๆ คุณหนูอี ว่ากันว่าเมื่ออยู่ใกล้ชิดคนอื่นมากๆ ก็จะซึมซับนิสัยของคนคนนั้นมา เธอตามไอ้หมอนี้มาแค่ไม่กี่วันเอง เรื่องอื่นๆมีให้เรียนไม่เรียน แต่กลับไปเรียนความจองหองของเขามาซะได้”
“ถ้าเกิดเขามีฝีมือมากจริงๆ แล้วทำไมถึงมานั่งอยู่ที่นี่ ให้คนอื่นหัวเราะเยาะ แต่กลับไม่ยอมทำอะไรเลยล่ะ?”
ลู่หนันสุนหัวเราะเสียงเย็นชาด้วยใบหน้าดูถูก สายตาที่มองหลินหยุน เต็มไปด้วยความดูถูก
ซิงจื่อเย่พูดด้วยเสียงเย็นชา “ลู่หนันสุน เมื่อก่อนสายตาของเจ้าแย่ถึงขนาดนี้เลยเหรอ ผู้หญิงไร้สมองแบบนี้ เจ้ายังชอบได้อีก”
ลู่หนันสุนยิ้มเยาะเย้ย “นั่นเป็นเรื่องอดีตไปแล้ว ฉันก็แค่หลงรูปร่างภายนอกของเธอก็เท่านั้นเอง จึงไม่ได้ดูนิสัยของเธอให้ดีๆ”
“โชคดีที่โดนเธอปฏิเสธ ไม่งั้นตอนนี้ฉันคงต้องเสียใจมากแน่ๆ”
อีหลิงโกรธจนใบหน้าเล็กของเธอแดงก่ำ กัดฟันแน่น จ้องลู่หนันสุจเขม็ง แล้วเฮิงด้วยเสียงเย็นชา “ใครกันแน่ที่ไม่รู้ห่าเหวอะไรเลย หลินหยุนก็แค่ไม่อยากใส่ใจกับพวกชั้นต่ำอย่างพวกแกก็เท่านั้นเอง พวกแกจึงคิดเอาเองว่าเขาเป็นคนที่รังแกได้ง่ายๆ!”
ในสนาม หนิวและหลี่หยวนหว้ากำลังประมือกันแล้ว ฝีมือของทั้งสองมีพอๆกัน สู้รู้ผลแพ้ชนะได้ยาก
เหตุผลที่งานประลองยุทธมาจัดที่สนามกีฬาที่กว้างใหญ่ เหตุผลส่วนใหญ่ก็เพราะเวลาที่เหล่านักบู๊ปะทะกัน จะได้ปล่อยพลังออกมาได้อย่างเต็มที่
ทันใดนั้น คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าก็ส่งเสียง เอ้ ออกมา
จากนั้น ตรงสนามจู่ๆก็มีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน
ตอนที่เห็นคนๆนั้น อีหลิงก็ตกใจขึ้นมาเล็กน้อย “หลินหยุน!”
เย่จื่อเชี่ยน พูดด้วยความดีใจว่า “ในที่สุดปรมาจารย์หลินก็ยอมลงมือแล้ว เฮิง เมื่อกี้พวกที่ไม่ยอมเชื่อคำพูดของฉัน เบิกตาดูให้ดีๆล่ะ! ว่านี่ใช่ปรมาจารย์หลินตัวจริงหรือเปล่า!”
“ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้วสินะ?” คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าจ้องมองหลินหยุนที่อยู่ในสนาม ยิ้มด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์
แววตาของฉีเฉิงคุนเผยความดีใจออกมา เมื่อกี้เขาพยายามยั่วยุหลินหยุน แต่หลินหยุนกลับไม่มีการตอบสนองใดๆ ตอนนี้จู่ๆกลับขึ้นมาอยู่สนามซักได้
นี่ช่างเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายที่น่ายินดีจริงๆ
“ไอ้หนู รอให้แกใช้พลังกายจนหมดเมื่อไหร่ นั่นจะเป็นเวลาตายของแก!” ฉีเฉิงคุนทำหน้าชั่วร้าย วางแผนที่จะฆ่าหลินหยุนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
คนที่อยู่รอบๆ ดูหลินหยุนที่จู่ๆก็ปรากฏออกมาตรงกลางสนาม อึ้งไปสักพัก พอเห็นว่าเป็นแผ่นหลังของหลินหยุน ทุกคนก็ส่งเสียงขึ้นมาทันที
“เจ้าหนูนี้ทำไมถึงกระโดดเข้าไปยังสนามล่ะ? หาที่ตายหรือไง?”
“คงไม่ใช่ว่าโดนเยาะเย้ยจนกลายเป็นคนโง่ใช่ไหม? จึงอยากจะออกมาแสดงฝีมือ?”
“ข้ารู้สึกว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น”
“เขาคิดจะแสดงฝีมืองั้นเหรอ? ข้าว่าเขากำลังหาที่ตายชัดๆ!”
“ก็ไม่แน่หรอกนะ ข้ารู้สึกว่าเจ้าหนูนี้น่าจะมีฝีมืออยู่พอประมาณ เมื่อกี้เจ้ารู้ตัวหรือเปล่าว่าเขาลงไปสนามตอนไหน?”
“พอเจ้าพูดแบบนี้ ข้าเองก็รู้สึกว่าเจ้าหนูนี้ก็พอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่ว่า ลงสนามในเวลาแบบนี้ จะทำอะไรได้ล่ะ? พวกเขายังไม่รู้ผลแพ้ชนะเลย!”
ลู่หนันสุนค่อยๆขมวดคิ้วขึ้นมา “ไอ้หนูนี่ทำไมถึงเข้าไปอยู่ในสนามล่ะ? เขาคิดจะทำอะไร!”
ซิงจื่อเย่พูดด้วยใบหน้าดูถูกว่า “รนหาที่ตายชัดๆ!”
ฉีซือหย่วนทำหน้าดีใจ “ดีเลย แกยังกล้าลงสนามอีกเหรอ ดีไปเลย ครั้งนี้แกจะต้องตายอย่างแน่นอน!”
โล่เสว่ฉีพอเห็นร่างของหลินหยุน แววตาที่ว่างเปล่า ในที่สุดก็มีความสดใสขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้าที่เฉยเมย เผยความตกใจออกมา
“เป็นเขา? ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ!”
ข้างในสมองของโล่เสว่ฉี ปรากฏภาพวังเทพจันทราออกมาทันที หลินหยุนที่ยืนอยู่ข้างหน้าของเธอ กำลังช่วยเธอรับการโจมตีที่รุนแรงของผู้อาวุโสสำนักอู๋จี๋
แผ่นหลังที่ผอมเบา ที่อยู่ในหัวใจของโล่เสว่ฉี ราวกับเป็นที่พึ่งพิงอันยิ่งใหญ่ที่ไม่มีวันถูกทลาย
ความจริง ตั้งแต่ที่เธอแยกตัวออกมาจากหลินหยุน หัวใจของเธอ มักจะปรากฏร่างของหลินหยุนอยู่เสมอ และยังมีช่วงเวลาที่พวกเขาทั้งสองได้ใช้เวลาอยู่รวมกันในวังเทพจันทรา ก็มักจะปรากฏออกมาให้เห็นอยู่เสมอ ราวกับเป็นภาพยนตร์ที่ฉายซ้ำไปเรื่อยๆ
ถึงแม้เธอจะพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกนี้ของตัวเองเอาไว้ เธอเองก็เข้าใจคนแบบตัวเองดี ไม่มีทางที่เธอจะมีความรักเป็นของตัวเองได้ แต่ ก็ยังคิดถึงมันอยู่ดี ไม่มีทางที่จะควบคุมมันได้แม้แต่น้อย
ในตอนที่เธอรู้ว่าตัวเธอถูกเอาเป็นรางวัลของงานประลองยุทธ ตัวของโล่เสว่ฉีก็ตกอยู่ในความสิ้นหวัง
จนกระทั่ง เธอเคยมีความคิดฆ่าตัวตาย แต่ว่า แม้แต่ตายเธอก็ทำไม่ได้
เพราะว่า ถ้าเกิดเธอตาย งั้นครอบครัวที่มีอยู่เพียงคนเดียวในโลกนี้ ก็จะต้องตกอยู่ในความยากลำบาก
ดังนั้น โล่เสว่ฉีจึงมีแต่ทำให้ตัวเองกลายเป็นเหมือนกับซากศพที่เดินได้ เก็บความรู้สึกของตัวเองแล้วทำตัวเหมือนกับเป็นหุ่นเชิด
แต่ว่า พอการปรากฏตัวกะทันหันของหลินหยุน ทำให้ทุกอย่างพังทลายไปจนหมด
ความรู้สึกที่โล่เสว่ฉีปิดผนึกเอาไว้ พังทลายไปในพริบตา
ทันใดนั้น น้ำตาก็อาบทั่วทั้งใบหน้า
โล่อู๋หมิงที่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของโล่เสว่ฉี หันไปมองหลินหยุนที่อยู่ในสนาม แววตาเผยความอันตรายออกมา
ในสนาม ทั้งสองคนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ ได้หยุดมือพร้อมกัน
จ้องมองหลินหยุนด้วยแววตาประสงค์ร้าย
“แกคิดจะทำอะไร?” หลิวตะโกนด้วยความโมโห
ใบหน้าหลี่หยวนหว้าดำมืด แววตาจ้องมองไปที่หลินหยุน ราวกับเป็นงูพิษ
ผู้ประกาศก็ยืนขึ้นมา แล้วพูดเสียงดังว่า “ท่านผู้นี้ ถ้าเกิดท่านต้องการท้าสู้ ขอให้รอทั้งสองตัดสินผลแพ้ชนะให้ได้ก่อน รบกวนอย่าเข้ามาก่อกวนการประลอง”
หลินหยุนไม่มีความคิดที่จะถอย กวาดสายตามองผู้ประกาศ แล้วพูดด้วยเสียงเรียบๆว่า “ไม่ต้องทำให้มันเป็นเรื่องยุ่งยาก พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันเลย!”
คนรอบๆต่างตกใจ!
คำพูดนี้หมายความว่ายังไง?
ถึงแม้คำพูดนี้จะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่พร้อมสติจึงทำให้ทุกคนไม่สามารถเชื่อคำพูดนี้ได้
ผู้ประกาศก็อึ้งไปสักพัก แล้วถามว่า “คุณหมายความว่ายังไง?”
หลินหยุนกวาดสายตามองคนทั้งสนาม สุดท้ายสายตาก็ไปอยู่ตรงร่างของโล่เสว่ฉี “ข้าต้องการท้าสู้กับพวกเจ้าทุกคน”
ทันใดนั้น คนทั้งสนามต่างก็แข็งทื่อไปเลย!
ทั้งสนามตกอยู่ในความเงียบ