จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 572 เทพแห่งทวนโล่อู๋จี๋

บทที่ 572 เทพแห่งทวนโล่อู๋จี๋

อีหลิงวางสายโทรศัพท์ และมองไปที่อีหยุ่น: “หลินหยุนอีกไม่นานก็จะกลับมา ถ้าไม่ได้จริง ๆ พวกเราก็ยอมแพ้ก่อน รอให้หลินหยุนกลับมา พวกเราค่อยเอาชัยชนะกลับคืนมา”

อีหยุ่นพยักหน้า และถอนหายใจ: “ก็คงต้องทำเช่นนี้”

คาร์นอตวิลเลียมที่อยู่ด้านข้างได้พูดขึ้นอย่างกระทันหันว่า: “ทำไมจะต้องยอมพ่ายแพ้ด้วยล่ะ? หลินหยุนไม่อยู่ แต่ก็ยังมีข้าอยู่! ”

“นาย? ” อีหยุ่นมองไปที่อีหลิงด้วยความงุนงง

อีหลิงคิดทบทวน และพูดขึ้นว่า: “ยังไงก็ยอมแพ้ไปก่อนแล้วกัน! พวกเราเหลือโควตาเข้าร่วมประลองเพียงคนเดียวแล้ว ถ้าหากให้กับเขาไป รอหลินหยุนกลับมาก็หมดโควตาแล้ว แม้ว่าพลังความสามารถของคาร์นอตวิลเลียม จะสามารถรับมือต่อกรกับคุณฉีได้ แต่หากว่าพบกับคู่ต่อสู้ที่มีพลังแข็งแกร่งยิ่งกว่าแล้ว พวกเราก็คงจะไม่มีโอกาสในการพลิกกลับมาเอาชนะได้อีกแล้ว”

ปรมาจารย์ป๋ายเห้อพูดว่า: “ข้ากลับคิดว่าสามารถที่จะให้เขาลองดูได้ ทำไมพวกเราต้องรอไอ้หนุ่มนั่นด้วย อีกทั้ง ต่อให้รอจนไอ้หนุ่มนั่นกลับมา ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถเอาชนะได้”

“ข้ารู้สึกอยู่เสมอว่าเขาเป็นคนหลอกลวง”

กฎระเบียบของงานสี่วีรบุรุษ คือผู้มีอิทธิพลอำนาจทั้งสี่ทิศ โดยในแต่ละทิศจะสามารถส่งตัวแทนผู้เข้าร่วมแข่งขันได้สามคน และในแต่ละทิศจะมีโอกาสท้าประลองสามครั้ง ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับคำท้าประลองสามครั้งด้วยเช่นกัน

แน่นอนว่า ถ้าหากเกินกว่าสามครั้ง เพียงแค่ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นชอบด้วยกันแล้ว ก็สามารถที่จะท้าประลองกันต่อไปได้อีก

ทางด้านของตระกูลอี ต่างก็เป็นผู้รับคำท้ามาโดยตลอด ซึ่งยังไม่ได้ใช้โอกาสสามครั้งในการยื่นคำท้าประลองเลยแม้แต่ครั้งเดียว

เพียงแค่หลินหยุนกลับมา ก็มีโอกาสพลิกกลับมาชนะได้

ในตอนแรกอีหยุ่นคิดว่า มีอาฉินกับปรมาจารย์ป๋ายเห้ออยู่ ซึ่งไม่ว่าจะแย่สักแค่ไหนก็สามารถที่จะยืนหยัดได้ตลอดทั้งการประลองแข่งขัน

คิดไม่ถึงว่า ครั้งนี้ทุกคนต่างก็ได้เชิญนักบู๊ยอดฝีมือมากันทั้งนั้น โดยอ้าวฉางคงถึงกับเชิญนักบู๊ระดับปรมาจารย์เลย

นี่เพิ่งผ่านไปเพียงแค่สองยก ก็ไม่มีตัวแทนที่จะให้ใช้ในการประลองแล้ว

สำหรับนักบู๊ธรรมดาที่ได้เตรียมการเอาไว้นั้น ใช้การอะไรไม่ได้เลย ขึ้นเวทีประลองไปก็พ่ายแพ้

อีหยุ่นคิดถึงปัญหาเรื่องหนึ่งขึ้นได้โดยพลัน ซึ่งตระกูลหูกับตระกูลอ้าวดูเหมือนว่ากำลังที่จะจงใจจ้องเล่นงานเขา

ท่าทางของตระกูลเสิ่นก็ยังไม่ชัดเจน หรือว่าบางทีตระกูลเสิ่นยังไม่ทันที่จะได้ลงมือกับตระกูลอี

ถ้าหากว่าทั้งสามตระกูลนี้ร่วมมือเป็นพันธมิตรกันแล้ว จงใจเล่นงานตระกูลอี……

อีหยุ่นตกใจขึ้นอย่างกระทันหัน ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริง ถ้าอย่างนั้นตระกูลอีก็คงอันตรายแล้ว

อีหยุ่นทำได้เพียงรอคอยให้หลินหยุนกลับมา เขาเชื่อว่า เพียงแค่มีหลินหยุนอยู่ ต่อให้ทั้งสามฝ่ายนั้นร่วมมือเป็นพันธมิตรกัน ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถจัดการกับตระกูลอีได้โดยง่าย

อ้าวฉางคงทนรอไม่ไหวแล้ว และพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางเย้ยหยันว่า: “อีหยุ่น เร็วหน่อยได้ไหม? อย่ามัวชักช้าอยู่อีก”

อีหยุ่นพูดขึ้นด้วยสีหน้าหม่นหมองว่า: “การแข่งขันยกนี้ ข้ายอมแพ้! ”

“ฮ่าฮ่า! ดีมาก ถือว่านายรู้จักกาลเทศะเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี! ” อ้าวฉางคงยิ้มหัวเราะอย่างดีใจ: “แต่เมืองซานหยางนั้น ต่อไปก็ตกเป็นของข้าแล้ว ฮ่าฮ่า! ”

หลังจากที่ยอมแพ้ อีหยุ่นก็เบาใจลงได้บ้าง

“โอกาสสามครั้งที่ต้องรับคำท้าประลองได้ใช้ไปจนหมดแล้ว ต่อจากนี้ข้าก็จะดูว่าพวกเขาทั้งสามตระกูลจะมีแผนการต่อไปอย่างไร”

อีหยุ่นมีสีหน้าหม่นหมอง ถ้าหากว่าต่อจากนี้ พวกเขาสามตระกูล ยังคงคิดหาวิธียุยงให้เขารับคำท้าประลอง ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าทั้งสามตระกูลนี้ได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรกันอย่างแน่นอนแล้ว

แน่นอนว่า ถ้าหากพวกเขาทั้งสามตระกูลจะฟาดฟันกันเอง ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นก็แสดงว่าเมื่อสักครู่บางทีอาจจะเป็นแค่เหตุการณ์ที่เกินความคาดหมาย

เวลานี้ ด้านหลังของหูเหวยซินไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ได้ปรากฏชายชราผมขาวขึ้นหนึ่งคน

ชายชราผู้นี้มองดูแล้วน่าจะมีอายุประมาณเก้าสิบปี ถือไม้เท้ายาว โดยที่ไม้เท้านั้นแปลกประหลาดเล็กน้อย ซึ่งไม้เท้าของคนอื่นทั่วไปจะมีลักษณะโค้งงอเล็กน้อย แต่ไม้เท้าของเขากลับตั้งตรงอย่างมาก อีกทั้งความสูงของไม้เท้านั้นสูงเกินกว่าร่างกายของเขาเสียอีก

ไม้เท้าที่แปลกประหลาดนี้ แทบที่จะหาไม่เจอในประเทศจีน

เห็นชายชราผู้นี้แล้ว หูเหวยซินรีบทำการคำนับอย่างเคารพ: “ท่านมาถึงแล้ว! ”

“อืม” ชายชราตอบรับ

“จะเริ่มต้นเลยไหม? ” หูเหวยซินสอบถามอย่างเคารพ

“เริ่มต้นได้เลย! ” ชายชรากล่าว

“รับทราบ! ” หูเหวยซินกล่าวตอบ

หลังจากนั้น หูเหวยซินก็ลุกยืนขึ้น มองไปที่อ้าวฉางคงและพูดขึ้นว่า: “พี่อ้าว บัญชีความแค้นระหว่างพวกเรา ได้เวลาคิดบัญชีกันแล้ว”

อ้าวฉางคงชนะติดต่อกันมาสองยก กำลังอยู่ในช่วงที่จิตใจเร่าร้อนฮึกเหิมอย่างมาก ไม่มีความ เกรงกลัวต่อหูเหวยซิน

“ได้เลย เพียงแค่น้องหูไม่กลัวที่จะพ่ายแพ้! ”

พูดจบ ก็ได้ทำมือแสดงความเคารพต่อคุณฉีที่อยู่บนเวทีประลอง: “คุณฉี ยังต้องรบกวนคุณแสดงฝีมืออีกครั้งแล้ว! ”

“สมควรอยู่แล้ว” คุณฉีทำมือแสดงความเคารพตอบ

อ้าวฉางคงมองไปยังหูเหวยซินด้วยสีหน้าท่าทางที่เหยียดหยาม: “น้องหู คุณอู่ของนายเมื่อสักครู่นี้ เพิ่งจะถูกชกจนสลบไป นายยังมีคนที่จะส่งเข้าประลองอีกเหรอ? ”

หูเหวยซินยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า: “วางใจได้ ครั้งนี้นายจะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย”

หันหน้ากลับมา หูเหวยซินได้โค้งคำนับและพูดกับชายชราผู้นั้น: “ขอเชิญนายท่านโล่! ”

ชายชราก้าวเท้าออกมา ทันใดนั้นร่างกายก็ปรากฏขึ้นระยะที่ห่างออกไปสิบเมตร

ทุกคนต่างก็เห็นไม่ชัดว่าเขาขึ้นเวทีประลองมาได้อย่างไร

“ไอ้แก่ผู้นี้เป็นใคร? นี่มันแก่มีอายุมากเกินไปแล้ว? ” ในที่สุด ผู้ชมโดยรอบต่างก็อดไม่ได้ที่จะ วิพากษณ์วิจารณ์กันขึ้น

ในหลายยกเมื่อครู่นั้น แม้ว่าคุณอู่จะพ่ายแพ้ไปอย่างไม่เป็นธรรม แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่พวกผู้ชมต่างยอมรับกันได้

แต่ว่า ตอนนี้เป็นชายชราที่อายุมากใกล้จะตายขึ้นมาประลอง ยังจะต่อสู้ไหวอีกไหม?

หากขึ้นมาแกล้งหลอกลวงก็ยังพอเป็นไปได้

เห็นคนที่หูเหวยซินส่งขึ้นมามาประลองแล้ว อ้าวฉางคงหัวเราะเยาะเย้ยยกใหญ่: “น้องหู หากว่านายไม่มีคนแล้วก็ยอมพ่ายแพ้ยังจะดีกว่า นายไปหาคนแก่ชราแบบนี้ขึ้นมาประลองทำไม? ”

“เวทีประลองของพวกเรา ได้ลงนามสัญญาความเป็นความตาย ต่อให้ต่อสู้กันจนถึงตาย ก็ไม่ต้องรับผิดชอบ”

หูเหวยซินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ โดยที่ไม่ได้พูดตอบกลับ

ยังไม่รู้ว่าใครที่จะตายกันแน่

แต่ว่า คุณฉีกลับไม่ได้มองข้ามชายชราผู้นั้น จากเมื่อครู่ที่ได้สังเกตลักษณะท่าทางการก้าวในระยะกว่าสิบเมตรนั้น ก็คงจะเป็นเทคนิคการเคลื่อนไหวร่างกายที่สูงส่งเลยทีเดียว

ผู้ที่สามารถใช้เทคนิคการเคลื่อนไหวร่างกายที่สูงส่งเช่นนี้ได้ แน่นอนว่าจะต้องมีพลังความสามารถที่สอดคล้องกับเทคนิคการเคลื่อนไหวร่างกายนี้

ชายชราเดินขึ้นบนเวทีประลอง มองไปที่คุณฉี และพูดขึ้นว่า: “นายยอมแพ้เถอะ! ”

ทุกคนได้ยินแล้วก็พากันตกตะลึง

อ้าวฉางคงยิ่งหัวเราะไปกันใหญ่: “หูเหวยซิน นายไปหาคนแก่ผู้นี้มาจากที่ไหน น่าขันสิ้นดี! ยังไม่ได้ลงมือประลอง ก็จะให้คุณฉียอมแพ้แล้ว! ”

พวกผู้ชมต่างก็ทยอยหัวเราะเยาะเย้ยกัน

เมื่อครู่ที่คุณฉีได้ประลองเอาชนะปรมาจารย์ป๋ายเห้อได้อย่างง่ายดาย ซึ่งมีพลังความสามารถไม่ธรรมดา ทุกคนต่างก็เห็นกับตากันอย่างชัดเจน

ชายชราที่มีอายุมากขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าขึ้นมาบนเวทีประลองแล้วก็จะให้คุณฉียอมแพ้!

“ชายชราคนนี้ คาดว่าระบบประสาทคงจะมีปัญญา! ”

“ข้าว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์น่าจะใช่ อายุมากขนาดนี้แล้ว นึกไม่ถึงว่าจะมาสถานที่แห่งนี้ หากว่าไม่ใช่ระบบประสาทมีปัญหา ก็คงจะเป็นบ้าไปแล้ว”

คุณฉีเตรียมที่จะทำความเคารพ แล้วได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสโล่ ในจิตใจอดไม่ได้จึงได้แสดงท่าทางที่หยิ่งยโสออกมา

“ผู้อาวุโส แม้ข้าทราบว่าบางทีคุณอาจจะมีพลังความสามารถที่ไม่ธรรมดา แต่ข้ามั่นใจว่าจะสามารถประลองต่อสู้กับคุณได้ คุณขึ้นมาถึงเวทีก็บอกให้ข้ายอมแพ้ มันช่างดูถูกมองข้ามข้าเกินไปแล้ว” คุณฉีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“งั้นก็เริ่มต้นกันเถอะ! ” ผู้อาวุโสโล่กล่าว

“ตกลง! ” เมื่อคุณฉีพูดจบ ก็รีบลงมือก่อนทันที โดยได้ชกหมัดเข้าใส่ผู้อาวุโสโล่

ยอดฝีมือปะทะต่อสู้กัน โอกาสแรกเป็นสิ่งสำคัญมาก บางครั้งเพียงแค่คว้าโอกาสแรกเอาไว้ได้ ก็แทบจะเอาชนะไปครึ่งหนึ่งแล้ว

แต่ว่า เผชิญหน้ากับการโจมตีของคุณฉี ผู้อาวุโสโล่ยังคงมีสีหน้าท่าทางที่เฉยชา

รอจนการโจมตีของคุณฉีมาถึงเบื้องหน้าของเขา ผู้อาวุโสโล่ถึงใช้ไม้เท้าทิ่มเข้าไปอย่างรวดเร็ว

โครม!

คุณฉีราวกับว่าวที่เชือกด้ายขาด ลอยกระเด็นออกไปไกล ตกลงอยู่ที่ด้านข้างของเวทีประลอง และกระอักเลือดออกมา

ยังไม่ทันรอให้คุณฉีมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับคืน หัวของไม้เท้า ก็ทิ่มลงไปตรงที่กะโหลกศีรษะของคุณฉี

“ข้ายอมแพ้แล้ว! ” คุณฉียอมแพ้อย่างศิโรราบ ด้วยสีหน้าท่าทางที่ตื่นตระหนก

เงียบสงบกันไปหมด!

คุณฉีเป็นถึงปรมาจารย์นักบู๊!

ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าแม้เพียงกระบวนท่าเดียวของผู้อาวุโสคนนั้นก็ไม่สามารถที่จะต้านทานได้!

ผู้อาวุโสคนนี้มีพลังความสามารถระดับขั้นไหนกันแน่?

อีหยุ่นสีหน้าเต็มไปด้วยความตะลึง: “หูเหวยซินไปหายอดฝีมือท่านนี้มาจากที่ไหนกัน? ”

“อาฉิน นายสามารถมองออกถึงการบำเพ็ญฝึกฝนของเขาไหม? ”

อาฉินสีหน้าจริงจัง: “มองไม่ออก”

“แล้วปรมาจารย์ป๋ายเห้อล่ะ? ” อีหยุ่นถามขึ้นอีก

ปรมาจารย์ป๋ายเห้อส่ายศีรษะ: “ข้าเองก็มองไม่ออก คาดว่า พลังความสามารถของเขา อย่างน้อยก็คงจะระดับขั้นปรมาจารย์ระดับใหญ่! ”

อีหยุ่นมีสีหน้าท่าทางที่เคร่งเครียดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มองไปที่อาฉิน และถามขึ้นว่า: “ถ้าหากคุณหลินประลองกับเขาล่ะ ใครแข็งแกร่งกว่ากัน? ”

อาฉินส่ายศีรษะ: “เรื่องนี้พูดยากเสียจริง”

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท