สำนักบู๊แท้เป็นหนึ่งในเจ็ดสำนักของโลกบู๊ มีการสืบทอดมาเป็นเวลานาน ไม่แน่ว่าภายในสำนักอาจจะมีสิ่งของอะไรที่หลินหยุนต้องการอยู่ก็เป็นได้
ส่วนนักบู๊ในยุคปัจจุบันนี้ ทั่วไปต่างก็ไม่ค่อยรู้จักและเข้าใจสิ่งของล้ำค่า ซึ่งมีสิ่งของล้ำค่าบางอย่าง บางทีอาจจะถูกพวกเขามองว่าเป็นของเล่น วางไว้ในมุมห้องจนถูกฝุ่นละอองปกคลุมไปหมดแล้ว
หอเก็บของล้ำค่าของสำนักบู๊แท้ ไม่ได้เรียกว่าหอเก็บของล้ำค่า เรียกว่าห้องเก็บของ
หลินหยุนพูดว่าหอเก็บของล้ำค่า จงฉวนก็เข้าใจความหมายของเขาได้ในทันที
จงฉวนพาหลินหยุนกับพวกพ้อง มาถึงหน้าประตูพื้นที่ต้องห้ามหลังเขา แล้วชี้ไปยังอาคารสองชั้นหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล: “นั่นก็คือห้องเก็บของ แต่ว่าเป็นไปได้ที่จะทำให้ปรมาจารย์หลินต้องผิดหวัง ซึ่งที่นั่นเก็บสะสมเพียงเสบียงอาหาร รวมถึงวิชาและสมุนไพรบางอย่างที่ใช้ในการบำเพ็ญฝึกฝนเท่านั้น”
“พวกสิ่งของที่ล้ำค่าเหล่านั้น ส่วนใหญ่จะถูกเจ้าสำนักเก็บสะสมเอาไว้ ไม่ได้วางเก็บไว้ในห้องเก็บของแห่งนี้”
หลินหยุนพูดว่า: “เข้าไปดูด้านในกันก่อนเถอะ! ”
“รับทราบ! ”
จงฉวนทุบตีกุญแจล็อคจนพัง แล้วพาหลินหยุนทั้งสามคนเข้าไปด้านใน
“ห้องเก็บของแบ่งแยกออกเป็นหลายห้อง โดยห้องทางด้านนี้ไว้สำหรับเก็บเสบียงอาหาร ส่วนห้องด้านในสุดนั้นเอาไว้เก็บของใช้ทั่วไป”
หลินหยุนพูดว่า: “พวกเราไปดูที่ห้องเก็บของใช้ทั่วไปกันเถอะ! ”
“รับทราบ! ”
จงฉวนทุบตีกุญแจล็อคของห้องเก็บของใช้ทั่วไปจนพัง แล้วพาหลินหยุนทั้งสามคนเข้าไปด้านใน
ด้านในเป็นพวกหนังสือตำรา และยังมีวัสดุ ของใช้ที่แปลกประหลาดหลายชนิด อีกทั้งยังมีก้อนหินขนาดใหญ่หลายก้อนด้วย
สายตาของหลินหยุน พลันหยุดอยู่ที่ก้อนหินเหล่านั้น
“นี่คือหินห้าธาตุ! ”
“คิดไม่ถึงว่าสำนักบู๊แท้จะเก็บสะสมหินห้าธาตุไว้มากมายขนาดนี้! ”
“เวลานี้ ค่ายกลกระบี่ล้างผลาญห้าธาตุก็สำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง! ”
หลินหยุนคิดมาโดยตลอดว่าจะจัดวางค่ายกลฮู่ซานที่ทะเลสาบเยว่หยา เพื่อเติมเต็มซึ่งกันและกันกับค่ายกลรวมพลังห้าธาตุพรสวรรค์ อีกทั้งค่ายกลที่เพียบพร้อมทั้งรุกและรับ มีพลังอานุภาพที่แข็งแกร่ง ก็มีเพียงค่ายกลกระบี่ล้างผลาญห้าธาตุ
แต่ว่า ค่ายกลกระบี่ล้างผลาญห้าธาตุจำเป็นต้องใช้หินห้าธาตุเป็นฐานค่ายกล และยังจะต้องมี ภูตค่ายกลด้วย
หินห้าธาตุเดิมทีก็มีน้อยมาก แม้ว่าในโลกเซียน ก็นับว่าเป็นวัสดุชั้นเยี่ยม โดยยิ่งไม่ต้องพูดถึงโลกมนุษย์เลย
ถึงขนาดที่หลินหยุนเตรียมที่จะยอมถอยมาใช้อีกค่ายกลหนึ่ง เปลี่ยนมาเป็นค่ายกลฮู่ซานที่ใช้วัสดุไม่มาก เช่น ค่ายกลเมฆ ที่ใช้เพียงแต่หินหยกชั้นเยี่ยมก็เพียงพอ
คิดไม่ถึงว่า ภายในห้องเก็บของสำนักบู๊แท้ จะพบเจอหินห้าธาตุมากมายขนาดนี้
ที่จริงแล้ว วิธีการคิดของหลินหยุนไม่ถูกต้อง หินห้าธาตุในโลกเซียนถือว่าเป็นทรัพยากรที่ขาดแคลน แต่นั่นเป็นเพราะมีผู้บำเพ็ญเซียนจำนวนมาก ดังนั้นหินห้าธาตุจึงขาดแคลน
แต่ในโลกมนุษย์ แม้ว่าหินห้าธาตุจะมีจำนวนน้อย ทว่า ผู้บำเพ็ญเซียนแทบจะไม่มี
หินห้าธาตุสำหรับพวกนักบู๊แล้ว บางทีอาจจะสามารถรับรู้สัมผัสได้ถึงพลังจิตฟ้าดินที่แฝงอยู่ภายใน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช้งานอย่างไร
ก็เหมือนกับสำนักบู๊แท้ หินห้าธาตุเหล่านี้ไม่รู้ว่าถูกคนพบเจอเมื่อไหร่ จากนั้นก็นำมาวางเก็บในห้องเก็บของ กลายเป็นของใช้ทั่วไปที่วางอยู่ในห้องเก็บของใช้ทั่วไป
หากหลินหยุนไม่ได้มาพบเห็น หินห้าธาตุก็ยังคงกองเก็บไว้อยู่ที่นี่ จนกระทั่งวันไหนที่ห้องเก็บของบรรจุของไม่เพียงพอแล้ว ก็มองว่าเป็นก้อนหินทั่วไป แล้วถูกโยนทิ้งไปในภูเขา
“เพียงแค่ตามหาภูตค่ายกลให้พบ ก็สามารถที่จะจัดวางค่ายกลกระบี่ล้างผลาญห้าธาตุได้แล้ว”
แต่ว่า ภูตค่ายกลนี้ก็ไม่ได้หาเจอได้ง่าย จำเป็นที่จะต้องเป็นวิญญาณของสัตว์ทิพย์ที่แข็งแกร่ง
ทว่า สัตว์ทิพย์มีพลังความสามารถที่แกร่งกล้า ไม่ได้ด้อยไปกว่าหลินหยุนในตอนนี้ นอกเสียจากว่าจะพบเจอกับสัตว์ทิพย์ที่ยังเด็ก หลินหยุนจึงจะสามารถมีโอกาสจับวิญญาณของสัตว์ทิพย์ได้
ก่อนหน้านี้เจียวตัวนั้น ถือว่าเหมาะสมอย่างมาก เพิ่งกำลังจะแปลงกายเป็นมังกร ถูกหลินหยุนใช้วิชายิงตะวันสังหาร แต่น่าเสียดาย ในตอนนั้นหลินหยุนไม่สามารถจับวิญญาณเทพของมันได้
หลินหยุนนำหินห้าธาตุใส่ไว้ในแหวนเก็บของ เป็นการทำให้จงฉวนได้เปิดหูเปิดตาอีกครั้งหนึ่ง โดยที่ความจงรักภักดีต่อหลินหยุนก็ยิ่งเพิ่มขึ้นอีก
จงฉวนได้พาหลินหยุนไปดูที่ห้องอื่น ต่างก็เป็นสิ่งของธรรมดาทั่วไป หากสำหรับนักบู๊ บางทีอาจจะใช้ประโยชน์ได้ แต่สำหรับหลินหยุนแล้วไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย
แม้ว่าซูหนันเอง ก็ถือว่าไม่มีประโยชน์
“สำนักบู๊แท้มีการสืบทอดมาอย่างยาวนาน คงไม่ถึงกับยากจนค่นแค้นอย่างนี้ เจ้าสำนักของพวกนายก่อนหน้านี้มีห้องเก็บสมบัติส่วนตัวอะไรไหม? ” หลินหยุนถามขึ้น
จงฉวนคิดชั่วครู่ พูดขึ้นว่า: “ถ้าหากมี ก็คงจะอยู่ในที่พักของเจ้าสำนัก”
หลินหยุนพูดว่า: “ที่พักของเขาข้าได้ค้นหาไปทั่วแล้ว ไม่มีอะไรเลย ดูเหมือนว่าสำนักบู๊แท้นี้ไม่มีสิ่งของที่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว”
ซูหนันพูดว่า: “ในเมื่อไม่มีสิ่งของที่ล้ำค่าอะไรแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็กลับกันเถอะ! ”
หลินหยุนพูดว่า: “ตกลง”
หลังจากที่สำนักบู๊แท้ ซึ่งก็คือสำนักชางเยว่ในตอนนี้ ได้สั่งการกำชับให้จงฉวนเป็นผู้ดูแลแล้ว หลินหยุนกับซูหนันและจงเฟยหยู่ทั้งสามคนก็เดินทางกลับหลินโจว
สำนักชางเยว่ ได้นำอักษรตัวแรกของมหากษัตริย์ชางฉองไว้เป็นอักษรเริ่มต้น และยังได้ใช้ชื่อของ เย่เยว่ มาประกอบกันขึ้น
ความหมายชัดเจนในตัวของมันเอง
เพียงแต่ว่า นอกจากค่ายกลนิรันดร์กาลแล้ว หลินหยุนก็ยังไม่พบเจอร่องรอยที่เย่เยว่หลงเหลือเอาไว้อีกเลย
ทว่า ลำพังเพียงแค่ค่ายกลนิรันดร์กาล หลินหยุนก็ยืนยันได้ว่า เย่เยว่เคยได้ดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
หลังจากที่กลับมาถึงหลินโจว หลินหยุนก็มองไปที่ซูหนัน และถามขึ้นว่า: “นายยังจะกลับไปอีกไหม? ”
ซูหนันมองไปที่จงเฟยหยู่: “รอให้ฉันจัดการเรื่องของเสี่ยวหยู่ให้เรียบร้อยก่อน”
“ตกลง” หลินหยุนพูดจบ ก็หันหลังแล้วเดินจากไป
กลับมาถึงคฤหาสน์ตึกว่างเยว่ คาร์นอตวิลเลียมยังคงบำเพ็ญฝึกฝนอยู่ หลินหยุนมองไปที่เขาเล็กน้อย พบว่าลมหายใจของเขามีพลังเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ
ถ้าหากใช้ระดับขั้นของนักบู๊มาเปรียบเทียบ พลังความสามารถของคาร์นอตวิลเลียมจากเดิมที่ขั้นปรมาจารย์ระดับเล็ก ได้เพิ่มสูงขึ้นมาถึงขั้นปรมาจารย์ระดับใหญ่แล้ว
ข้ามขึ้นมาหนึ่งขั้นเลยทีเดียว
“มิน่าล่ะที่มีคนปิดกั้นเผ่าโลหิต ถ้าหากไม่ปิดกั้นพวกเขาเอาไว้ ดูจากความรวดเร็วของพัฒนาการแล้ว เกรงว่าทั่วทั้งโลก คงจะไม่มีผู้ใดที่สามารถต่อกรกับพวกเขาได้”
หลินหยุนไม่ได้สนใจคาร์นอตวิลเลียมแล้ว โดยเมื่อความคิดเคลื่อนไหว หินห้าธาตุเหล่านั้นก็ถูกเขาเรียกให้ออกมาจากแหวนเก็บของ วางกองเป็นภูเขาขนาดเล็กอยู่ในลานกว้างของคฤหาสน์
“แม้ว่าตอนนี้ยังจะไม่สามารถหาภูตค่ายกลเจอ แต่ก็ทำการจัดวางฐานค่ายกลไว้ก่อนได้”
หลินหยุนโบกมือ ก้อนหินขนาดเท่ากับแผ่นเจียรก้อนหนึ่ง ก็ล่องลอยมาในอากาศ
“หินธาตุทอง! ”
หลินหยุนยกมือขึ้นลง หินธาตุทองที่แข็งนั้น คิดไม่ถึงว่าจะเหมือนกับมีดฟันเต้าหู้ ถูกฟันแบ่งแยกออกเป็นสี่ส่วน
หลินหยุนยกมือขึ้น หินธาตุทองก้อนหนึ่งที่ถูกฟันแบ่งแยกออกมา ล่องลอยอยู่เบื้องหน้าของเขา
จากนั้น เขาเริ่มต้นใช้มือแทนปากกา แกะสลักลวดลายที่ซับซ้อนลงบนหินธาตุทองนั้น
ลวดลายค่ายกลของค่ายกลกระบี่ล้างผลาญห้าธาตุเหล่านั้น ต่างก็เป็นวิถีต้าเต๋าที่หลินหยุนเข้าใจ
เมื่อวาดลวดลายค่ายกลเหล่านี้เสร็จ ก็จะเชื่อมโยงกับเส้นกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดินเส้นใดเส้นหนึ่งในโลกของความมืด กลายเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกลกระบี่ล้างผลาญห้าธาตุ
ค่ายกลกระบี่ล้างผลาญห้าธาตุแม้ว่าอยู่ในโลกเซียน ก็จัดอยู่ในค่ายกลฮู่ซานชั้นสูง
ดังนั้น หลินหยุนที่มีการบำเพ็ญฝึกฝนไม่ถึงขั้นแดนยาทอง หากคิดจะวาดลวดลายของค่ายกลกระบี่ล้างผลาญห้าธาตุ ก็คงจะลำบากเหน็ดเหนื่อยพอสมควร
แต่ว่า หลินหยุนไม่ได้รีบร้อน ตอนที่วาดลวดลายค่ายกลนั้น พลังทิพย์ในร่างกายของเขาสิ้นเปลืองไปอย่างมากทีเดียว
ประมาณหนึ่งชั่วโมงผ่านไป พลังทิพย์ในร่างกายของหลินหยุนก็ใกล้ที่จะหมดสิ้นแล้ว
จากนั้น หลินหยุนก็หยุดพักผ่อน เพื่อฟื้นฟูพลังทิพย์
ทำแบบนี้ติดต่อกันหลายรอบ พลังทิพย์ในร่างกายของหลินหยุนได้รับการปรับแต่งขัดเกลาเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้มีความเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์กว่าเมื่อก่อน
หลินหยุนใช้เวลาไปหนึ่งเดือนกว่า จึงได้แกะสลักลวดลายของค่ายกลกระบี่ล้างผลาญห้าธาตุจนสำเร็จ
จากนั้น ได้นำหินห้าธาตุเหล่านั้น วางเรียงเป็นช่องสี่เหลี่ยมใช้เป็นฐานค่ายกล
ตอนที่วางหินก้อนสุดท้ายลงในฐานค่ายกลนั้น ทั่วทั้งฟ้าดินเหมือนกับสั่นสะเทือนขึ้นเล็กน้อย และทั่วทั้งทะเลสาบเยว่หยา ก็เหมือนกับถูกพลังงานที่ไร้รูปร่างปกคลุมทั้งหมด
แม้ว่าพลังงานนี้จะมองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ แต่ว่าร่างกายที่อยู่ด้านในนั้น สามารถรู้สึกได้ถึงพลังงานนั้นอย่างชัดเจน
ราวกับกลางทะเลสาบเยว่หยา มีมังกรยักษ์แอบซ่อนอยู่ แต่ว่ามังกรยักษ์ตัวนี้กำลังหลับใหล ไม่มีพลังอานุภาพใด ๆ
ทว่า เมื่อมังกรยักษ์ได้ตื่นขึ้น พลังงานนั้นเพียงพอที่จะสามารถทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างได้
หลินหยุนยืนอยู่ด้านบนสุดของเนินเขาทะเลสาบเยว่หยา รับรู้สัมผัสได้ถึงพลังอานุภาพของค่ายกลกระบี่ล้างผลาญห้าธาตุที่พร้อมจะระเบิดพลังออกมา โดยที่เขามีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก
“แม้ว่าจะเทียบเท่าไม่ได้กับค่ายกลกระบี่ล้างผลาญห้าธาตุที่ข้าจัดวางขณะอยู่ในช่วงสูงสุด แต่ว่า เมื่อพบเจอภูตค่ายกลแล้ว นำมากระตุ้นให้ค่ายกลเกิดพลังงาน ต่อให้ถูกระเบิดนิวเคลียร์โจมตี ก็สามารถที่จะต้านทานได้”