หยางเทียนโย่วรู้สึกตื้นตันใจ “มิน่าล่ะพ่อถึงยอมที่จะถูกจับ ก็ไม่ยอมพูดเรื่องราวของวิญญาณทหารให้บริษัท เจียเฉิง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัดรู้ ที่แท้ เขาไม่อยากให้วิญญาณทหารเหล่านี้ถูกรบกวนมากกว่า”
หลินหยุนเดินขึ้นไปด้านบนของเขาร่วงสือ
“พวกเราหาวิธีที่จะพาวิญญาณทหารเหล่านี้กลับไปเถอะ!”
หยางเทียนโย่วเดินตามขึ้นไป ถามว่า “แล้วแกมีสถานที่สำหรับให้วิญญาณทหารเหล่านี้อยู่หรือ?”
“ลองดูก่อน” หลินหยุนก็ไม่แน่ใจ ถ้าเป็นวิญญาณทั่วไปแล้ว เพียงแค่จัดการให้ดับสูญไปก็ได้แล้ว
แต่ว่า สำหรับวิญญาณวีรชนผู้กล้าเหล่านี้ เขาจำเป็นต้องปฏิบัติอย่างตั้งใจ
หลินหยุนเดินไปถึงระหว่างกลางเนินเขา ที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น ที่อื่นล้วนแต่เป็นที่โล่งเตียน
เพราะว่าสภาพภูมิประเทศของเขาร่วงสือล้วนเป็นก้อนหินทั้งนั้น ดังนั้น จึงไม่ค่อยมีพื้นที่ที่มีต้นไม้สีเขียวเจริญเติบโต
แต่ว่า มีเพียงเฉพาะเขตบริเวณนี้ กลับเป็นที่ที่มีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นเขียวชอุ่ม ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นช่วงฤดูหนาวแล้ว แต่ต้นไม้ใบหญ้าที่นี่ยังไม่ร่วงโรยเลย
“ตอนมีชีวิตอยู่ปกป้องผืนแผ่นดิน ตายแล้วอยู่คุ้มครองภูเขาลำเนาไพร”
“นักรบผู้กล้าเหล่านี้ ถึงแม้จะเสียสละชีวิตแล้ว ก็ยังไม่ลืมหน้าที่ในการรักษาผืนแผ่นดินไว้”
หยางเทียนโย่วมองดูรอบๆบริเวณนั้น เขาก็สังเกตเห็นว่า พื้นที่บริเวณนี้ไม่เหมือนที่อื่น “ที่นี่น่าจะเป็นที่ฝังศพของวิญญาณทหารเหล่านั้นนะ!”
“แต่ว่า ถ้าพวกเขาเสียชีวิตในการสู้รบทั้งหมด แล้วใครเป็นคนที่ช่วยฝังศพของพวกเขาไว้ที่นี่ล่ะ?”
หลินหยุนพูดว่า “ศัตรู”
“กองทัพทหารอย่างนี้ ถึงแม้พลีชีพไปแล้วก็ตาม ก็ย่อมจะต้องได้รับการยกย่องนับถือจากศัตรูอย่างแน่นอน”
“ฉันเข้าใจแล้ว” สีหน้าหยางเทียนโย่วเคร่งขรึม กองทัพทหารที่สามารถทำให้ศัตรูยังยกย่องนับถือ นี่จึงเป็นกองพลทหารที่เกรียงไกรอย่างแท้จริง
หลินหยุนเดินไปได้สองก้าว ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของพื้นที่สีเขียวผืนนั้น
หลินหยุนหลับตาลง ปลดปล่อยดวงจิตเทพที่แข็งแกร่งออกมา
“วิญญาณจงกลับมา!”
หลินหยุนยกมือทั้งสองขึ้น แหวนเก็บของที่อยู่ตรงนิ้วหัวแม่โป้งก็เปล่งประกายแสงระยิบระยับออกมา เพื่อนำทางให้กับวิญญาณทหารเหล่านั้น
หลินหยุนคิดว่าจะให้พวกเขาอยู่ภายในแหวนเก็บของชั่วคราวไปก่อน จากนั้นก็จะปรึกษาหงซานเหอว่าควรจะจัดการอย่างไรดี
วิญญาณทหารเหล่านี้ถูกฝังอยู่บนเขาร่วงสือนี้ โดยไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปอยู่ในสวนสุสานของวีรชนผู้กล้า เห็นได้ชัดว่า พวกเขายังไม่ได้ถูกผู้คนค้นพบเลย
ถ้าคิดจะเคลื่อนย้ายศพของพวกเขาไปอยู่ที่สวนสุสานวีรชนผู้กล้า ก่อนอื่นจะต้องค้นหาหน่วยต้นสังกัดกองทัพของพวกเขาตอนนั้นเสียก่อน
เรื่องพวกนี้ น่าจะอยู่ในการดูแลของหงซานเหอทั้งหมด
แต่ว่า ไม่มีวิญญาณทหารดวงไหนเลยที่ยอมฟังคำสั่งของหลินหยุน ถึงแม้ว่าหลินหยุนสามารถรับรู้ได้ว่า พวกเขามีความปรารถนาที่จะเข้าไปอยู่ในแหวนเก็บของก็ตาม ปรารถนาที่จะกลับสู่หน่วยเดิมก็ตาม
แต่ว่า กลับไม่มีวิญญาณทหารดวงไหนเลยที่ยอมสละฐานที่มั่นของกองทัพไป
“นี่เป็นเพราะอะไร?” คราวนี้ แม้แต่หลินหยุนเองก็ไม่เข้าใจ
จนปัญญาจริงๆ หลินหยุนจึงได้แต่ใช้เวทมนตร์สะกดวิญญาณ นี่เป็นวิธีที่ใช้จัดการกับพวกวิญญาณเร่ร่อนทั่วไป หลินหยุนไม่อยากจะใช้วิธีนี้เพื่อเรียกวิญญาณทหารเหล่านี้เลย
“วิญญาณจงกลับมา!”
เสียงของหลินหยุนก็ดังมากขึ้นกว่าเดิม
ถึงแม้ดวงจิตที่มุ่งมั่นของพวกวิญญาณทหารเหล่านี้จะแรงกล้ามากก็ตาม แต่ล้วนเป็นวิญญาณที่ไม่มีสติ เมื่อหลินหยุนใช้วิธีสะกดวิญญาณ พวกวิญญาณทหารเหล่านั้นก็รีบตรงเข้ามาหาเขา
แต่ว่า เมื่อหลินหยุนเปิดแหวนเก็บของออก เพื่อนำพวกวิญญาณทหารเหล่านี้ออกไปจากพื้นที่แห่งนี้ ดวงวิญญาณทหารเหล่านั้นกลับหยุดชะงักลง
หลังจากนั้น ไม่ว่าหลินหยุนจะเสกเรียกอย่างไรก็แล้วแต่ วิญญาณทหารเหล่านั้นก็ไม่มีดวงวิญญาณไหนเลยที่ยอมก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอีกเลยแม้แต่ก้าวเดียว
ถ้าหากเปรียบแหวนเก็บของหลินหยุนเสมือนเป็นประตูทางเข้าไปสู่สวรรค์แล้ว พวกดวงวิญญาณทหารเหล่านั้นก็ยืนอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า ต่อให้มีสิ่งยั่วยวนมากมายเพียงใด พวกเขากลับไม่ยอมขยับเดินไปข้างหน้าแม้แต่นิดเดียว
หลินหยุนสามารถรับรู้ได้ว่า พวกเขาไม่ได้ปฏิเสธแหวนเก็บของ มิหนำซ้ำ หลินหยุนยังรับรู้ผ่านดวงจิตเทพได้ว่า มีดวงวิญญาณทหารจำนวนมากที่ปรารถนาจะเข้าไปอยู่ในแหวนเก็บของเพื่อพาพวกเขาออกไปจากที่นี่
แต่ว่า ดูเหมือนมีพลังงานบางอย่างเกิดขึ้น เพื่อขัดขวางพวกเขาอยู่ ทำให้พวกเขายังอาลัยอาวรณ์ผืนแผ่นดินนี้
อาจจะพูดได้ว่า มีพลังจิตอันแน่วแน่บางอย่างซึ่งยังทำไม่สำเร็จ ทำให้พวกเขาไม่สามารถจากไปได้
“นี่มันเป็นเพราะอะไรกันแน่? เวทมนตร์สะกดวิญญาณถึงกับใช้การไม่ได้แล้ว!”
คราวนี้ แม้แต่หลินหยุนเองก็ขมวดคิ้วคิดไม่ออกแล้ว
เวทมนตร์สะกดวิญญาณใช้สำหรับสะกดวิญญาณที่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกราย แต่ตอนนี้ถึงกับล้มเหลวไปเสียแล้ว!
ถึงแม้หลินหยุนยังมีวิธีอื่นในการพาพวกวิญญาณทหารเหล่านี้ไปจากที่นี่ได้ก็ตาม แต่ว่า วิธีที่เขาจะใช้มันหยาบคายเกินไป เขาไม่สามารถปฏิบัติต่อวิญญาณทหารเหล่านี้อย่างไร้มารยาทเช่นนั้นได้
“ดูไปแล้ว จำเป็นจะต้องให้หงซานเหอมาที่นี่ก่อนแล้วล่ะ”
หลินหยุนรู้สึกว่า ถึงแม้พวกเขาอยากจะออกไปจากที่นี่ก็ตาม แต่ก็ไม่อยากจะตามหลินหยุนออกไปจากที่นี่อย่างไม่รู้สาเหตุ
พวกเขาคงคิดอยากจะกลับไปยังหน่วยต้นสังกัดของตัวเอง อยากได้เกียรติยศของตัวเองคืนมา
หลินหยุนเดินลงมาจากข้างบน ขณะที่เดินผ่านหยางเทียนโย่วก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า “กลับไปก่อนเถอะ รู้สึกเรื่องราวจะซับซ้อนไปหน่อย”
หยางเทียนโย่วตกตะลึง “แม้แต่แกยังทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?”
“กลับไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน” หลินหยุนพูด
“ได้”
หลังจากกลับไปแล้ว หลินหยุนก็รีบโทรศัพท์ไปหาหงซานเหอทันที
เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟัง หลังจากหงซานเหอได้ฟังแล้ว ก็พูดอย่างตื่นตกใจว่า “ที่แท้ก็อยู่ที่นี่เอง!”
“หามาหลายสิบปีแล้ว ในที่สุดก็หาพวกเขาพบแล้ว!”
“คุณรอเดี๋ยวนะ ฉันจะรีบไปคืนนี้เลย!”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ของหงซานเหอแล้ว หลินหยุนจึงอธิบายให้หยางเทียนโย่วฟัง
“พวกวิญญาณทหารเหล่านั้นยังมีจิตมุ่งมั่นอะไรบางอย่างไม่ยอมไปกับฉัน ฉันไม่อยากจะบังคับพวกเขา ดังนั้นก็เลยต้องเชิญท่านนายพลมาที่นี่ ไม่แน่เขาอาจจะมีวิธีแก้ไขปัญหาพลังความมุ่งมั่นของพวกวิญญาณทหารเหล่านี้ได้”
“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง งั้นพวกเราก็รอให้ท่านนายพลมาถึงก่อนเถอะ!” หยางเทียนโย่วเห็นด้วยอย่างยิ่งกับแนวความคิดของหลินหยุน
พวกวิญญาณทหารเหล่านี้ ล้วนเป็นวีรบุรุษที่สละชีพเพื่อประชาชนชาวจีนทั้งหมดในสมัยนั้น ย่อมไม่สมควรที่จะไปบีบบังคับพวกเขา
หงซานเหอมาถึงได้เร็วมาก รุ่งสางตีสี่ก็มาถึงมณฑลฝูเจี้ยนแล้ว หลังจากนั้นก็ให้หลินหยุนมาไปรับเขา
เวลารุ่งสางตีห้า หยางเทียนโย่วขับรถไปรับหงซานเหอกลับมาแล้ว
เดิมทีคิดว่าหงซานเหออายุมากแล้ว ควรจะให้เขาพักผ่อนก่อน แต่ว่า หงซานเหอกลับขอให้รีบพาไปที่ฝังศพของวิญญาณทหารเหล่านั้นทันที
หลินหยุนก็พยักหน้าตกลง หยางเทียนโย่วจึงได้แต่พาพวกเขาทั้งสองคนไปยังเขาร่วงสืออีกครั้ง
หงซานเหอลงมาจากรถ ท่ามกลางความมืดมิด แม้แต่ทางเดินเขาก็ยังมองไม่ชัดเจนเลย
แต่ว่า หลังจากเขากวาดสายตามองไปรอบๆเขาร่วงสือ ก็รีบมุ่งตรงไปยังพื้นที่บริเวณที่ฝังศพของพวกวิญญาณทหารเหล่านั้นทันที
หลินหยุนรู้สึกแปลกใจมาก เขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง อีกทั้งไม่มีดวงจิตเทพ ทำไมมองแค่แวบเดียวก็รู้ว่าเป็นที่ฝังศพของวิญญาณเหล่านั้นได้ล่ะ?
อีกอย่างที่ทำให้หลินหยุนไม่เข้าใจก็คือ เดิมทีพวกวิญญาณทหารเหล่านั้นไม่มีความรู้สึกนึกคิดอะไรแล้ว ท่ามกลางความรู้สึกสัมผัสในดวงจิตเทพของเขานั้น ดูราวกับว่าเริ่มมีการเปิดให้จิตทิพย์ปลดปล่อยออกมา ทั้งหมดก็ลอยพลิ้วไหวขึ้นมาจากใต้ดิน แล้วตั้งแถวเรียงหน้ากระดานอย่างมีระเบียบ เป็นขบวนแถวที่ใหญ่โตมโหฬาร
ราวกับเป็นทหารที่ตั้งแถวเพื่อรอการตรวจแถว
“นี่เป็นเพราะอะไรเหรอ?” ต่อให้หลินหยุนในฐานะเป็นกษัตริย์เซียน ก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“อาจไม่แน่ นี่ก็คือความรู้สึกร่วมระหว่างทหารด้วยกันที่สื่อถึงกันได้!”
นอกจากนี้แล้ว หลินหยุนก็คิดไม่ออกจริงๆว่าเหตุใดจึงปรากฏสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นได้
หงซานเหอเดินขึ้นไปยังจุดที่สูงที่สุด ก็คือสถานที่ที่หลินหยุนเคยยืนอยู่ก่อนหน้านี้
แหงนมองท้องฟ้าที่มืดมิด ในสายตาของหงซานเหอ กลับปรากฏเห็นกองทัพทหารเดินเท้าที่มีทหารแต่งกายในชุดผ้าฝ้ายที่เต็มไปด้วยรอยปะชุน แบกปืนไรเฟิลเก่าๆ แต่กลับแสดงแสนยานุภาพอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร
ทันใดนั้น ดวงตาฝ้าฟางทั้งคู่ของหงซานเหอ ก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา
หงซานเหอก็ไม่ปิดบังอะไร เช็ดน้ำตาต่อหน้าหลินหยุนทั้งสองคน หนำซ้ำยังร้องไห้โฮเสียงดังออกมาอีกด้วย
หยางเทียนโย่วถามด้วยเสียงเบาๆอย่างสงสัยว่า “นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? เขาร้องไห้ทำไมเหรอ?”
หลินหยุนพูดว่า “เขามองเห็นสิ่งที่พวกเรามองไม่เห็น”
หยางเทียนโย่วพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว ต้องเตือนเขาหน่อยมั๊ย? เขาอายุมากแล้ว อย่าให้สะเทือนจิตใจอารมณ์มากเกินไปนะ!”
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง” หลินหยุนพูด
หงซานเหอร้องไห้อยู่สักพักใหญ่ ก็กลับหัวเราะขึ้นมา
“82 ปีแล้ว ในที่สุดฉันก็หาพวกคุณจนพบแล้ว!”
“พี่น้องกองพลที่ 74 กองทัพที่ 9 ฉันจะพาพวกคุณกลับบ้านแล้ว!” หงซานเหอตะโกนเสียงดังที่แหบแห้งขึ้น
แต่ว่า ภายใต้ดวงจิตเทพของหลินหยุนยังรู้สึกว่า พวกวิญญาณทหารเหล่านั้นก็ยังไม่ยอมขยับเขยื้อนเลย
หลินหยุนก็พูดเตือนขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้ก็เป็นสภาพเช่นนี้ ฉันรู้สึกว่าพวกเขาอยากจะไปจากที่นี่ แต่ดูเหมือนมีพลังจิตอัดมุ่งมั่นบางอย่าง ทำให้พวกเขาไม่สามารถจากไป”
หงซานเหอรวบรวมสติอารมณ์ แล้วพูดด้วยเสียงเข้มขึ้นว่า “ฉันเข้าใจแล้ว”
จากนั้น หงซานเหอก็ยืดอกยืนตัวตรงขึ้น แล้วตะโกนพูดว่า “ทหารทุกคน ฟังคำสั่ง ทั้งหมดตรง!”
“พี่น้องทหารกองพลที่ 74 ทุกคน สงครามได้รับชัยชนะแล้ว ภารกิจอันมีเกียรติของพวกคุณเสร็จสิ้นแล้ว”
“ตอนนี้ พวกคุณกลับบ้านได้แล้ว!”