หลังจากที่เงียบสงบลงไปชั่วครู่ ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ก็เกิดการวิพากษณ์วิจารณ์กันขึ้นอย่างโกลาหล
โดยคนกลุ่มแรกที่ตื่นตะลึงก็คือคนของตระกูลหลิน
หลินเห้าถามขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่ตื่นตระหนก: “พี่เสี่ยวหยู ฉันไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม! เขาต้องการที่จะหาหลินโร่สุ่ยไอ้คนที่ไม่ได้เรื่องได้ราวนั้น! ”
หลินเสี่ยวหยูก็มีสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึงด้วยเช่นกัน: “แกไม่ได้ฟังผิดหรอก ฉันก็ได้ยินเหมือนกัน เขาพูดสองรอบแล้ว ต้องการหาคุณหนูรองหลิน หลินโร่สุ่ย! ”
พวกผู้อาวุโสตระกูลหลินเหล่านั้น ก็จ้องมองหน้าซี่งกันและกัน
“ตงเย่ว นี่มันเกิดอะไรขึ้น? หรือว่าประธานเหรินคนนี้ต้องการที่จะมาหาโร่สุ่ยลูกสาวของนายอย่างนั้นหรอกเหรอ? ”
เวลานี้หลินตงเย่วก็มีสีหน้าท่าทางที่สงสัยเช่นกัน: “เป็นไปไม่ได้ ไอ้เด็กที่ไม่ได้เรื่องได้ราวนั้นจะไปรู้จักกับประธานบริษัทเกนเนอร์ได้อย่างไรกันล่ะ! ”
“บางทีประธานเหรินผู้นี้อาจจะพูดผิดไปก็เป็นได้”
มาดามหลินพูดขึ้นด้วยความสงสัย: “เขาพูดชื่ออย่างชัดเจนว่าต้องการหาโร่สุ่ยแล้ว คงจะไม่ผิดหรอก! ”
หลินตงเย่วไม่อยากจะเชื่อ และยืนหยัดพูดอีกทีว่า: “ต่อให้พูดชื่อขึ้น บางทีอาจจะแค่สอบถามก็เป็นได้ ลูกสาวคนรองที่ไม่ได้เรื่องได้ราวคนนั้น จะสามารถเชิญให้ประธานบริษัทเกนเนอร์ที่เป็นหนึ่งในสามบริษัทเอ็นเตอร์เทนเมนท์ที่ใหญ่ที่สุดในจีนมาร่วมงานพิธีเปิดบริษัทของเธอได้อย่างไรกัน! ”
คนของตระกูลหลินจ้องมองหน้าซึ่งกันและกัน พวกเขาต่างก็ทราบกันดีถึงความสามารถของหลินโร่สุ่ย ไม่ว่าจะอย่างไรหลินโร่สุ่ยก็คงจะไม่สามารถเชิญประธานบริษัทเกนเนอร์ให้มาร่วมงานได้!
ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ ต่างก็กระซิบพูดคุยกัน ซึ่งคนส่วนใหญ่ต่างก็กำลังรอฟังอยู่ว่า คุณหนูรองหลินผู้นั้นคือใคร
จากนั้น หลินโร่สุ่ยที่อยู่ในมุมห้อง ก็กลายเป็นเป้าหมายสายตาของทุกคนไปโดยทันที
เมื่อเห็นงานพิธีเปิดบริษัทของหลินโร่สุ่ย ที่มีความต๊อกต่อยขนาดนั้น ทุกคนต่างก็มีสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึง
“ใช่จริง ๆ เหรอเนี่ย ฉันคิดว่านั่นเป็นงานที่จัดขึ้นเล่น ๆ? คิดไม่ถึงว่านั่นจะเป็นพิธีเปิดบริษัทของคุณหนูรองหลิน! ”
“นั่นน่ะสิ ทั้งหมดมีเพียงแค่สามโต๊ะ เวทีก็มีขนาดเล็กนิดเดียว ลองมาดูพื้นที่จัดงานของคุณหนูหลินคนโตสิ ช่างเปรียบเทียบกันไม่ได้อย่างสิ้นเชิง”
“ประธานเหรินคงไม่ได้มาร่วมงานพิธีเปิดบริษัทของคุณหนูรองหลินจริง ๆ ใช่ไหม? คุณหนูรองหลินนี้ มองดูแล้วไม่น่าจะใช่ผู้ที่สามารถเชิญประธานเหรินผู้ยิ่งใหญ่ระดับนี้ให้มาร่วมงานได้! ”
“ใครจะไปทราบได้ว่าภายในนี้เกิดอะไรขึ้น ไม่แน่วันนี้อาจจะมีเรื่องราวที่น่าสนุกให้ได้ติดตามกัน”
หลังจากที่หลินโร่หลันตะลึงไปแล้วชั่วครู่นั้น ก็พูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มอีกครั้งว่า: “ประธานเหริน ท่านแน่ใจนะว่าไม่ได้พูดเล่นตลกกับฉัน? ท่านรู้จักน้องสาวของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ท่านแน่ใจนะว่ามาร่วมงานพิธีเปิดบริษัทของเธอ? ”
ประธานเหรินพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า: “คุณหลิน นั่นคือน้องสาวของคุณ ขอให้คุณอย่าได้ปฏิบัติกับเธอด้วยท่าทางที่ดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้อีก! ”
พูดจบ ประธานเหรินก็หันหน้าไปทางมุมห้อง แล้วก็เดินตรงไปหาหลินโร่สุ่ยบริเวณที่โต๊ะสามตัวตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวนั้น
เมื่อครู่ ตามสายตาของทุกคนที่มองไปนั้น ประธานเหรินก็พบเห็นตำแหน่งที่อยู่ของหลินโร่สุ่ย รวมถึงอักษรขนาดเล็กหนึ่งแถวที่ช่างดูต๊อกต๋อยยิ่งนัก
“พิธีเปิดบริษัท โร่สุ่ย เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด”
ใบหน้าที่งดงามของหลินโร่หลัน แสดงออกทั้งอาการโมโหและหงุดหงิดซึ่งดูย่ำแย่อย่างที่สุด
มองไปที่แผ่นหลังของประธานเหรินด้วยความไม่พึงพอใจ กำหมัดสองข้างขึ้นอย่างแน่น: “ทำไม! โร่สุ่ยไปรู้จักประธานเหรินตั้งแต่เมื่อไหร่กัน! นี่มันเป็นไปได้อย่างไร! ”
ผู้คนจำนวนมากในสถานที่จัดงานต่างก็มองไปที่ประธานเหริน เห็นเขาเดินมาถึงเบื้องหน้าของ หลินโร่สุ่ย แล้วก็ได้นำของขวัญที่ได้เตรียมไว้มอบให้กับหลินโร่สุ่ย
“คุณหนูรองหลิน ฉันขอให้กิจการของคุณเจริญรุ่งเรือง! ต่อไปหากมีเรื่องอะไรที่ต้องการให้ฉันช่วยเหลือ ก็ขอให้คุณหนูรองหลินเอ่ยปากมาได้เลย! ”
หลินโร่สุ่ยหน้าตาแข็งทื่อโดยมองไปยังประธานเหรินที่กำลังโค้งคำนับให้กับตนเอง แล้วก็ตกตะลึงอย่างที่สุด
นี่เป็นถึงประธานบริษัทเกนเนอร์เลยทีเดียว!
นึกไม่ถึงว่าเขาจะมาร่วมงานพิธีเปิดบริษัทของตนเอง!
นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน? ฉันไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่!
ผ่านไปสักพักใหญ่หลินโร่สุ่ยก็ยังคงตั้งสติกลับคืนมาไม่ได้ โดยที่ประธานเหรินได้กระซิบเตือนเธอขึ้นว่า: “คุณหนูรองหลินไม่ต้องตื่นตะลึงไป ฉันได้รับคำสั่งจากคุณหลินให้มาอวยพรแสดงความยินดีต่อคุณหนูรองหลิน! ”
หลินโร่สุ่ยพูดขึ้นอย่างสงสัยว่า: “คุณหลิน? คุณหลินคนไหนเหรอ? ฉันไปรู้จักบุคคลที่ยิ่งใหญ่ระดับนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน! ”
ประธานเหรินยิ้มอย่างขมขื่นและพูดขึ้นว่า: “คุณหนูรองหลิน คุณรับของขวัญของฉันก่อนได้ไหม แล้วพวกเราค่อยมาพูดคุยกัน”
“อ้ออ้อ ฉันลืมไปเลย ขอโทษจริง ๆ! ” หลินโร่สุ่ยหน้าตาแดงก่ำ แล้วก็รีบรับของขวัญจากมือของประธานเหริน พร้อมพูดว่า: “ประธานเหริน เชิญนั่งลงก่อน! ”
หลินโร่หลันมองไปยังประธานเหรินที่มีท่าทางสุภาพและเคารพ ในใจยิ่งตะลึงมากขึ้นไปอีก:“นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน! ประธานเหรินปฏิบัติต่อโร่สุ่ยด้วยความนอบน้อมขนาดนี้! ต่อให้เป็นเพราะสถานะของตระกูลหลิน ก็คงไม่ถึงกับต้องให้ประธานเหรินปฏิบัติถึงขนาดนี้! ”
“นี่มัน ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ”
ไม่เพียงแค่หลินโร่หลันที่ตกตะลึง ผู้คนเหล่านั้นที่มาแสดงความยินดีต่อหลินโร่หลัน ต่างก็มีสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึงเช่นเดียวกัน
บุคคลผู้ยิ่งใหญ่อย่างประธานเหริน ทำไมถึงได้ปฏิบัติต่อหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งของตระกูลหลินด้วยท่าทางนอบน้อมขนาดนี้ด้วย?
หรือว่าหญิงสาวผู้นั้นเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ด้วยเช่นนั้นเหรอ?
หวางเหวินหย่วนค่อย ๆ เดินเข้ามา แล้วกุมมือที่เย็นยะเยือกของหลินโร่หลันเอาไว้ พร้อมกับพูดด้วยเสียงอันอบอุ่น: “อย่ากังวลใจไปเลย ก็แค่ประธานเหรินเท่านั้น ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อสถานการณ์โดยรวม ซึ่งอย่าลืมไปว่า พวกเรายังมีประธานสือแห่งบริษัทหลงสือที่ยังมาไม่ถึง! ”
หลินโร่หลันเบาใจลงได้บ้าง ใช่แล้ว ยังมีประธานสือแห่งบริษัทหลงสือที่ยังไม่มา
บริษัทหลงสือ ก็เหมือนกันกับบริษัทเกนเนอร์ ที่เป็นหนึ่งในสามบริษัทเอ็นเตอร์เทนเมนท์ที่ใหญ่ที่สุดในจีนเช่นกัน
สถานะของประธานสือ แน่นอนว่ามีความทัดเทียมเท่ากับประธานเหริน
ขณะที่กำลังคิด เด็กหนุ่มที่เฝ้าประตูด้านนอกก็ได้วิ่งเข้ามาอีกครั้ง และรายงานต่อหวางเหวินหย่วนว่า: “คุณชายหวาง ประธานสือแห่งบริษัทหลงสือมาถึงแล้ว! ”
หวางเหวินหย่วนยิ้มและมองไปที่หลินโร่หลัน: “ประธานสือมาถึงแล้ว ฉันจะไปต้อนรับด้วยตนเอง! ”
หลินโร่หลันเผยรอยยิ้มที่จริงใจออกมา และมองไปที่หวางเหวินหย่วนอย่างซาบซึ้ง เมื่อครู่กำลังพูดถึงว่าเจ้านายใหญ่ของบริษัทหลงสือยังไม่มา ซึ่งตอนนี้ก็ได้มาถึงแล้ว
“เหวินหย่วน ฉันจะไปต้อนรับประธานสือพร้อมกันกับคุณ! ” หลินโร่หลันจึงรีบเดินไปอย่างรวดเร็ว
“อืม! ” หวางเหวินหย่วนยิ้มและพยักหน้า ทั้งสองคนก็เดินไปยังที่ประตูพร้อมกัน
ประธานสือของบริษัทหลงสือ มีอายุเพียงสี่สิบกว่าปี รูปร่างค่อนข้างเล็กเตี้ย แต่กลับมีคู่ดวงตาที่เฉียบแหลมเป็นอย่างมาก
เมื่อเดินเข้ามา สายตาของประธานสือ ก็รีบจับจ้องไปที่ตัวของหวางเหวินหย่วนในทันที โดยได้หัวเราะและยกมือแสดงความเคารพพร้อมกับพูดขึ้นว่า: “คุณชายหวาง พบกันอีกครั้งแล้ว! ”
หวางเหวินหย่วนยกมือแสดงความเคารพตอบ ยิ้มและพูดว่า: “ประธานสือสามารถมาร่วมงานได้ ถือเป็นเกียรติต่อผู้น้อยอย่างมาก! ”
หลินโร่หลันคำนับแสดงความเคารพ: “สวัสดีประธานสือ! ”
ประธานสือหัวเราะเหอะเหอะแล้วพูดขึ้นว่า: “คุณหนูหลินคนโตมีกิริยาท่าทางที่โดดเด่นเป็นสง่า มีรูปลักษณ์ที่สวยงาม คุณชายหวางช่างตาถึงจริง ๆ! ”
หลินโร่หลันยื่นมือออกมาเพื่อทำท่าทางเชิญ: “ประธานสือ เชิญนั่ง! ”
คาดไม่ถึงว่า ประธานสือส่ายมือไปมาและพูดขึ้นว่า: “คุณชายหวาง คุณหนูหลินคนโต ต้องขอโทษด้วย อันที่จริงที่ฉันมาในวันนี้ ก็เพื่อมาร่วมงานพิธีเปิดบริษัทของคุณหนูรองหลินโดยเฉพาะ! ”
พูดจบ ไม่ทันรอให้คุณชายหวางกับหลินโร่หลันตั้งสติกลับคืนมา ประธานสือก็ยกมือทำความเคารพและพูดว่า: “ขอตัวก่อน! ”
พูดจบ ก็เดินไปยังงานพิธีเปิดบริษัทของหลินโร่สุ่ยที่อยู่ในมุมห้อง
หลินโร่หลันร่างกายแข็งทื่อไปในทันที
หวางเหวินหย่วนก็ขมวดคิ้วขึ้น ตกตะลึงไปพอสมควร
ทุกคนของตระกูลหลิน ยิ่งเต็มไปด้วยความตกตะลึง
หลินเสี่ยวหยูกับหลินเห้าทั้งสองคนใบหน้าแสดงอาการตื่นตระหนกมากที่สุด: “นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร! ประธานสือแห่งบริษัทหลงสือ ก็ไปร่วมงานพิธีเปิดบริษัทของหลินโร่สุ่ย! ”
“นี่ตกลงว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่! ”
ผู้อาวุโสตระกูลหลินหลายท่าน มองไปที่หลินตงเย่วอย่างมีเลศนัย หัวเราะเหอะเหอะแล้วพูดว่า: “ตงเย่ว นายปกปิดได้อย่างลึกลับมากเลยทีเดียว! นายเรียกอยู่ตลอดว่าไอ้เด็กไม่ได้เรื่องได้ราว แต่ไอ้เด็กไม่ได้เรื่องได้ราวของนายคนนี้ กลับเชิญประธานของบริษัทหลงสือและบริษัทเกนเนอร์ให้มาร่วมงานได้! ”
“นายคิดพยายามที่จะทำให้ใครอับอายขายหน้าล่ะ? ”
หลินตงเย่วรีบพูดอธิบายขึ้น: “ทุกท่านอย่าได้เข้าใจผิดไป เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่ทราบจริง ๆ ว่าไอ้เด็กไม่ได้เรื่องได้ราวคนนั้นได้ไปรู้จักกับประธานของบริษัทหลงสือและบริษัทเกนเนอร์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน! ”
“โร่หลัน นี่ตกลงว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ” หลินตงเย่วทำได้เพียงสอบถามหลินโร่หลัน
หลินโร่หันก็กำลังมีสีหน้าที่ย่ำแย่ และเมื่อได้ยินหลินตงเย่วถามขึ้น ก็ตอบกลับด้วยความเย็นชา: “ฉันก็กำลังอยากที่จะถามอยู่เหมือนกันว่า น้องสาวโร่สุ่ยไปรู้จักกับประธานของบริษัทหลงสือและบริษัทเกนเนอร์ได้อย่างไร! ”