บริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ในห้องทำงานของประธานกรรมการ
หวางซูเฟินนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านหลังโต๊ะทำงาน สีหน้าท่าทางเคร่งเครียด
ฉินหลันที่อยู่ในชุดทำงานสีดำ ยืนอยู่ด้านของของหวางซูเฟิน และก็มีสีหน้าท่าทางที่เคร่งเครียดเช่นเดียวกัน
“ท่านประธานกรรมการ สถานการณ์ในตอนนี้ถึงขั้นที่เลวร้ายมากที่สุดแล้วจริง ๆ ใช่ไหม? ”
ฉินหลันไม่อยากที่จะเชื่อว่า หลังจากที่บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปเอาชนะตระกูลส้งได้แล้ว กิจการก็ก้าวหน้ารุ่งเรืองขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใกล้ที่จะก้าวสู่ระดับขั้นที่สูงขึ้นไปอีก
แล้วอยู่ดี ๆ ทำไมถึงได้ แปรเปลี่ยนกลายมามีสภาพที่ซบเซาขนาดนี้ด้วยล่ะ?
“สี่วงศ์ตระกูลใหญ่ ช่างน่าเกรงกลัวมากขนาดนั้นเลยเหรอ? ” ฉินหลันอดไม่ได้จึงได้สอบถามออกไป
เธอทราบดีว่า ครั้งนี้เป็นเพียงแค่ฝีมือของลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลหวางเท่านั้น ก็ถึงกับทำให้บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปไม่สามารถที่จะตอบโต้อะไรกลับไปได้เลย
ถ้าหากเจ้าบ้านตระกูลหวางเป็นคนลงมือจัดการด้วยตนเองล่ะ?
หวางซูเฟินถอนหายใจ: “ผิดที่ฉันเอง เป็นเพราะว่าในตอนนั้นฉันใจร้อนเห็นแก่ผลประโยชน์มากเกินไป โดยคิดไม่ถึงว่าโครงการนั้น จะกลับกลายเป็นกับดักที่ตระกูลหวางได้วางเอาไว้”
“นับตั้งแต่ตอนนั้น ตระกูลหวางก็ได้วางแผนการเอาไว้หมดแล้ว จากนั้น ทีละขั้นทีละขั้น จนทำให้พวกเรานำเงินทุนทั้งหมดไปลงทุนในโครงการนั้น ส่งผลให้พวกเราขาดเงินทุนหมุนเวียน”
“สุดท้าย ตระกูลหวางก็ได้ใช้เส้นสายความสัมพันธ์ ให้ธนาคารยกเลิกเงินกู้ของพวกเรา ซึ่งวิธีการตัดไฟแต่ต้นลมนี้ ส่งผลให้พวกเราจนตรอกหมดหนทาง”
“ฉินหลัน พวกเราพ่ายแพ้อย่างยุติธรรม! ”
“นี่คือกลอุบายที่ไม่ลับ เป็นกลอุบายที่เปิดเผย ซึ่งไม่มีแผนการร้ายอะไร”
ฉินหลันสีหน้าท่าทางไม่ค่อยจะพอใจ: “ประธานกรรมการ หมายความว่าไม่มีวิธีการใดที่สามารถแก้ไขได้เลยเหรอ? ”
“เพียงแค่พวกเรารับรองได้ว่าเงินทุนหมุนเวียนจะไม่ขาดดุล ต่อให้จะต้องไปกู้เงินนอกระบบมา และเพียงแค่สามารถรับรองให้บริษัทดำเนินกิจการไปได้ตามปกติ ซึ่งอีกไม่นานโครงการใหม่ก็สามารถที่จะรวบรวมเงินทุนกลับคืนมาได้แล้ว เมื่อถึงตอนนั้น ขายกิจการบางส่วนทิ้งไป ก็สามารถที่จะรักษาบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปเอาไว้ได้”
หวางซูเฟินส่ายศีรษะอย่างจำใจ: “พวกเราคิดได้ในจุดนี้ ตระกูลหวางเองก็คิดได้เหมือนกัน ฉันเคยได้ไปพบหาบริษัทที่ก่อนหน้านี้ประกอบธุรกิจร่วมกันกับพวกเรามาก่อน แม้ว่าจะแบ่งผลกำไรให้ในสัดส่วนที่มาก แต่ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ยอมที่จะช่วยเหลือพวกเรา ซึ่งชัดเจนว่า ตระกูลหวางได้พูดคุยกับพวกเขาเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว”
“นอกจากนี้ ช่องว่างเงินทุนจำนวนหกหมื่นล้าน มันเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก มีบริษัทไม่กี่แห่งที่สามารถนำเงินขนาดนี้ออกมาได้ โดยบริษัทที่สามารถนำเงินออกมาได้นั้น ส่วนใหญ่ก็มีธุรกิจร่วมกันกับตระกูลหวาง”
ฉินหลันพูดขึ้นอย่างจำใจว่า: “หรือว่า จะหมดสิ้นหนทางแล้วจริง ๆ ใช่ไหม? พวกเราอดทนลำบากมาตั้งหลายปี ไม่ง่ายเลยที่จะก่อรากสร้างฐานจนมีธุรกิจนี้ขึ้นมาได้ เพื่อที่จะให้ตระกูลหวางไม่มา ดูถูกพวกเราอีกต่อไป แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลหวางแล้ว ก็ยังคงอ่อนแอไม่ดีพอเหมือนเช่นเคย! ”
หวางซูเฟินพูดขึ้นอย่างหดหู่ว่า: “ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว เตรียมที่จะสิ้นสุดกันเท่านี้เถอะ! ”
“ต่อให้ฉันต้องยุบบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปลง ก็จะไม่มีทางให้ตระกูลหวางมานั่งเสวยผลความสำเร็จของคนอื่นอย่างแน่นอน”
“รับทราบ! ” ฉินหลันหันหลัง เตรียมที่จะไปทำงานในส่วนสุดท้าย แต่ว่า ก็ยังคงรู้สึกไม่ยอมจำนน
จึงหันกลับมา แล้วฉินหลันก็มองไปที่หวางซูเฟิน พูดขึ้นว่า: “ประธานกรรมการ หรือว่าจะลองโทรศัพท์ไปสอบถามหลินหยุน ดูว่าเขามีวิธีการอะไรบ้าง? ”
หวางซูเฟินคิดไปคิดมา สุดท้ายก็ส่ายศีรษะ: “คงไม่ต้องหรอก? ทำไมจะต้องลากเขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย! เด็กคนนั้น ท่าทางใช้ได้ เธอต้องดูแลหวงแหนให้ดีนะ”
ฉินหลันไม่ได้อธิบายอะไร ตามความสามารถของหลินหยุนแล้ว ต่อให้เป็นตระกูลหวาง ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถทำอะไรเขาได้
แต่ว่า หวางซูเฟินไม่ทราบว่าหลินหยุนก็คือปรมาจารย์หลิน ดังนั้นจึงเป็นกังวลต่อความปลอดภัยของเขา
ถ้าหากไม่ได้ตกลงกับหลินหยุนเอาไว้ ฉินหลันเองก็อยากที่จะบอกถึงสถานะของหลินหยุนออกมา
“ตกลง! ” ฉินหลันเดินจากไปอย่างจำใจ
เวลานี้ ที่จงโจว บริษัท ซิงเย่ กรุ๊ป
บริษัท ซิงเย่ กรุ๊ปที่อยู่ในจงโจวถือว่าเป็นบริษัทที่ลึกลับพอสมควร ประกอบธุรกิจที่หลากหลาย แต่ว่า กลับไม่เคยมีปัญหากับบริษัทแห่งใดเลยในจงโจว
และก็ไม่มีใครทราบถึงความสามารถที่แท้จริงของบริษัท ซิงเย่ กรุ๊ป เพราะว่าบริษัทแห่งนี้ค่อนข้างถ่อมตัว
ที่ห้องทำงานในสำนักงานใหญ่ของบริษัท ซิงเย่ กรุ๊ป
หวางโส่วหลี่พูดกับหวางเจ๋อว่า: “เรื่องที่ควรทำ ข้าได้ทำเรียบร้อยแล้ว ข้าในฐานะพี่ ก็ถือว่าทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว เรื่องที่เหลือ นายก็มาทำเองเถอะ! ”
หวางเจ๋อพยักหน้า ตอบขึ้นอย่างเคารพ: “รับทราบ! ”
“เวลานี้ บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปคงกำลังปลดพนักงานออกอยู่ล่ะสิ! ตามลักษณะนิสัยของคุณอาคนนั้นของฉันแล้ว ต่อให้ต้องยุบบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ก็คงจะไม่เหลือไว้ให้กับพวกเรา”
“ดังนั้น ถ้าหากพวกเราปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเธอในเวลานี้ คงจะต้องทำให้เธอตั้งรับอย่างไม่ทันการเป็นแน่”
หวางโส่วหลี่พูดขึ้นว่า: “งั้นนายก็ไปดำเนินการแล้วกัน! นายต่างหากที่เป็นผู้รับผิดชอบแผนการในครั้งนี้”
“รับทราบ! ” หวางเจ๋อก้มหน้าตอบรับ
ทว่า หวางเจ๋อก็ยังไม่ได้เดินจากไป แต่กลับเงยหน้ามองไปยังหวางโส่วหลี่: “คุณพ่อ แม้ว่าแผนการในครั้งนี้ฉันเป็นผู้รับผิดชอบวางแผน แต่ เวลานี้ ถ้าหากท่านสามารถไปด้วยกันกับฉันได้ จะยิ่งเป็นการดีที่สุด! ”
หวางโส่วหลี่คิดไปคิดมา พยักหน้าแล้วพูดว่า: “ตกลง นายไปก่อน แล้วข้าจะตามไปทีหลัง”
ออกมาจากบริษัท ซิงเย่ กรุ๊ป หวางเจ๋อยืนอยู่บนบันได มองไปยังท้องฟ้าที่มืดครึ้ม
“วันนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มมีเมฆมาก! ซึ่งตรงกับจิตใจที่หม่นหมองของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปพอดีเลย”
“หลินหยุน ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่า ครั้งนี้นายจะมาหรือไม่! ”
“ถ้าหากในเวลาเดียวกันที่กำจัดบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป แล้วก็สามารถที่จะกำจัดนายได้ด้วย งั้นก็ถือว่าเป็นการเหนื่อยครั้งเดียวแต่สบายไปโดยตลอดเลย”
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น หวางเจ๋อได้พาลูกน้องเพียงแค่สองคน ปรากฏตัวอยู่หน้าแผนกต้อนรับของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป
ได้ยินว่าหวางเจ๋อมาถึงที่บริษัท หวางซูเฟินที่อยู่ในห้องทำงานซึ่งกำลังเตรียมการยุบบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปอยู่นั้นก็ยิ้มเยาะขึ้น: “มาได้รวดเร็วจริง ๆ! ”
หวางซูเฟินโทรศัพท์ไปหาฉินหลัน: “พาพวกเขาขึ้นมาข้างบนเถอะ! ”
“รับทราบ! ” ฉินหลันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
สิบนาทีหลังจากนั้น หวางเจ๋อก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องทำงานของหวางซูเฟิน
หวางเจ๋อคำนับแสดงความเคารพต่อหวางซูเฟินด้วยความเกรงใจ: “สวัสดีคุณอา! ”
หวางซูเฟินท่าทางหยิ่งยโส ยืนมือออกมาและพูดว่า: “มิบังอาจ! ฉันกับตระกูลหวางไม่มีความสัมพันธ์อะไรต่อกันมาตั้งนานแล้ว คำเรียกขานนี้นายเก็บกลับคืนไปเถอะ”
หวางเจ๋อพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า: “มารยาทเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้! ”
หวางซูเฟินพูดขึ้นอย่างรีบร้อนว่า: “พอเถอะ เรามาพูดคุยในเรื่องสำคัญกันดีกว่า! ”
หวางเจ๋อยืดอกตัวตรงขึ้นเล็กน้อย แล้วมองไปที่หวางซูเฟิน และพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า: “ประธานกรรมการหวาง เงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปได้ขาดดุลไปกว่าครึ่งเดือนแล้ว ฉันยินดีที่จะซื้อหุ้นห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป เพื่อช่วยให้บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปรอดพ้นวิกฤตในครั้งนี้”
“ไม่ทราบว่าประธานกรรมการหวางมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง? ”
หวางซูเฟินยิ้มเยาะและพูดขึ้นว่า: “คนจริงใจเขาพูดกันซึ่งหน้าไม่ปากเก่งลับหลัง เรื่องทั้งหมดนี้นายคือผู้วางแผนใช่ไหม ช่างเป็นคลื่นลูกใหม่ที่น่าเกรงกลัวจริง ๆ! ”
“แต่ว่า ในเมื่อนายเป็นผู้วางแผนเรื่องราวทั้งหมดนี้ ก็คงจะเข้าใจอย่างชัดเจนถึงลักษณะนิสัยของฉันเป็นอย่างดี แล้วทำไมจะต้องมาทำอะไรให้มันยุ่งยากขึ้นอีกด้วยล่ะ? ”
หวางเจ๋อพูดขึ้นว่า: “ถ้าหากมอบบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปให้กับฉัน ทุกคนในบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปก็สามารถที่จะทำงานต่อไปได้ ท่านเองก็สามารถที่จะรักษาทรัพย์สินส่วนหนึ่งเอาไว้ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งในเวลานี้ ถือว่านี่คือวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับพวกท่าน”
หวางซูเฟินยิ้มเยาะ: “นายคิดวิเคราะห์ได้อย่างรอบคอบ ฉันเองก็รู้ว่าวิธีที่นายพูดขึ้นนั้น เป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับบริษัทตงหวาง กรุ๊ป”
“แต่ว่า นายคงลืมคำพูดหนึ่งไปแล้วใช่ไหม? ยอมเป็นหยกที่แตกละเอียด ก็ไม่ขอเป็นกระเบื้องที่สมบูรณ์ครบชิ้น! ”
“ให้ฉันมอบบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปไปอยู่ในมือของศัตรู นายคิดว่าเป็นไปได้ไหม? ”
หวางเจ๋อสีหน้าเฉยชา ไม่แสดงท่าทางร้อนรนแม้แต่น้อย: “ประธานกรรมการหวาง ฉันคิดว่าท่านจะต้องทำตามนี้แน่นอน! ”
พูดจบ หวางเจ๋อก็ปรบมือส่งสัญญาณไปทางด้านนอก
ทันใดนั้น คนกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามา
หวางซูเฟินกับฉินหลันก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที
“นาย ช่างเลวทรามจริง ๆ ! ” หวางซูเฟินพูดขึ้นด้วยความโมโห
ผู้คนเหล่านี้ที่เดินเข้ามานั้น ต่างก็เป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ส่วนมากจะเป็นผู้ที่มีหุ้นส่วนของบริษัท
อีกทั้ง คนเหล่านี้ นับตั้งแต่ตอนนั้นที่เริ่มต้นทำสงครามทางธุรกิจกับตระกูลส้ง ต่างก็เป็นผู้ที่ให้การสนับสนุนหวางซูเฟินอย่างหนักแน่นมาโดยตลอด
ถึงแม้ว่าในตอนที่บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด พวกเขาก็ไม่เคยทอดทิ้งหวางซูเฟิน
ทว่า ตอนนี้พวกเขาอยู่ต่อหน้าคนของตระกูลหวาง และสุดท้ายก็เลือกที่จะทอดทิ้งหวางซูเฟินแล้ว