จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 695 เพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยเท่า

บทที่ 695 เพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยเท่า

เฉินต๋าจี่สีหน้ายังคงเย่อหยิ่งเช่นเดิม มองดูผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองคน

“ผลการตรวจสอบถูกต้องหรือไม่? นี่คือใบแสดงรายการทรัพย์สินชุดที่ 1 มูลค่าราวประมาณหนึ่งพันล้าน”

สีหน้าของผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองเคร่งขรึม แต่ไม่ตอบอะไร

ในห้องโถงใหญ่นั้น ผู้คนตระกูลหลินทั้งหลายต่างส่งเสียงอื้ออึงขึ้นมาทันที

“เท่าไหร่นะ? หนึ่งพันล้าน! ฉันไม่ได้ฟังผิดใช่มั๊ย?”

“ฮาๆ หลินหยุนเจ้าเด็กนี่กำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า? สูงถึงพันล้านเชียว เขาสามารถเอาออกมาได้สิบล้านก็ถือว่าบุญโขแล้ว คนสมัยนี้คุยโวขี้โม้ก็ไม่รู้จักคิดก่อนมั่งเลย?

“แต่ว่า หลินหยุนเจ้าเด็กนี่ไม่รู้ว่าไปจ้างนักแสดงคนนี้มาจากไหน ไม่เลยจริงๆ เวลาที่พูดโกหกสีหน้าไม่เปลี่ยนเลย!”

เหลินเหลยหัวเราะเสียงดังแล้วพูดเยาะเย้ยว่า “เฮ้ย หลินหยุน หัวสมองแกถูกเตะจนได้รับกระทบกระเทือนไปแล้วล่ะ! มีตั้งหนึ่งพันล้าน แกกำลังโกหกใครอยู่เหรอ?

“พี่เห้า พี่ว่าเจ้าเด็กนี่กำลังเล่นตลกหรือเปล่า ต่อหน้ากรรมการทั้งสองคน ถึงกับยังกล้าขี้โม้อีก เขานึกว่ากรรมการของตระกูลหลินพวกเรากินหญ้ารึไง?”

หลินเห้าพูดด้วยสีหน้าดูถูกว่า “เจ้าเด็กนี่กลายเป็นคนของตระกูลหลินของพวกเรา ทำให้ตระกูลหลินพวกเราต้องอับอายขายขี้หน้า! ไม่ได้การแล้ว ฉันจะต้องหาทางไล่เขาออกจากตระกูลหลินให้ได้เลย!”

สายตาของหลินโร่หลันก็ยิ่งเหยียดหยามมากขึ้น“หลินหยุนเอ้ยหลินหยุน อาการยโสโอหังของแกมันช่างน่าขยะแขยงจริงเลย!”

“เป็นคนตระกูลหลินเหมือนแกด้วยแล้ว ฉันก็ยิ่งรู้สึกขายหน้าไปด้วย!

“ฉันจะต้องหาทางไล่แกออกจากตระกูลหลินให้ได้! จะไม่ยอมให้แกต้องทำให้น้องสาวฉันต้องเดือดร้อนไปด้วยเป็นอันขาด!”

หลินโล่เฉินมองดูหลินหยุนด้วยสายตาเย็นชา สีหน้าบึ้งตึง “มันช่างขายหน้าจริงๆเลย! ต่อหน้ากรรมการตรวจสอบ แกถึงกับยังกล้ายโสโอหังอีก! ประเดี๋ยวถูกกรรมการตรวจสอบจับได้ ฉันจะดูซิว่าแกจะตกอยู่ในสภาพยังไง!”

หานเจียวเจียวหัวเราะด้วยเสียงแหลมของเธอแล้วพูดว่า “ฮาๆ ทุกคนได้ยินหรือยัง? หนึ่งพันล้าน เจ้าเด็กนี่ไปหาผู้หญิงคนนี้มาช่วยพูดว่าหนึ่งพันล้าน!”

“เขาคิดว่ากรรมการตรวจสอบเป็นไอ้โง่ หรือคิดว่าตระกูลหลินพวกเราเป็นไอ้งั่งกันหมด!”

“พี่ตงหัวนี่ก็คือลูกชายที่แสนดีของพี่สินะ! ร้ายกาจจริงๆ หนึ่งพันล้าน กำไรเพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยเท่าเลย!

หานเจียวเจียวพูดเยาะเย้ยด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย

สวี่เหม่ยเย้นพูดเยาะเย้ยเพิ่มเติมว่า “ร้ายกาจจริงๆ ความสามารถในการคุยโวช่างร้ายกาจจริงๆ! ตระกูลหลินทั้งตระกูล ก็คงไม่มีใครสู้เขาได้อีกแล้ว!”

“ถูกต้อง เจ้าเด็กนี่มีความสามารถคุยโม้เป็นที่หนึ่งของตระกูลหลินอย่างแน่นอน ไม่มีใครเทียบได้อีกแล้ว”

“พี่ตงหัว ลูกชายของพี่คนนี้ สุดยอดจริงๆเลยนะ!” หลินตงเย่วพูดแดกดันอย่างเยาะเย้ย

“ฮาๆ เดิมทีนึกว่าในที่สุดหวางซูเฟินได้พบกับลูกในไส้แล้ว ต่อไปก็คงไม่มีปมด้อยอีก แต่นึกไม่ถึงว่าลูกชายคนนี้ ถึงกับเป็นอย่างนี้ มันเป็นเหมือนสวรรค์จงใจส่งมากลั่นแกล้งหวางซูเฟินให้ทนทุกข์ทรมานโดยเฉพาะ ต่อไปถ้าบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปตกทอดถึงมือเจ้าเด็กนี่แล้วละก็ คาดว่าไม่ถึงหนึ่งเดือนก็คงล้มละลายไปหมดแล้ว”

“เจ้าเด็กนี่ยโสโอหังขนาดนี้ ฉันยังแปลกใจว่าเขามีชีวิตอยู่รอดมาถึงตอนนี้ได้ยังไง?”

ผู้คนตระกูลหลินเหล่านี้ ต่างก็โจมตีหลินหยุนอย่างไม่หยุดยั้ง

หลินตงหัวสีหน้าละอาย ก้มหน้าลงไม่กล้าพูดอะไร นึกเสียใจลึกๆอยู่ในใจ ถ้ารู้มาก่อนว่าหลินหยุนจะขึ้นไปพูดจาเหลวไหลขนาดนี้ละก็ ยังไงเขาก็ไม่ยอมให้เขาเข้าร่วมประเมินผลงานด้วยเป็นอันขาด

สีหน้าของหวางซูเฟินยังคงเยาะเย้ย มองดูสีหน้าท่าทางคำพูดที่ประชดประชันของคนตระกูลหลินเหล่านั้น ในใจก็หวังให้คนพวกนี้กระโดดสูงมากขึ้น

เพราะถ้ากระโดดยิ่งสูงมากเท่าไหร่ เวลาที่ตกลงมาก็ยิ่งเจ็บหนักมากขึ้นเท่านั้น

ในบรรดาท่านผู้ใหญ่ตระกูลหลินทั้งห้านั้น ท่านสี่อารมณ์ฉุนเฉียวใจร้อนที่สุด รู้สึกทนไม่ไหวอีกแล้ว ทำเสียงฮื่อใส่แล้วพูดว่า “เจ้าเด็กนี่ไม่ได้เรื่องจริงเลย เขาทำเหมือนว่า กรรมการตรวจสอบของตระกูลหลิน เหมือนไอ้โง่ที่หลอกง่ายยังไงก็ได้? เหลวไหลจริงๆ!”

ท่านหลินห้าก็พูดเสริมว่า “นั่นนะสิ ต้องอบรมสั่งสอนเด็กนี่ให้ดีแล้วนะ”

สีหน้าของหลินซื่อเฉิงเรียบเฉยมาก ไม่ได้พูดอะไรมาโดยตลอด

หลินหยุนเพิ่งจะได้พบกับพ่อแม่ที่แท้จริง ช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนซึ่งก็เป็นเหตุผลที่พอเข้าใจได้ คนที่เป็นปู่อย่างเขาในใจย่อมต้องรู้สึกติดค้างหลินหยุนอยู่บ้าง

แต่ว่าเมื่อพูดตามความจริงแล้ว ในใจของหลินซื่อเฉิงก็ยังรู้สึกเหมือนกันว่า หลินหยุนก็ยโสโอหังเกินไปหน่อย

หนึ่งพันล้าน แม้แต่หลินโล่เฉินที่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของคนรุ่นใหม่ตระกูลหลินยังทำไม่ได้เลย

“ถ้าเขาพูดโกหกจริง ก็ย่อมต้องถูกกรรมการตรวจสอบเปิดโปงแน่ พวกเราอย่าเข้าไปยุ่งจะดีกว่านะ!” หลินซื่อเฉิงพูดอย่างเรียบๆ

ในฐานะที่เป็นเจ้าบ้าน คำพูดของเขาย่อมต้องมีอำนาจสิทธิ์ขาดเสมอ

ผู้อาวุโสทั้งสี่ที่เหลือ ถึงแม้ในใจรู้สึกไม่พอใจบ้างก็ตาม แต่ว่าก็ยังไม่กล้าคัดค้านความเห็นของหลินซื่อเฉิงเหมือนกัน

ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองไม่ได้ตอบคำถามของเฉินต๋าจี่เลย ถึงแม้ได้ตรวจสอบแล้วยืนยันว่า ทรัพย์สินจำนวนหนึ่งพันล้านนี้ถูกต้องทั้งหมด แต่ว่า พวกเขาก็ยังคงไม่อยากจะเชื่อเหมือนเดิม หลินหยุนเจ้าเด็กนี่ยังไม่เคยได้รับเงินทุนตั้งต้นเลย จะสามารถหาเงินได้ถึงพันล้านเชียว!

ดูเหมือนว่าเฉินต๋าจี่จะเข้าใจความคิดของผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสอง จึงถามขึ้นอีกครั้งว่า “เป็นยังไงล่ะ? ผลการตรวจสอบมันประกาศยากมากเลยเหรอคะ?”

“งั้นฉันจะช่วยพวกคุณอ่านประกาศแทนก็แล้วกัน!”

เฉินต๋าจี่ก็เอาใบรายการแสดงทรัพย์สินฉบับนั้นกลับมา หันหน้ามาประกาศต่อหน้าเหล่าผู้คนตระกูลหลินทั้งหลายด้วยเสียงใสเย็นชาว่า “บริษัทบริษัท คางเย่ จำกัดที่จงโจวเป็นทรัพย์สินของเจ้านายฉันเอง มูลค่าทางการตลาดหนึ่งพันล้าน”

เมื่อเฉินต๋าจี่พูดจบ ทั้งห้องโถงใหญ่ก็เงียบสงัด!

ทุกคนต่างก็จ้องมองเฉินต๋าจี่ด้วยอาการตกตะลึง สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที ทุกคนต่างก็ได้สติคืนมา

เหลินเหลยแหกปากตะโกนราวกับถูกผีหลอกว่า “พันล้าน เป็นไปได้ยังไง! ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วเหรอ? อาศัยแค่เจ้าเด็กนี่เป็นไปได้ยังไงที่จะหามาได้ถึงพันล้าน!”

หลินเห้าสีหน้าบูดบึ้ง ในใจรู้สึกตกตะลึง “นี่มันเป็นไปได้ยังไง!”

แต่ว่าหลินเห้าสังเกตเห็นว่าสีหน้าของผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองเคร่งเครียดมาก

แต่ก็ไม่ได้พูดคัดค้านเฉินต๋าจี่เลย เห็นได้ชัดว่า ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองได้ตรวจสอบถูกต้องแล้ว เพียงแต่คิดเหมือนกับทุกคน ที่ไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน ดังนั้นจึงยังไม่ประกาศออกมา

“ เขาสามารถหาเงินได้ถึงหนึ่งพันล้านจริงๆ! ไม่! นี่เป็นไปไม่ได้แน่นอนเลย!”

หลินเห้าไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด อย่าว่าแต่พันล้านเลย แม้แต่ร้อยล้าน ถ้าแม้แต่เงินทุนตั้งต้นยังไม่มีละก็ งั้นก็เหมือนคนฝันละเมอเพ้อพกอย่างไม่ต้องสงสัย

ต้องรู้ว่าการประเมินผลงานของตระกูลนั้นจะต้องพึ่งความสามารถของเจ้าตัวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่สามารถที่จะอาศัยอำนาจบารมีเส้นสายภายนอกช่วยเหลือเลย ถ้าตัดประเด็นนี้ของตระกูลออกไปแล้ว พวกเขาก็จะเหมือนเด็กหนุ่มสาวธรรมดาทั่วไปเท่านั้นเอง

ด้วยอายุของพวกเขาตอนนี้ ซึ่งอาจจะยังกำลังเรียนอยู่มัธยมปลายก็ได้ ถ้าใครสามารถทำกำไรจากเงินทุนตั้งต้นเพิ่มขึ้นหลายเท่า ก็นับได้ว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะในบรรดาอัจฉริยะด้วยกันแล้ว

ใบหน้าที่สะสวยของหลินโร่หลัน ขยับปากเล็กน้อยพูดว่า “นี่มันเป็นไปได้ยังไง! หรือว่าเป็นเพราะบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปแอบช่วยเหลือเขาอยู่?”

“ฮื่อ คิดจะอาศัยความช่วยเหลือจากบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป แล้วคิดจะมั่วเอาผลงานมาเข้าร่วมประเมินผลงานของตระกูล ฝันไปเถอะ!”

หลินโร่หลันก็แอบตัดสินใจแล้วว่า จะเปิดโปงหลินหยุนทันที

หลินโล่เฉินสีหน้าก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน “หรือว่าคุณอาสะใภ้หวางแอบช่วยเหลือเขาหรือ? งั้นต้องถือว่าเขาฝ่าฝืนกฎกติกาแล้ว”

หานเจียวเจียวยิ่งเอาใหญ่ มองไปยังหวางซูเฟิน ด้วยสีหน้าเย้ยหยัน พูดประชดประชันว่า “ไอ้หยา มีคนบางคนแต่งเข้ามาอยู่ในตระกูลหลินตั้งนานแล้ว หรือว่าแม้แต่กฎกติกาของการประเมินผลงานตระกูลหลินก็ยังไม่รู้เลยเหรอ? ถึงกับช่วยเหลือลูกชายตัวเองทุจริตการประเมินผลงาน!”

“นั่นน่ะสิ การทำผิดกฎแบบนี้ จะต้องได้รับการลงโทษจากกฎระเบียบของตระกูลด้วย!”

สวี่เหม่ยเย้นก็พูดประชดแดกดันอย่างเย้ยหยันว่า “ดูเหมือนว่ามีใครบางคนเพื่อที่จะทำให้ลูกชายตัวเองได้กลับเข้าตระกูลหลินแล้ว ทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างเต็มที่เลยนะ!”

“เสียดายที่ว่า คุณคิดว่ากฎระเบียบของตระกูลหลินตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นไม้ประดับงั้นเหรอ?”

หลินตงเย่วถึงกับต่อว่าหลินตงหัวด้วยความโกรธว่า “พี่รอง พี่หมายความว่ายังไงกัน หรือเป็นเพราะว่าพี่อยู่แต่ข้างนอก จนลืมแม้กระทั่งกฎระเบียบของตระกูลไปแล้ว!”

“การประเมินผลงานของตระกูล จะต้องอาศัยความสามารถของเจ้าตัวเท่านั้น ไม่สามารถอาศัยความช่วยเหลือจากที่อื่นทั้งนั้น หรือว่าประเด็นนี้ฉันจะต้องคอยเตือนพี่อีกเหรอ?”

หลินตงหัวรู้สึกอับอายมาก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหวางซูเฟินถึงกับแอบช่วยเหลือหลินหยุนโดยพลการ “ซูเฟิน ทำแบบนี้ คุณก็ทำไม่ถูกแล้วนะ! คุณไปช่วยเหลือเขาได้ยังไงกัน!”

หวางซูเฟินทำตาเขม็งใส่หลินตงหัว พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ฉันไปช่วยเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ก่อนหน้าวันนี้ ฉันก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า เขาก็คือลูกแท้ๆในไส้ของเรา แล้วจะไปช่วยเขาได้ยังไงกันล่ะ!”

“เงินพวกนี้ เขาเป็นคนหาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขาเองทั้งนั้น”

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท