หลินตงเย่วพูดเสียงดังว่า “น่าขำสิ้นดี ถ้าคุณไม่ช่วยเขา ลำพังเขาเป็นแค่เด็กยากไร้คนหนึ่ง แม้แต่เงินทุนตั้งต้นก็ยังไม่ได้รับเลย เป็นไปได้ยังไงจะมีทรัพย์สินถึงพันล้านได้!”
หวางซูเฟินพูดอย่างโมโหว่า “ฉันบอกแล้วไงไม่ได้ช่วยก็ไม่ได้ช่วยสิ ถ้าหากพวกคุณไม่เชื่อละก็ ฉันสามารถจะเอาบัญชีทั้งหมดของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปออกมาให้พวกคุณดูให้ชัดเจนก็ได้นะ!”
หลินตงเย่วพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึงว่า “งั้นคุณก็ไปเอาออกมาให้พวกเราทุกคนดูสิ! มัวแต่พูดเล่นลิ้นอยู่ได้!”
เฉินต๋าจี่พูดเยาะเย้ยว่า “ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปยังไม่มีปัญญาที่จะช่วยเจ้านายของฉันหาทรัพย์สมบัติพวกนี้มาได้หรอก!”
อ๋อเหรอ?
หมายความว่าอย่างไร?
ทุกคนต่างตกตะลึง มองไปยังเฉินต๋าจี่ด้วยความสงสัย
เฉินต๋าจี่ก็ไม่รีบไม่ร้อน หยิบแฟ้มใบแสดงรายการทรัพย์สินชุดที่ 2 ในมือออกมา
มองดูผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสอง เฉินต๋าจี่ก็พูดด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งว่า “จะให้ฉันเป็นคนอ่าน หรือว่าพวกคุณจะอ่านเองล่ะ?”
สีหน้าผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองโกรธเคืองเล็กน้อย หนึ่งในนั้นก็พูดด้วยเสียงต่ำว่า “ฉันอ่านเอง”
หลังจากรับใบแสดงรายการทรัพย์สินจากมือของเฉินต๋าจี่แล้ว ผู้เอาวุโสทั้งสองคนนั้นก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆทันที
“หุ้นส่วน 25 เปอร์เซ็นต์ของโรงหมอเทพเซียน!”
“เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”
ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสอง ก็รีบดำเนินการตรวจสอบทันที โดยโทรศัพท์ไปหาฝ่ายต่างๆเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ใช้เวลานานถึงสิบนาทีเต็มๆ หลังจากนั้น ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองก็ตกตะลึงช็อกไปเลย
“ตรวจสอบแล้วถูกต้อง หุ้นส่วน 25 เปอร์เซ็นต์ของโรงหมอเทพเซียน มูลค่าทรัพย์สินหนึ่งหมื่นล้าน!”
ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองมองไปยังเฉินต๋าจี่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว ผู้คนตระกูลหลินทั้งหลายในห้องโถงใหญ่นั้น ล้วนแต่อ้าปากค้างจนลืมหุบด้วยความตกตะลึง
“หุ้นส่วน 25 เปอร์เซ็นต์ของโรงหมอเทพเซียน? ฉันไม่ได้ฟังผิดนะ!”
“นี่เป็นไปได้ยังไงกัน? โรงหมอเทพเซียนเป็นถึงผู้นำด้านอุตสาหกรรมยาของประเทศจีนเชียวนะ มูลค่าทางการตลาดหลายหมื่นล้าน เขาถึงกับถือหุ้นในโรงหมอเทพเซียนถึงหนึ่งในสี่เลยนะ!”
“ต่อให้เป็นบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปก็เทียบกับโรงหมอเทพเซียนไม่ได้หรอก!”
ผู้คนตระกูลหลินทั้งหลายต่างก็พูดอะไรไม่ออก โดยเฉพาะคนที่กระโดดโลดเต้นแรงที่สุดเมื่อครู่นี้อย่างหานเจียวเจียว รวมทั้งหลินตงเย่วด้วย ทั้งสองคนต่างก็อึดอัดจนหน้าแดงไปหมด
“ในที่สุดฉันก็เข้าใจคำพูดของผู้หญิงคนนั้นแล้ว หุ้นส่วน 1 ใน 4 ของโรงหมอเทพเซียน ต่อให้บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปคิดอยากจะช่วยเขา ก็ยังไม่มีเงินทุนมากขนาดนั้นหรอก!”
หวางซูเฟินมองไปยังหลินตงเย่วอย่างเย้ยหยัน “ตอนนี้ยังจะกล่าวหาว่าฉันไม่ทำตามกฎกติกาการประเมินผลงานของตระกูลอีกไหมล่ะ?”
หลินตงเย่วพูดอะไรไม่ออก ทำเสียงฮื่อใส่ แล้วหันหน้าไปที่อื่น
หลินเหลยก็ตะโกนเสียงดังลั่นออกมาว่า “หนึ่งหมื่นล้าน!นี่เป็นไปได้ยังไงกัน? โกหกหลอกลวงแน่นอนเลย!”
ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองกำลังหงุดหงิดอยู่ พอดีกับจังหวะที่หลินเหลยเจ้างั่งนี่ กระโดดออกมาพอดี
“หลินเหลย คุณกำลังสงสัยความสามารถของพวกฉันเหรอ?”
สายตาของท่านผู้ใหญ่ตระกูลหลินทั้งห้า ต่างก็มองไปยังหลินเหลยด้วยความเยือกเย็นเล็กน้อย
ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองคน มีฐานะเทียบเท่ากับท่านผู้ใหญ่ตระกูลหลินทั้งห้า มีตำแหน่งที่สูงส่งในตระกูลหลิน จะยอมให้เด็กรุ่นหลังเล็กๆคนหนึ่งมากำเริบเสิบสานได้อย่างไรกัน!
หลินเหลยรับรู้ได้ถึงสายตาที่ไม่เป็นมิตรเช่นนั้น รู้สึกตกใจสะดุ้งขึ้นมาทันที จากนั้นก็ไหวตัวกลับมาได้ในทันที
“เปล่าครับ เปล่าครับ ผมจะกล้าทำอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ! ผมเพียงแต่กังวลว่าเจ้าเด็กนั้น มีความสามารถในการปลอมแปลงเก่งมาก ถ้าทั้งสองท่านไม่ระวังก็อาจจะถูกเขาหลอกเอานะครับ” หลินเหลยพูดอย่างระมัดระวังด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองต่างก็ส่งเสียงฮื่อใส่ในเวลาเดียวกัน “ระวังความประพฤติของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว เรื่องของพวกฉันแกไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
หลินเหลยตกใจจนหัวหดไม่กล้าพูดอะไรอีก แอบมองหลินเห้าที่อยู่ด้านข้าง แล้วพูดกระซิบว่า “พี่เห้า พี่ว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ใช่พันล้าน แต่เป็นหมื่นล้านเลยนะ!”
สีหน้าหลินเห้าแตกตื่นตกใจ เขาก็ไม่เชื่อว่าหลินหยุนอายุเพียงเท่านี้ก็สามารถมีทรัพย์สินมากถึงหนึ่งหมื่นล้านได้แล้ว
“โกหก เป็นเรื่องโกหกแน่นอนเลย! นักต้มตุ๋นสมควรตาย เขาทำยังไงถึงได้ตบตากรรมการตรวจสอบทั้งสองคนไปได้!”
หลินโร่หลันมองดูหลินหยุน สีหน้าตกตะลึง เธอมองเห็นสีหน้าท่าทางของกรรมการตรวจสอบทั้งสองได้อย่างชัดเจน สามารถยืนยันได้ว่าหนึ่งหมื่นล้านนี้ไม่ใช่เรื่องโกหกแน่นอน
“หนึ่งหมื่นล้าน เพิ่มขึ้นหนึ่งพันเท่า! เจ้าเด็กนี่ ทำได้ยังไงกันแน่!”
ในที่สุดหลินโล่เฉินก็ไม่สามารถควบคุมความนิ่งเฉยได้อีกต่อไป สายตาที่มองดูหลินหยุนเต็มไปด้วยความแตกตื่นตกใจ
“หนึ่งหมื่นล้าน เพิ่มขึ้นหนึ่งพันเท่า อีกทั้งยังอยู่ในสภาวะที่ยังไม่ได้รับเงินทุนตั้งต้นด้วยซ้ำไป!”
“นี่ มันเป็นไปได้ยังไง!”
ตอนนี้หลินตงหัวตกตะลึงงงเป็นไก่ตาแตกไปแล้ว
มองดูหลินหยุน ราวกับว่าเพิ่งจะได้รู้จักกับเขาวันนี้เอง
มองดูหวางซูเฟินที่นั่งอยู่ข้างกายไม่มีอาการตกตะลึงอะไรเลย หลินตงหัวถามอย่างแปลกประหลาดว่า “ซูเฟิน คุณรู้มาก่อนแล้วใช่ไหมว่าหลินหยุนมีเงินมากมายขนาดนี้?”
หวางซูเฟินไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่เยาะเย้ยอยู่ในใจ “นี่เป็นเพียงแค่เงินเท่าไหร่เอง พวกคุณก็ช็อกกันไปหมดแล้ว ถ้าหากพวกคุณรู้ว่าหลินหยุนสามารถที่จะเอาเงินสดออกมาทีเดียวห้าหมื่นล้านได้อย่างง่ายดายละก็ ถึงเวลานั้นพวกคุณจะทำหน้ายังไงกันเหรอ?”
ท่านผู้ใหญ่ตระกูลหลินทั้งห้าตอนนี้ก็รู้สึกยากที่จะนิ่งเฉยอีกต่อไปแล้ว มองดูหลินหยุนด้วยสายตาที่ตกตะลึง
ในใจของนายท่านหลินซื่อเฉิงก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น เขามักจะรู้สึกว่าตัวเองติดค้างหลินตงหัวทั้งครอบครัวมาโดยตลอด ถ้าหากตระกูลสายทางหลินตงหัวสร้างคนอัจฉริยะเช่นนี้มาได้ หลินซื่อเฉิงยังมีความคิดที่อยากจะยกตำแหน่งเจ้าบ้านให้กับหลินหยุนด้วยซ้ำไป
เฉินต๋าจี่มองดูปฏิกิริยาของทุกคนแล้วยิ้มอย่างประหลาด “ถึงกับช็อกไปเลยเหรอ?”
“มาดูใบแสดงรายการทรัพย์สินชุดที่สามกันดีกว่าค่ะ!”
พูดจบเฉินต๋าจี่ก็เอาข้อมูลเอกสารยื่นให้กับผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสอง
ในขณะที่มองดูใบแสดงรายการทรัพย์สินชุดที่สามนั้น ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองถึงกับมือสั่น แทบจะทำให้เอกสารนั้นหล่นลงไปบนพื้น
จากนั้น ผู้อาวุโสทั้งสองถึงกับตกใจเหมือนถูกผีหลอก พูดตะโกนออกมาด้วยความตกใจว่า “หุ้นส่วน 10 เปอร์เซ็นต์ของน้ำแห่งชีวิต!”
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง!”
พอสิ้นเสียงลง ท่านผู้ใหญ่ตระกูลหลินทั้งห้าที่นั่งอยู่แถวแรก ต่างก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกันทันที
นายท่านใหญ่ตระกูลหลินพูดด้วยสีหน้าเข้มงวดว่า “รีบตรวจสอบทันทีเลยว่าเป็นจริงหรือเท็จ!”
หลินซื่อเฉิงก็พูดด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “อาศัยอำนาจสูงสุดของตระกูลไปตรวจสอบโดยตรงเลย!”
อำนาจสูงสุดของตระกูล ก็คืออำนาจสิทธิ์ขาดสูงสุดของตระกูลหลินนั่นเอง
ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองตกใจ รีบตอบตกลงว่า “ครับ!”
ในไม่ช้า ผลตรวจสอบก็ออกมาแล้ว
ยังไม่ทันที่ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองจะพูดรายงานเลย หลินซื่อเฉิงก็รีบเอ่ยปากถามขึ้นว่า “เป็นยังไงบ้าง?”
“ตรวจสอบแล้วถูกต้อง ผลสรุปเป็นจริงทุกประการ!” ผู้ตรวจสอบอาวุโสคนหนึ่งพูดด้วยความยินดี
“เยี่ยม!” หลินซื่อเฉิงตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
ท่านผู้ใหญ่ตระกูลหลินทั้งสี่ที่เหลือต่างก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง
ภายในห้องโถงนั้น ผู้คนตระกูลหลินทั้งหลายส่วนใหญ่แล้วยังไม่ได้สติกลับคืนมาเลย
หลินเหลยมึนงงไปหมด พูดพึมพำกับตัวเองว่า “หุ้นส่วนสิบเปอร์เซ็นต์ของน้ำแห่งชีวิต! นี่มันเป็นไปได้ยังไง!”
น้ำแห่งชีวิตถึงแม้ไม่ได้มุ่งหวังทำกำไรอย่างเดียวก็จริง แต่ว่าก็ได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศจีนไปแล้ว
ทุกคนต่างก็เห็นความสำคัญของน้ำแห่งชีวิตกันทั้งนั้น ถ้าหากสามารถขยายธุรกิจไปยังตลาดโลกสักครั้งละก็ จะต้องได้เข้าไปอยู่ในอันดับหนึ่งในสิบของโลกได้ทุกเมื่อ
เช่นนั้นแล้วหุ้นส่วนสิบเปอร์เซ็นต์ของน้ำแห่งชีวิต มันหมายถึงอะไร!
นั่นไม่ใช่เพียงแค่ทรัพย์สินมหาศาลที่ประเมินค่าไม่ได้เท่านั้น อีกทั้งยังกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งไปด้วย อย่างน้อยตอนนี้ผู้คนจำนวนมากมายต่างก็คิดอยากจะเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำแห่งชีวิตทั้งนั้น แต่ว่ากลับไม่สามารถที่จะผ่านการตรวจสอบมาตรฐานของตัวแทนจำหน่ายน้ำแห่งชีวิตไปได้
มีหุ้นส่วนในน้ำแห่งชีวิต ก็เท่ากับเป็นสัญลักษณ์แสดงฐานะตัวตนอย่างหนึ่งแล้ว
อาจพูดได้ว่า หลินหยุนตอนนี้ ไม่เพียงแต่มีทรัพย์สินเงินทองมากกว่าตระกูลหลินทั้งตระกูลแล้ว อีกทั้งยังสามารถช่วยให้ตระกูลหลินก้าวขึ้นมาอยู่อีกระดับหนึ่งได้อีกด้วย
หลินโร่หลันสีหน้าขาวซีด มองไปยังหลินหยุนอย่างไม่น่าเชื่อ “นี่ มันเป็นไปได้ยังไงกัน? เขาไม่ใช่เป็นแค่บอดี้การ์ดคนหนึ่งเหรอ?”
หลินโล่เฉินก็ตกใจผวาอย่างไม่รู้สาเหตุเช่นเดียวกัน มองดูหลินหยุนด้วยสายตาที่สับสนอย่างยิ่ง
ในใจหลินโล่เฉินแอบยิ้มเฝื่อนๆ “หลินหยุนเจ้าตัวดี แกแอบซ่อนเร้นไว้ลึกมากเลยนะ!”
“มิน่าแกถึงได้เหิมเกริมขนาดนี้ แม้แต่ตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนานยังไม่อยู่ในสายตาเลย!หนำซ้ำคุณชายตระกูลนิ่งแห่งเมืองหลวงก็ยังกล้าไปแตะต้องอีก ที่แท้ทั้งหมดนี้ก็คืออำนาจพึ่งพิงที่แท้จริงของแกนี่เอง!”
“สยบตระกูลหลินด้วยตัวเองคนเดียว!”
“ฮ่าๆ อัจฉริยะของตระกูลอย่างฉัน เมื่อเทียบกับแกแล้ว มันดูช่างน่าขำจริงเลย!”
หลินโล่เฉินสีหน้าพ่ายแพ้ยับเยิน