จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 693 ใครได้ที่หนึ่ง

บทที่ 693 ใครได้ที่หนึ่ง

เมื่อพูดถึงหลินเห้า ท่านหลินห้าก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังหลินเห้าที่สีหน้าเย่อหยิ่งในห้องโถงใหญ่นั้น สายตาแสดงออกถึงความปลาบปลื้มยินดี

“หลินเห้าเจ้าเด็กนั่น วันๆก็ได้แต่เดินตามหลังโล่เฉิน หวังว่าจะได้เรียนรู้ความสามารถจากโล่เฉินเพียงแค่ส่วนเดียวก็พอแล้ว!”

หลินซื่อเฉิงพูดอย่างถ่อมตัวว่า “น้องห้าพูดอะไรกัน โล่เฉินถึงแม้ว่าจะโดดเด่นก็จริง แต่หลินเห้าอายุก็ยังน้อย ต่อไปในอนาคตผลงานคงไม่ด้อยไปกว่าโล่เฉินหรอก”

“พี่รองไม่ต้องปลอบใจฉันหรอก น้ำหน้าอย่างหลานแท้ๆในไส้ของฉันเองเป็นยังไง ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะ? ” ท่านหลินห้าพูดเยาะเย้ยตัวเอง

หลินโร่สุ่ยหยิบข้อมูลเอกสารคืนมา แล้วเดินกลับไปด้วยความดีใจ

หลินหยุนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เลวเลยนะ”

“ขอบคุณที่ชมค่ะ! แต่ว่า บริษัทของฉันสามารถมีมูลค่ามากอย่างทุกวันนี้ได้ ก็ได้แต่อาศัยความช่วยเหลือจากคุณหลินผู้ลึกลับคนนั้นทั้งนั้นเลย! ถ้ามีโอกาส ฉันจะต้องขอบคุณเขาอย่างดีเลย!” ขณะที่หลินโร่สุ่ยพูดอยู่นั้น ดวงตากลมโตทั้งคู่ก็จ้องมองไปยังหลินหยุนอย่างไม่กะพริบตา ดูเหมือนว่าอยากจะมองทะลุเข้าไปในใจของหลินหยุน

แต่ว่า เธอก็ทำไม่สำเร็จ

ใบหน้าของหลินหยุนไม่แสดงข้อพิรุธออกมาแม้แต่นิดเดียว พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ก็ควรจะขอบคุณเขาจริงๆแหละ”

ผู้ตรวจสอบอาวุโสคนนั้น ก็ตะโกนพูดต่อไปว่า “คนต่อไป หลินเหลย!”

ชายหนุ่มผมสีทองแต่งตัวทันสมัยที่ยืนอยู่ข้างหลินเห้า ขยับแข้งขยับขาส่ายไปมาทั้งตัว เดินเข้าไปด้วยท่าทางเอ้อระเหยลอยชาย

ในมือของเขาไม่ได้ถืออะไรมาด้วยเลย

หนึ่งในผู้ตรวจสอบอาวุโสก็ถามด้วยเสียงเย็นชาว่า “ขอใบแสดงรายการทรัพย์สินและใบรับรองด้วย”

หลินเหลยพูดด้วยสีหน้าโอหังว่า “ไม่มี เงินทุนตั้งต้นสิบล้าน ผมใช้ไปหมดแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ไม่กี่แสนเอง”

ผู้ตรวจสอบอาวุโสทำตาถลนใส่เขา “งั้นคุณยังเข้ามาทำไมอีกล่ะ! สละสิทธิ์ไปก็สิ้นเรื่องแล้ว”

หลินเหลยหัวเราะแฮ่ๆ “กลัวอะไร มีบางคนแม้แต่เงินทุนตั้งต้นยังไม่ได้รับเลย ยังกล้ามาเข้าร่วมประเมินผลงาน ยังไงเสียคนที่ได้ที่โหล่สุดท้ายก็ไม่ใช่ฉันอย่างแน่นอน”

พวกคนตระกูลหลินทั้งหลายก็หัวเราะเสียงดังลั่น

ใครๆก็รู้ว่าหลินเหลยกำลังพูดถึงใครอยู่

“เจ้าเด็กเวรหลินเหลยนี่ เป็นพวกล้างผลาญตระกูลหลินแท้ๆเลย!”

“แต่ว่าคราวนี้หลินเหลยก็ยังโชคดีมากเลย มีคนช่วยรั้งท้ายให้เขาแล้ว”

สีหน้าของหลินตงหัวแลดูไม่สู้ดีนัก ขณะเดียวกันในใจก็แอบเป็นห่วง “รู้อย่างนี้แต่แรกก็จะไม่ให้หลินหยุนไปร่วมด้วยแล้ว”

หวางซูเฟินสีหน้าแสดงออกถึงความเย้ยหยัน “ปล่อยให้พวกแกดีใจไปอีกสักพักก่อน อีกประเดี๋ยวหวังว่าพวกแกคงไม่ช็อกตายเสียก่อนล่ะ!”

หลินเห้าพูดเยาะเย้ยว่า “หลินเหลยเจ้าหมอนี่ รู้ล่วงหน้าว่ามีคนรั้งท้ายเลยไม่เกรงกลัวอะไร ถ้ามีคนที่แม้แต่หลินเหลยหนุ่มเจ้าสำราญคนนี้ยังสู้ไม่ได้เลย นั่นก็ต้องเป็นเศษสวะของตระกูลหลินแล้วล่ะ”

ขณะที่หลินเห้าพูดอยู่นั้น ก็เจตนามองไปยังหลินหยุน ขาดแต่ว่ายังไม่ได้ด่าหลินหยุนซึ่งหน้าเท่านั้นเอง

ลูกหลานตระกูลหลินที่เข้าร่วมประเมินผลงานทั้งหลายนั้น สายตาที่มองไปยังหลินหยุนก็เต็มไปด้วยความประสงค์ร้ายทั้งนั้น

“ถูกต้อง แต่ว่าหลินเหลยเป็นหนุ่มเจ้าสำราญที่มีชื่อเสียงของตระกูลหลินพวกเรา ถ้าหาก มีใครที่ยังสู้หลินเหลยไม่ได้อีกละก็ น่าจะไสหัวออกไปจากตระกูลหลินให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ยังจะมีน้ำหน้าอยู่ตระกูลหลินอยู่อีก!”

“ถ้าฉันแม้แต่หลินเหลยก็ยังเอาชนะไม่ได้ละก็ ฉันคงรีบหาทางแทรกแผ่นดินหนีไปแล้ว ยังจะมีหน้าอยู่ตระกูลหลินต่อไปอีก!”

หลินโร่สุ่ยเชิดหน้าใส่ “พวกคุณไม่ต้องมาตีวัวกระทบคราดหรอก ฉันบอกพวกคุณเลยนะ ผลงานของหลินหยุนไม่มีทางที่จะด้อยกว่าหลินเหลยอย่างแน่นอนเลย!”

“งั้นเหรอ? คุณมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ?” หลินเห้าพูดเยาะเย้ย

หลินโร่สุ่ยสะบัดหน้าใส่ “ไม่เชื่อพวกเราก็รอดูกันเถอะ!”

หลินเหลยทำให้ผู้ตรวจสอบอาวุโสโกรธจนตัวสั่น ประกาศด้วยเสียงเย็นชาว่า “เงินลงทุนสิบล้าน ตอนนี้เหลือแค่ไม่กี่แสน ลูกหลานล้างผลาญตระกูลคนหนึ่ง ยังมีหน้ามายืนอยู่ที่นี่อีก ไสหัวกลับไปเลย!”

ฐานะตำแหน่งของผู้ตรวจสอบอาวุโสในตระกูลหลินก็ไม่ใช่ต่ำต้อยเลย ลูกหลานอย่างหลินเหลยนั้น ผู้เฒ่าทั้งสองคนต่างก็อยากจะถีบให้กระเด็นออกไปเลย ไม่จำเป็นที่จะต้องเกรงใจเขาอีกแล้ว

หลินเหลยก็ไม่รู้สึกอายเลยแม้แต่นิดเดียว เดินส่ายไปส่ายมากลับไปนั่งที่เดิม

ดวงตาทั้งคู่ยังจ้องไปยังหลินหยุนอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ดูเหมือนมั่นใจแล้วว่าหลินหยุนจะต้องแพ้ให้เขาอย่างแน่นอน

“คนต่อไป หลินเห้า!” ผู้ตรวจสอบอาวุโสก็ไม่ได้หยุดนิ่ง ยังคงขานชื่อต่อไป

“ในที่สุดก็มาถึงหลินเห้าแล้ว!”

“หลินเห้าเป็นตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ครั้งนี้แน่นอนเลย!”

“ถูกต้อง หลินเห้าเจ้าเด็กนี่วันๆก็ได้แต่เดินตามหลินโล่เฉินมาโดยตลอด ไม่รู้ว่าไปเรียนรู้วิชาจากหลินโล่เฉินได้ถึงระดับไหนกันแล้ว?”

“สมาชิกที่เข้าร่วมประเมินผลงานชุดนี้ ก็คงมีแต่หลินเห้ากับหลินโร่สุ่ยแล้วล่ะ เพียงแต่ไม่รู้ว่าหลินเห้าจะสามารถเอาชนะหลินโร่สุ่ยหรือไม่เท่านั้นเอง!”

ทุกคนต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา และตั้งความหวังไว้กับหลินเห้าเป็นอย่างมาก

ในบรรดาท่านผู้ใหญ่ตระกูลหลินทั้งห้านั้น ท่านหลินสามและท่านหลินสี่ ต่างก็มองไปยังท่านหลินห้า “เจ้าห้า หลินเห้าเป็นลูกหลานสายเลือดตระกูลคุณทางนี้ ทุกคนต่างก็เอาใจเชียร์เขาเลยนะ!”

ท่านหลินห้ายิ้มแล้วพูดอย่างถ่อมตัวว่า “เด็กคนนี้ก็พอมีความฉลาดอยู่บ้างเล็กน้อย เพียงแต่ว่าไม่รู้ว่าจะรู้จักเอาไปใช้ประโยชน์ในทางที่ถูกต้องหรือไม่เท่านั้นเอง!”

หลินซื่อเฉิงพูดว่า “อย่าไปดูถูกเด็กๆพวกนี้เชียวนะ ต่อไปพวกเขาจะต้องล้ำหน้ากว่าตาแก่อย่างพวกเราอย่างแน่นอน”

“อ่าย ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสิ ฉันกลัวแต่ว่าหลังจากที่พวกเราตายจากไปกันหมดแล้ว ตระกูลหลินก็ไม่มีใครสืบทอดต่อไปอีกแล้วสิ!” ท่านพี่ใหญ่หลินถอนหายใจเฮือก

ในขณะที่สนทนากันอยู่นั้น หลินเห้าก็มายืนอยู่ตรงหน้าผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสอง แล้วก็ยื่นแฟ้มเอกสารกองโตไปให้

“หลินเห้า เงินทุนตั้งต้นสิบล้าน”

ผู้อาวุโสทั้งสองก็เริ่มตรวจสอบ

เมื่อได้อ่านดูเอกสารครั้งแรก ผู้อาวุโสทั้งสองคนก็เงยหน้าขึ้นมาทันที มองไปยังหลินเห้าด้วยสายตาแตกตื่น เห็นได้ชัดว่าเกิดอาการช็อกไปเลย

หลินเหลยพูดกระซิบว่า “เห็นหรือยังล่ะ พี่เห้าร้ายกาจขนาดไหน! นี่แค่เพิ่งอ่านดูครั้งแรก ตาแก่ทั้งสองถึงกับช็อกไปเลย!”

“ฉันก็สังเกตเห็นแล้ว สงสัยว่าผลกำไรที่เพิ่มขึ้นของพี่เห้าจะต้องเป็นตัวเลขสูงมากอย่างน่าตกใจเลยทีเดียว!”

ในใจหลินโร่สุ่ยก็รู้สึกตกใจ มองไปยังหลินเห้าอย่างไม่กะพริบตา “ใครๆก็บอกว่า หลินเห้าเป็นตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ครั้งนี้อย่างแน่นอน ฉันยังไม่เชื่อมาโดยตลอด ดูไปแล้ว หลินเห้าก็ไม่ธรรมดาจริงๆเลย!”

“อ้าย คุณคิดว่าผลกำไรของหลินเห้าจะเพิ่มขึ้นขนาดไหนเหรอ?” เด็กรุ่นใหม่ของตระกูลหลินคนหนึ่งถาม

“ผลกำไรของหลินโร่สุ่ยเพิ่มขึ้นถึง11เท่าตัว แต่ว่า ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองคนก็ยังไม่มีสีหน้าตื่นตกใจเลยนะ! ไม่ต้องพูดก็รู้แล้วว่า ผลกำไรของหลินเห้าจะต้องเพิ่มขึ้นเกินกว่า 11 เท่าอย่างมากเลยทีเดียว!”

“ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองคนแค่มองดูครั้งแรก ก็รู้สึกตื่นตกใจแล้ว ฉันคิดว่าผลกำไรของหลินเห้าอย่างน้อยต้องได้มากกว่ายี่สิบเท่าขึ้นไปแน่เลย!”

“ยี่สิบเท่า!งั้นก็เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดรองลงมาจากหลินโล่เฉินแล้วสิ!”

คราวนี้ ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองคนใช้เวลาค่อนข้างนานทีเดียว ประมาณแปดนาทีเต็มๆ

คนอื่นใช้เวลาเพียงแค่สองนาทีเท่านั้น นานหน่อยก็สามนาที แม้แต่ของหลินโร่สุ่ยก็ใช้เพียงแค่สี่นาทีเท่านั้น

ส่วนเวลาที่ใช้ตรวจสอบหลินเห้านานถึงแปดนาทีเต็มๆ

จะเห็นได้ว่า เอกสารใบรับรองแสดงรายการทรัพย์สินที่หลินเห้ายื่นเสนอไปนั้น จะต้องไม่น้อยทีเดียว ดังนั้น เวลาที่ใช้ไปก็ต้องค่อนข้างมากเช่นกัน

ในที่สุด ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองคนก็ได้ตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว เงยหน้าขึ้นแล้วมองดูหลินเห้าอย่างตกตะลึง

“หลินเห้า เงินทุนตั้งต้นสิบล้าน กำไร 350 ล้าน!”

“เพิ่มขึ้น35เท่า!”

“อะไรนะ!”

“โอ้สวรรค์! เพิ่มขึ้น35เท่า หลินเห้าร้ายกาจจริงๆเลย!”

หลินเหลยตะโกนเสียงดังขึ้นว่า “พี่เห้าองอาจห้าวหาญ!”

“ร้ายกาจจริงๆ ตั้ง35เท่าเชียว!”

“ผลงานนี้ก็ยังน้อยกว่าพี่โล่เฉินเล็กน้อย แต่ก็มากกว่าหลินโร่สุ่ยตั้งไม่รู้กี่เท่าเลยนะ!”

“สงสัยคนที่ได้ที่หนึ่งของการประเมินผลงานตระกูลครั้งนี้ จะต้องเป็นพี่เห้าอย่างแน่นอนเลย”

ลูกหลานรุ่นที่สองของตระกูลหลินพวกนั้น ต่างก็รู้สึกช็อกไปตามๆกัน

หลินตงถิงพูดกับพ่อของหลินเห้า ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ยินดีด้วยนะ หลินเห้าบ้านคุณไม่ธรรมดาเลย สงสัยคนที่ได้ที่หนึ่งของการประเมินครั้งนี้ จะต้องเป็นของเขาอย่างแน่นอนเลย!”

พ่อของหลินเห้า ยิ้มแล้วพูดอย่างถ่อมตัวว่า “ที่ไหนกันล่ะ ข้างหลังยังมีคนอีกตั้งหลายคนยังไม่ได้ประเมินกันเลย? อีกอย่าง เมื่อเทียบกับหลินโล่เฉินบ้านคุณแล้วละก็ หลินเห้ายังห่างอีกไกลเลยล่ะ!”

“อาจไม่แน่ผลงานคราวนี้ คงได้รับความช่วยเหลือจากหลินโล่เฉินไม่น้อยทีเดียว”

“แม่หลินห้าว ยินดีด้วยนะ! หลินเห้าบ้านคุณเก่งกาจจริงเลย เพิ่มขึ้น35เท่า นี่นอกจากหลินโล่เฉินแล้ว ก็นับว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดแล้วนะ!”

“หลินเห้าจะต้องได้ที่หนึ่งของการประเมินผลงานตระกูลครั้งนี้อย่างแน่นอน แม่หลินเห้าเลี้ยงลูกได้ดีจริงๆเลย!” หานเจียวเจียวทั้งชื่นชมและทั้งอิจฉา แกล้งพูดแสดงความยินดีอย่างแสแสร้าง

ท่านผู้ใหญ่ตระกูลหลินทั้งห้าที่เหลืออีกสี่คน ก็ทยอยแสดงความยินดีกับท่านหลินห้าเช่นกัน

“น้องห้า ตระกูลสายทางเจ้าสองนั้นก็มีดาวเด่นอย่างหลินโล่เฉิน ส่วนตระกูลสายนายทางนี้ ก็มีหลินเห้ามาคนหนึ่งแล้ว น่าอิจฉาพวกนายจริงๆเลยนะ!”

“นั่นนะสิพี่ใหญ่ ไม่รู้ว่าสายพวกเราทางนี้ เมื่อไหร่จะได้ผลิตดาวรุ่งดวงใหม่ออกมาได้นะ!”

ท่านหลินห้าหัวเราะฮ่าๆ ถึงแม้ว่าปากพูดอย่างถ่อมตัวก็จริง แต่สีหน้าที่ภาคภูมิใจก็ยังคงปิดปังไว้ไม่ได้

ต่อจากนั้น ลูกหลานตระกูลหลินที่เหลือเหล่านั้น ก็เริ่มประเมินผลงานต่อไป

แต่ว่า ผลงานที่ดีที่สุดก็เพียงแค่กำไรห้าสิบล้าน ยังไม่ทะลุร้อยล้านเลย

ผ่านไปไม่นาน ก็มาถึงคนสุดท้ายแล้ว นั่นก็คือหลินหยุน

ผู้ตรวจสอบอาวุโสเงยหน้ามอง แล้วตะโกนพูดด้วยเสียงเข้มงวดว่า “คนสุดท้าย หลินหยุน!”

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท