จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 724 ความเลวทราบต่ำช้าของคนตระกูลเซี่ย

บทที่ 724 ความเลวทราบต่ำช้าของคนตระกูลเซี่ย

เซี่ยเจี้ยนลี่สีหน้าแสดงอาการเหยียดหยาม “พี่ใหญ่มาแล้ว น้องสามน้องสี่ พวกเราน่าจะไปต้อนรับซะหน่อยนะ!”

สีหน้าเจ้าสามและเจ้าสี่ แสดงออกถึงความเย้ยหยัน

“พี่รองพูดถูกแล้ว ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ก็เป็นครั้งแรกที่พี่ใหญ่มาอวยพรวันเกิดคุณพ่อ พวกเราเป็นพี่น้องกัน ก็ย่อมต้องไปต้อนรับเขาเป็นธรรมดา!”

พวกเขาก็เดินออกไปต้อนรับเซี่ยเจี้ยนโก๋จริงๆด้วย

คนตระกูลเซี่ยที่เหลือ เมื่อเห็นฉากนี้แล้วก็หัวเราะเยาะ ต่างก็แสดงสีหน้าอยากดูเรื่องดราม่าขึ้นมาทันที จึงเดินตามหลังพวกเซี่ยเจี้ยนลี่ ไปยังประตูด้านหน้า

เซี่ยเจี้ยนโก๋และโจวเฟินสองคนเดินอยู่ด้านหน้า หลินหยุนและเซี่ยหยู่เวยเดินตามอยู่ข้างหลัง

เมื่อเห็นกลุ่มคนพวกเซี่ยเจี้ยนลี่ ที่ดูราวว่าได้ปรึกษามาอย่างดีแล้ว ยืนพร้อมเพรียงกันอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า

เซี่ยเจี้ยนโก๋ขมวดคิ้วขึ้นทันที

เขารู้อยู่เต็มอกว่า พวกเซี่ยเจี้ยนลี่คนพวกนี้ไม่มีทางที่จะมายืนรอต้อนรับเขาโดยเฉพาะเลย งั้นคนพวกนี้รออยู่ที่นี่คิดจะทำอะไร ก็น่าจะเข้าใจได้แล้ว

เจ้าสามเริ่มพูดด้วยความสงสัยว่า “โย่ นี่ไม่ใช่พี่ใหญ่เหรอ? เสื้อผ้าพี่ใหญ่นี่ดูแปลกจังเลยนะ เหมือนกับชุดฟอร์มของคนงานก่อสร้างในบริษัทก่อสร้างของลูกชายฉันเลย”

“ฮ่าๆ…….” ผู้คนตระกูลเซี่ยทั้งหลายก็หัวเราะดังลั่น

เจ้าสามก็แกล้งทำท่ารีบพูดอธิบายว่า “ไอ้โย่ พี่ใหญ่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ได้หมายถึงว่าพี่แต่งตัวเหมือนคนงานก่อสร้าง เพียงแต่ว่าเสื้อผ้าที่พี่ใส่ มันดูคล้ายจริงๆ”

“ฮ่าๆ!”

คำอธิบายของเจ้าสาม ไม่อธิบายเสียจะดีกว่า

ผู้คนตระกูลเซี่ยก็ยิ่งหัวเราะอย่างไม่ยำเกรง มองดูเซี่ยเจี้ยนโก๋ ด้วยสีหน้าที่ดูถูกเหยียดหยาม

ลูกชายคนโตของตระกูลเซี่ยคนนี้ กลายเป็นตัวตลกของตระกูลเซี่ยไปแล้ว

เซี่ยเจี้ยนโก๋สีหน้าไม่สู้ดีนัก วันนี้เขาแต่งตัวค่อนข้างเป็นทางการ เป็นชุดแบบทรงจีน ถึงแม้แบบอาจจะเก่าไปหน่อย แต่ก็ไม่มีทางที่จะไปเหมือนชุดฟอร์มของพวกทำงานก่อสร้างอย่างแน่นอน

เห็นได้ชัดว่า เจ้าสามเจตนาที่จะหยามน้ำหน้าเขา จึงพูดเช่นนี้

โจวเฟินสีหน้าก็ดูไม่สู้ดีเช่นกัน แต่ว่า ยังไงเสียที่นี่ก็เป็นบ้านตระกูลเซี่ย โจวเฟินจึงได้แต่อดกลั้นเอาไว้ไม่ได้อาละวาดออกมา

หลินหยุนก้มหน้าลง ไม่เงยหน้ามองแม้แต่นิดเดียว หลินหยุนได้คาดเดาเหตุการณ์เช่นนี้ออกมาก่อนแล้ว

ในใจของเซี่ยหยู่เวยโกรธเคืองอย่างมาก แต่ว่า อย่างน้อยเธอก็เป็นแค่เด็กคนรุ่นหลัง ในเมื่อเซี่ยเจี้ยนโก๋ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร ถ้าเธอจะเอ่ยปากพูด ก็ดูเหมือนจะเสียมารยาทไปหน่อย

เซี่ยเจี้ยนโก๋ได้กลับมาตระกูลเซี่ยอีกครั้งหนึ่ง ในใจก็ต้องเตรียมตัวรับคำเย้ยหยันพวกนี้ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อได้ยินแล้ว จึงได้แต่หัวเราะฮาๆแล้วพูดว่า “สงสัยว่าบริษัทก่อสร้างของน้องสามคงให้เงินเดือนไม่เลวเลย ชุดทำงานของพวกคนงานถึงได้มีเสื้อผ้าที่ดูดีขนาดนี้”

คำพูดของเซี่ยเจี้ยนโก๋ ก็นับว่าเป็นการตอบโต้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ว่า กลับไม่ได้ทำให้สะทกสะท้านอะไรเลย

แต่ก็ทำให้การจู่โจมของเจ้าสาม ราวกับว่าได้กระแทกลงไปบนกองสำลี

“ฮื่อ!” เจ้าสามสีหน้าบูดบึ้ง ไม่พูดอะไรอีก

เจ้าสองเซี่ยเจี้ยนลี่พูดว่า “อย่ามัวแต่ยืนอยู่ข้างนอกเลย เข้ามาข้างในก่อนแล้วค่อยคุยกันเถอะ!”

เซี่ยเจี้ยนโก๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย คำพูดของเจ้าสองเป็นการแสดงตัวเองว่าเป็นเจ้าบ้านของตระกูลเซี่ย ส่วนเซี่ยเจี้ยนโก๋กลับเหมือนกับแขกที่มาจากแดนไกล

ในใจเซี่ยเจี้ยนโก๋ก็โกรธเคือง เขาถึงจะเป็นพี่ใหญ่ของตระกูลนี้ต่างหาก

แต่ว่า เมื่อคิดดูว่าตัวเองถูกขับไล่ออกจากตระกูลไปหลายปีแล้ว เจ้าสองขึ้นมาแทนตำแหน่งตัวเอง ก็เป็นเรื่องที่ธรรมดาอยู่แล้ว

เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว เซี่ยเจี้ยนโก๋ก็จึงปล่อยวางได้

ถึงแม้ในใจจะไม่สมยอมก็ตาม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

ทุกคนต่างก็กลับเข้าไปในห้องโถงอีกครั้งหนึ่ง แล้วเข้าไปนั่งที่ประจำของตัวเอง แม้แต่ พวกคนรับใช้เก่าแก่ของตระกูลเซี่ย ต่างก็มีที่นั่งประจำของตัวเอง

แต่ว่า ไม่ได้เตรียมที่นั่งไว้สำหรับครอบครัวของเซี่ยเจี้ยนโก๋เพียงอย่างเดียวเท่านั้นเอง

ทุกคนต่างมองไปยังเซี่ยเจี้ยนโก๋ ด้วยสีหน้าที่สุขใจบนความทุกข์ของคนอื่น

เซี่ยอิงเหาพวกคนรุ่นหลังทั้งหลาย ยิ่งสุมหัวกันกระซิบกระซาบ พูดอย่างประชดเสียดสีว่า “ลุงใหญ่ของพวกเราคนนี้ ย่ำแย่ถึงขนาดนี้เชียวอะ แต่ว่า นั่นคงเป็นลูกสาวเขาสิ ก็พอมีความสวยอยู่บ้างนะ!”

พวกเด็กหนุ่มตระกูลเซี่ยบางคน หัวเราะอย่างมีเลศนัย

เซี่ยเจี้ยนโก๋สีหน้าบึ้งตึง แต่ก็ไม่พูดอะไรเช่นเคย

แต่ว่าโจวเฟินกลับทนไม่ไหวอีกแล้ว ทำเสียงฮื่อใส่แล้วพูดว่า “ตระกูลเซี่ยที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ยากจนถึงขนาดที่ไม่มีเก้าอี้เหลือสักตัวเลยเหรอ?”

“เซี่ยเจี้ยนโก๋ ตระกูลเซี่ยเป็นอย่างนี้ ก็คงมีแต่คุณเท่านั้นแหละที่อยากจะกลับมา หยู่เวยพวกเรากลับ!”

พูดจบ โจวเฟินก็หันหลังจะเดินออกไป

เซี่ยเจี้ยนโก๋ขมวดคิ้ว คิดอยากจะไปขัดขวาง แต่อาจไม่แน่ว่าโจวเฟินจะยอมเชื่อฟังเขาหรือไม่

อีกอย่างเขาก็คงไม่มีหน้าจะไปขัดขวางด้วย

พี่น้องของเขาพวกนี้ ทำเกินไปจริงๆ

เมื่อเห็นว่าโจวเฟินกำลังจะไปจริงๆ ใบหน้าของคนตระกูลเซี่ยหลายคนแสดงรอยยิ้มแห่งชัยชนะออกมา

พวกเขาก็ต้องการที่จะให้ครอบครัวเซี่ยเจี้ยนโก๋ ออกไปจากตระกูลเซี่ยด้วยตัวเอง

แต่ว่า เซี่ยเจี้ยนลี่และเจ้าสามเจ้าสี่ พวกคนตระกูลเซี่ยที่ค่อนข้างอาวุโส ต่างก็ขมวดคิ้ว

ถึงแม้ว่าพวกเขาก็อยากจะขับไล่ให้เซี่ยเจี้ยนโก๋ออกจากตระกูลเซี่ยก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ตอนนี้

ยิ่งไม่ใช่เวลาหลังจากที่โจวเฟินได้หัวเราะเยาะตระกูลเซี่ยแล้ว

เซี่ยเจี้ยนลี่พูดว่า “เป็นเพราะฉันสะเพร่าเอง อิงเหา ลูกไปเตรียมที่นั่งให้พวกเขาด้วย”

เซี่ยเจี้ยนลี่ใช้คำว่า‘พวกเขา’แทน แม้แต่คำว่าพี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่ก็ไม่เรียกสักคำ

เซี่ยเจี้ยนโก๋ฟังแล้ว ขมวดคิ้วหนักยิ่งขึ้น

เมื่อได้ยินเช่นนั้น โจวเฟินก็หยุดเดินทันที ยืนอยู่กับที่มองดูเซี่ยอิงเหาที่กำลังไปจัดเตรียมที่นั่งด้วยสีหน้าเย็นชา

เซี่ยเจี้ยนโก๋เดินมาข้างกายโจวเฟิน ถอนหายใจแล้วพูดว่า “เอาเถอะ วันนี้พวกเรามาอวยพรวันเกิดให้คุณพ่อ ก็อย่าไปถือสาพวกเขาเลย”

ในไม่ช้า เซี่ยอิงเหาก็ให้คนเอาเก้าอี้ไปวางอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า เพิ่มที่นั่งขึ้นมาอีกสองที่

แต่ว่า ที่นั่งทั้งสองนั้น ก็เป็นเพียงแค่เก้าอี้ธรรมดาที่วางอยู่ตรงหน้าประตู ส่วนที่นั่งของคนอื่น ล้วนแต่เป็นที่นั่งที่มีพนักพิงหรูหรา มีลวดลายสวยงาม

อีกทั้ง เก้าอี้ทั้งสองตัวนั้น ยังเตี้ยกว่าที่นั่งตัวอื่นอีกมากทีเดียว

เก้าอี้พวกนี้สำหรับในตระกูลใหญ่แล้ว ต่างก็เรียกว่าเก้าอี้คนใช้ เป็นเก้าอี้สำหรับให้คนรับใช้นั่งโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงเตี้ยกว่าคนอื่น

เซี่ยอิงเหากลับให้ครอบครัวเซี่ยเจี้ยนโก๋ นั่งเก้าอี้แบบนี้

โจวเฟินโกรธจนอยากจะอาละวาดอีกครั้งหนึ่ง แต่ว่ากลับถูกเซี่ยเจี้ยนโก๋จับมือเอาไว้ แล้วพูดปลอบโยนด้วยเสียงเบาๆว่า “พวกเราก็รอมาตั้งหลายปีแล้ว ในที่สุดก็ได้รอมาถึงวันนี้แล้ว หรือว่าจะยอมแพ้เพราะถูกเล่นงานเพียงเล็กน้อยแค่นี้เหรอ?”

โจวเฟินดูเหมือนว่าจะนึกถึงสิ่งที่เซี่ยเจี้ยนโก๋ทุ่มเทลงไป เพื่อหวังจะได้กลับเข้ามายังตระกูลเซี่ยอีกครั้ง จึงรู้สึกใจอ่อนขึ้นมาทันที

“ฮื่อ ฉันเพียงแต่โกรธที่เห็นพวกเขาทำกับคุณอย่างนี้! ไม่ว่ายังไงก็ตาม ในตัวของคุณก็ยัง มีเลือดของตระกูลเซี่ยอยู่!”

“ถ้าเป็นคนอื่นทำแบบนี้กับคุณ ฉันยังพอทนได้ แต่พวกเขาไม่ใช่คนอื่น เป็นพี่น้องแท้ๆของคุณเอง ฉันจะไม่โกรธได้ยังไง?” โจวเฟินกวาดสายตาที่เย็นชาไปยังผู้คนตระกูลเซี่ยทั้งหลาย

แต่ว่า กลับเผชิญกับคำพูดเย้ยหยันของผู้คนตระกูลเซี่ยทั้งหลาย

“พี่น้อง ฮื่อ ใครเป็นพี่น้องกับเขา! คนเศษสวะที่แม้แต่วิชาบู๊ก็ยังไม่สามารถฝึกฝนได้เลย สำหรับตระกูลเซี่ยเรา จะไม่เลี้ยงพวกเศษสวะไว้!”

“ถูกต้อง หาวิธีสารพัดทุกอย่างเพื่อที่จะกลับเข้ามาตระกูลเซี่ยอีกครั้ง ก็ไม่ใช่เพราะว่าหวังทรัพย์สมบัตินั้นเหรอ? อย่าพูดจนทำให้ดูน่าสงสารเลย หลอกใครไม่ได้หรอก!”

อยู่ต่อหน้าผู้คนทั้งหลายที่พูดจาเสียดสีแดกดัน โจวเฟินโกรธจนพูดไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว

เซี่ยเจี้ยนโก๋ก็จับมือโจวเฟินไว้แน่น ไม่พูดอะไรจะดีกว่า หลับตาทั้งสองข้างจะได้ไม่ต้องรับรู้การดูถูกเหยียดหยามพวกนั้น

ทุกคนเมื่อเห็นสภาพของเซี่ยเจี้ยนโก๋ที่กลัวจนหัวหดเหมือนเต่าแล้ว ในใจก็รู้สึกโกรธแค้น

เช่นนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะไปยั่วโมโหเซี่ยเจี้ยนโก๋ได้อีก และก็ไม่มีทางที่จะทำให้เขาออกจากตระกูลเซี่ยไปด้วยตัวเขาเองได้อีกด้วย

มีเศษสวะคนหนึ่งอยู่ในบ้านตระกูลเซี่ยแล้ว ทำให้พวกเขาเหมือนกับมีก้างติดอยู่ตรงคอหอย

เจ้าสี่พูดขึ้นอย่างกะทันหันว่า “พี่ใหญ่คราวนี้มามอบของขวัญวันเกิดให้กับคุณพ่อ ก็นับว่ามีน้ำใจดี ทุกคนก็อย่าได้พูดอะไรอีกเลย”

เจ้าสามและเจ้าสอง มองไปยังเจ้าสี่ด้วยสีหน้าประหลาดใจ

หรือว่าเจ้าสี่เปลี่ยนใจแล้วเหรอ? ถึงกับไปพูดเข้าข้างเซี่ยเจี้ยนโก๋

แม้แต่เซี่ยเจี้ยนโก๋และโจวเฟิน ก็มองไปยังเจ้าสี่ด้วยความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

“ขอบคุณน้องสี่!” เซี่ยเจี้ยนโก๋ยังนึกว่า ในที่สุดก็ยังมีคนเห็นแก่ความสัมพันธ์ทางสายเลือด ยอมลุกขึ้นมาช่วยพูดเข้าข้างเขาบ้าง

เจ้าสี่สายตาส่องประกายความขยะแขยง แต่ก็ไม่แสดงออกมา พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อพี่ใหญ่มาอวยพรวันเกิดคุณพ่อ ไม่ทราบว่าได้เตรียมของขวัญวันเกิดอะไรให้คุณพ่อบ้างล่ะ?”

เจ้าสองและเจ้าสาม ยังมีคนตระกูลเซี่ยทั้งหลาย ทำตาลุกวาว เข้าใจแผนการของเจ้าสี่ขึ้นมาทันที

เศษสวะคนหนึ่งที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลไปหลายสิบปีแล้ว ยังจะไปหาของขวัญวันเกิดอะไรมาได้ล่ะ? นี่ไม่ใช่เป็นการประจานให้เซี่ยเจี้ยนโก๋ต้องอับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนเหรอ?

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท