ผู้คนตระกูลเซี่ยทั้งหลายต่างก็ตกใจ
“เจ้าบ้านตระกูลหลิ่วถึงกลับมาสืบสาวเอาเรื่องถึงที่นี่ด้วยตัวเองเลย!”
“จะเห็นได้ว่าตระกูลหลิ่วคราวนี้จะต้องโกรธมากทีเดียว”
“ฮื่อ เซี่ยเจี้ยนโก๋เจ้าเศษสวะคนนี้ พอกลับมาถึงก็สร้างความวุ่นวายให้กับตระกูลเซี่ยแล้ว แม้แต่คุณชายตระกูลหลิ่วเขายังกล้าทำร้ายเลย คราวนี้เจ้าบ้านตระกูลหลิ่วมาสืบสาวราวเรื่องด้วยตัวเองแล้ว ให้เขาไปอธิบายกับเจ้าบ้านเองเถอะ!”
เซี่ยเจี้ยนโก๋ก็ตกใจมากเช่นกัน “เจ้าบ้านตระกูลหลิ่วถึงกับมาสืบสาวราวเรื่องด้วยตัวเองเลย! นี่ นี่ควรจะทำยังไงดี?”
เซี่ยเจี้ยนโก๋อดไม่ได้ที่มองไปยังหลินหยุน พูดกล่าวโทษว่า “หลินหยุน นายทำอะไรวู่วามเกินไป! คราวนี้พวกเราจะทำยังไงกันดี?”
โจวเฟินพูดตะคอกว่า “คุณจะไปโทษหลินหยุนได้ยังไงกัน? ก็คนนั้นมันเสียมารยาทก่อน เสี่ยวหยุนลงมือก็เพื่อระบายความโกรธแทนหยู่เวยต่างหาก!”
เซี่ยอิงเหาพูดเยาะเย้ยว่า “เซี่ยเจี้ยนโก๋ คราวนี้เจ้าบ้านตระกูลหลิ่วมาด้วยตัวเองเลย พวกคุณทำเรื่องงามหน้าไว้ อย่ามาทำให้ตระกูลเซี่ยพวกเราต้องเดือดร้อนไปด้วยล่ะ!”
“ใช่ ในเมื่อพวกแกเป็นคนทำร้ายคุณชายตระกูลหลิ่ว งั้นพวกแกก็ต้องออกมายอมรับด้วยตัวเอง ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลเซี่ยพวกเราเลย”
ผู้คนตระกูลเซี่ยที่เหลือต่างก็พูดตะคอกใส่ครอบครัวเซี่ยเจี้ยนโก๋
ทุกคนต่างก็รีบปัดความรับผิดชอบ กลัวว่าจะได้รับความเดือดร้อนจากเซี่ยเจี้ยนโก๋
สายตาที่เซี่ยเจี้ยนโก๋มองดูหลินหยุนนั้น เต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่ว่ากลับไม่กล้าที่จะกล่าวตำหนิหลินหยุน ได้แต่ถอนหายใจอย่างหมดหนทาง
เซี่ยหยู่เวยสีหน้าเยือกเย็น กวาดมองผู้คนตระกูลเซี่ยทั้งหลายด้วยสายตาเย็นชา
“ฮื่อ พวกโง่เง่าเต่าตุ่นทั้งหลาย ในเมื่อหลินหยุนกล้าทำร้ายคุณชายตระกูลหลิ่ว แล้วจะไปแยแสกับการแก้แค้นของคนตระกูลหลิ่วได้ยังไงกัน!”
ท่านเซี่ยมองไปยังเซี่ยเจี้ยนโก๋ด้วยสายตาเยือกเย็น พูดด้วยสีหน้าบึ้งตึงว่า “ในเมื่อลูกเขยนายเป็นคนทำร้ายคน งั้นเรื่องนี้ก็ให้นายเป็นคนรับผิดชอบไปแล้วกัน!”
เจ้าบ้านเอ่ยปากพูดด้วยตัวเอง หัวใจของเซี่ยเจี้ยนโก๋เหมือนตกลงไปอยู่ในห้วงเหวลึกทันที
ได้แต่โค้งคำนับแล้วพูดว่า “ครับ!”
ผู้คนตระกูลเซี่ยทั้งหลาย แสดงสีหน้าเย้ยหยันด้วยความสุขใจบนความทุกข์ของคนอื่น
ท่านเซี่ยพูดว่า “งั้นตามฉันไปต้อนรับเจ้าบ้านตระกูลหลิ่ว!”
“ครับ!”
ผู้คนตระกูลหลิ่วทั้งหลายโค้งคำนับ แล้วเดินตามหลังท่านเซี่ย ไปยังประตูด้านนอก
ขณะที่เซี่ยอิงเหาเดินผ่านข้างกายของเซี่ยเจี้ยนโก๋นั้น ก็พูดเยาะเย้ยด้วยสีหน้าดูถูกว่า “เศษสวะ แกกับลูกเขยที่สมควรตายของแกคนนั้น ก็รอถูกขับไล่ออกจากตระกูลอีกครั้งก็แล้วกันนะ!”
เซี่ยเจี้ยนโก๋โกรธจนหน้าเขียว เด็กรุ่นหลังตระกูลเซี่ยคนหนึ่ง ถึงกับหยามเกียรติผู้อาวุโสคนหนึ่งอย่างเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ว่า ถึงยังไงเขาก็ยังไม่กล้าที่จะอาละวาดออกมา
เพราะว่าท่านเซี่ยเข้าข้างเซี่ยอิงเหาอย่างเห็นได้ชัด
ในไม่ช้า เจ้าบ้านตระกูลหลิ่วก็พาหลิ่วจื่อเทาที่ใบหน้าครึ่งซีกพันด้วยผ้าพันแผล ปรากฏขึ้นตรงหน้าสายตาผู้คนทั้งหลาย
ท่านเซี่ยยกมือคำนับแล้วพูดว่า “พี่หลิ่วให้เกียรติมาเยือน ไม่ทันได้มารอต้อนรับ หวังว่าคงให้อภัย!”
หลิ่วหยวนเจ้าบ้านตระกูลหลิ่ว พูดเยาะเย้ยว่า “ไหนเลยฉันจะกล้ารบกวนเจ้าบ้านตระกูลเซี่ยให้เกียรติมาต้อนรับล่ะ!”
ท่านเซี่ยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วพูดทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่า “เจ้าบ้านหลิ่วพูดอะไรเช่นนั้น เจ้าบ้านหลิ่วให้เกียรติมาเยือนถึงที่ ตระกูลหลิ่วพวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลย!”
หลิ่วหยวนพูดว่า “ท่านเซี่ย ฉันเชื่อว่าถ้าฉันไม่พูดคุณก็น่าจะรู้ว่าฉันมาทำไม! คนตระกูลเซี่ยพวกคุณเดี๋ยวนี้ยิ่งมายิ่งกล้าหาญแล้ว ถึงกับทำร้ายลูกชายที่ไม่เอาไหนของฉันคนนี้จนมีสภาพเป็นอย่างนี้!”
“เห็นแก่วันนี้เป็นงานวันเกิดของท่าน ฉันจะไม่ทำให้พวกคุณต้องลำบากใจ ส่งคนทำผิดออกมา เขาทำร้ายลูกชายฉันยังไง ก็ให้ลูกชายฉันทำกับเขาอย่างนั้นคืนก็พอแล้ว”
ท่านเซี่ยย่อมต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน เงื่อนไขของหลิ่วหยวนก็ไม่มากเกินไปนัก ยังง่ายกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก
“ขอบคุณที่เจ้าบ้านหลิ่วที่ใจกว้าง คนที่ทำร้ายคนก็คือลูกเขยของเซี่ยเจี้ยนโก๋ ฉันจะให้เขามอบคนนั้นออกมาเลย” ท่านเซี่ยถึงกับขายเซี่ยเจี้ยนโก๋และหลินหยุนอย่างไม่ลังเลอะไรเลย
ท่านเซี่ยมองไปยังเซี่ยเจี้ยนโก๋ สีหน้าบึ้งตึง “เซี่ยเจี้ยนโก๋ มอบตัวลูกเขยนายให้กับเจ้าบ้านไป”
เซี่ยเจี้ยนโก๋รู้สึกหนักใจ หลินหยุนเป็นที่พึ่งของเขา เขาจะมอบหลินหยุนให้กับตระกูลหลิ่วได้อย่างไรกัน?
แต่ว่า ถ้าหากไม่ส่งมอบให้ ก็ไม่รู้ว่าจะผ่านด่านตรงหน้านี้ไปได้อย่างไร?
นี่คือโจทย์ที่ยากมาก เวลาอันสั้นนี้ เซี่ยเจี้ยนโก๋ไม่มีทางจะตัดสินใจเลือกได้เลย
เซี่ยอิงเหามองไปยังหลินหยุนด้วยสีหน้าชั่วร้าย ค่อยๆแอบย่องเข้าไปข้างหลังหลินหยุน แล้วพูดเยาะเย้ยเบาๆว่า “ได้เด็กเวร เมื่อวานแกกำแหงมากใช่ไหม? แม้แต่คุณชายตระกูลหลิ่วก็ยังไม่อยู่ในสายตาเลย วันนี้แกลองกำแหงให้ฉันดูอีกทีสิ! ฉันจะคอยดูว่าแกจะตายยังไง!”
หลิ่วจื่อเทาที่ยืนอยู่ข้างหลังหลิ่วหยวน สายตาก็จับจ้องหลินหยุนที่ยืนอยู่ข้างหลังเซี่ยเจี้ยนโก๋มาตั้งแต่แรกแล้ว ใบหน้ายังคงบวมเป่งเช่นเดิม แสดงรอยยิ้มที่ดุร้ายออกมา
หลิ่วจื่อเทาตะโกนเรียกหลินหยุนด้วยสีหน้าสะใจว่า “ไอ้หนู ออกมาสิ! หรือว่าอยากจะเป็นเต่าหดหัวอยู่แต่ในกระดองล่ะ!”
หลินหยุนสีหน้าไร้ความรู้สึก เดินออกมาจากที่เดิมแล้วก้าวไปข้างหน้าสองก้าว มายืนอยู่ตรงหน้าหลิ่วหยวน
“ฉันเป็นคนทำร้ายคนเอง เจ้าบ้านหลิ่วคิดจะทำยังไงล่ะ?”
เซี่ยอิงเหายิ้มเยาะเย้ย “ฮื่อ เจ้าเด็กนี่ เห็นเจ้าบ้านหลิ่วมาถึงที่แล้ว ถึงกับวางท่ายโสโอหังเหมือนเดิมเลย!”
“คนแบบนี้ถ้าหากยังอยู่ในตระกูลเซี่ยพวกเรา รังแต่จะทำให้ตระกูลเซี่ยพบกับความหายนะไม่รู้จักจบสิ้น!”
“ถูกต้อง คนแบบนี้จะให้อยู่ในตระกูลเซี่ยไม่ได้เด็ดขาด!”
“ไล่เขาออกจากตระกูลเซี่ยไปเลย!”
คนตระกูลเซี่ยทั้งหลาย ภายใต้การยั่วยุของเซี่ยอิงเหา แต่ละคนก็ถูกปลุกระดมให้เกิดความรู้สึกร่วมขึ้นมา
สายตาท่านเซี่ยที่มองดูหลินหยุนนั้นเยือกเย็น สีหน้าก็ดูน่าเกลียดมาก เห็นได้ชัดว่ารู้สึกโกรธจัดเมื่อได้เห็นท่าทางของหลินหยุนแล้ว
เซี่ยเจี้ยนโก๋ขมวดคิ้วไว้แน่น ในใจก็แอบถอนหายใจ “หลินหยุนเอ้ยหลินหยุน แกจะไม่ยอมก้มหัวบ้างเลยหรือไง?”
หลิ่วหยวนกำลังคิดจะอ้าปากด่า แต่ว่า ขณะที่เห็นหน้าหลินหยุนแล้ว ก็รู้สึกอึ้งทันที ปากที่อ้าค้างอยู่ก็ยังลืมหุบ
“เป็นคุณได้ยังไง!”
หลิ่วจื่อเทาตกใจเล็กน้อย “พ่อครับ พ่อก็รู้จักเจ้าเด็กนี่เหรอ? เมื่อก่อนเขาคงเคยล่วงเกินพ่อสิใช่ไหม?”
“งั้นก็ดีเลย คราวนี้ความแค้นเก่าใหม่ จะได้สะสางกับเขาไปทีเดียวเลย!” หลิ่วจื่อเทายังตะโกนพูดอย่างไม่รู้ตัวว่ากำลังจะภัย
หลิ่วหยวนตะคอกเสียงดังขึ้นมาทันทีว่า “หุบปาก!”
หลิ่วจื่อเทาถูกตะคอกจนตกใจ “พ่อครับ พ่อ…..”
คำพูดของหลิ่วจื่อเทายังไม่ทันได้พูดจบเลย หลังจากนั้น สถานการณ์ทุกอย่างก็หยุดชะงักไปหมด
เขาเบิ่งตาโตอย่างเหลือเชื่อ มองไปยังหลิ่วหยวน พ่อที่เดินขึ้นไปข้างหน้า แล้วโค้งตัวลงไหว้คำนับหลินหยุน แล้วพูดว่า “ท่านหมอเทพหลินมาเยือนถึงที่ ทำไมถึงไม่แวะมาเยี่ยมตระกูลหลิ่วบ้างล่ะ?”
“ต้องโทษที่ฉันเลี้ยงลูกไม่ดี ล่วงเกินหมอเทพหลินไป หวังว่าหมอเทพหลินคงให้อภัย!”
หลิ่วจื่อเทาอ้าปากกว้างจนสามารถยัดไข่ไก่เข้าไปหนึ่งฟองได้เลย
เซี่ยอิงเหาที่สีหน้าสะใจนั้น กำลังคิดเดาอยู่ว่าเจ้าบ้านหลิ่วจะจัดการกับหลินหยุนยังไง ถึงกับช็อกจนลูกตาแทบจะหล่นลงไปบนพื้น
“มันเรื่องอะไรกันแน่! เจ้าบ้านหลิ่วทำไมเกรงใจเจ้าเด็กนี้ถึงเพียงนี้!”
ผู้คนตระกูลหลิ่วที่เหลือ ต่างก็อ้าปากกว้างจนหุบไม่ลง
“ฉันไม่ได้ตาฝาดนะ! เจ้าบ้านหลิ่วถึงกับทำความเคารพลูกเขยของเซี่ยเจี้ยนโก๋!”
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
แม้แต่ท่านเซี่ยก็ยังหน้าตามึนงง มองไปยังหลิ่วหยวนที่ยังคงยืนโค้งคำนับในท่าเดิม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
สีหน้าท่าทางของเซี่ยเจี้ยนโก๋ ก็เต็มไปด้วยอาการช็อก แทบไม่อยากจะเชื่อเลย
เหตุการณ์พลิกผันเช่นนี้ช่างมากมายเหลือเกินจริงๆ ทำให้ผู้คนไม่สามารถยอมรับได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้
ความจริงแล้ว นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดอะไรเลย
ในตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีนนั้น ยกย่องนับถือวิชาการแพทย์เป็นอันดับสูงสุด ในขณะที่หลินหยุนได้ช่วยรักษาอาการป่วยของท่านนิ่ง วิชาการแพทย์ที่ได้แสดงออกมานั้น ก็สามารถทำให้หลิ่วหยวนยอมสยบแล้ว
ตอนนี้ หลินหยุนในสายตาของหลิ่วหยวนนั้น ก็เหมือนกับฐานะของปรมาจารย์ขั้นสูงสุดที่อยู่ในสายตานักบู๊ธรรมดาคนหนึ่ง
อีกทั้ง เมื่อหลิ่วหยวนได้รู้จากปากของหลิ่วจื่อเทาแล้วว่า นักเลงอันธพาลที่ใช้กำลังปล้นสะดมแย่งชิงก็คือหลินหยุนนั้น หลิ่วหยวนก็เข้าใจแล้วว่า ลูกชายของเขาเองต่างหากที่กำลังพูดโกหก
เพราะว่า ด้วยวิชาการแพทย์ของหลินหยุนแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องไปแย่งชิงวิชาฝังเข็มอะไรจากหลิ่วจื่อเทาเลย
ดังนั้น หลิ่วหยวนก็ไม่ต้องถามอะไรอีกแล้ว รีบยอมรับผิดกับหลินหยุนโดยตรง
เซี่ยอิงเหาหลังจากที่ได้สติกลับคืนมาแล้ว สีหน้าบึ้งตึง แอบด่าอย่างไม่พอใจว่า “น่าโมโหจริง ปล่อยให้เขารอดไปได้”
“แต่ว่า เขาไปทำอะไรมากันแน่ ถึงกับทำให้เจ้าบ้านหลิ่วก็ยังนอบน้อมเขาถึงเพียงนี้!”