หลินหยุนลุกขึ้นจากเก้าอี้
เซี่ยหยู่เวยมองไปที่ร่างผอมบาง ชั่วขณะ ก็สูงเท่าภูเขา ทำได้แต่แหงนหน้ามอง
“เซี่ยหยู่เวย ไม่ว่าฉันจะให้โอกาสเธอหรือไม่ ตอนนี้มันก็ไร้ความหมายแล้ว เธอน่าจะเคยสงสัยว่า ทำไมจู่ๆฉันถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้”
“ตอนนี้ฉันกับเธอ ไม่ใช่คนในโลกเดียวกันเลย แม้ว่าหน้าตาเธออ่อนเยาว์ อย่างมากก็อยู่ได้ไม่กี่สิบปี แต่หนึ่งร้อยปีสำหรับฉัน เป็นเพียงชั่วพริบตา”
“ก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกเธอแล้ว ฉันกับเธออยู่คนละโลกกัน วิสัยทัศน์ของเธอถูกจำกัดให้อยู่ทางโลกมโนธรรม แต่สำหรับฉันอยู่ในดวงดาวจักรวาลแล้ว”
“ในตอนนั้น เธอคงคิดว่าฉันขี้โม้โอ้อวดไม่รู้จักอาย!”
“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ฉันสามารถบอกเธอได้ว่า สิ่งที่ฉันพูดนั้นเป็นความจริง สถานะเธอกับฉันถูกกำหนดไว้แล้ว ทั้งชีวิตไม่มีวันได้อยู่ด้วยกัน”
“ดังนั้น เธอไม่จำเป็นต้องฝืนใจ จงไปค้นหาความสุขที่แท้จริงของเธอ!”
“ชะตากรรมของฉันกับตระกูลเซี่ย สิ้นสุดลงแค่นี้!”
“เธอและฉัน จากนี้ไปเดินคนละเส้นทางกัน”
หลังจากพูดจบ หลินหยุนก็หันหลังกลับ โดยเอามือไขว้หลัง
เซี่ยหยู่เวยไม่เต็มใจ และต้องการขอโอกาส แต่ว่า ถูกพลังที่มองไม่เห็น ผลักออกไปนอกประตู
ปัง!
ประตูก็ปิด ทำให้เซี่ยหยู่เวย อยู่ข้างนอก
ประตูเล็กๆบานหนึ่ง เป็นเหมือนกำแพงทั้งสองโลก แยกทั้งสองออกจากกันอย่างสมบูรณ์
ร่างเซี่ยหยู่เวย พิงประตูห้องอย่างหมดอาลัยตายอยาก หดหู่สิ้นหวัง
ตอนนี้ ในสมองเธอ มีคำพูดของหลินหยุนก้องอยู่
“ชะตากรรมของฉันกับตระกูลเซี่ย สิ้นสุดลงแค่นี้! เธอกับฉัน จากนี้ไปเดินคนละเส้นทางกัน……”
เซี่ยหยู่เวยเดินอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก โดยไม่ได้กลับไปที่ห้อง แต่เดินเข้าไปในลานบ้าน มองดูดวงดาวบนท้องฟ้า ด้วยสีหน้าขมขื่นใจ
“ที่แท้ ดวงดาวในจักรวาลช่างสวยงามจริงๆ!”
“จักรวาลอันกว้างใหญ่ ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวไม่มีที่สิ้นสุด สำหรับคนนั้นเล็กนิดเดียว จะกล้าไปเอื้อมดวงดาวจักรวาลบนท้องฟ้าได้อย่างไร?”
“ก่อนหน้านี้ ฉันคิดว่าเขากำลังขี้โม้โอ้อวด แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง”
“โลกของเขา จะยิ่งใหญ่เพียงใด?”
“น่าเสียดาย เดิมทีฉันสามารถเดินเข้าไปในโลกใหม่นี้ได้ ท้ายที่สุด สำหรับโลกใหม่ใบนี้ ฉันได้แต่เดินผ่าน”
“ฉันเกลียด เกลียดมาก ฉันไม่เต็มใจ ไม่เต็มใจจริงๆ!”
ใบหน้าที่สวยงามของเซี่ยหยู่เวยค่อยๆบูดเบี้ยว และดูเหมือนว่าจะมีเสียงของผู้หญิงที่มีความแค้นปลุกเรียกเธอ และชี้นำเธอ
“มาเถอะ มาเถอะ ระบายความโกรธในใจของเธอ! มาเถอะ มาเถอะ ฉันสามารถเติมเต็มความปรารถนาในใจของเธอ! ผู้ชายทุกคนในโลกนี้จิตใจคับแคบ……”
เซี่ยหยู่เวยเดินโซเซไปตลอดทาง เหมือนหุ่นเชิดที่ไม่มีวิญญาณ เดินผ่านบ้านตระกูลเซี่ยที่เรียงกันเป็นแถว ไปยังป่าหลังสวน
ป่ามืดและหนาวเย็น และกลางคืนเต็มไปด้วยอันตราย เซี่ยหยู่เวยเดินอย่างว่องไว วิ่งอย่างบ้าคลั่งกลางป่า
กิ่งไม้เกี่ยวกระโปรงของเธอจนขาด รองเท้าส้นสูงหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมที่มัดไว้อย่างสวยงามก็ถูกกิ่งไม้เกี่ยวจนยุ่ง กลายเป็นลักษณะเส้นผมยุ่งเหยิง
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ ในดวงตามีแสงประกายแห่งความบ้าคลั่ง อยู่ในป่าพื้นหญ้า วิ่งอย่างบ้าคลั่ง
ในที่สุด ป่าก็หายไป และมีกำแพงที่พังทลาย ปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ
ประตูไม้เก่าแก่ ตามแรงลม มีเสียงของประตูดังเอี๊ยดๆ
เหนือประตูไม้ มีเขียนตัวหนังสือโบราณ เขียนสองสามคำ ห้องโถงป้ายบรรพบุรุษตระกูลเซี่ย
ในใจของเธอ เสียงนั้นยังคงปลุกเรียกหาเธอ
“มาเถอะ มาเถอะ เข้ามาสิ……”
“ให้ผู้ชายคลานใต้เท้าของเธอ และจูบปลายเท้าของเธอ……”
“ให้พวกเขาเหมือนสุนัข ตกเป็นทาสของเธอ……”
“เข้ามาสิ เข้ามาแล้วจะได้ทุกสิ่งที่เธอต้องการ……”
ดวงตาของเซี่ยหยู่เวยว่างเปล่า พึมพำกับตัวเอง “ฉันไม่เต็มใจ ฉันไม่เต็มใจ……”
เอี๊ยด!
ประตูห้องถูกเซี่ยหยู่เวยผลักออก ป้ายชื่อบรรพบุรุษเรียงรายอยู่ภายใต้แสงเทียมเหลืองอร่าม เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง
เซี่ยหยู่เวยยังคงก้าวไปข้างหน้า โดยข้ามป้ายชื่อบรรพบุรุษ และมาถึงห้องโล่งซึ่งอยู่ข้างหลังห้องโถงป้ายชื่อบรรพบุรุษ
คลิก!
ท้องฟ้าแจ่มใสมีฟ้าผ่า!
ท้องฟ้ายามค่ำคืนสว่างไสว!
สิงโตหินยักษ์ตัว มีลักษณะเหมือนจริง และสง่างาม ครองบริเวณเก้าตำแหน่ง
หากคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับฮวงจุ้ย มองแวบเดียวก็รู้ทันที ตำแหน่งของสิงโตหินยักษทั้งเก้า ก็คือตำแหน่งดาวเก้ายุค(คำนามฮวงจุ้ย)
และพื้นที่ว่างแห่งนี้ ไม่ใช่พื้นที่ว่างอะไร แต่เป็นสุสาน
เก้าสิงโตคมสุสาน
ชัด!
สายฟ้าแลบบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ทำให้ท้องฟ้าสว่างส่วนหนึ่ง
สิงโตหินยักษทั้งเก้าที่อยู่บนสุสาน หายไปพร้อมกับเซี่ยหยู่เวย
นายท่านเซี่ยที่กำลังหลับใหลอยู่ ตื่นขึ้นในทันใด
“ไม่ได้การแล้ว! มีบางอย่างเกิดขึ้นกับห้องโถงป้ายบรรพบุรุษ!”
ข้างๆ คุณหญิงเซี่ยนั่งลง และถอนหายใจ “มันก็แค่ฟ้าร้อง จะไปเกิดอะไร?”
“นอนเถอะ อย่าโวยวายไปเลย!”
นายท่านเซี่ยมองผ่านหน้าต่าง และเหลือบมองท้องฟ้ายามค่ำคืนด้านนอก “ใช่แล้ว แค่สุสาน มันจะเกิดอะไรขึ้น? แม้ว่าจะตกทอดมาเป็นเวลานาน แต่ก็มีค่าเพียงเล็กน้อย”
“เฮ้อ อายุมากแล้ว ก็จะพะวงไปทั่ว”
นายท่านเซี่ยถอนหายใจ ล้มตัวลงนอนต่อ
ที่บนเตียง หลินหยุนซึ่งกำลังนั่งขัดตะมาดนั่งสมาธิ จู่ๆก็ลืมตาขึ้น
เหลือบมองไปยังทิศทางของห้องโถงป้ายบรรพบุรุษของตระกูลเซี่ยอย่างสงสัย “มีสายฟ้าแลบบนท้องฟ้าแจ่มใส หรือจะมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น?”
วันรุ่งขึ้น หลินหยุนกล่าวอำลากับเซี่ยเจี้ยนโก๋และโจวเฟิน
แม้ว่าเซี่ยเจี้ยนโก๋กับโจวเฟินจะเสียใจ แต่พวกเขาก็เข้าใจว่าหลินหยุนเป็นคนมีความสามารถต้องทำการใหญ่ รั้งไม่อยู่
เพียงแต่ว่า ไม่เห็นเซี่ยหยู่เวย บางทีอาจยังไม่หายจากความสะเทือนใจจากเรื่องเมื่อคืนนี้
หลังจากที่หลินหยุนจากไป ก็กลับไปที่โรงแรมของตัวเอง
เวลาที่นัดหมายกับหงซานเหอ ยังเหลืออีกสองสามวัน
การสร้างตัวอ่อนยาทองไม่ทันแล้ว และหลินหยุนตัดสินใจ ไปดูที่ฐานกองกำลังพิเศษมังกรฟ้าก่อน
ยังไง สนามล่าเจ็ดเผ่า ยังไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน หลินหยุนไม่ได้ไปเยี่ยมเยียนสมาชิกกองกำลังพิเศษมังกรฟ้านานแล้ว
อาจารย์บู๊ท่านนี้ รู้สึกจะขาดความรับผิดชอบ
โทรหายิ่งตงไหล และให้ยิ่งตงไหลมารับคนที่โรงแรม
ยิ่งตงไหลมารับหลินหยุนที่โรงแรมด้วยตัวเอง
ทั้งสองกลับไปที่ฐานกองกำลังพิเศษมังกรฟ้า ไม่คิดว่าหงซานเหอจะอยู่ที่นั่น
ยิ่งตงไหลพาหลินหยุน ไปพบหงซานเหอที่ออฟฟิต
“ในเมื่อคุณมาถึงที่นี่ ดูเหมือนว่าธุระของคุณคงจัดการเรียบร้อยแล้ว” หงซานเหอดูเอกสารในมือ และไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง
หลินหยุนก็ไม่เกรงใจ นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยตัวเอง แล้วพูดอย่างไม่ค่อยใส่ใจ “จัดการเรียบร้อยแล้ว ลองพูดมาสิ สนามล่าเจ็ดเผ่าคืออะไร?
เมื่อพูดถึงสนามล่าเจ็ดเผ่า ยิ่งตงไหลไม่รู้สึกแปลกใจเลย เห็นได้ชัดว่า เขารู้จักสนามล่าเจ็ดเผ่า
หงซานเหอพูดว่า “ให้หัวหน้ายิ่งบอกคุณเกี่ยวกับเรื่องของสนามล่าเจ็ดเผ่า !”
หลินหยุนมองไปที่หัวหน้ายิ่งที่อยู่ข้างๆ
ใบหน้าของยิ่งตงไหล เริ่มย้อนความทรงจำ และดวงตาของเขา ดูหวาดกลัวเล็กน้อย
สามารถให้ยิ่งตงไหลซึ่งเป็นทหารเลือดนักสู้เช่นนี้ และยังเป็นปรมาจารย์บู๊ แสดงความรู้สึกหวาดกลัว ดูเหมือนว่าสนามล่าเจ็ดเผ่านี้ ไม่ใช่สถานที่ดี!
ยิ่งตงไหลเรียงระดับคำพูดก่อน และพูดว่า “อาจารย์หลินก่อนที่จะแนะนำสนามล่าเจ็ดเผ่า ฉันจะพูดประวัติความเป็นมาของสนามล่าเจ็ดเผ่าก่อน สิ่งนี้จะทำให้คุณเข้าใจสนามล่าเจ็ดเผ่าได้ง่ายขึ้น”
“ดี” หลินหยุนพูด
“ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ในปัจจุบัน หลายเผ่าพันธุ์ใหญ่ๆในโลก ได้ก่อตั้งเผ่ารวมกัน มีเผ่าที่มีอำนาจมากที่สุดเจ็ดเผ่า รวมเผ่าเป็นห้าเผ่าสมาชิกถาวร
“ทุกวันนี้ เผ่าพันธุ์หลายเผ่ามีอาวุธนิวเคลียร์ ดังนั้น ตอนนี้ไม่เหมือนในอดีต ที่ทำสงครามกันง่ายมาก สงครามในปัจจุบัน ถ้าไม่ระวัง มันก็จะพัฒนาเป็นสงครามที่ทำลายโลก”
“ด้วยเหตุนี้ เจ็ดเผ่าสมาชิกถาวร จึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลีกเลี่ยงการทำสงคราม”
“อย่างไรก็ตาม ที่ใดมีคน ที่นั่นย่อมมีสงคราม นี่คือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องให้ทุกคนมีแนวทางในการแก้ไขข้อพิพาท”
สนามล่าเจ็ดเผ่า ในเวลานี้ เกิดขึ้นตามสถานการณ์วัตถุประสงค์ และกลายเป็นแนวทางแก้ไขข้อพิพาท