คฤหาสน์ประธานาธิบดีจีน ที่เมืองหลวง
หลงอียืนอยู่ข้างๆอย่างนอบน้อมด้วยสีหน้ากังวลใจ มองดูชายชราที่ขมวดคิ้วไว้แน่นซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าต่าง
“ประธานาธิบดีครับ คุณยืนอยู่ตรงนั้นตั้งสองชั่วโมงแล้วนะ นั่งพักผ่อนสักครู่หนึ่งก่อนเถอะ!”หลงอีรู้อยู่แล้วว่าไม่ควรจะพูดเตือน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูด
ประธานาธิบดีหันไปมองเขาว่าแวบเดียว แล้วถอนหายใจเฮือก “ช่วงนี้สถานการณ์ไม่ค่อยดีนักเลย!”
“ตั้งแต่มีข่าวคราวที่โลกบู๊โบราณจะเผยตัวออกมาแล้วนั้น หลังจากที่ได้ลือกันทั่วโลกบู๊แล้ว พวกนักบู๊จำนวนมากต่างก็ระวังภัยกันมากขึ้น ตอนนี้เริ่มไม่แยแสกับสัญญาข้อตกลงที่ทำไว้กับโลกมโนธรรมแล้ว”
“นี่เป็นลางสังหรณ์ที่จวนจะเกิดเหตุจลาจลขึ้นแล้ว!”
หลงอีขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ใช่ครับ สมาชิกหน่วยมังกรทั่วทุกสารทิศต่างก็ทยอยรายงานขึ้นมาว่า ได้เห็นพวกนักบู๊จำนวนมากถึงกับแสดงพละกำลังต่อหน้าสาธารณชนแล้ว”
“ตอนนี้ประชาชนคนธรรมดาจำนวนมาก ต่างก็รู้ว่าที่แท้ยังมีนักบู๊อยู่จริง และรู้สึกเทิดทูนบูชานักบู๊อย่างแรงกล้า อีกทั้งยังปั่นกระแสร้อนแรงให้มีการฝึกเรียนรู้วิชาบู๊ขึ้นมาอีกด้วย”
“มีบางคนถึงกับเลือกเข้าไปในขุนเขาป่าลึกที่ไม่มีผู้คนอาศัยโดยเฉพาะ เพื่อที่จะไปแสวงหาสิ่งที่เรียกว่าบุญวาสนา”
“ยังมีพวกนักธุรกิจบางคน ยอมเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากอย่างไม่เสียดาย เพื่อรับสมัครนักบู๊จากทั่วสารทิศมาเพื่อเป็นบอดี้การ์ด”
“มิหนำซ้ำ ข้าราชการพวกเราบางคน ถึงกับหาประโยชน์จากอำนาจในมือ ส่งลูกหลานตัวเองเข้าไปในสำนักบู๊อีกด้วย”
“กระแสที่เกิดขึ้นเช่นนี้ ยิ่งทำให้นักบู๊ที่เดิมทีแอบซุ่มอยู่พวกนั้น ก็ถือโอกาสในการเก็งกำไรจากโลกมโนธรรมอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย”
“อีกทั้งยังมีพวกนักบู๊ที่ใจกล้าบางคน ถึงกับฝ่าฝืนคำสั่งห้ามอีกด้วย”
“ถึงแม้ฉันก็ได้ส่งกำลังไปเสริมเพิ่มเติม เพื่อจัดการกับนักบู๊แบบนี้โดยเฉพาะ แต่ก็ไม่สามารถห้ามปรามผู้คนที่เทิดทูนพวกนักบู๊อย่างบ้าคลั่งได้”
“เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว นักบู๊ที่ชอบท้าทายความเสี่ยงพวกนั้นก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ”
“กำลังคนของฉันที่ต้องเผชิญกับเรื่องราวพวกนี้ ก็เริ่มที่จะรับมือไม่ไหวแล้ว”
ประธานาธิบดีถอนหายใจแล้วพูดว่า “นี่ก็คือประเด็นที่ฉันเป็นห่วงมากที่สุด”
“เกรงว่าประชาชนมองเห็นแต่พลังความสามารถที่แข็งแกร่งของนักบู๊พวกแต่ด้านเดียว แต่มองไม่เห็นสิ่งอันตรายที่แฝงมากับพวกเขาด้วย”
หลงอีพูดว่า “จะให้ท่านหงทางนั้น ส่งกำลังคนเข้ามาเสริมอีกไหม?”
ประธานาธิบดีสายหน้า “ช่วงนี้ท่านหงเพิ่งจะไล่บี้พวกผู้วิเศษทางโลกตะวันตกที่เข้ามาจู่โจมจนล่าถอยไปหลายครั้งแล้ว แต่ว่าคนพวกนั้นยังคงไม่เลิกรา ทำให้ท่านหงต้องยุ่งวุ่นวายจนปลีกตัวออกมาไม่ได้เลย”
“ได้ข่าวว่า แม้แต่เจียงร่อโจ๋ก็ยังได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีกด้วย แต่ว่าก็ยังดีที่สามารถขับไล่ผู้วิเศษทางโลกตะวันตกออกไปได้”
หลงอีขมวดคิ้ว “สถานการณ์วิกฤตถึงขั้นนี้แล้วเหรอ?”
“เออใช่แล้ว ปรมาจารย์หลินออกจากการฝึกฝนบำเพ็ญตนแล้ว กำลังตรงไปยังจงโจว จะให้เขามาช่วยพวกเราด้วยหรือเปล่า?”
ประธานาธิบดีนิ่งเฉยไม่พูด ผ่านไปสักครู่จึงพูดว่า “พรุ่งนี้คุณหาคนไปเชิญเขามาพบที่เมืองหลวงหน่อย”
หลงอีอึ้งไปสักครู่ ก้มหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ครับผม!”
บริษัท ตงหวาง กรุ๊ป มณฑลจงโจว
หลังจากที่หลินหยุนสิ้นสุดการประลองกับโม่งเฉินแล้ว จึงได้ล้มเลิกความคิดที่จะไปคิดบัญชีกับตระกูลหวางที่เมืองหลวงชั่วคราว ดังนั้นสิ่งแรกที่ต้องทำก็คือไปแจ้งข่าวให้หวางซูเฟินได้รู้ก่อน
ในห้องทำงานของหวางซูเฟินนั้น หวางซูเฟินที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน เมื่อได้ยินว่าหลินหยุนบอกว่าจะยกเลิกแผนการที่จะไปคิดบัญชีกับตระกูลหวางที่เมืองหลวงชั่วคราวแล้วนั้น
ถึงกับไม่ได้ผิดหวังอะไร แต่กลับรู้สึกโล่งอก
มองดูหลินหยุนที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามนั้น หวางซูเฟินก็ถามด้วยความสงสัยว่า “ทำไมลูกถึงได้เปลี่ยนใจกะทันหันอย่างนี้ล่ะ?”
หลินหยุนพูดว่า “ผมไปเจอกับคนคนหนึ่ง เขาพูดเรื่องราวเกี่ยวกับเบื้องลึกที่แท้จริงบางอย่างของตระกูลหวาง ผมจึงรู้สึกว่า ตอนนี้ยังไม่ใช่โอกาสเหมาะที่สุดในการลงมือกับตระกูลหวางแล้ว”
หวางซูเฟินพูดว่า “งั้นฉันก็จะให้คนที่ฉันส่งไปเมืองหลวงพวกนั้น กลับมาให้หมดก่อนเลย”
“ถ้าเมื่อไหร่ที่ลูกตัดสินใจดีแล้ว ค่อยบอกฉันล่วงหน้าอีกที ฉันจะได้วางแผนใหม่”
“ลำบากแม่แก่แล้วนะ” หลินหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม
ในเวลานี้เอง ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามาได้!” หวางซูเฟินตะโกนพูด
ฉินหลันที่แต่งตัวในชุดทำงานสีดำ เดินเข้ามา มองหน้าหลินหยุนแวบเดียวแล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “ผู้อำนวยการคะ คนของบริษัท ยามาโนะ กรุ๊ปมาอีกแล้วค่ะ”
หวางซูเฟินแสดงสีหน้าเบื่อหน่าย เอามือก่ายหน้าผากแล้วถามว่า “คราวนี้คนที่มาเป็นใครอีกล่ะ? ถ้าไม่ใช่คนสำคัญอะไรก็ไล่ตะเพิดเขาไปก็พอแล้ว”
ฉินหลันพูดว่า “คนที่มาคราวนี้คือคุณชายใหญ่ของบริษัท ยามาโนะ กรุ๊ป โทโยะจะวะ ยามาโนะ”
หวางซูเฟินอึ้งไปสักครู่ “โทโยะจะวะ ยามาโนะถึงกับมาด้วยตัวเอง งั้นฉันไม่พบก็ไม่ได้แล้วสินะ”
“ให้เขาเข้ามาเถอะ!”
“ค่ะ!” ฉินหลันตอบรับคำ หันหลังกลับแล้วเดินออกไป
หลินหยุนมองไปยังหวางซูเฟินด้วยสีหน้าสงสัย ยังไม่ทันที่เขาเอ่ยปากถามเลย หวางซูเฟินก็พูดอธิบายว่า
“บริษัท ยามาโนะ กรุ๊ป เป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น สามารถคุมระบบเศรษฐกิจทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่นไว้ในกำมือ แม้แต่ผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลญี่ปุ่นก็ยังต้องเห็นแก่หน้าบริษัท ยามาโนะ กรุ๊ปเลย”
“ถ้าหากบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปคิดจะขยายกิจการให้ยิ่งใหญ่ขึ้น ก็จำเป็นจะต้องก้าวออกไปสู่ตลาดต่างประเทศ ส่วนบริษัท ยามาโนะ กรุ๊ปก็จะเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ให้กับบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปได้”
“แม้แต่ตอนนี้ พวกเราก็ได้ทำธุรกิจร่วมกับบริษัท ยามาโนะ กรุ๊ปหลายอย่างแล้ว แต่ว่านั่นก็เป็นเพียงการติดต่อทางการค้าเท่านั้น ส่วนตัวแล้วยังไม่มีอะไรเกี่ยวพันกันเลย”
“คราวนี้คนของบริษัท ยามาโนะ กรุ๊ป ได้วิ่งเข้าหาพวกเราบ่อยครั้งมาก แท้จริงแล้วก็เพื่อมุ่งเป้าไปที่น้ำแห่งชีวิตเท่านั้นเอง”
หลินหยุนถามว่า “มุ่งเป้าไปที่น้ำแห่งชีวิตหรือ?”
“พวกเขาคิดจะทำอะไรเหรอ?”
หวางซูเฟินแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “เจ้าของที่อยู่เบื้องหลังของน้ำแห่งชีวิต ก็ไม่รู้คิดยังไงต้องการที่จะจำหน่ายเฉพาะภายในประเทศจีนเท่านั้น”
“มีชาวต่างชาติจำนวนมากหลังจากที่ได้ลิ้มลองความอัศจรรย์ของน้ำแห่งชีวิตแล้ว ต่างก็คิดอยากจะได้สิทธิบัตรในการเป็นตัวแทนจำหน่ายของน้ำแห่งชีวิตทั้งนั้น”
“แต่ไม่ว่าพวกเขาจะให้ราคาสูงขนาดไหน พวกตัวแทนจำหน่ายน้ำแห่งชีวิตทุกราย ต่างก็ปฏิเสธไปหมดเลย”
“พวกเขาคิดจะอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัว เพื่อจะได้ไปได้รับสิทธิบัตรการเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำแห่งชีวิต”
“เพราะว่าบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปได้ร่วมมือทำการค้ากับบริษัท ยามาโนะ กรุ๊ปแล้ว พอดีบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปก็มีสิทธิบัตรการจำหน่ายน้ำแห่งชีวิตนี้ด้วย ดังนั้นบริษัท ยามาโนะ กรุ๊ปจึงพุ่งเป้ามาที่ฉัน”
“แล้วพวกเขาทำอะไรแม่หรือเปล่าล่ะ?” หลินหยุนถาม
หวางซูเฟินพูดว่า “ไม่มี ก่อนหน้านั้นก็ได้ส่งคนมาสองชุดแล้ว แต่ฉันก็ได้ปฏิเสธไป”
“คิดไม่ถึงว่าบริษัท ยามาโนะ กรุ๊ปยังไม่ยอมเลิกรา คราวนี้ถึงกับส่งทายาทคนต่อไปของบริษัท ยามาโนะ กรุ๊ปมาเองเลย”
หลินหยุนถามด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายของบริษัท ยามาโนะ กรุ๊ปมาด้วยตัวเอง แม่แก่คิดจะทำยังไงล่ะ?”
หวางซูเฟินทำตาค้อนใส่หลินหยุน “นี่ยังจะถามอีกเหรอ? ฉันก็ไม่ยอมให้เขาได้สมหวังอย่างแน่นอน”
“ตอนนั้นคนญี่ปุ่นเข้ามารุกรานประเทศจีน เข่นฆ่าพวกเราชาวจีน ก่อกรรมทำเข็ญไว้มากมาย อีกทั้งยังไม่ยอมรับผิดอีก”
“ถึงแม้ฉันเป็นเพียงแค่สตรีเพศ แต่ก็ไม่เคยลืมเลย น้ำแห่งชีวิตที่เป็นของวิเศษมีคุณประโยชน์ต่อชาวจีนนับหมื่นแสนเช่นนี้ ฉันไม่มีวันที่จะให้เขาได้ไปหรอก!”
หลินหยุนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แม่แก่อาจหาญไม่แพ้บุรุษเพศเลยนะ”
“พอที ไม่ต้องมาเลียเข่งเลียขาฉัน ถ้าลูกไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของคุณชายยามาโนะละก็ รีบกลับไปซะ” หวางซูเฟินเป็นห่วงว่าประสบการณ์ทางการค้าขายของหลินหยุนยังมีไม่มากพอ อีกประเดี๋ยวอาจเผยจุดอ่อนให้คุณชายยามาโนะจับได้
“ไม่ต้องหรอก ลูกจะอยู่ฟังที่นี่แหละ ดูว่าเขาจะพูดยังไง” หลินหยุนพูด
ความจริงแล้ว หลินหยุนเป็นห่วงความปลอดภัยของหวางซูเฟินมากกว่า
“ได้ แต่ว่าอีกประเดี๋ยวลูกฟังอย่างเดียวก็พอ พยายามอย่าพูดอะไรก็แล้วกัน” หวางซูเฟินพูดกำชับ
“ได้ครับ”
ในไม่ช้า ประตูของห้องทำงานก็ถูกเปิดออก
ฉินหลันพาชายหนุ่มหน้าตารูปหล่อ รูปร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อคลุมขนสัตว์สีดำคนหนึ่ง เดินเข้ามาพร้อมกับผู้ติดตามชายชราชุดดำสองคนที่อยู่ข้างหลัง
“ผู้อำนวยการคะ คุณชายยามาโนะมาถึงแล้วค่ะ!” ฉินหลันพูดพลางโค้งคำนับ
“คุณไปทำงานอื่นก่อนเถอะ!” หวางซูเฟินขยิบตาให้กับฉินหลัน
หลังจากนั้น ก็มองไปยังโทโยะจะวะ ยามาโนะ แล้วแสดงรอยยิ้มที่สนิทสนมออกมา “คุณชายยามาโนะให้เกียรติมาเยือนถึงที่ ไม่ได้ไปต้อนรับ ต้องขออภัยด้วยค่ะ!”
หวางซูเฟินพูดอย่างมีพิธีรีตอง
“ผู้อำนวยการหวางเกรงใจไปแล้ว โทโยะจะวะ ยามาโนะเป็นเพียงผู้น้อย ท่านเป็นผู้อาวุโส ไฉนเลยจะกล้าให้ท่านมาต้อนรับด้วยตัวเองล่ะ” โทโยะจะวะ ยามาโนะท่าทางไม่รีบไม่ร้อน พูดพลางโค้งตัวลงอย่างมีมารยาท
เพียงแค่การสนทนาที่มีพิธีรีตองเช่นนั้น ก็สามารถดูออกแล้วว่า คุณชายใหญ่ของตระกูลมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยมหาศาลชาวญี่ปุ่นคนนี้ ไม่ใช่จะรับมือกันได้ง่ายๆเลย