จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 792 คุกเข่าร้องขอความเมตตา

บทที่ 792 คุกเข่าร้องขอความเมตตา

ได้ยินหลินหยุนพูดออกมาถึงระดับความสามารถของตนเอง ในใจของเหยียนเทียนเหาก็เกิดความตะลึงขึ้นมาบ้าง

ก่อนหน้านี้ เขาได้เคยสังเกตหลินหยุนแล้ว พบว่าร่างกายของหลินหยุน ไม่มีการเคลื่อนไหวของชี่แท้ที่แข็งแกร่ง

จึงคิดว่าหลินหยุนก็เป็นเพียงแค่นักบู๊ธรรมดาเท่านั้น

แต่ชัดเจนว่า หลินหยุนไม่ได้เป็นเพียงแค่นักบู๊ธรรมดา ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่สามารถที่จะพูดถึงระดับพลังความสามารถของตนเองออกมาได้อย่างเด็ดขาด

ส่วนเขา กลับไม่สามารถที่จะมองออกถึงพลังความสามารถของหลินหยุนได้

“นายก็คือปรมาจารย์หลิน? ” เหยียนเทียนเหาถามขึ้นอย่างเย็นชา

หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “ฉันคือใคร นายยังไม่สมควรที่จะรู้”

“กำเริบเสิบสานยิ่งนัก! ” ทางฝั่งของเหยียนเสวเหวิน มีคนหนึ่งลุกยืนขึ้น ชี้หน้าด่าหลินหยุน

“ห้ามเสียมารยาทต่อปรมาจารย์เหยียนเด็ดขาด! ”

หลินหยุนไม่ได้หันกลับไปมอง เพียงแค่สะบัดฝ่ามือเบา ๆ เหมือนกับขับไล่แมลงวันที่น่ารำคาญ

“เอะอะโวยวายอยู่ได้! ”

เปรี๊ยะ!

คนผู้นั้นได้ถูกพลังที่มองไม่เห็นตบกระเด็นลอยไปไกล ร่วงหล่นลงมาบนโต๊ะ ทำให้กระจกบนโต๊ะแตกละเอียด

“อะไรกัน! นี่……”

คนในฝั่งของตระกูลเหยียน ตกตะลึงจนหน้าซีด เงียบโดยไม่กล้าพูดอะไร

พ่อของเหยียนเสวเหวินพูดขึ้นอย่างโมโหว่า: “ปรมาจารย์หลิน นายอย่ากำเริบเสิบสานจนเกินไป นายคิดว่าไม่มีใครที่จะสามารถกำราบนายได้จริง ๆ ใช่ไหม! ”

จางเหมิงกับเถียนชุ่ยชุ่ยและคนอื่น ๆ ก็ลุกยืนขึ้น ชี้หน้าด่าหลินหยุน: “หลินหยุน อยู่ต่อหน้าปรมาจารย์เหยียน นายยังกล้าที่จะกำเริบเสิบสานได้ขนาดนี้ นายรนหาที่ตายใช่ไหม? ”

หลินหยุนยืนเอามือไขว้หลัง โดยที่ไม่มองไม่สนใจพวกเถียนชุ่ยชุ่ยเหล่านั้น แต่มองไปยังพ่อของเหยียนเสวเหวิน และก็เดินทีละก้าวทีละก้าวเข้ามาหา

“ตอนนั้นนายคุกเข่านอบน้อมต่อหน้าฉันอย่างไร ตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น”

“แค่ปรมาจารย์ระดับใหญ่ เมื่ออยู่ต่อหน้าฉันก็เป็นเพียงแค่มดแมลงเท่านั้น”

พ่อของเหยียนเสวเหวินยิ้มเยาะและพูดว่า: “ช่างหลงระเริงยิ่งนัก! ”

“นายก็แค่เด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้น ๆ ช่างกล้าที่จะดูถูกปรมาจารย์เหยียน! ”

“นายไปเอาความกล้าหาญนี้มาจากไหนกัน! ”

เหยียนเทียนเหาเองก็มีสีหน้าหม่นหมอง ถูกเด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดว่าตนเองเป็นเพียงแค่มดแมลงต่อหน้าคนจำนวนมากมาย ซึ่งนี่คือเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ตั้งแต่มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้น ต่อให้เป็นถึงเทพแห่งสงครามของจีนเจียงร่อโจ๋ ก็ยังไม่กล้าที่จะพูดว่าเขาแบบนี้

“ไอ้หนุ่ม ในฐานะที่เป็นนักบู๊ นายคงเคยได้ยินคำพูดนี้มาบ้าง! ”

“ปรมาจารย์ ไม่สามารถเหยียดหยามหมิ่นศักดิ์ศรีได้! ”

พูดจบ ร่างของเหยียนเทียนเหาก็ระเบิดพลังที่แข็งแกร่งออกมา

ราวกับลมพายุ พัดโหมในห้องโถง

“รับพลังหมัดของข้า! ”

เหยียนเทียนเหาปล่อยพลังหมัดดั่งกับฟ้าร้อง โดยที่มีเสียงอุดอู้ดังขึ้นเป็นระยะ

ชัดเจนว่า พลังหมัดนี้คงน่าจะเป็นกระบวนท่าวิชาบู๊ที่ยอดเยี่ยม

ขณะที่ปล่อยพลังหมัดออกมา ทุกคนบริเวณโดยรอบก็รู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อน พัดโหมเข้าใส่

“สมแล้วที่เป็นถึงยอดฝีมือสิบอันดับแรกในตารางอันดับปรมาจารย์ อานุภาพของพลังหมัดนี้ ช่างทรงพลังยิ่งนัก! ”

ผู้อาวุโสสองคนที่อยู่ด้านข้างพ่อของฉินโส่ว ที่ได้เชิญมาด้วยค่าตัวที่สูงนั้น พูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่ตื่นตระหนก

จางซือจู่และคนอื่น ๆ ตกใจและหวาดกลัวกันเป็นอย่างมาก

“นี่คือยอดฝีมือที่มีชื่ออยู่ในสิบอันดับแรกของตารางอันดับปรมาจารย์ใช่ไหม? ช่างเก่งกาจมากเลยทีเดียว! ”

“เทพฟ้าผ่า นายคิดว่าหลินหยุนสามารถเอาชนะได้ไหม? ” จางซือจู่ถามขึ้นด้วยความกังวล

เทพฟ้าผ่าสีหน้าเคร่งเครียด เขาก็คือนักบู๊ สำหรับพลังความสามารถของเหยียนเทียนเหาแล้ว เขาชัดเจนกว่าจางซือจู่หลายเท่านัก

พูดตามความจริง เขาไม่มีความมั่นใจในตัวของหลินหยุนเลย

แม้ว่าหลินหยุนจะเป็นปรมาจารย์บู๊ แต่ระหว่างปรมาจารย์กับปรมาจารย์ ก็ยังมีระดับความสามารถที่แตกต่างกันมาก

ปรมาจารย์ที่สามารถมีชื่ออยู่ในอันดับตารางปรมาจารย์ นั่นก็คือยอดฝีมือของปรมาจารย์ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นถึงปรมาจารย์ที่มีชื่ออยู่ในสิบอันดับแรก

เหยียนเสวเหวินและคนอื่น ๆ แสดงรอยยิ้มดีใจที่เห็นผู้อื่นเป็นทุกข์

“ฮึ หลินหยุน ตอนนั้นพวกฉันนับถือนายว่าเป็นเทพเซียน เมื่ออยู่ต่อหน้าของนายก็ตัวสั่นไปหมด แต่นายกลับไม่เคยเหลียวแลพวกฉันบ้างเลย”

“ในวันนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือที่แข็งแกร่งแล้ว นายก็เป็นแค่มดแมลงเท่านั้น”

เผชิญหน้ากับการโจมตีที่ทรงพลังของเหยียนเทียนเหา หลินหยุนกลับยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร

“ฮ่าฮ่า หลินหยุนคงไม่ใช่หวาดกลัวจนเสียสติไปแล้วนะ! ฮึ ให้เขาได้ลองรับรู้ถึงความรู้สึกของพวกเราในตอนนั้นดูบ้าง! ” เถียนชุ่ยชุ่ยยิ้มเยาะอย่างดีอกดีใจ

หลินหยุนไม่ใช่จะหวาดกลัวจนเสียสติไปอย่างแน่นอน แต่ในตอนนี้การโจมตีของปรมาจารย์ระดับใหญ่นั้น สำหรับเขาแล้ว ถือว่าจิ๊บจ๊อยเป็นอย่างมาก

รอจนการโจมตีของเหยียนเทียนเหาเข้าประชิดตัว หลินหยุนจึงปล่อยพลังหมัดออกมาอย่างรวดเร็ว

พลังหมัดนั้น ไม่มีอานุภาพอะไร เหมือนกับคนชราที่รำไทเก็กอยู่ในสวนสาธารณะ ปล่อยหมัดเล่น ๆ ออกมาอย่างนั้น

“นี่มันปรมาจารย์หลินอะไรที่ไหนกัน เขากำลังเล่นตลกอยู่อย่างนั้นเหรอ? ” ทางฝั่งของตระกูลเหยียน มีผู้คนหัวเราะขึ้นเสียงดัง

แต่ว่า ทันใดนั้น รอยยิ้มของพวกเขาเหล่านั้นก็แข็งทื่ออยู่บนใบหน้า

ได้ยินเพียงแค่เสียงดังตุบที่ดังสนั่น เหยียนเทียนเหาที่ใช้พลังหมัดที่มีอานุภาพอันน่ากลัว ไม่เป็นสองรองใคร กลับถูกหลินหยุนชกกระเด็นลอยไปไกล

เสียงดังตุบ ร่างของเหยียนเทียนเหา ร่วงตกลงบนพื้นเวทีอย่างรุนแรง

แต่ว่า เหยียนเทียนเหาเองก็สมกับที่เป็นถึงปรมาจารย์สิบอันดับแรก ซึ่งมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่านักบู๊ทั่วไปหลายเท่านัก

หมัดนี้ของหลินหยุน แค่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

ทันใดนั้น ในสถานที่จัดงานก็เงียบกริบกันทั้งหมด ถึงขนาดได้ยินเสียงเข็มที่หล่นลงพื้น!

ผ่านไปชั่วครู่ เหยียนเสวเหวินกับเถียนชุ่ยชุ่ยและคนอื่น ๆ จึงได้อุทานขึ้นด้วยความตื่นตระหนก: “เป็นไปได้อย่างไรกัน! ”

“ปรมาจารย์เหยียน……พ่ายแพ้แล้ว! ”

พ่อของเหยียนเสวเหวิน มีสีหน้าท่าทางที่หวาดผวา: “ปรมาจารย์เหยียน ต้านทานพลังหมัดของเขาไม่ได้แม้แต่หมัดเดียว! ”

“นี่มัน เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน! ”

ทางฝั่งของตระกูลฉิน พวกคนเหล่านั้นก็มีสีหน้าท่าทางที่ตะลึงงัน

พ่อของฉินโส่วพูดพึมพำขึ้นอย่างเหลือเชื่อว่า: “พวกเรา ชนะแล้วเหรอ? ”

ฉินโส่วพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า: “อืม คุณพ่อ พวกเราชนะแล้ว ปรมาจารย์หลินเอาชนะปรมาจารย์ตระกูลเหยียนได้ภายในหมัดเดียว! ”

“พวกเราชนะแล้ว! ”

“ดีมากเลย! ” พ่อของฉินโส่วตื่นเต้นดีใจจนถึงกับน้ำตาคลอเบ้า

เดิมทีคิดว่าครั้งนี้ตระกูลฉินยากที่จะหลุดพ้นจากความโชคร้าย ซึ่งคิดไม่ถึงว่าเมื่อปรมาจารย์หลินมาถึง ผลสุดท้ายจะพลิกกลับอย่างกะทันหัน

ที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงมากกว่านั้น อยู่ต่อหลังจากนี้

เหยียนเทียนเหาเดินลงมาจากเวที และมองไปที่หลินหยุนด้วยความตื่นตกใจ

“ตกลงว่านายเป็นใครกันแน่? ”

“นายคงไม่ใช่คนธรรมดาที่ไร้ชื่อเสียงอย่างแน่นอน! ”

ในเมื่อเหยียนเทียนเหาเป็นถึงปรมาจารย์ที่อยู่ในสิบอันดับแรกของตารางอันดับปรมาจารย์ แน่นอนว่าคงไม่ใช่คนที่โง่เขลาเป็นแน่

ต่อให้เป็นเจียงร่อโจ๋ ก็ไม่สามารถใช้หมัดเดียวแล้วเอาชนะเขาได้

นอกจากว่าเป็นคนผู้นั้น……

“ปรมาจารย์หลิน? ” เหยียนเทียนเหาพลันตะลึงอยู่ในใจ มองไปที่หลินหยุน แล้วก็พูดตะกุกตะกัก ว่า: “นาย นาย นายคือหลิน……”

ตอนที่ใกล้จะพูดชื่อของหลินหยุนขึ้นนั้น เหยียนเทียนเหาก็หยุดลงอย่างกะทันหัน

เหมือนกับว่า ชื่อของผู้ที่เคารพนับถือนั้น ราวกับเป็นข้อห้าม หากพูดขึ้นแล้วจะมีความผิด

เสียงดังฟุบ นึกไม่ถึงว่าเหยียนเทียนเหาจะคุกเข่าลงต่อหน้าของหลินหยุน: “ฉันมีตาแต่หามีแววไม่ ไม่รู้จักปรมาจารย์หลิน ขอปรมาจารย์หลินอภัยโทษให้ด้วย! ”

เกิดอะไรขึ้น!

พ่อลูกตระกูลเหยียน รวมถึงเถียนชุ่ยชุ่ยและจางเหมิง ตะลึงงันขึ้นอีกครั้ง

ต่อสู้เอาชนะเหยียนเทียนเหาได้ ก็พูดได้ว่าหลินหยุนมีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งกว่าเหยียนเทียนเหา

แต่ว่า ทำให้เหยียนเทียนเหาถึงกับต้องคุกเข่าร้องขอความเมตตา นี่แสดงว่าหลินหยุนอาจจะเป็นบุคคลที่เหยียนเทียนเหาไม่สามารถที่จะยั่วยุทำให้โกรธได้

เหยียนเสวเหวินกับเถียนชุ่ยชุ่ยและพวกเขาเหล่านี้ ได้แต่รู้สึกว่าจิตใจอันบอบบางของตัวเองนั้น ราวกับถูกค้อนปอนด์เหล็กทุบตีใส่อย่างรุนแรง

เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ตอนที่รับทราบถึงสถานะของปรมาจารย์หลินเป็นครั้งแรกนั้น ความตกตะลึงในครั้งนี้มากกว่าเมื่อเทียบกับครั้งก่อนเป็นสิบเท่า ร้อยเท่าเลยทีเดียว!

“หรือว่า ไม่มีผู้ใดที่สามารถเอาชนะเขาได้? ” เถียนชุ่ยชุ่ยมองไปที่หลินหยุน แล้วพึมพำกับตัวเอง

จางซือจู่และเพื่อนคนอื่น ๆ สีหน้าท่าทางตื่นเต้นดีใจ

เดิมทีพวกเขายังเป็นกังวลต่อหลินหยุน โดยคิดไม่ถึงว่าหลินหยุนจะสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดายขนาดนี้

“เหยียนเสวเหวิน นายยังจะกำเริบเสิบสานอีกไหม ยังจะกระหยิ่มยิ้มย่องอีกไหม! ”

“ฮ่าฮ่า ปรมาจารย์ตระกูลเหยียนของพวกนาย มีความสามารถเท่านี้เองเหรอ! ”

เหยียนเสวเหวินลดตัวลง ย่อตัวลง กลัวว่าจะถูกหลินหยุนมองเห็น โดยที่ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ

จางซือจู่ยังไม่หนำใจ โดยมองไปที่เถียนชุ่ยชุ่ยและเพื่อนหญิงเหล่านั้นด้วยท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง: “จางเหมิง เถียนชุ่ยชุ่ย หวางหยู่หัน พวกคุณก็คือหญิงรูปงามที่มีตาแต่หามีแววไม่! ”

“หญิงเจ้าเล่ห์อย่างพวกคุณ ยังกล้าที่จะเยาะเย้ยหลินหยุนอีก! ”

“ดูสิว่าผู้ชายที่พวกคุณเลือกนั้น ต่างก็เป็นพวกที่ไม่ได้เรื่อง! ”

จางเหมิงกับเถียนชุ่ยชุ่ยและเพื่อนหญิงอื่น ๆ หน้าตาแดงก่ำ ก้มหน้าตัวสั่นเทาไปกันหมด

พวกเธอก็เหมือนกันกับเหยียนเสวเหวิน กังวลว่าหลินหยุนจะคิดบัญชีกับพวกเธอ จึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรสักคำ

จางซือจู่จิตใจเร่าร้อนฮึกเหิม ที่ได้ดุด่าอย่างสะใจ!

เมื่อก่อนพวกผู้หญิงที่เป็นดาวประจำมหาวิทยาลัยอย่างจางเหมิงกับหวางหยู่หันนี้ ผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องอย่างพวกเขาทำได้เพียงแค่แหงนมองชื่นชม

แล้วตอนนี้ล่ะ ดาวประจำมหาวิทยาลัยแล้วจะทำไม เป็นหญิงสาวสวยแล้วมีดีอย่างไร? ก็ยังคงถูกเขาดุด่าจนเละไม่เป็นท่า โดยไม่กล้าที่จะโต้เถียงใด ๆ!

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท