ได้ยินหลินหยุนพูดออกมาถึงระดับความสามารถของตนเอง ในใจของเหยียนเทียนเหาก็เกิดความตะลึงขึ้นมาบ้าง
ก่อนหน้านี้ เขาได้เคยสังเกตหลินหยุนแล้ว พบว่าร่างกายของหลินหยุน ไม่มีการเคลื่อนไหวของชี่แท้ที่แข็งแกร่ง
จึงคิดว่าหลินหยุนก็เป็นเพียงแค่นักบู๊ธรรมดาเท่านั้น
แต่ชัดเจนว่า หลินหยุนไม่ได้เป็นเพียงแค่นักบู๊ธรรมดา ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่สามารถที่จะพูดถึงระดับพลังความสามารถของตนเองออกมาได้อย่างเด็ดขาด
ส่วนเขา กลับไม่สามารถที่จะมองออกถึงพลังความสามารถของหลินหยุนได้
“นายก็คือปรมาจารย์หลิน? ” เหยียนเทียนเหาถามขึ้นอย่างเย็นชา
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “ฉันคือใคร นายยังไม่สมควรที่จะรู้”
“กำเริบเสิบสานยิ่งนัก! ” ทางฝั่งของเหยียนเสวเหวิน มีคนหนึ่งลุกยืนขึ้น ชี้หน้าด่าหลินหยุน
“ห้ามเสียมารยาทต่อปรมาจารย์เหยียนเด็ดขาด! ”
หลินหยุนไม่ได้หันกลับไปมอง เพียงแค่สะบัดฝ่ามือเบา ๆ เหมือนกับขับไล่แมลงวันที่น่ารำคาญ
“เอะอะโวยวายอยู่ได้! ”
เปรี๊ยะ!
คนผู้นั้นได้ถูกพลังที่มองไม่เห็นตบกระเด็นลอยไปไกล ร่วงหล่นลงมาบนโต๊ะ ทำให้กระจกบนโต๊ะแตกละเอียด
“อะไรกัน! นี่……”
คนในฝั่งของตระกูลเหยียน ตกตะลึงจนหน้าซีด เงียบโดยไม่กล้าพูดอะไร
พ่อของเหยียนเสวเหวินพูดขึ้นอย่างโมโหว่า: “ปรมาจารย์หลิน นายอย่ากำเริบเสิบสานจนเกินไป นายคิดว่าไม่มีใครที่จะสามารถกำราบนายได้จริง ๆ ใช่ไหม! ”
จางเหมิงกับเถียนชุ่ยชุ่ยและคนอื่น ๆ ก็ลุกยืนขึ้น ชี้หน้าด่าหลินหยุน: “หลินหยุน อยู่ต่อหน้าปรมาจารย์เหยียน นายยังกล้าที่จะกำเริบเสิบสานได้ขนาดนี้ นายรนหาที่ตายใช่ไหม? ”
หลินหยุนยืนเอามือไขว้หลัง โดยที่ไม่มองไม่สนใจพวกเถียนชุ่ยชุ่ยเหล่านั้น แต่มองไปยังพ่อของเหยียนเสวเหวิน และก็เดินทีละก้าวทีละก้าวเข้ามาหา
“ตอนนั้นนายคุกเข่านอบน้อมต่อหน้าฉันอย่างไร ตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น”
“แค่ปรมาจารย์ระดับใหญ่ เมื่ออยู่ต่อหน้าฉันก็เป็นเพียงแค่มดแมลงเท่านั้น”
พ่อของเหยียนเสวเหวินยิ้มเยาะและพูดว่า: “ช่างหลงระเริงยิ่งนัก! ”
“นายก็แค่เด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้น ๆ ช่างกล้าที่จะดูถูกปรมาจารย์เหยียน! ”
“นายไปเอาความกล้าหาญนี้มาจากไหนกัน! ”
เหยียนเทียนเหาเองก็มีสีหน้าหม่นหมอง ถูกเด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดว่าตนเองเป็นเพียงแค่มดแมลงต่อหน้าคนจำนวนมากมาย ซึ่งนี่คือเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ตั้งแต่มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้น ต่อให้เป็นถึงเทพแห่งสงครามของจีนเจียงร่อโจ๋ ก็ยังไม่กล้าที่จะพูดว่าเขาแบบนี้
“ไอ้หนุ่ม ในฐานะที่เป็นนักบู๊ นายคงเคยได้ยินคำพูดนี้มาบ้าง! ”
“ปรมาจารย์ ไม่สามารถเหยียดหยามหมิ่นศักดิ์ศรีได้! ”
พูดจบ ร่างของเหยียนเทียนเหาก็ระเบิดพลังที่แข็งแกร่งออกมา
ราวกับลมพายุ พัดโหมในห้องโถง
“รับพลังหมัดของข้า! ”
เหยียนเทียนเหาปล่อยพลังหมัดดั่งกับฟ้าร้อง โดยที่มีเสียงอุดอู้ดังขึ้นเป็นระยะ
ชัดเจนว่า พลังหมัดนี้คงน่าจะเป็นกระบวนท่าวิชาบู๊ที่ยอดเยี่ยม
ขณะที่ปล่อยพลังหมัดออกมา ทุกคนบริเวณโดยรอบก็รู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อน พัดโหมเข้าใส่
“สมแล้วที่เป็นถึงยอดฝีมือสิบอันดับแรกในตารางอันดับปรมาจารย์ อานุภาพของพลังหมัดนี้ ช่างทรงพลังยิ่งนัก! ”
ผู้อาวุโสสองคนที่อยู่ด้านข้างพ่อของฉินโส่ว ที่ได้เชิญมาด้วยค่าตัวที่สูงนั้น พูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่ตื่นตระหนก
จางซือจู่และคนอื่น ๆ ตกใจและหวาดกลัวกันเป็นอย่างมาก
“นี่คือยอดฝีมือที่มีชื่ออยู่ในสิบอันดับแรกของตารางอันดับปรมาจารย์ใช่ไหม? ช่างเก่งกาจมากเลยทีเดียว! ”
“เทพฟ้าผ่า นายคิดว่าหลินหยุนสามารถเอาชนะได้ไหม? ” จางซือจู่ถามขึ้นด้วยความกังวล
เทพฟ้าผ่าสีหน้าเคร่งเครียด เขาก็คือนักบู๊ สำหรับพลังความสามารถของเหยียนเทียนเหาแล้ว เขาชัดเจนกว่าจางซือจู่หลายเท่านัก
พูดตามความจริง เขาไม่มีความมั่นใจในตัวของหลินหยุนเลย
แม้ว่าหลินหยุนจะเป็นปรมาจารย์บู๊ แต่ระหว่างปรมาจารย์กับปรมาจารย์ ก็ยังมีระดับความสามารถที่แตกต่างกันมาก
ปรมาจารย์ที่สามารถมีชื่ออยู่ในอันดับตารางปรมาจารย์ นั่นก็คือยอดฝีมือของปรมาจารย์ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นถึงปรมาจารย์ที่มีชื่ออยู่ในสิบอันดับแรก
เหยียนเสวเหวินและคนอื่น ๆ แสดงรอยยิ้มดีใจที่เห็นผู้อื่นเป็นทุกข์
“ฮึ หลินหยุน ตอนนั้นพวกฉันนับถือนายว่าเป็นเทพเซียน เมื่ออยู่ต่อหน้าของนายก็ตัวสั่นไปหมด แต่นายกลับไม่เคยเหลียวแลพวกฉันบ้างเลย”
“ในวันนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือที่แข็งแกร่งแล้ว นายก็เป็นแค่มดแมลงเท่านั้น”
เผชิญหน้ากับการโจมตีที่ทรงพลังของเหยียนเทียนเหา หลินหยุนกลับยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร
“ฮ่าฮ่า หลินหยุนคงไม่ใช่หวาดกลัวจนเสียสติไปแล้วนะ! ฮึ ให้เขาได้ลองรับรู้ถึงความรู้สึกของพวกเราในตอนนั้นดูบ้าง! ” เถียนชุ่ยชุ่ยยิ้มเยาะอย่างดีอกดีใจ
หลินหยุนไม่ใช่จะหวาดกลัวจนเสียสติไปอย่างแน่นอน แต่ในตอนนี้การโจมตีของปรมาจารย์ระดับใหญ่นั้น สำหรับเขาแล้ว ถือว่าจิ๊บจ๊อยเป็นอย่างมาก
รอจนการโจมตีของเหยียนเทียนเหาเข้าประชิดตัว หลินหยุนจึงปล่อยพลังหมัดออกมาอย่างรวดเร็ว
พลังหมัดนั้น ไม่มีอานุภาพอะไร เหมือนกับคนชราที่รำไทเก็กอยู่ในสวนสาธารณะ ปล่อยหมัดเล่น ๆ ออกมาอย่างนั้น
“นี่มันปรมาจารย์หลินอะไรที่ไหนกัน เขากำลังเล่นตลกอยู่อย่างนั้นเหรอ? ” ทางฝั่งของตระกูลเหยียน มีผู้คนหัวเราะขึ้นเสียงดัง
แต่ว่า ทันใดนั้น รอยยิ้มของพวกเขาเหล่านั้นก็แข็งทื่ออยู่บนใบหน้า
ได้ยินเพียงแค่เสียงดังตุบที่ดังสนั่น เหยียนเทียนเหาที่ใช้พลังหมัดที่มีอานุภาพอันน่ากลัว ไม่เป็นสองรองใคร กลับถูกหลินหยุนชกกระเด็นลอยไปไกล
เสียงดังตุบ ร่างของเหยียนเทียนเหา ร่วงตกลงบนพื้นเวทีอย่างรุนแรง
แต่ว่า เหยียนเทียนเหาเองก็สมกับที่เป็นถึงปรมาจารย์สิบอันดับแรก ซึ่งมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่านักบู๊ทั่วไปหลายเท่านัก
หมัดนี้ของหลินหยุน แค่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
ทันใดนั้น ในสถานที่จัดงานก็เงียบกริบกันทั้งหมด ถึงขนาดได้ยินเสียงเข็มที่หล่นลงพื้น!
ผ่านไปชั่วครู่ เหยียนเสวเหวินกับเถียนชุ่ยชุ่ยและคนอื่น ๆ จึงได้อุทานขึ้นด้วยความตื่นตระหนก: “เป็นไปได้อย่างไรกัน! ”
“ปรมาจารย์เหยียน……พ่ายแพ้แล้ว! ”
พ่อของเหยียนเสวเหวิน มีสีหน้าท่าทางที่หวาดผวา: “ปรมาจารย์เหยียน ต้านทานพลังหมัดของเขาไม่ได้แม้แต่หมัดเดียว! ”
“นี่มัน เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน! ”
ทางฝั่งของตระกูลฉิน พวกคนเหล่านั้นก็มีสีหน้าท่าทางที่ตะลึงงัน
พ่อของฉินโส่วพูดพึมพำขึ้นอย่างเหลือเชื่อว่า: “พวกเรา ชนะแล้วเหรอ? ”
ฉินโส่วพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า: “อืม คุณพ่อ พวกเราชนะแล้ว ปรมาจารย์หลินเอาชนะปรมาจารย์ตระกูลเหยียนได้ภายในหมัดเดียว! ”
“พวกเราชนะแล้ว! ”
“ดีมากเลย! ” พ่อของฉินโส่วตื่นเต้นดีใจจนถึงกับน้ำตาคลอเบ้า
เดิมทีคิดว่าครั้งนี้ตระกูลฉินยากที่จะหลุดพ้นจากความโชคร้าย ซึ่งคิดไม่ถึงว่าเมื่อปรมาจารย์หลินมาถึง ผลสุดท้ายจะพลิกกลับอย่างกะทันหัน
ที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงมากกว่านั้น อยู่ต่อหลังจากนี้
เหยียนเทียนเหาเดินลงมาจากเวที และมองไปที่หลินหยุนด้วยความตื่นตกใจ
“ตกลงว่านายเป็นใครกันแน่? ”
“นายคงไม่ใช่คนธรรมดาที่ไร้ชื่อเสียงอย่างแน่นอน! ”
ในเมื่อเหยียนเทียนเหาเป็นถึงปรมาจารย์ที่อยู่ในสิบอันดับแรกของตารางอันดับปรมาจารย์ แน่นอนว่าคงไม่ใช่คนที่โง่เขลาเป็นแน่
ต่อให้เป็นเจียงร่อโจ๋ ก็ไม่สามารถใช้หมัดเดียวแล้วเอาชนะเขาได้
นอกจากว่าเป็นคนผู้นั้น……
“ปรมาจารย์หลิน? ” เหยียนเทียนเหาพลันตะลึงอยู่ในใจ มองไปที่หลินหยุน แล้วก็พูดตะกุกตะกัก ว่า: “นาย นาย นายคือหลิน……”
ตอนที่ใกล้จะพูดชื่อของหลินหยุนขึ้นนั้น เหยียนเทียนเหาก็หยุดลงอย่างกะทันหัน
เหมือนกับว่า ชื่อของผู้ที่เคารพนับถือนั้น ราวกับเป็นข้อห้าม หากพูดขึ้นแล้วจะมีความผิด
เสียงดังฟุบ นึกไม่ถึงว่าเหยียนเทียนเหาจะคุกเข่าลงต่อหน้าของหลินหยุน: “ฉันมีตาแต่หามีแววไม่ ไม่รู้จักปรมาจารย์หลิน ขอปรมาจารย์หลินอภัยโทษให้ด้วย! ”
เกิดอะไรขึ้น!
พ่อลูกตระกูลเหยียน รวมถึงเถียนชุ่ยชุ่ยและจางเหมิง ตะลึงงันขึ้นอีกครั้ง
ต่อสู้เอาชนะเหยียนเทียนเหาได้ ก็พูดได้ว่าหลินหยุนมีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งกว่าเหยียนเทียนเหา
แต่ว่า ทำให้เหยียนเทียนเหาถึงกับต้องคุกเข่าร้องขอความเมตตา นี่แสดงว่าหลินหยุนอาจจะเป็นบุคคลที่เหยียนเทียนเหาไม่สามารถที่จะยั่วยุทำให้โกรธได้
เหยียนเสวเหวินกับเถียนชุ่ยชุ่ยและพวกเขาเหล่านี้ ได้แต่รู้สึกว่าจิตใจอันบอบบางของตัวเองนั้น ราวกับถูกค้อนปอนด์เหล็กทุบตีใส่อย่างรุนแรง
เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ตอนที่รับทราบถึงสถานะของปรมาจารย์หลินเป็นครั้งแรกนั้น ความตกตะลึงในครั้งนี้มากกว่าเมื่อเทียบกับครั้งก่อนเป็นสิบเท่า ร้อยเท่าเลยทีเดียว!
“หรือว่า ไม่มีผู้ใดที่สามารถเอาชนะเขาได้? ” เถียนชุ่ยชุ่ยมองไปที่หลินหยุน แล้วพึมพำกับตัวเอง
จางซือจู่และเพื่อนคนอื่น ๆ สีหน้าท่าทางตื่นเต้นดีใจ
เดิมทีพวกเขายังเป็นกังวลต่อหลินหยุน โดยคิดไม่ถึงว่าหลินหยุนจะสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดายขนาดนี้
“เหยียนเสวเหวิน นายยังจะกำเริบเสิบสานอีกไหม ยังจะกระหยิ่มยิ้มย่องอีกไหม! ”
“ฮ่าฮ่า ปรมาจารย์ตระกูลเหยียนของพวกนาย มีความสามารถเท่านี้เองเหรอ! ”
เหยียนเสวเหวินลดตัวลง ย่อตัวลง กลัวว่าจะถูกหลินหยุนมองเห็น โดยที่ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
จางซือจู่ยังไม่หนำใจ โดยมองไปที่เถียนชุ่ยชุ่ยและเพื่อนหญิงเหล่านั้นด้วยท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง: “จางเหมิง เถียนชุ่ยชุ่ย หวางหยู่หัน พวกคุณก็คือหญิงรูปงามที่มีตาแต่หามีแววไม่! ”
“หญิงเจ้าเล่ห์อย่างพวกคุณ ยังกล้าที่จะเยาะเย้ยหลินหยุนอีก! ”
“ดูสิว่าผู้ชายที่พวกคุณเลือกนั้น ต่างก็เป็นพวกที่ไม่ได้เรื่อง! ”
จางเหมิงกับเถียนชุ่ยชุ่ยและเพื่อนหญิงอื่น ๆ หน้าตาแดงก่ำ ก้มหน้าตัวสั่นเทาไปกันหมด
พวกเธอก็เหมือนกันกับเหยียนเสวเหวิน กังวลว่าหลินหยุนจะคิดบัญชีกับพวกเธอ จึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรสักคำ
จางซือจู่จิตใจเร่าร้อนฮึกเหิม ที่ได้ดุด่าอย่างสะใจ!
เมื่อก่อนพวกผู้หญิงที่เป็นดาวประจำมหาวิทยาลัยอย่างจางเหมิงกับหวางหยู่หันนี้ ผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องอย่างพวกเขาทำได้เพียงแค่แหงนมองชื่นชม
แล้วตอนนี้ล่ะ ดาวประจำมหาวิทยาลัยแล้วจะทำไม เป็นหญิงสาวสวยแล้วมีดีอย่างไร? ก็ยังคงถูกเขาดุด่าจนเละไม่เป็นท่า โดยไม่กล้าที่จะโต้เถียงใด ๆ!