หลินหยุนมองไปยังเหยียนเทียนเหาที่กำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า และพูดขึ้นว่า: “นายเป็นถึงปรมาจารย์บู๊ กลับกล้าที่จะมาก่อความวุ่นวายบนโลกมโนธรรม ช่างสมควรตาย! ”
เหยียนเทียนเหาตกใจจนถึงกับทรุดตัวลง นั่งลงไปบนพื้น
ถ้าหากหลินหยุนต้องการที่จะฆ่าเขา เขาก็จะต้องตายสถานเดียว แม้แต่จะคิดหลบหนีก็ยังไม่กล้า
เพราะว่า ไม่มีทางที่จะหนีรอดไปได้
แต่ว่า เหยียนเทียนเหาอยู่ดี ๆ ก็เหมือนคิดได้ถึงตัวช่วยที่จะทำให้เขารอดชีวิตแล้ว ท่าทางตื่นตกใจ และมองไปยังหลินหยุน
“ปรมาจารย์หลิน ที่ฉันทำแบบนี้ ที่จริงแล้วมีคนบังคับสั่งให้ทำ ได้โปรดไว้ชีวิตฉันด้วยเถอะ ฉันจะบอกให้ท่านทราบว่าผู้ที่บังคับให้ลงมือกระทำนั้นเป็นใคร! ”
หลินหยุนมองไปที่เขา ด้วยสีหน้าท่าทางที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก: “พูดออกมา แล้วจะไว้ชีวิตของนาย! ”
เหยียนเทียนเหาเบาใจลงได้บ้าง: “ฉันได้รับคำสั่งมาจากบริษัท ยามาโนะ กรุ๊ปของญี่ปุ่น”
“พวกเขาได้ให้ค่าตอบแทนที่สูงมากกับฉัน รวมถึงวิธีการฝึกฝนวิชานินจา เพื่อให้ฉันคิดหาวิธีนำสิทธิการเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำแห่งชีวิตของตระกูลฉินมาให้ได้”
หลินหยุนเกิดเจตนาสังหารขึ้นในใจ: “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง! ”
“ตอนแรกไปหาคุณแม่เพื่อบีบบังคับเอาผลประโยชน์ จากนั้นก็มาก่อความวุ่นวายให้กับตระกูลฉิน”
“บริษัท ยามาโนะ กรุ๊ปนี้ อยากตายนักหรือไง! ”
หลินหยุนมองไปที่เหยียนเทียนเหา และถามขึ้นว่า: “ยังมีอะไรที่จะสารภาพอีกไหม? ”
เหยียนเทียนเหารีบส่ายศีรษะ: “ไม่มีแล้ว”
“ตกลง” หลินหยุนพลันใช้ฝ่ามือตบไปที่ตันเถียนของเหยียนเทียนเหา
ฟุบ!
เหยียนเทียนเหาไม่ทันได้ป้องกัน จึงถูกตบจนกระอักเลือดออกมา
“ปรมาจารย์หลิน ทำไมท่านถึงไม่รักษาคำพูด! ” เหยียนเทียนเหาพูดขึ้นอย่างตกใจและโมโห
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “ฉันบอกแล้วว่าจะไว้ชีวิตนาย ดังนั้น พลังฝ่ามือนี้เพียงแค่ทำลายพลังการบำเพ็ญของนายเท่านั้น”
“นายเป็นถึงปรมาจารย์บู๊ของจีน กลับกระทำเรื่องให้กับญี่ปุ่น หรือว่านายลืมไปแล้วว่าในตอนนั้นญี่ปุ่นได้เคยทำกรรมที่ชั่วร้ายอะไรให้กับประเทศจีนบ้าง! ”
ได้ยินว่าเหยียนเทียนเหารับคำสั่งมาจากญี่ปุ่น แม้แต่พ่อของเหยียนเสวเหวิน รวมถึงผู้คนในฝั่งของตระกูลเหยียน ต่างก็พากันมองไปยังเหยียนเทียนเหาด้วยสีหน้าท่าทางที่รังเกียจ
ในตอนนั้นญี่ปุ่นได้ก่อกรรมทำเข็ญกับจีนเอาไว้อย่างมาก เพียงแค่เป็นคนจีนที่มีมโนธรรมอยู่บ้าง ก็คงไม่มีทางที่จะร่วมมือกันกระทำความชั่วอย่างแน่นอน
เหยียนเทียนเหาหน้าแดงก่ำ สำนึกในความผิดและพูดขึ้นว่า: “ในตอนนั้น ฉันหลงผิดไป โลภอยากได้วิธีการฝึกฝนวิชานินจา ฉันผิดไปแล้ว และละอายใจต่อคนรุ่นก่อนที่เสียสละชีวิตปกป้องประเทศจีน! ”
หลินหยุนพูดขึ้นอย่างเย็นชา: “แล้วที่ฉันทำลายวิชาการบำเพ็ญของนายนั้น นายจะยอมรับมันได้ไหม? ”
เหยียนเทียนเหาก้มหน้าลง ใบหน้าแสดงอาการเจ็บปวดใจขึ้นแวบหนึ่ง
ทว่า เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งนั้น กลับมีท่าทางที่เด็ดเดี่ยว
“ฉันยอมรับได้! ”
“ปรมาจารย์หลินสั่งสอนได้ถูกต้อง จากนี้ต่อไป ฉันจะแก้ไขปรับปรุงตนเองเสียใหม่! ”
สายตาของหลินหยุน ได้ละจากร่างของเหยียนเทียนเหา แล้วกวาดสายตามองไปที่พ่อของเหยียนเสวเหวิน
พ่อของเหยียนเสวเหวิน ตกใจขึ้นทันที ก้มศีรษะลงและพูดว่า: “ปรมาจารย์หลิน ฉันทำผิดไปแล้ว ฉัน ฉัน ฉันยอมรับผิดและคุกเข่าให้กับท่านแล้ว! ”
พ่อของเหยียนเสวเหวินหวาดกลัวขึ้นมาจริง ๆ แล้ว ขนาดเหยียนเทียนเหายังต้องคุกเข่าร้องขอความเมตตา และยังถูกหลินหยุนทำลายวิชาการบำเพ็ญ
ถ้าอย่างนั้นการที่เขากระทำการล่วงเกินหลินหยุนมานักต่อนัก ครั้งนี้ก็ยังอาศัยว่ามีเหยียนเทียนเหาเป็นที่พึ่ง จึงได้ลบหลู่ดูหมิ่นหลินหยุนอย่างรุนแรง แล้วหลินหยุนจะปล่อยเขาไปง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน?
ดังนั้น พ่อของเหยียนเสวเหวิน จึงได้ยอมคุกเข่าลงโดยทันที
แต่ว่า หลินหยุนไม่ได้สนใจอะไรเขาเลย หันหลังแล้วเดินไปยังด้านหน้าพ่อของฉินโส่ว และพูดขึ้นว่า: “ที่เหลือนี้ ปล่อยให้คุณเป็นคนจัดการ”
“ตกลง! ” พ่อของฉินโส่วโค้งคำนับและตอบรับ ด้วยท่าทางที่นอบน้อมอย่างที่สุด
หลินหยุนมองไปที่ฉินโส่ว ยิ้มและพูดว่า: “ในเมื่อเป็นพี่น้องกัน ต่อไปก็คิดซะว่ามีสุขร่วมสุข มีทุกข์ร่วมทุกข์”
“เหมือนกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ต่อไปอย่าได้เกิดขึ้นอีก”
ฉินโส่วหน้าแดง โค้งตัวและตอบว่า: “ฉันรับรอง ต่อไปจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว”
“ที่เหลืออยู่พวกนายก็จัดการเอาเองแล้วกัน ฉันมีเรื่องที่จะต้องรีบไปก่อนแล้ว” พูดจบ หลินหยุนก็หันหลังแล้วเดินจากไป
จางซือจู่รีบลุกยืนขึ้นทันที และตะโกนเสียงดัง: “หลินหยุน นายจะไปทำอะไร? ”
หลินหยุนไม่ได้หยุดฝีเท้าลง โดยได้เดินออกไปจากห้องโถงแล้ว
บริษัท ยามาโนะ กรุ๊ปยังคงไม่ล้มเลิกความคิดที่จะครอบครองน้ำแห่งชีวิต หลินหยุนเองก็คงไม่สามารถที่จะนั่งรอให้เกิดปัญหาอยู่อย่างนี้ได้
เขาจะต้องไปที่บริษัท ยามาโนะ กรุ๊ปสักครั้ง
จางซือจู่บ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ: “ไอ้หลินหยุนนี้ก็จริง ๆ เลย เวลานี้ไม่ใช่ว่าควรที่จะดื่มด่ำกับผลของชัยชนะไม่ใช่เหรอ? ”
“ให้ทุกคนมองมาที่พวกเราด้วยสายตาที่เลื่อมใส มันไม่ดีหรืออย่างไร? แต่เขาดันที่จะจากไปแล้ว! ”
“ช่างเถอะช่างเถอะ พวกเราก็ไปกันเถอะ! ”
ฉินโส่วพูดขึ้นว่า: “หลินหยุนมีเรื่องด่วนจึงต้องรีบไปก่อน ส่วนพวกนายจะต้องรีบร้อนไปทำไมกัน? ”
“อยู่ที่นี่ก่อน รอให้ฉันจัดการเรื่องที่เหลือเสร็จแล้ว ก็จะกลับไปมหาวิทยาลัยพร้อมกันกับพวกนาย”
จางซือจู่มองไปที่เทพฟ้าผ่าและเพื่อนคนอื่น ๆ และแสดงท่าทีสอบถามขึ้น
เห็นเทพฟ้าผ่าและเพื่อนคนอื่นพยักหน้า จึงพูดขึ้นว่า: “อย่างนั้นก็ตกลง พวกเราจะอยู่ที่นี่รอนายกันก่อน”
เห็นหลินหยุนจากไปแล้ว พ่อของเหยียนเสวเหวิน รวมถึงผู้มีชื่อเสียงทางฝั่งของตระกูลเหยียนเหล่านั้น ซึ่งรวมไปถึงจางเหมิงกับเหยียนเสวเหวิน ต่างก็ถอนหายใจกันยาว
พวกเขากลัวว่าหลินหยุนจะฆ่าพวกเขา
เป็นเพราะว่า โลกที่อยู่เบื้องหน้านี้ นักบู๊มีอิทธิพลเป็นใหญ่ ซึ่งไม่ใช่สังคมที่สงบสุขปลอดภัยและมั่นคงเหมือนกับที่ผ่านมาแล้ว
พ่อของเหยียนเสวเหวิน มองไปยังพ่อของฉินโส่ว ด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
เป็นจริงดั่งที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีขึ้นและมีลง เมื่อครู่ตระกูลเหยียนยังยิ่งใหญ่ไม่เป็นสองรองใคร เตรียมที่จะจัดการตระกูลฉินให้ราบคาบ
คิดไม่ถึงว่า เพียงครู่เดียวก็กลับกลายเป็นว่าตระกูลเหยียนของเขา กลายเป็นนักโทษในมือของตระกูลฉินไปแล้ว
พ่อของฉินโส่วเดินไปยังเบื้องหน้าพ่อของเหยียนเสวเหวิน
พ่อของเหยียนเสวเหวินฝืนยิ้มอย่างขมขื่นและพูดขึ้นว่า: “น้องฉิน นายมาเพื่อเยาะเย้ยสมน้ำหน้าฉันใช่ไหม? ”
“ฉันรู้ว่า ครั้งนี้นายคงจะไม่มีทางปล่อยข้าไปอย่างแน่นอน ฉันไม่โกรธแค้นนาย เป็นฉันเองที่ต้องสมน้ำหน้า”
ครั้งแรกตอนที่รับทราบถึงสถานะของหลินหยุน ตระกูลฉินได้อาศัยว่ามีความสัมพันธ์กับหลินหยุน จึงได้เจริญรุ่งเรืองขึ้น
แต่ ตระกูลฉินไม่ได้อาศัยโอกาสนี้ที่จะบีบบังคับให้ตระกูลเหยียนจนตรอก
แต่ทว่า ตอนนี้ตระกูลเหยียนมีอิทธิพล กลับที่จะบีบบังคับให้ตระกูลฉินจนตรอก
พ่อของเหยียนเสวเหวินรู้สึกว่า ครั้งนี้ ไม่ว่าอย่างไรตระกูลฉินคงจะไม่ปล่อยเขาไปแน่
พ่อของฉินโส่ว กลับเพียงแค่กำหมัดขึ้นต่อพ่อของเหยียนเสวเหวิน และพูดว่า: “ดูแลตัวเองดี ๆ! ”
พูดจบ ก็หันหลังแล้วพาทุกคนเดินจากไป
หลงเหลือเพียงคนของตระกูลเหยียนที่มีสีหน้าท่าทางตะลึงงัน
จนกระทั่งเงาร่างของคนตระกูลฉิน ได้หายไปตรงที่หน้าประตูใหญ่ พ่อของเหยียนเสวเหวิน ถึงตั้งสติกลับคืนมาได้
“เหอะเหอะ ไอ้ฉิน ฉันเทียบกับนายไม่ได้จริง ๆ! ”
“ในเมื่อมียอดฝีมือผู้แข็งแกร่งอย่างปรมาจารย์หลินคอยถือหางสนับสนุน ตระกูลฉินของนาย จะสามารถเห็นตระกูลเหยียนของฉันอยู่ในสายตาได้อย่างไรกัน? ”
“มองข้ามหมางเมิน ถึงจะเป็นวิธีการโจมตีที่ดีที่สุด”
หลี่หงถูส่ายศีรษะ ฝืนยิ้มอย่างขมขื่น: “ดูเหมือนว่า ต่อไปพวกเราคงจะต้องเจียมเนื้อเจียมตัวกันให้มากแล้ว”
“ชั่วชีวิตนี้ อย่าได้คิดที่จะออกจากภายใต้เงามืดของเขาเลย! ”
เถียนชุ่ยชุ่ยกับจางเหมิงและพวกผู้หญิงทั้งหลาย หน้าตาขาวซีดไปกันหมด
หลังจากวันนี้ไป เงาร่างที่บอบบางของหลินหยุนนั้น จะเป็นดั่งภูเขา ในใจของพวกเธอ
เมื่อคนของตระกูลฉินเดินออกไปจากโรงแรม เด็กเสิร์ฟคนหนึ่งในห้องโถง ได้แอบเดินไปที่ห้องน้ำ แล้วก็ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและทำการโทรศัพท์
“คุณชาย ภารกิจล้มเหลว! ”
โทรศัพท์ฝั่งนั้นมีเสียงพูดที่หนักแน่นดังขึ้น โดยฟังไม่ออกว่าดีใจหรือโมโห: “รู้แล้ว”
บริษัท ยามาโนะ กรุ๊ป ผู้อาวุโสคนหนึ่งได้เดินมายังห้องทำงานของประธานกรรมการอย่างรวดเร็ว และได้เคาะประตูขึ้น
“เข้ามาได้”
โทโยะจะวะ ยามาโนะนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงาน กำลังดูข้อมูลบนคอมพิวเตอร์
“คุณชาย เหยียนเทียนเหาปฏิบัติภารกิจล้มเหลว! ”
โทโยะจะวะ ยามาโนะพยักหน้าและพูดขึ้นว่า: “รู้แล้ว”
พูดจบ โทโยะจะวะ ยามาโนะก็ลุกยืนขึ้น ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วก็โทรออก: “เริ่มต้นแผนการได้”
พูดเพียงคำเดียว ก็วางสายลง แล้วก็หันหลังมองไปยังห้องทำงานของเขาที่เพิ่งตกแต่งเสร็จไม่นานนี้เอง
“น่าเสียดายจริง ๆ”
จากนั้น โทโยะจะวะ ยามาโนะก็ล้วงไฟแช็คออกมา แล้วจุดไฟเผาเอกสารข้อมูลที่วางกองอยู่ในมุมห้องนั้น
“กลับประเทศ! ” โทโยะจะวะ ยามาโนะพูดขึ้นอย่างจริงจัง
ผู้อาวุโสคนนั้น ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย
แม้ว่าจะพบเห็นการกระทำที่บ้าคลั่งอย่างมากของโทโยะจะวะ ยามาโนะ
รอจนโทโยะจะวะ ยามาโนะนั่งเฮลิคอปเตอร์ออกไปจากบนดาดฟ้า และภายในตึกอาคารก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นในทันที: “ไฟไหม้แล้ว! ”
จากนั้น ในเมืองก็มีเสียงสัญญาณเตือนไฟไหม้ฉุกเฉินดังขึ้น
และในเวลานี้ หลินหยุนที่ออกมาจากโรงแรมปี่ไห่นั้น เพิ่งจะขึ้นนั่งบนรถแท็กซี่เพื่อเดินทางมายังสำนักงานใหญ่ของบริษัท ยามาโนะ กรุ๊ป
เมื่อหลินหยุนมาถึงด้านนอกของตึกอาคารบริษัท ยามาโนะ กรุ๊ป สถานที่ก็ได้ถูกปิดกั้นแล้ว
และในเวลานี้เอง โทรศัพท์ของหลินหยุนก็ดังขึ้น โดยหวางซูเฟินได้โทรมาหา
เมื่อรับสาย เสียงที่เร่งรีบและร้อนใจของหวางซูเฟินก็ดังกระหน่ำขึ้น
“หลินหยุน นายรีบกลับมาด่วนเลย ฉินหลันถูกคนลักพาตัวไปแล้ว! ”