หลินหยุนเดินไม่เร็วนัก เขาค่อย ๆ เดินไปที่ยอดเขา เหมือนกับคนแก่ที่เดินเล่นอยู่ในสวน
แต่ว่า ทุกย่างก้าวของหลินหยุน ทำให้เขาปรากฏกายห่างออกไปหลายสิบเมตร
มีคนสังเกตเห็นหลินหยุนเข้าโดยบังเอิญ แต่ว่า เมื่อตั้งสติได้ หลินหยุนก็ได้หายตัวไปแล้ว แล้วไปปรากฏกายขึ้นในอีกหลายสิบเมตรข้างหน้า
หลินหยุนเดินผ่านกลุ่มคนที่อยู่ฝ่ายจีน หากเป็นคนธรรมดามาอยู่ตรงนี้ คงเดินไปไหนได้ยากลำบาก
แต่ว่า ทุกก้าวที่หลินหยุนเดินไป ผู้คนที่อยู่ด้านหน้าแทบจะหลีกทางให้เขาโดยอัตโนมัติ มองไม่เห็นวิธีการเคลื่อนที่ของเขาเลยสักนิด
ระหว่างเดิน หลินหยุนได้ยินเสียงคนซุบซิบกัน : “ปรมาจารย์หลินคนนี้จะได้เรื่องไหมเนี่ย? ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่มาจริง ๆ หรอกนะ?”
“ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ พวกเราที่อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเชียร์เขามากมาย จะไม่กลายเป็นเรื่องตลกหรอกเหรอ?”
อีกคนหนึ่งได้พูดอย่างว้าวุ่นใจ : “ถ้าหากเขาถอนตัวกะทันหัน ไม่เพียงแต่พวกเราที่จะกลายเป็นเรื่องตลก ทั้งประเทศจีนก็จะถูกล้อเลียนจากทุกประเทศทั่วโลก”
“งั้นเขาก็จะกลายเป็นคนบาปของจีน!”
“วางใจเถอะ ฉันคิดว่าในเมื่อปรมาจารย์หลินกล้ามาท้าทายอิจิโร่ มุรามาสะด้วยตัวเองถึงญี่ปุ่น แสดงว่าเขาต้องมั่นใจว่าจะเอาชนะอิจิโร่ มุรามาสะได้แน่นอน!”
“ตอนนี้ปรมาจารย์หลินอาจจะกำลังรีบมาอยู่ก็ได้”
“เฮ้อ ป่านนี้แล้วยังไม่มา น่าเป็นห่วงจริง ๆ!”
ได้ยินกลุ่มคนวิพากษ์วิจารณ์กัน หลินหยุนก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ก้าวแต่ละก้าว ไปได้ไกลถึงหนึ่งร้อยเมตร
แต่ นี่ดูเหมือนจะเป็นความเร็วสูงสุดของหลินหยุนแล้ว
สำหรับคนจีนเหล่านี้ที่มาเชียร์เขา ระหว่างทางที่หลินหยุนมาจากโรงแรม เขาก็รับรู้ข่าวสารพวกนี้คร่าว ๆ แล้ว
ตอนที่ได้ยินข้อมูลเมื่อครู่นี้ แม้แต่เขาเองก็ประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
เขาคิดไม่ถึงว่า ชาวจีนในทุกวันนี้ จะมีเลือดรักชาติกันขนาดนี้
ไม่นาน หลินหยุนก็ได้เดินผ่านฝ่ายญี่ปุ่น
คนญี่ปุ่น ต่างพากันหัวเราะเยาะ : “ฉันว่าปรมาจารย์หลินคนนั้น เป็นแค่ไอ้คนขี้ขลาด หัวหดเหมือนเต่า ป่านนี้แล้วยังไม่มา คงไม่กล้ามาแน่นอน”
“ฮ่าฮ่า แบบนี้ก็ยิ่งดีไม่ใช่เหรอ? ดูสิว่าไอ้ชาวจีนหน้าโง่พวกนั้นยังจะกล้าอวดดีต่อหน้าพวกเราชาวญี่ปุ่นอีกไหม!”
“จริงด้วย คนเยอะกว่าแล้วยังไงล่ะ? แค่พวกหัวมังกุท้ายมังกรกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ปีนั้นชาวญี่ปุ่นต่อสู้ด้วยตัวเอง จนทำให้ชาวจีนผู้ยิ่งใหญ่ตกใจกลัวกันไปหมด!”
“ครั้งนี้ ชาวญี่ปุ่นจะทำให้เกิดภาพเหมือนอย่างปีนั้นขึ้นอีกครั้ง!”
แววตาของหลินหยุนมีความอำมหิตปรากฏขึ้นมา : “ดูท่าทางชาวญี่ปุ่นจะไม่รู้สึกละอายใจ ต่อความผิดที่ได้ทำไว้ในปีนั้นเลยนะ กลับภาคภูมิใจเสียอีก”
“แต่ว่า มีหมาป่าชั่วร้ายตัวหนึ่งจ้องเขมือบชาวจีนก็ไม่ถือเป็นเรื่องเลวอะไร อย่างน้อยทำให้ตอนนี้ชาวจีนรู้จักระแวดระวังภัยอยู่เสมอ แม้ในยามที่สงบ”
ไม่นาน หลินหยุนได้ขึ้นไปถึงยอดเขา ยืนอยู่บนหินที่อยู่ตรงข้ามกับอิจิโร่ มุรามาสะ
ผู้ชมที่อยู่บริเวณยอดเขา เห็นว่าจู่ ๆ ได้มีชายหนุ่มปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าอิจิโร่ มุรามาสะ ก็พากันตะโกนขึ้นทันที : “ไอ้หนุ่ม ไปเล่นที่อื่นไป! ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่แกจะมาวุ่นวาย ไม่อยากตายก็รีบไปซะ!”
“ไอ้หนุ่ม ที่นั่นเตรียมไว้ให้สำหรับปรมาจารย์หลิน ไม่ใช่ที่ที่แกจะไปยืนได้ รีบลงมาเดี๋ยวนี้!”
เมื่อเห็นว่าหลินหยุนไม่สนใจพวกเขาแม้แต่น้อย ทุกคนจึงโมโหขึ้นมาทันที
“นี่เป็นลูกหลานใครเนี่ย ถึงได้ไร้มารยาทอย่างนี้!”
“ผู้ปกครองของเขาล่ะ? ไม่มีใครออกมาดูแลหน่อยเหรอ! ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เขาจะมาวุ่นวายได้นะ?”
ทันใดนั้น ข้างต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง มีหญิงสาวหน้าตาสวยงาม สวมชุดกระโปรงแดงยืนอยู่
เธอมองไปที่หลินหยุนด้วยความสงสัย
“ทำไมฉันถึงได้คุ้นหน้าเจ้าหมอนี่จังเลย?”
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่ยืนอยู่ด้านข้างหญิงสาว ได้แสยะยิ้มพลางเอ่ย : “ฉันก็รู้สึกคุ้นหน้าเหมือนกัน เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน”
จู่ ๆ หญิงสาวได้ร้องออกมาด้วยความตกใจ : “อ้อ ฉันนึกออกแล้ว นี่หลินหยุนไม่ใช่เหรอ? เป็นเพื่อนนักเรียนของพวกเราสมัยเรียนมัธยมปลายที่หลินโจวไง”
ชายหนุ่มเอ่ยพูด : “เธอหมายถึงไอ้เวรนั่นที่บ้านของเซี่ยหยู่เวยเก็บมาเลี้ยงน่ะเหรอ? ค่อนข้างเหมือนจริง ๆ ด้วย!”
หญิงสาวรีบพูด : “ไม่ใช่เหมือน แต่เป็นเขาจริง ๆ!”
“เฮ้ หลินหยุน นายมาที่นี่ทำไม รีบลงมา!” หญิงสาวโบกมือสองข้างให้กับหลินหยุนไม่หยุด
หลินหยุนมองเธอด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ
หญิงสาวคนนี้เขาจำเธอได้ เป็นหัวหน้าห้องตอนอยู่มัธยมปลาย ชื่อว่าจ้าวจื่อหลินเป็นคนสวยคนหนึ่ง แต่ชอบพูดจาไม่ไว้หน้าคนอื่น
เมื่อจบม.4 ก็ได้ย้ายโรงเรียนตามลูกเศรษฐีคนหนึ่งไป
จ้าวจื่อหลินจับแขนของชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างอย่างตื่นเต้น แล้วพูดว่า : “นายเห็นไหม เขาได้ยินที่ฉันตะโกนเรียกเขาด้วยล่ะ ยังหันมามองฉันด้วย เขาก็คือหลินหยุน!”
ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างหัวเราะอย่างเหยียดหยามออกมาเสียงดังแล้วเอ่ยพูด : “หลินหยุน ตระกูลเซี่ยไล่แกออกจากบ้านแล้วหรือเปล่า? ถึงได้มาโผล่ที่นี่? อยากหาเรื่องตายงั้นเหรอ?”
คนที่อยู่บริเวณนั้น ได้ยินจ้าวจื่อหลิน และชายหนุ่มพูดเหมือนรู้จักกับหลินหยุน จึงได้แอบฟังเบาะแสเกี่ยวกับหลินหยุน
เมื่อได้รู้ว่าหลินหยุนเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกคนรับไปเลี้ยงจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผู้คนบริเวณนั้นก็ได้ตะโกนด่าอย่างไม่เกรงกลัวอะไรขึ้นมาทันที
“ไอ้หนุ่ม รีบไสหัวไปซะ อย่ามาทำให้เสียเรื่องที่นี่นะ!”
“มิน่าล่ะถึงได้ไร้มารยาทอย่างนี้ ที่แท้ก็เป็นพวกไม่มีพ่อไม่มีแม่นี่เอง!”
คนพวกนี้ด่าได้หยาบคายมาก พวกเขาข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อเชียร์ปรมาจารย์หลิน รอมาตั้งนานขนาดนี้ ปรมาจารย์หลินก็ยังไม่มา แต่กลับมีไอ้หนุ่มที่มาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าคนหนึ่งโผล่มา
จึงรู้สึกเหมือนถูกปั่นหัว เลยเอาความโมโหไประบายใส่หลินหยุน
ได้ฟังที่ทุกคนตะโกนด่าแล้ว หลินหยุนก็ขี้เกียจไปสนใจ
อิจิโร่ มุรามาสะที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม มองไปที่หลินหยุนพลางยิ้มเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เมื่อรอให้คนพวกนี้ด่าจบแล้ว อิจิโร่ มุรามาสะจึงค่อย ๆ เอ่ยพูด : “ปรมาจารย์หลิน ในที่สุดก็มาสักทีนะ”
ประโยคนี้ถูกอิจิโร่ มุรามาสะใช้พลังกระจายเสียงดังออกไปทั่วเหมือนครั้งที่แล้ว เพียงชั่วพริบตาเดียว ผู้คนทั้งหมดที่อยู่ตั้งแต่ยอดเขาจนถึงตีนเขา ต่างก็ได้ยินกันหมด
ทุกคนที่อยู่บริเวณยอดเขา ต่างพากันตะลึง จากนั้นได้หันไปมองหารอบทิศทางกันไม่หยุด
“ปรมาจารย์หลินมาแล้ว อยู่ไหนล่ะ? ทำไมฉันยังไม่เห็น?”
จากนั้น ผู้คนเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้กะทันหัน
สายตาของทุกคน ต่างจับจ้องไปที่หลินหยุน
“ที่อาจารย์มุรามาสะพูดถึง คงไม่ใช่ไอ้หนุ่มนี่หรอกใช่ไหม?”
“เขาคือปรมาจารย์หลินงั้นเหรอ? จะเป็นไปได้ยังไง!”
ดูเหมือนอิจิโร่ มุรามาสะต้องการทำให้ทุกคนเชื่อ จึงได้เอ่ยพูดอีกประโยคหนึ่ง : “เขาก็คือปรมาจารย์หลิน จริงแท้แน่นอน!”
ตอนนี้ ทุกคนต่างไม่เต็มใจเชื่อ
จู่ ๆ ในที่นั้นก็เงียบกริบทันที มีเพียงเสียงลมพัดต้นไม้ไปมา
ผ่านไปครู่หนึ่ง ถึงได้มีคนร้องออกมาด้วยความตกใจ
“อายุน้อยขนาดนี้ จะเป็นปรมาจารย์หลินได้ยังไงกัน? อาจารย์มุรามาสะจำคนผิดหรือเปล่าเนี่ย?”
“ในเมื่ออาจารย์มุรามาสะพูดขนาดนี้แล้ว แสดงว่าไม่ผิดแน่นอน”
“คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าไอ้หนุ่มนี่คือปรมาจารย์หลิน!”
ผู้คนต่าง ๆ ค่อย ๆ ยอมรับความจริง
แต่ว่า ชาวญี่ปุ่น กลับแสดงปฏิกิริยาตอบกลับกะทันหัน : “ปรมาจารย์หลินคนนี้ก็คือไอ้หนุ่มที่อายุเพิ่งยี่สิบต้น ๆ เนี่ยนะ!”
“ฮ่าฮ่า งั้นอาจารย์มุรามาสะต้องเป็นฝ่ายชนะแน่นอน!”
“ไอ้พวกจีนหน้าโง่ รออับอายขายขี้หน้าได้เลย!”
“อาจารย์มุรามาสะต้องชนะ……อาจารย์มุรามาสะต้องชนะ……”
ชาวญี่ปุ่นมีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ฮึกเหิม ตะโกนออกมาเสียงดัง ยิ่งตะโกนก็ยิ่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ
ผ่านไปสักพัก จ้าวจื่อหลินกับแฟนของเธอถึงตั้งสติขึ้นมาได้
“ทำไมหลินหยุนถึงได้กลายเป็นปรมาจารย์หลินล่ะ!” จ้าวจื่อหลินอ้าปากค้างแล้วเอ่ยถาม ไม่สนภาพลักษณ์กุลสตรีเลยทีเดียว
“ฉันก็แม่งอยากรู้เหมือนกัน ทำไมมันถึงได้กลายเป็นปรมาจารย์หลินไปได้!” ชายหนุ่มมีสีหน้าไม่เข้าใจพลางเอ่ยพูด
“คงจะโกหกหลอกลวงแหละ แล้วแอบอ้างมาใช้ชื่อปรมาจารย์!” จ้าวจื่อหลินคาดเดา
“งั้นคราวนี้มันคงเจอผิดคนแล้วล่ะ อาจารย์มุรามาสะเป็นถึงอันดับหนึ่งในโลกบู๊ของญี่ปุ่น ปรมาจารย์หลินอย่างมันกล้าท้าทายอาจารย์มุรามาสะ นี่มันหาเรื่องตายชัด ๆ!”
จ้าวจื่อหลินยังคงมีสีหน้าคาดไม่ถึง : “ฉันยังคิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าหลินหยุนทำยังไงถึงได้หลอกคนจีนมากมายขนาดนี้ด้วย ทุกคนต่างข้ามน้ำข้ามทะเลมาเชียร์เขา!”
“ไม่ได้ ฉันต้องเปิดโปงเขา จะให้ทุกคนถูกเขาหลอกไม่ได้”จ้าวจื่อหลินเอ่ยพูด