จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 828 ปล่อยลูกศรยิงขีปนาวุธ

บทที่ 828 ปล่อยลูกศรยิงขีปนาวุธ

เฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธทั้งสิบลำตรงหน้าหลินหยุนได้แค่ทำตัวติดตลกไปได้ชั่วครู่ จากนั้นก็ไม่เหลืออยู่อีก

บางที นักบินทั้งสิบคน จนกระทั่งตายก็ยังไม่เข้าใจว่า บนโลกนี้ ทำไมถึงมีลูกธนูที่ร้ายกาจขนาดนี้อยู่

หลังจากจัดการกับกำลังเสริม หลินหยุนก็มองไปที่กองกำลังของมัตซุยอีกครั้ง

ผู้ช่วยตกใจจนตัวสั่นจากนั้นจึงกลืนน้ำลายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาว่า “ท่านมัตซุย พวกเราถอยก่อนเถอะ!”

“แม้แต่เฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ทำไมเราต้องตายอย่างเปล่าประโยชน์ด้วย”

มัตซุยมีสีหน้าปั้นยาก แม้ว่าเขาจะเคยคิดเอาไว้ว่าบางทีหลินหยุนอาจมีวิธีจัดการกับเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธทั้งสิบลำ แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่า มันจะง่ายดายขนาดนี้

“โทรไปที่สำนักงานใหญ่ทันที บอกพวกเขาว่าทีมเฮลิคอปเตอร์ถูกทำลายลงหมดแล้ว!”

“ครับ!” ผู้ช่วยรีบโทรไปสำนักงานใหญ่ทันที

ไม่นาน ผู้ช่วยก็กลับมาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

“ท่านครับ สำนักงานใหญ่บอกว่าให้เราพยายามยื้อสถานการณ์ต่อไป จะมีกองกำลังที่ทรงพลังกว่านี้มาสนับสนุนเราเร็วๆ นี้!”

“บอกให้พวกเราต่อให้ต้องสู้จนตัวตายเป็นคนสุดท้าย ก็ต้องรอจนกว่ากำลังเสริมมาถึง!”

“ท่านครับ ท่านว่าพวกเรากำลังกลายเป็นเหยื่อไปแล้วรึเปล่า?”

มัตซุยถลึงตาใส่เขา “โง่เง่า! ปฏิบัติตามคำสั่ง ถึงเวลาในการเสียสละเพื่อประเทศญี่ปุ่นอันยิ่งใหญ่แล้ว!”

“เตรียมตัวให้พร้อม โจมตี!”

ฉินหลันขมวดคิ้วและมองไปที่ทหารเหล่านั้น “คนพวกนี้ยังไม่ยอมแพ้อีก!”

“หรือว่าพวกเขาไม่กลัวตายจริงๆ?”

หลินหยุนไม่ได้ตอบคำถามนี้ ทุกคนล้วนกลัวความตาย แต่ว่า คนเราย่อมหนีความตายไม่พ้น ความตายของคนบางคนหนักอึ้งเยี่ยงขุนเขาไท่ซาน ในขณะที่บางคนกลับบางเบาดุจดั่งขนนก

ทหารญี่ปุ่นเหล่านี้แน่นอนว่าย่อมกลัวความตาย แต่ว่า ในใจของพวกเขา เกียรติยศนั้นสำคัญกว่าชีวิต

“ในเมื่อพวกนายอยากตาย อย่างนั้นฉันก็จะช่วยให้สมปรารถนา” เสียงของหลินหยุนเรียบเฉย แต่ว่า รังสีสังหารที่ส่งออกมานั้น กลับทำให้ฉินหลันรู้สึกกลัวอย่างลับๆ

หลินหยุนมองไปที่ฉินหลันและพูดด้วยเสียงอันอบอุ่นว่า “ตามติดผมมา”

“อืม” ฉินหลันก้มศีรษะลงและตอบเบา ๆ

หลินหยุนเคลื่อนที่เข้าไปในกองทัพอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มสังหารรอบใหม่

คราวนี้ ความเร็วในการฆ่าของหลินหยุนมากขึ้นกว่าเดิม ฆ่าฟันจนทหารเหล่านั้นร้องไห้คร่ำครวญราวกับผีสาง

เขาฆ่าเสียจนนายพลพวกนั้นตกใจกลัว

ฆ่าจนผู้ช่วยและมัตซุยทั้งตัวเต็มไปด้วยเหงื่ออันเย็นเยียบ

กองทัพนับหมื่น ภายในสิบนาที ก็สูญเสียผู้คนไปนับพัน

ผู้ช่วยเอ่ยอย่างตัวสั่น “ท่านมัตซุย ถอยทัพเถอะ! นี่คือการสังหารหมู่ฝ่ายเดียวชัดๆแล้ว! ถ้ายังสู้อีกต่อไป กองทัพทั้งหมดก็จะถูกฆ่า!”

มัตซุยมีสีหน้ามืดมนและถามว่า “มีข่าวจากสำนักงานใหญ่หรือไม่? กองกำลังเสริมจะมาถึงเมื่อไหร่?”

ผู้ช่วยมองดูเวลาแล้วพูดว่า “เหลืออีกสิบนาที!”

มัตซุยกัดฟัน สิบนาที เกรงว่าเขาจะต้องสูญเสียผู้คนไปนับพันอีกครั้ง

ต่อให้กำลังเสริมมาถึง กองทัพของมัตซุย ก็เหลือเพียงไม่กี่คนแล้วเท่านั้น

“สู้ต่อไป รอกำลังเสริม!” มัตซุยกัดฟันและออกคำสั่ง

ผู้ช่วยมองมาที่มัตซุยด้วยสีหน้าเจ็บปวด เขาหันกลับมาและตะโกนว่า “เหล่าทหารญี่ปุ่นทุกท่าน กองกำลังเสริมจะมาถึงในไม่ช้า ทุกคนโปรดอดทนอีกสักครู่!”

ขวัญกำลังใจของเหล่าทหารที่กำลังจะพังลงก็ถูกจุดขึ้นอีกครั้ง

ทหารยิงไปที่หลินหยุนอย่างดุเดือด แต่ว่า หลายคนก็ยิงไปถูกเพื่อนร่วมรบของพวกเขาเอง

หลินหยุนยังคงไม่บุบสลายและเดินหน้าสังหารต่อไป

ภายในสิบนาทีก็เป็นไปตามที่มัตซุยคาดไว้ ผู้คนหลายพันถูกสังหาร เหลือทหารเพียงหนึ่งในสามเท่านั้น

ริมฝีปากของผู้ช่วยถูกกัดจนมีเลือดออก “ท่านครับ กองกำลังเสริมยังไม่มาถึง!”

มัตซุยพูดด้วยใบหน้ามืดมน “โทรไปที่สำนักงานใหญ่ ถามพวกเขาว่ากำลังเสริมจะมาถึงเมื่อไหร่!”

“ครับ!”

ผู้ช่วยคนสนิทรีบโทรออกทันที จากนั้นเขาก็มองไปที่มัตซุยด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง “ท่านครับ สำนักงานใหญ่บอกว่ากำลังเสริมมาถึงแล้ว!”

ขณะพูด พวกเขาก็รู้สึกว่าอุณหภูมิโดยรอบดูเหมือนจะสูงขึ้น และอดไม่ได้ที่จะแหงนหน้ามองท้องฟ้า

ดาวตกดวงหนึ่งกำลังลากหางยาวและพุ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยความเร็วสูง

หลินหยุนหยุดการฆ่าฟันทันทีและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

ฉินหลันเองก็มองตามสายตาของหลินหยุนไป เธออดถามอย่างสงสัยขึ้นมาไม่ได้ “นั่นอะไรน่ะ? ตอนกลางวันแสก ๆ จะมีดาวตกได้ยังไง!”

สายตาของหลินหยุนดีกว่าคนทั่วไปอย่างฉินหลัน แน่นอนว่าเขาย่อมเห็นได้ชัดว่ามันคืออะไร

“ไม่ใช่ดาวตก แต่เป็นขีปนาวุธพิสัยกลาง!”

“อะไรนะ!” ฉินหลันอุทานเสียงหลงขึ้นมา

ขีปนาวุธพิสัยกลาง ถือเป็นอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ที่มักใช้เป็นเครื่องมือสยบศัตรู

ผู้บัญชาการระดับสูงของญี่ปุ่นกลับใช้มันเพื่อเอาชนะคนเพียงผู้เดียว!

ฉินหลันมองไปที่ทหารของญี่ปุ่นและถามด้วยความตกใจ “ที่นี่ยังมีทหารของญี่ปุ่นอยู่อีกมากขนาดนี้ พวกเขาไม่สนใจชีวิตของทหารของตัวเองเลยหรือไง?”

หลินหยุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “คนญี่ปุ่น แต่ไหนแต่ไรล้วนบ้าคลั่ง ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรพวกเขาก็ยอม ดูเหมือนว่า ฉันจะไปทำให้พวกเขารู้สึกเป็นภัยคุกคามอย่างลึกล้ำ”

“เราควรทำยังไงดี? ขีปนาวุธทรงพลังมากขนาดนี้ พวกเราจะสามารถหลีกเลี่ยงได้หรือ?” ฉินหลันถามด้วยความเป็นห่วง

พูดตามความจริง หลินหยุนเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขามีกำลังพอที่จะสามารถต้านทานขีปนาวุธได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม หากพูดตามเนื้อผ้าในก่อนหน้านี้ที่เขารับมือกับดาวเคราะห์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเหล่านั้นและเคยสัมผัสถึงภัยคุกคามของขีปนาวุธมาก่อน เขารู้สึกว่าตัวเองสามารถต้านทานมันได้

แต่ตอนนี้เขาค้องปกป้องฉินหลัน จึงต่อต้านกลับไปตรงๆไม่ได้

มัตซุยเองก็พบว่ามันคือขีปนาวุธด้วยเช่นกัน ทันใดนั้น ใบหน้าของเขาก็แสดงรอยยิ้มบิดเบี้ยว “ที่แท้นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่ากำลังเสริม!”

ผู้ช่วยและคนอื่นๆ ก็พบว่ามันคือขีปนาวุธแล้วและพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยความตื่นตระหนก “พระเจ้า นี่คือขีปนาวุธนำวิถี! นี่คือกำลังเสริมที่ส่งมาจากสำนักงานใหญ่งั้นหรือ?”

“เชี้ยเอ๊ย แบบนี้คือคิดจะระเบิดพวกเราไปด้วยกันเลยใช่ไหม!”

เมื่อเผชิญหน้ากับความตายที่คุกคามเข้ามา ไม่ใช่ทุกคนที่จะสงบสติอารมณ์ได้

แม่ทัพเหล่านี้ เริ่มสาปแช่งผู้บัญชาการระดับสูงของญี่ปุ่นอย่างดังลั่น

“พวกเราขายชีวิตให้กับพวกเขา แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขากลับปฏิบัติกับเราเหมือนเป็นแค่เหยื่อ! ไอ้ตัวบัดซบสมควรตาย หากฉันรอดออกไป ฉันจะต้องเปิดโปงความชั่วของพวกเขาต่อสาธารณชน!”

“แถมฉันจะไปฟ้องศาลทหารด้วย!”

ฝูงชนสาปแช่งเสียงดัง แต่ว่า ทุกอย่างล้วนสายเกินไปแล้ว

พวกเขาตระหนักดีถึงพลังของขีปนาวุธนำวิถี พวกเขาไม่มีแม้แต่เวลาที่จะหลบหนี

ความครอบคลุมของขีปนาวุธนำวิถีนั้นใหญ่มากเกินไป

เมื่อก่นด่าไปเรื่อยๆ ทหารกลุ่มหนึ่งก็เลิกต่อต้านและทำเพียงนั่งลงบนพื้นแล้วร้องไห้ออกมา

พวกเขายังมีพ่อแม่ ภรรยา และลูก พวกเขายังไม่อยากตาย

ขีปนาวุธกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ความเร็วของขีปนาวุธนั้นเกินความเร็วของเสียงไปแล้ว

หลินหยุนสัมผัสได้ถึงระยะทางที่เคลื่อนที่อยู่ จากนั้นจึงคำนวณขีดจำกัดของวิชายิงตะวัน

เมื่อขีปนาวุธอยู่ห่างจากพวกเขาไป 2,000 เมตร หลินหยุนก็ดึงคันธนูอีกครั้ง

ลูกศรแสงสีฟ้าก่อรูปร่างอย่างรวดเร็ว นิ้วของหลินหยุนคลายสายธนูออก ลูกศรแสงสีฟ้าทะลุผ่านหมู่เมฆหมอกและยิงไปที่ขีปนาวุธบนท้องฟ้า

มัตซุยและคนอื่นๆ ก็ต้องตกตะลึงกับการเคลื่อนไหวของหลินหยุนอีกครั้ง

เขายิงเฮลิคอปเตอร์ได้ก็ถือว่าแล้วไป ตอนนี้พวกเขายอมรับมันได้แล้ว

แต่ว่า นี่เขาถึงกับยิงใส่ขีปนาวุธ…นี่มันไร้สาระเกินไปแล้ว!

อย่างไรก็ตาม มัตซุยและคนอื่นๆ กลับต่างหวังว่าหลินหยุนจะสามารถแสดงปาฏิหาริย์ได้อีกครั้ง

บูม!

ขีปนาวุธถูกยิงด้วยลูกศรสีฟ้าที่ระดับความสูงห่างจากหลินหยุน และคนอื่น ๆไป 1500 เมตร และจุดชนวนขึ้นมาล่วงหน้า

มันดูราวกับเหมือนดวงตะวันดวงเล็กๆ ที่ส่องแสงสว่างจ้าขึ้น

ชาวญี่ปุ่นกว่าครึ่งน่าจะล้วนเห็นมันได้

อีกทั้งประชาชนชางญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในแต่ละที่ก็ต่างตกใจกัน

และพูดถึงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร

หรือว่าพายุสุริยะจะระเบิดขึ้นมาแล้ว?

วันสิ้นโลกกำลังจะมาถึง!

ที่ระยะห่างออกไป 1500 เมตร พลังของขีปนาวุธก็ลดลงไปอย่างมาก

นี่คือระยะทางที่หลินหยุนเอาไว้แล้วคำนวณเช่นกัน หากอยู่ไกลออกไปอีกนิด พลังของวิชายิงตะวันก็อาจไม่เพียงพอต่อการระเบิดขีปนาวุธ

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท