จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 847 อย่าพูดจากับคนแปลกหน้า

บทที่ 847 อย่าพูดจากับคนแปลกหน้า

เว่ยซิวหมิงหัวเราะอย่างเย็นชา:”ทำไม? ยาวิเศษพวกนี้ สำนักอัคคีเป็นคนปลูกเหรอ หรือว่าภูเขาชื่อเสียเป็นของสำนักอัคคีเหรอ? พวกเราสำนักเฟยอวิ๋นให้ความสนใจยาวิเศษพวกนี้ไม่ได้เหรอ!”

สีหน้าของชิ่งกั๋วถัยยิ่งอยู่ก็ยิ่งแย่:”ถ้าพูดอย่างนี้ คุณมาเพื่อแย่งยาวิเศษกับฉันเหรอ!”

“คุณรู้ว่ายาวิเศษต้นนี้ เป็นยาวิเศษชั้นดีธาตุไฟ พวกเราสำนักอัคคีอยากได้ยาวิเศษต้นนี้มากๆ ทำไมคุณต้องมาแย่งยาวิเศษต้นนี้กับฉันด้วย?”

เว่ยซิวหมิงหัวเราะอย่างเย็นชา:”พูดไร้สาระ ตั้งแต่สมัยโบราณ คนที่มีบุญวาสนาถึงจะได้ของวิเศษมาครอบครอง! ใครเป็นคนกำหนดว่ายาวิเศษธาตุไฟ ก็ต้องเป็นของสำนักอัคคี!”

ชิ่งกั๋วถัยพูดอย่างเคร่งขรึม:”ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็ดูละกันว่าใครจะเหนือกว่าใคร!”

“สำนักเฟยอวิ๋นของพวกคุณมีแค่สองคน ถ้าต้องต่อสู้กันจริงๆ ก็อย่าหาว่าฉันใช้คนเยอะรังแกคนน้อยละกัน!”

หานหลิงเอ๋อพูดด้วยความกังวล:”ลุงเว่ย คุณมาเพียงคนเดียวเหรอ?”

เว่ยซิวหมิงพูดด้วยรอยยิ้ม:”วางใจได้ มีศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รองและคนอื่นๆด้วย พวกเขาคงมาถึงในไม่ช้า!”

เขามองไปที่ชิ่งกั๋วถัยและพูดอย่างเย็นชา:”พวกเราไม่ต้องกลัวพวกเขา!”

เมื่อพูดจบ มีผู้ชายหล่อเหลาเย็นชาใส่เสื้อสีขาวคนหนึ่ง และมีผู้หญิงสวยและเย็นชาใส่ชุดกระโปรงสีขาว และพาศิษย์น้องคนอื่นๆ พุ่งเข้ามาหาทันที

“ศิษย์น้อง เธอไม่เป็นไรใช่ไหม!”ผู้ชายวัยรุ่นใส่เสื้อสีขาวคนนั้นเดินมาที่ข้างๆหานหลิงเอ๋อทันที และถามด้วยความห่วงใย

ดูเหมือนหานหลิงเอ๋ออยากจะหลบหน้าศิษย์พี่คนนี้ เธอฝืนยิ้มและพูด:”ยังดีที่ผู้อาวุโสรองมาทันเวลา ฉันไม่เป็นไร!”

“ศิษย์พี่ซีเยว่!”หานหลิงเอ๋อเรียกศิษย์พี่ผู้หญิงที่สวยและเย็นชาคนนั้นทันที

สองคนนี้ คือศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักเฟยอวิ๋นชื่อจางเทียนเยว่ และศิษย์พี่รองเฉินซีเยว่

และสองคนนี้ก็ฝึกถึงขั้นปรมาจารย์ระดับเล็กแล้ว

แค่พวกเขาเพียงสองคน ก็สามารถรับมือลูกศิษย์ทั้งหมอของสำนักอัคคีได้

เว่ยซิวหมิงหัวเราะอย่างเย็นชา:”ชิ่งกั๋วถัย ตอนนี้คุณยังกล้าพูดว่าใช้คนเยอะรังแกคนน้อยอีกไหม?”

สีหน้าของชิ่งกั๋วถัยดูแย่มากๆ:”หึ เว่ยซิวหมิง คุณไม่ต้องดีใจไปหรอก ฉันยอมรับว่าพวกฉันเอาชนะพวกคุณไม่ได้ แต่พวกคุณก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้เหมือนกัน!”

เว่ยซิวหมิงพูดอย่างเย็นชา:”ถ้าใครได้ยาวิเศษไปครอบครอง ก็ต้องดูฝีมือและความโชคดีละกัน!”

“ได้!”ชิ่งกั๋วถัยพูด

เมื่อเห็นว่าการสู้รบครั้งนี้ เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว จู่ๆชายชราที่มีความรู้ก็พูดขึ้นมาทันที:”ยาวิเศษนั้นล้ำค่ามากๆ อย่าให้มันต้องได้รับความเสียหายตอนที่แย่งชิงกันเลย พวกเราทุกคนปรึกษากันก่อนไหมว่ายาวิเศษควรจะให้ใคร!”

ทุกคนไม่ยอมพูด แต่ทุกคนก็คิดในใจ ยาวิเศษต้นนี้ควรเป็นของใครกันแน่?

แม้แต่สำนักเฟยอวิ๋นกับสำนักอัคคีก็คงไม่อยากจะให้อีกฝ่ายอย่างแน่นอน

นอกจากสู้รบกันสักครั้ง ฝั่งไหนเป็นผู้ชนะ ฝังนั้นก็เอาครอบครอง

หลินหยุนมองไปที่ชายชราคนนั้นอีกครั้ง คำพูดของชายชราคนนี้ ดูเหมือนคำพูดปกติ แต่ถ้าเอาคำพูดกลับมาคิดให้ละเอียด ก็จะสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน คำพูดของเขาทุกคนคือพยายามยุยงให้ทุกคนสู้รบกัน

ตอนแรกทุกคนคิดว่ามันเป็นแค่ภูเขาไฟ และทุกคนกำลังจะจากไป

ชายชราคนนี้ก็ออกมาอธิบายให้ทุกคนฟัง

หลังจากนั้นเขาก็พูดแนะนำให้คนของสำนักอัคคีรู้ว่ายาวิเศษใกล้จะเติบโตสมบูรณ์แล้ว จุดประสงค์ของเขาก็คือทำให้คนของสำนักอัคคีใช้อำนาจบาตรใหญ่และข่มขู่ทุกคนมากขึ้น ทำให้ทุกคนโกรธและต่อต้านคนของสำนักอัคคี

ตอนนี้ ความบาดหมางระหว่างสำนักเฟยอวิ๋นกับสำนักอัคคีค่อยๆยุติลง เขาก็รีบเดินออกมาพูดว่ายาวิเศษควรเป็นของใคร เพื่อยุยงให้ทั้งสองฝ่ายเกิดการสู้รบกัน

ชายชราคนนี้มีเจตนาร้าย

น่าเสียดาย นอกจากหลินหยุนแล้ว ไม่มีใครมองเจตนาร้ายของชายชราคนนี้ออก

เว่ยซิวหมิงกับชิ่งกั๋วถัยต่างจ้องเขม็งอีกฝ่าย พวกเขาก็อยากที่จะแบ่งก่อนว่ายาวิเศษควรเป็นของใคร

แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีความมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้

ถ้าลงมือตอนนี้ มันเป็นเรื่องที่ได้ไม่คุ้มเสีย

และทั้งสองคนต่างก็มีความคิดของตัวเอง ถึงแม้ต้องทำลายยาวิเศษ ก็จะไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้มันไป

ในเวลานี้ พื้นที่ราบไม่ได้มีควันอีกแล้ว แต่มันกลับมีเปลวไฟเล็กๆปรากฏขึ้น

ชายชราคนนั้นตะโกนทันที:”เพลิงไฟใต้ดินได้ขึ้นมาแล้ว ยาวิเศษใกล้จะเติบโตสมบูรณ์แล้ว พวกเราต้องรีบตัดสินใจว่ายาวิเศษควรเป็นของใครกันแน่!”

เว่ยซิวหมิงและชิ่งกั๋วถัยตื่นเต้นขึ้นมาทันที พวกเขามองไปที่พื้นที่ราบและกำหมัดไว้แน่

แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่กล้าออมมือให้กันอีก

หานหลิงเอ๋อมองไปที่หลินหยุนและพูดทันที:”ฉันต้องขอโทษด้วย อันที่จริงแล้วฉันเป็นคนของสำนักเฟยอวิ๋น!”

หลินหยุนพูดเบาๆ:”อืม”

หานหลิงเอ๋อกะพริบตา:”คุณไม่มีอะไรจะพูดเลยเหรอ?”

“ไม่มี”หลินหยุนมองหน้าเธอด้วยสีหน้าปกติ

หานหลิงเอ๋อรู้สึกผิด และถามออกไปว่า:”เรื่องเข้าทีม ยังนับอยู่ไหม?”

“ยังนับอยู่!”หลินหยุนมองหน้าเธอและตอบอย่างจริงจัง

“จริงๆเหรอ?”หานหลิงเอ๋อดีใจมากๆ:”ฉันคิดว่าคุณจะไม่สนใจฉันอีกแล้ว!”

จางเทียนเยว่ที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่และอยู่ข้างๆได้คอยสังเกตหานหลิงเอ๋ออย่างเงียบๆมาโดยตลอด

เมื่อเห็นว่าเธอและหลินหยุนพูดคุยกันอย่างถูกคอ ทำให้สีหน้าที่ดูหล่อเหล่าของจางเทียนเยว่เย็นชาขึ้นมาทันที

“ศิษย์น้องหลิงเอ๋อ เขาคือใคร?”จางเทียนเยว่จ้องมองหลินหยุนและพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร

หานหลิงเอ๋อพูด:”ใช่แล้ว ศิษย์พี่ใหญ่ ฉันลืมแนะนำให้พวกคุณรู้จัก เขาคือสมาชิกในทีมของฉัน”

“เอ่อ คือฉันยังไม่รู้เลยว่าคุณชื่ออะไร?”หานหลิงเอ๋อรู้สึกอายจนหน้าแดง

“หลินหยุน”

“ฉันชื่อหานหลิงเอ๋อ”

จางเทียนเยว่มองหลินหยุนด้วยความดูถูก และพูดกับหานหลิงเอ๋อ:”ศิษย์น้อง สมัยนี้พวกสิบแปดมงกุฎมันเยอะ เธอต้องระวังตัวด้วยนะ!”

“เป็นคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อด้วยซ้ำ คุณยังกล้าไปให้เขามาเป็นสมาชิกในทีมอีกเหรอ!”

“ถ้ากลับไปแล้วอาจารย์รู้เรื่องนี้เข้า อาจารย์คงตำหนิเธออย่างแน่นอน!”

“และเธอก็ยังเป็นลูกสาวของเจ้าสำนักเฟยอวิ๋น ทำไมต้องไปคลุกคลีกับเด็กหนุ่มธรรมดาคนนี้ด้วย!”

“มันจะทำให้ชื่อเสียงของสำนักเฟยอวิ๋นได้รับความเสียหาย!”

หานหลิงเอ๋อรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย:”ศิษย์พี่ใหญ่ คุณพูดแบบนี้ไม่ดีเลย ฉันเป็นคนไปเชิญให้เขาเข้ามาเป็นสมาชิกในทีม เขาจะเป็นพวกสิบแปดมงกุฎได้ยังไง!”

“ยังมีอีกเรื่อง ถึงแม้เขาจะเป็นคนธรรมดาแล้วยังไง!ฉันรู้แค่ว่า เขาไม่ใช่คนเลวก็พอ!”

ผู้หญิงที่สวยและเย็นชาที่ยืนอยู่ข้างๆ มองหลินหยุนด้วยสายตาเย็นชา และพูดกับหานหลิงเอ๋อ:”หลิงเอ๋อ คนธรรมดาทั่วไปปรากฏตัวที่นี่ คุณคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกเหรอ?”

“ฉันกล้ารับประกัน เขาไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน คนที่ชอบซ่อนตัวแบบนี้ ต้องมีเรื่องเลวๆที่ไม่สามารถบอกใครได้อย่างแน่นอน!”

“คุณอยู่ห่างจากเธอหน่อย ยังดีที่พวกเรามาได้ทันเวลา ไม่งั้นเธอก็คงโดนเขาหลอกแล้ว!”

หานหลิงเอ๋อโดนคำพูดของทั้งสองคนจนทำให้เธอรู้สึกตกใจ พูดอย่างกับว่าหลินหยุนเป็นผู้ชายเลวๆที่กำลังหลอกเด็กไร้เดียงสาเพื่อทำมิดีมิร้าย

มองหลินหยุนตั้งแต่หัวจรดเท้า สุดท้ายหานหลิงเอ๋อก็ขมวดคิ้วและพูด:”ศิษย์พี่ ฉันรู้สึกได้ว่าหลินหยุนไม่ใช่คนเลว!”

“พวกคุณเข้าใจผิดหรือเปล่า?”

จางเทียนเยว่มองหลินหยุนและหัวเราะอย่างเย็นชา:”ศิษย์น้อง คนชั่วเขาไม่เขียนคำว่าตัวเองชั่วไว้บนหน้าหรอก!”

เฉินซีเยว่ก็พูดอีกว่า:”หลิงเอ๋อ เธอยังจำคำพูดที่ศิษย์พี่เคยพูดกับเธอไหม? ถ้าอยู่นอกสำนัก อย่าพูดกับคนแปลกหน้า!”

“คนที่ชอบหลบซ่อนอย่างเขา ถึงแม้จะมีความสามารถ แต่ก็คงไม่เก่งอะไรหรอก!”

“เธอในฐานะคุณหนูใหญ่ของสำนักเฟยอวิ๋น ถ้าคลุกคลีกับคนพวกนี้ มันคือการลดตัวและฐานะของตัวเอง!”

สายตาที่เย็นชาของเฉินซีเยว่มองผ่านหลินหยุน สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจ

หลินหยุนทำตัวเหมือนไม่ได้ยินอะไร และมองไปที่พื้นที่ราบที่อยู่ด้านหน้า

ตอนนี้เพลิงไฟใต้ดินขึ้นมาแล้วหนึ่งฟุต ต้นหญ้าเผาจิตมังกรคบเพลิงใกล้จะเติบโตสมบูรณ์แล้ว

หานหลิงเอ๋อรู้สึกผิดและพูด:”ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง พวกคุณอย่าพูดอีกเลย!”

“หลินหยุนไม่ใช่คนแบบนั้น ในเมื่อฉันตัดสินใจร่วมทีมกับเขา เขาก็เป็นสมาชิกในทีมของฉัน ฉันไม่อนุญาตให้พวกคุณพูดเขาแบบนั้นอีก!”

เมื่อเห็นหานหลิงเอ๋อกำลังจะโกรธ สีหน้าที่เย็นชาของจางเทียนเยว่ก็จ้องมาที่หลินหยุนด้วยความโกรธและเขาก็ไม่พูดอะไรอีก

เฉินซีเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอหยิ่งยโสและมองหลินหยุนด้วยสายตาที่ดูถูก

“ในเมื่อหลิงเอ๋อพูดแบบนี้แล้ว งั้นคุณก็อยู่ในทีมของพวกเราก็ได้!”เฉินซีเยว่พูด

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท