หลินหยุนไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เพิ่มความเร็วที่มือมากยิ่งขึ้น
พลังลึกลับระหว่างฟ้าดินนั่นยิ่งแข็งแกร่งและทรงพลังมากยิ่งขึ้น เส้นทางที่มองไม่เห็นได้โผล่ขึ้นอย่างเงียบ ๆ
มือสกัดนภา ตราผนึกทิพย์ เป็นสิ่งที่ค่ายกลเก้าสร้อยตวัดมังกรไม่สามารถขัดขวางได้
ผนึกที่เป็นเส้นทางมากมายมาประกอบเข้าด้วยกันดูซับซ้อนและลึกลับ ได้ค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมากลางอากาศภายในค่ายกลเก้าสร้อยตวัดมังกร
ชิ่งกั๋วถัย เว่ยซิวหมิงและคนอื่น ๆ จู่ ๆ ก็รู้สึกได้ถึงความกดดันจากพลังชี่ ทำให้ตัวเองรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
พวกเขาพบว่า ชี่แท้ภายในร่างกายเริ่มเคลื่อนไหวโดยไม่ฟังตัวเอง แม้แต่จิตวิญญาณยังสั่นไหวไม่สงบนิ่ง
ตราผนึกทิพย์ได้สร้างสำเร็จแล้ว สิ่งที่ผนึกไม่ใช่ชี่ทิพย์ระหว่างฟ้าและดิน แต่หลัก ๆ คือผนึกจิตทิพย์
สิ่งที่ผนึกคือจิตทิพย์ที่อยู่ในอาวุธ
แต่ว่า จิตวิญญาณของคนเราเป็นประเภทเดียวกับจิตทิพย์ จึงยากที่จะหลีกเลี่ยงผลกระทบ
นี่เป็นสถานการณ์ที่หลินหยุนไม่ได้มุ่งเป้าไปที่พวกเขา ถ้าหากตราผนึกทิพย์มุ่งเป้าไปที่นักบู๊เหล่านั้น คนเหล่านี้คงสติแตกปัญญาอ่อนกันไปหมดแล้ว
ธนูพิฆาตปราณทิพย์ได้รับรู้ถึงอันตรายอันใหญ่หลวง จึงเพิ่มความเร็วมากยิ่งขึ้น แล้วพุ่งเข้าใส่เฉินซีเยว่อย่างแรง
“อ๊ะ!”
เฉินซีเยว่ไม่หลงเหลือความเย่อหยิ่งอีกแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับความตาย ท่าทีเย่อหยิ่งของเธอช่วยอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ความตาย เสมอภาคกับทุกคนเสมอ ไม่ใช่เพราะคุณอยู่สวยแล้วความตายจะปล่อยคุณไป
หานหลิงเอ๋อทนดูศิษย์พี่ตายอย่างอนาถไม่ได้ จึงหลับตาลงทันที
ขณะที่ธนูพิฆาตปราณทิพย์กำลังจะแทงทะลุหน้าอกของเฉินซีเยว่ ตราผนึกทิพย์ที่ลอยอยู่กลางอากาศผืนนั้นก็ขยับทันที
ตราผนึกทิพย์ได้เปล่งแสงเรืองรอง รวดเร็วกว่าธนูพิฆาตปราณทิพย์เป็นสิบเท่า แล้วขวางธนูพิฆาตปราณทิพย์เอาไว้
ธนูพิฆาตปราณทิพย์ส่งเสียงร้องโหยหวน ฟังจากน้ำเสียงก็รู้ได้ว่ามันโกรธมาก แต่มากกว่าความโกรธคือความหวาดกลัว
ตราผนึกทิพย์ได้เคลื่อนไหวแล้ว พุ่งลงไปหาอาตมันเครื่องรางที่อยู่ในธนูพิฆาตปราณทิพย์ทันที
เฉินซีเยว่ตกใจอ้าปากค้าง ใบหน้าที่สวยงามนั้นซีดเผือด หน้าผากมีเหงื่อผุดออกมาไม่หยุด ด้านหลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ลูกศรความเป็นความตายนั่น ตอนนี้ได้หยุดอยู่ห่างจากหน้าอกเธอเพียงสามนิ้ว ลูกศรสั่นไหวไม่หยุด
หลินหยุนสองมือไขว้หลัง แล้วมองไปที่ธนูพิฆาตปราณทิพย์อย่างเงียบ ๆ
“ยังดิ้นอีกเหรอ”
“แต่ว่า เปลืองแรงเปล่า ๆ”
พูดจบ หลินหยุนได้ใส่พลังทิพย์ลงไปในตราผนึกทิพย์ต่อไป
ตอนนี้ อาตมันเครื่องรางที่อยู่ในธนูพิฆาตปราณทิพย์ได้กำลังต่อสู้อยู่กับตราผนึกทิพย์
ตราผนึกทิพย์แข็งแกร่งมาก แต่ตอนนี้การฝึกบำเพ็ญเซียนของหลินหยุนยังไม่ถึงขั้นระยะยาทอง ฉะนั้น อานุภาพของตราผนึกทิพย์ที่เขาใช้มีพลังลดลงมาก
แต่ว่าอาตมันเครื่องรางของธนูพิฆาตปราณทิพย์ ก็มีพลังลดลงเยอะมากเช่นกัน เพราะไม่มีเจ้านายอยู่ด้วย
ส่วนตราผนึกทิพย์กลับได้รับพลังทิพย์จากหลินหยุนเพิ่มเข้าไปไม่หยุด
อันหนึ่งพลังลดลง ส่วนอีกอันพลังเพิ่มขึ้น ทำให้อาตมันเครื่องรางฝืนทนต่อไปได้ไม่นาน
เฉินซีเยว่มองไปยังธนูพิฆาตปราณทิพย์ที่อยู่ใกล้กับเธอมาก เธอรู้สึกว่าตัวเองได้รอดพ้นจากความตายแล้ว
เธอเข้าใจดีว่า ในที่สุดก็เป็นหลินหยุนที่ช่วยเธอเอาไว้
และในขณะนั้นเอง ยอดเขาเก้าลูกที่อยู่รอบ ๆ ก็เริ่มขยับกะทันหัน
บนยอดเขาทั้งเก้าลูกนั้น มีโซ่ขนาดใหญ่มหึมาโผล่ออกมาเก้าเส้น แล้วพุ่งเข้าใส่หลินหยุน
เหมือนต้องการจะจับตัวหลินหยุน
หญิงชุดดำและชายชรา ได้เริ่มเคลื่อนไหวค่ายกลเก้าสร้อยตวัดมังกรแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น?” หานหลิงเอ๋อมองไปที่โซ่เส้นใหญ่มหึมาเก้าเส้นนั่น ที่กำลังจะเข้ามามัดตัวหลินหยุดไว้ ทำให้เธอตกใจจนหน้าถอดสี
หลินหยุนหรี่ตาเล็กน้อย แล้วผลักหานหลิงเอ๋อออกไปอย่างรวดเร็ว
พลังที่อ่อนโยนได้ผลักหานหลิงเอ๋อให้ห่างออกไป
จากนั้น โซ่ยักษ์ทั้งเก้าเส้นนั้นได้มัดตัวหลินหยุนเอาไว้ตรงกลาง
โซ่ยักษ์ทั้งเก้าเส้น หนาใหญ่กว่าร่างกายของหลินหยุนเสียอีก
แต่ว่า เมื่อพวกมันมาถึงตัวหลินหยุน ก็ได้กลายสภาพเป็นเชือกสีดำเก้าเส้น มัดตัวหลินหยุนเอาไว้
“หลินหยุน!”
หานหลิงเอ๋อตกใจจนร้องออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะหลินหยุนผลักเธอออกเมื่อครู่นี้ ตอนนี้หานหลิงเอ๋อคงถูกโซ่ล็อกตัวไว้ด้วยเช่นกัน
ด้วยพลังของหลินหยุน เมื่อถูกโซ่พวกนี้มัดตัวไว้จึงไม่ได้มีอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ว่า ถ้าหากเป็นหานหลิงเอ๋อถูกโซ่มัดไว้ เกรงว่าคงต้องตายเป็นแน่แท้
เฉินซีเยว่ตกใจด้วยเช่นกัน โชคดีที่เธออยู่ห่างจากหลินหยุนพอสมควร จึงไม่ได้ถูกโซ่มัดตัวไปด้วย
ที่ฐานของค่ายกลเก้าสร้อยตวัดมังกร มีหญิงชุดดำและชายชราผู้นั้น ยืนมองหลินหยุนที่ถูกโซ่เก้าเส้นมัดตัวไว้ ด้วยใบหน้าแสยะยิ้มได้ใจ
“เหอะ หลินหยุน ถูกโซ่ค่ายกลเก้าสร้อยตวัดมังกรมัดเอาไว้ ต่อให้นายเป็นผู้บำเพ็ญเซียนระยะยาทอง ก็ยากที่จะหลีกหนีได้”
ชายชราเอ่ยถามด้วยความสงสัย : “คุณหนูครับ จากพลังของเขา ค่ายกลเก้าสร้อยตวัดมังกรไม่สามารถฆ่าเขาให้ตายได้ คุณตั้งใจจะจับเขาไว้ที่นี่ เพราะทรมานเขาไปตลอดชีวิตงั้นเหรอ?”
หญิงชุดดำเผยแววตาที่ดูซับซ้อนออกมา : “ถ้าหากสามารถขังเขาไว้ตลอดชีวิตได้ ก็คงดีมากเลยทีเดียว”
“แต่กลัวว่า ด้วยความสามารถของเขา ไม่นานจะสามารถหลุดพ้นจากค่ายกลนี้ไปได้”
ชายชราหัวเราะอย่างลืมตัว : “คุณหนู คิดมากเกินไปแล้วครับ นี่เป็นค่ายกลเก้าสร้อยตวัดมังกรเชียวนะ เขาจะหลุดพ้นไปได้ยังไงกัน!”
หญิงชุดดำไม่ได้ตอบคำถาม ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงได้เอ่ยเสียงขรึมว่า : “ทานไปเอาเครื่องรางทิพย์อีกชิ้นมา ถ้าหากเขาหลีกหนีไปจากค่ายกลควัดมังกรได้ จะได้ใช้เครื่องรางทิพย์นั่น”
ชายชราเอ่ยพูดโดยไม่ได้คิดอย่างนั้น : “คุณหนู คุณคิดมากเกินไปจริง ๆ แม้แต่มังกรคบเพลิงยังกักขังไว้ได้ร้อยกว่าปี แล้วเขาจะหลุดพ้นจากค่ายกลนี้ไปได้ยังไง!”
“ไปเอามาเถอะ!” หญิงชุดดำใช้น้ำเสียงออกคำสั่ง
ชายชราพยักหน้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก : “ก็ได้ครับ ผมจะไปเอาทวนสังหารเทวดามา
หญิงชุดดำเอ่ยพูด : “อย่าเอาทวนสังหารเทวดามา อานุภาพมันร้ายแรงเกินไป เอามุกดูดเลือดมาแทน!”
“ครับ!” ชายชรามองไปที่หญิงชุดดำด้วยความสงสัยเล็กน้อย แล้วหมุนตัวจากไป
“คุณหนูดูเหมือนเกลียดหลินหยุนมาก แต่ทำไมถึงไม่ยอมเอาชีวิตหลินหยุนสักที? น่าแปลกจริง ๆ!” ชายชราพึมพำคนเดียว
ในค่ายกล หลินหยุนถูกโซ่เก้าเส้นมัดตัวไว้ ทำให้ขยับเคลื่อนไหวตัวไม่ได้เลย
เว่ยซิวหมิงและคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านข้างมองดูด้วยความหวาดกลัว
ชิ่งกั๋วถัยเอ่ยพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม : “นี่คืออานุภาพของค่ายกลซั่งกู่เหรอ? น่ากลัวอย่างที่คิดไว้จริง ๆ!”
“แม้แต่พลังระดับเขา ยังไม่สามารถทำอะไรค่ายกลซั่งกู่นี้ได้ ถ้าหากเป็นฉัน คงถูกโซ่นั่นรัดตายไปนานแล้ว!”
หานหลิงเอ๋อวิ่งไปที่ข้าง ๆ หลินหยุนด้วยความร้อนใจ เอ่ยถามอย่างเป็นกังวล : “หลินหยุน นายไหวไหม? ฉันช่วยอะไรนายได้บ้าง?”
หลินหยุนไม่พูดอะไร แล้วค่อย ๆ หลับตาลง ดูท่าทางเหมือนหมดแรงจากการถูกค่ายกลทรมาน
“ผู้อาวุโสเว่ย ผู้อาวุโสชิ่ง และคนอื่น ๆ มาช่วยกันคิดหาทางเร็วเข้า ช่วยหลินหยุนกันเถอะ!”
“ถ้าหากหลินหยุนถูกจับไว้ไม่สามารถหลุดออกมาได้ ก็ไม่มีใครรับมือกับลูกศรนั่นได้แล้ว”
“ทุกคนจะตายเพราะลูกศรนั่นกันหมดนะ!”
สายตาของหานหลิงเอ๋อ กวาดตามองไปที่ทุกคน
เฉินซีเยว่รีบลุกขึ้นมายืนข้างหานหลิงเอ๋อ แล้วเอ่ยพูด : “ศิษย์น้องหลิงเอ๋อพูดถูก มีเพียงหลินหยุนที่สามารถจัดการลูกศรนั่นได้ ถ้าหากเขาถูกค่ายกลนี้ฆ่าตาย งั้นพวกเราก็คงต้องตายเพราะลูกศรนั่นกันหมด”
“ทุกคนร่วมใจกันคิดและลงมือ ช่วยให้หลินหยุนรอดพ้นจากอันตรายเถอะ!”
เว่ยซิวหมิงมองไปที่ชิ่งกั๋วถัย และชายชราอีกสามคนที่เหลือ แล้วมองไปที่ธนูพิฆาตปราณทิพย์ที่ยังคงสั่นไหวไม่หยุด
“หลิงเอ๋อ เธอพูดถูก แต่ว่า ต่อให้พวกเราหลายคนร่วมมือกัน ก็คงไม่สามารถช่วยเขาให้หลุดพ้นได้!”
“นี่เป็นค่ายกลซั่งกู่ เป็นค่ายกลที่ซั่งกู่สร้างเอาไว้ อานุภาพนั้นไม่ใช่พวกเราจะสามารถต้านทานได้”
“นอกจากมีพลังอยู่ในระดับแดนดั่งเทพ ถึงจะสามารถต้านทานค่ายกลซั่งกูได้”
หานหลิงเอ๋อพูดอย่างไม่ยอมแพ้ : “ไม่ลองดูแล้วจะรู้ได้ยังไง? ทุกคนลองดูกันเถอะ!”
เว่ยซิวหมิงมองไปที่ชิ่งกั๋วถัยและคนอื่น ๆ : “พวกนายคิดว่ายังไง?”
ชิ่งกั๋วถัยมองไปที่ธนูพิฆาตปราณทิพย์ แล้วพยักหน้าพลางเอ่ยพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม : “ลองดูเถอะ!”