จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 887 ซูม่านม่าน

บทที่ 887 ซูม่านม่าน

เมื่อเสียงดังขึ้น ได้มีผู้หญิงสวยท่าทางอ่อนช้อยนุ่มนวล สวมกระโปรงยาวกึ่งโปร่งแสงสีชมพูคนหนึ่งเดินเข้ามา

มีกลิ่นหอมโชยออกมาด้วย

ป่ายหลี่หลงเซิ่งใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ แล้วเอ่ยพูดด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มชั่วร้าย : “เขาก็คือหุบเขาเทพยาที่เธอพูดถึง? ที่พ่ายแพ้ให้กับสำนักยาตันของพวกเราในตอนนั้น!”

หญิงสาวยิ้มอย่างละมุนละไมพลางอิงแอบแนบชิดที่หน้าอกของป่ายหลี่หลงเซิ่ง เธอส่งสายตาไปให้ป่ายหลี่หลงเซิ่งแล้วเอ่ยพูดด้วยเสียงอ่อนโยน : “ใช่ค่ะ เขาก็คืออาจารย์อาของฉัน เป็นอัจฉริยะแห่งหุบเขาเทพยา โม่จือมิ่ง!”

หลินหยุนพบว่า ตั้งแต่ผู้หญิงคนนี้ปรากฏตัวขึ้น เสียงหายใจของโม่จือมิ่งก็รุนแรงมากขึ้น และดวงตาทั้งสองข้างก็แดงก่ำ

ดูท่าทาง ผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นคนทรยศคนนั้น

เทพธิดา ซูม่านม่าน

โม่จือมิ่งตะโกนเสียงดัง : “ซูม่านม่าน นังแพศยาอย่างแกยังมีหน้ามาเรียกฉันว่าอาจารย์อาอีกเหรอ! หุบเขาเทพยาดูแลแกเป็นอย่างดี แต่แกกลับทรยศหักหลังหุบเขาเทพยา ทั้งยังขโมยบันทึกเตากลั่นยาที่เป็นสมบัติล้ำค่าแห่งหุบเขาเทพยาไปด้วย จิตสำนึกของแกถูกสุนัขกินไปแล้วหรือไง?”

ซูม่านม่านหัวเราะแบบปิดปากแล้วเอ่ยพูด : “ฉันเรียกแกว่าอาจารย์อา แกก็คิดว่าตัวเองเป็นอาจารย์อาของฉันจริง ๆ น่ะเหรอ? คนขี้แพ้อย่างแก มีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนฉัน!”

“ติดตามหุบเขาเทพยาของพวกแก มีแต่จะขวางพรสวรรค์ของฉัน ความสามารถแค่นั้นของพวกแกเหล่าหุบเขาเทพยา อย่ามาเสนอหน้าให้อับอายคนอื่นเลย”

“อีกอย่าง คนต้องเดินขึ้นที่สูง น้ำไหลลงสู่ที่ต่ำ เรื่องที่ฉันทำ ไม่มีอะไรต้องละอายใจ ต่อไปเวลาเจอหน้ากัน อย่าทำตัวเหมือนมนุษย์ป้าขี้โวยวายอีก!”

โม่จือมิ่งโมโหจนหายใจฮึดฮัดหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง : “แกมันนังสารเลว ตอนนั้นพี่ใหญ่ของฉันตาบอดไปจริง ๆ ถึงได้เก็บแกมาเป็นลูกศิษย์!”

ซูม่านม่านแสยะยิ้มพลางเอ่ย : “ถูกต้อง ตอนนี้แกเพิ่งรู้เหรอว่าพี่ใหญ่ของแกตาบอด น่าเสียดายจังเลย ที่รู้ช้าไปหน่อย”

ป่ายหลี่หลงเซิ่งแสยะยิ้มพลางเอ่ย : “พอได้แล้วม่านม่าน อย่ามัวพูดไร้สาระกับเขาเลย เธอต้องการฝึกฝีมือไม่ใช่เหรอ? โสมป่าพวกนี้น่าจะเพียงพอให้เธอใช้นะ!”

ซูม่านม่านพูดอย่างออเซาะว่า : “พอแล้ว พอแล้ว”

ป่ายหลี่หลงเซิ่งลูบหน้าสวย ๆ ของซูม่านม่าน แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พลางเอ่ยพูด : “งั้นคืนนี้เธอควรต้องขอบคุณฉันดี ๆ สักหน่อยแล้วล่ะ!”

“บ้าน่ะ!” ซูม่านม่านแสร้งทำเป็นเขินอาย แสร้งทำเหมือนอยากปฏิเสธ

ป่ายหลี่หลงเซิ่งพูดกับเถ้าแก่ว่า : “ขอบใจนะ!”

เถ้าแก่โค้งคำนับพลางยิ้มแป้น : “ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร คุณชายป่ายหลี่ถูกใจ นับว่าเป็นเกียรติของผม”

“ไม่เลว ต่อไปหามีเรื่องอะไร อ้างชื่อฉันไปได้เลย!” ป่ายหลี่หลงเซิ่งเอ่ยพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ

“เทพธิดาตัวน้อย พวกเราไปกันเถอะ!” ป่ายหลี่หลงเซิ่งโอบซูม่านม่านด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งได้หยิบโสมป่าที่อยู่บนแผงไปทั้งหมด ทำเหมือนหลินหยุนไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น

หลินหยุนมองไปที่ป่ายหลี่หลงเซิ่งอย่างเย็นชา ถ้าหากไม่ใช่เพราะกลัวว่าพลังตัวเองจะเปิดเผย แล้วจะเอา บันทึกเตากลั่นยา มาไม่ได้ หลินหยุนคงตบชายหญิงที่พลอดรักไปทั่วทุกที่คู่นี้จนตายไปนานแล้ว

“วางลง” หลินหยุนเอ่ยพูดอย่างราบเรียบ

ป่ายหลี่หลงเซิ่งมองหลินหยุนด้วยความประหลาดใจ แล้วแสยะยิ้มพลางเอ่ยพูด : “ทำไม? ผู้อาวุโสแห่งหุบเขาเทพยาของพวกแกไม่กล้าพูดอะไรแล้ว แกเป็นแค่ลูกศิษย์ตัวเล็ก ๆ ที่คอยติดตามคนหนึ่ง ยังคิดจะมาแย่งของกับคุณชายอย่างฉันเหรอ?”

ป่ายหลี่หลงเซิ่งเห็นหลินหยุนอายุน้อย จึงคิดว่าหลินหยุนเป็นผู้ติดตามของโม่จือมิ่ง

แม้แต่ซูม่านม่านก็เมินเฉยใส่หลินหยุน

โม่จือมิ่งแสยะยิ้มพลางเอ่ย : “หุบเขาเทพยาของพวกเราไม่มีความสามารถมากถึงขนาดให้คุณชายหลินมาเป็นลูกศิษย์หรอก!”

ป่ายหลี่หลงเซิ่งแสยะยิ้มพลางเอ่ย : “หุบเขาเทพยาอย่างพวกแกชอบเล่นตุกติก คิดว่าสร้างเรื่องมาพูดแบบนี้แล้วฉันจะกลัวสินะ?”

พูดจบ ป่ายหลี่หลงเซิ่งได้หันหน้าไปมองหลินหยุนอย่างเหยียดหยาม แล้วเอ่ยว่า : “ไอ้เด็กเมื่อวานซืนเนี่ยนะ แกดันเรียกว่าคุณชายหลิน ฉันว่าหุบเขาเทพยาของพวกแก คงพังพินาศจริง ๆ แล้วล่ะ”

ขณะที่หลินหยุนทนไม่ไหวกำลังจะลงมือสั่งสอนป่ายหลี่หลงเซิ่ง จู่ ๆ ด้านหลังได้มีเสียงหัวเราะดังขึ้น : “ป่ายหลี่หลงเซิ่ง แกรังแกคนอื่นอีกแล้วใช่ไหม!”

“คนตระกูลป่ายหลี่ของพวกแกเนี่ย ก็ได้แค่นี้แหละนะ มีปัญญาก็มาสู้กับฉันดูสิ!”

เสียงลอยมาพร้อมกับเด็กสาวผมสั้นคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมหนังสีแดง กางเกงหนังขาสั้นสีดำ รองเท้าบูตหนังสีแดง ยืนเท้าสะเอวอยู่ด้านหน้าหลินหยุน

เด็กสาวหน้าตาสวยงาม ดูซุกซนเฉลียวฉลาด มีเอกลักษณ์เฉพาะตน

“น้องชายไม่ต้องกลัว พี่สาวจะช่วยนายจัดการกับไอ้สารเลวคนนี้เอง!” เด็กสาวกะพริบตาให้กับหลินหยุน ทำท่าทางเหมือนสนิทสนมกัน

มุมปากหลินหยุนยกขึ้นเล็กน้อย ถูกคนอื่นเห็นเป็นน้องชายไปซะได้

เห็นได้ชัดว่าป่ายหลี่หลงเซิ่งรู้จักกับเด็กสาวคนนี้ และดูเหมือนหวาดระแวงมากด้วย

“เจียงย่านหรง เธออย่ายุ่งเรื่องคนอื่นนักเลย เรื่องตระกูลป่ายหลี่ของพวกเรา ไม่จำเป็นต้องให้เธอมายุ่ง!” ป่ายหลี่ตะโกนออกมาด้วยความโมโห

เจียงย่านหรงแสยะยิ้มพลางเอ่ย : “ผ่านมาเจอเรื่องไม่เป็นธรรม จึงต้องยื่นมือเข้าช่วย นี่เป็นรากเหง้าบนเส้นทางเดินในโลกยุทธภพของนักบู๊อย่างฉัน! ถ้าหากแกไม่รังแกคนอื่น ฉันก็ขี้เกียจไปยุ่งเรื่องเฮงซวยของตระกูลป่ายหลี่พวกแก!”

ป่ายหลี่หลงเซิ่งโต้เถียงกลับไป : “ฉันไปรังแกมันตั้งแต่เมื่อไหร่! เธออย่ามากล่าวหาฉันนะ!”

เจียงย่านหรงแสยะยิ้มพลางเอ่ย : “เมื่อครู่นี้ฉันเห็นเต็มสองตา น้องชายคนนี้ซื้อโสมป่าเหล่านี้ก่อนชัด ๆ แต่แกกลับเข้ามาก้าวก่าย ใช้ความเป็นเจ้าสำนักยาตันของพ่อแก มาข่มขู่เถ้าแก่ให้เปลี่ยนใจ แล้วเอาโสมป่านี่มอบให้แกแทน”

“แกทำแบบนี้ยังไม่เรียกว่ารังแกคนอื่น แล้วต้องแบบไหนถึงจะเรียกว่ารังแก!” เจียงย่านหรงถามกลับเสียงดัง

ป่ายหลี่หลงเซิ่งเสียความมั่นใจ ไม่สามารถโต้เถียงอะไรกลับไปได้

ถ้าหากเป็นคนอื่น ป่ายหลี่หลงเซิ่งคงใช้อำนาจของสำนักยาตันมาข่มขู่ให้กลัว แต่เจียงย่านหรงเป็นคนที่มีพลังอันยิ่งใหญ่คนหนึ่งในโลกบู๊โบราณ เธอจึงไม่กลัวสำนักยาตันของเขาเลยแม้แต่น้อย

ซูม่านม่านที่อยู่ข้าง ๆ เห็นป่ายหลี่หลงเซิ่งถูกบีบให้ยอมแพ้ จึงรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย : “คุณเจียง คุณรู้จักกับคนของหุบเขาเทพยาเหรอ?”

เจียงย่านหรงส่ายหน้า : “ไม่รู้จัก เธอถามเรื่องนี้ทำไม?”

ซูม่านม่านยิ้มแล้วเอ่ยพูด : “พวกเขาสองคนเป็นคนของหุบเขาเทพยา ทำไมคุณต้องไปช่วยไอ้พวกโลกบู๊ปลอม แล้วมาหาเรื่องพวกเราคนกันเองในโลกบู๊โบราณด้วยล่ะ?”

โม่จือมิ่งตะโกนด้วยเสียงเย็นชา : “สารเลว แกนี่มันหน้าด้านจนถึงที่สุดจริง ๆ อย่าลืมว่าแกก็อยู่ในโลกบู๊มาก่อน แกเองก็เป็นคนในโลกบู๊ปลอมเหมือนกันนั่นแหละ!”

ซูม่านม่านไม่โกรธเลยสักนิด เธอหันไปมองเจียงย่านหรงแล้วยิ้ม : “คุณเจียง ได้ยินหรือยัง? คนของโลกบู๊ปลอมไม่มีมารยาทเลยสักนิด นึกจะด่าคนอื่นก็ด่า!”

“คนแบบนี้ ทำไมคุณต้องไปช่วยด้วยล่ะ? หรือว่าคุณเจียงเป็นพวกเดียวกับคนแบบนี้?”

ซูม่านม่านนี่จัดได้ว่าเป็นพวกร้อยเล่ห์เพทุบายเลยล่ะ เรื่องการยุแยงตะแคงรั่วนั้น เก่งกาจกว่าป่ายหลี่หลงเซิ่งมากมายนัก

ป่ายหลี่หลงเซิ่งก็รีบพูดเสริมว่า : “จริงด้วย เจียงย่านหรง หรือว่าเธออยากทำให้ตัวเองตกต่ำ ถึงได้ไปเกลือกกลั้วกับคนน่ารังเกียจพวกนั้น!”

ป่ายหลี่หลงเซิ่งไม่พูดอะไรยังจะดีเสียกว่า พอเปิดปากพูด ก็ทำให้เจียงย่านหรงโมโหทันที

“เหอะ ซูม่านม่าน ฉันเคยได้ยินการกระทำที่แสนโด่งดังของเธอ เมื่อก่อนเธอก็อยู่ในหุบเขาเทพยาใช่ไหม ได้ยินมาว่าตอนนั้นหุบเขาเทพยาดูแลเธอเป็นอย่างดี มีบุญคุณกับเธออย่างใหญ่หลวง แต่เธอกลับทรยศหักหลังหุบเขาเทพยา อีกทั้งยังขโมยเอาสมบัติล้ำค่าของหุบเขาเทพยามาด้วย เพื่อมอบให้เป็นของขวัญแก่สำนักยาตันตอนพบหน้ากัน!”

“คำพูดของคนอย่างเธอ เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ?”

“ป่ายหลี่หลงเซิ่ง เอาโสมป่าพวกนี้คืนน้องชายคนนี้ไปซะ ไม่อย่างนั้นวันนี้แกได้เจอดีแน่!”

เจียงย่านหรงพูดจบ ได้ชักแส้เงินเส้นหนึ่งออกมาจากบริเวณเอวทันที แล้วจ้องเขม็งป่ายหลี่หลงเซิ่งอย่างเย็นชา

ป่ายหลี่หลงเซิ่งหน้าแดงก่ำขึ้นมา : “เจียงย่านหรง เธออย่าบ้านะ ที่นี่คือเมืองตันโจว เป็นถิ่นของสำนักยาตันของฉัน!”

ฟึบ!

สิ่งที่ตอบกลับเขาคือเสียงแส้ที่ตวัดกลางอากาศของเจียงย่านหรง

ปีกหมวกทรงปากเป็ดของเถ้าแก่คนนั้น ถูกเจียงย่านหรงตวัดแส้จนขาด

เถ้าแก่ตกใจจนล้มก้นกระแทกพื้น : “ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่าน จะรบราฆ่าฟันก็อย่าเอาฉันเป็นที่ระบายอารมณ์สิ!”

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท