จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 871 ฉันคือผู้รับผิดชอบ

บทที่ 871 ฉันคือผู้รับผิดชอบ

เสิ่นหลินพูดจบ ก็กวาดสายตามองไปรอบบริเวณงาน จากนั้นก็มองเห็นชายวัยกลางคนอายุ

ห้าสิบปี ที่มีรูปร่างอ้วนท้วมกว่าเขา โดยด้านข้างของชายวัยกลางคนผู้นี้ ก็มีหญิงสาวที่อายุเพียง

ยี่สิบต้น ๆ ยืนอยู่ด้วย

“ฮ่าฮ่า พานซ่วย! พี่ไป๋ พวกเราไปถามเขากันเถอะ! ” เสิ่นหลินสีหน้าท่าทางยิ้มแย้ม ชัดเจนว่า

เขาสนิทสนมกับชายคนนั้น

ไป๋จ่านถังตกใจ และถามขึ้นว่า: “นั่นคือประธานพานแห่งตงซานกรุ๊ปใช่ไหม? ”

“นอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกล่ะ! ”

“ไปกันเถอะ! ”

เสิ่นเหยียนเดินพุงโย้อย่างรวดเร็ว เพื่อไปหาประธานพาน

ไป๋จ่านถังตามติดอยู่ด้านหลัง โดยทั้งสองคนก็ได้มาถึงที่ด้านข้างของประธานพาน

“พานซ่วย ไม่เจอกันนานเลย! ” เสิ่นหลินตบไปที่บ่าของประธานพานอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับยิ้ม

และกล่าวทักทาย

ประธานพานเตรียมที่จะด่าออกไป แต่หันมาเห็นว่าเป็นเสิ่นหลิน จึงตื่นเต้นดีใจและพูดว่า: “ไอ้เสิ่น ทำไมถึงเป็นนายไปได้! ”

“ใช่แล้ว นายรู้จักกับเจ้านายของชางฉองกรุ๊ปด้วยเหรอ? รีบพูดให้ฉันฟังหน่อยสิว่าเจ้านาย

เบื้องหลังของชางฉองกรุ๊ปมีความเป็นมาอย่างไรกันแน่! ”

เสิ่นหลินตื่นตกใจ: “พานซ่วย ตกลงว่านายก็ไม่รู้จักกับเจ้านายของชางฉองกรุ๊ปอย่างนั้นเหรอ? ”

ประธานพานพูดขึ้นว่า: “ฉันได้รับบัตรเชิญเข้าร่วมพิธีเปิดกิจการของชางฉองกรุ๊ปอย่างสับสน

งุนงง จากนั้นฉันก็เกิดความอยากรู้อยากเห็น จึงได้มาร่วมงานเพื่อจะได้ทราบถึงข้อเท็จจริง”

เสิ่นเหยียนปรบมือขึ้น: “ประธานพาน พวกเราก็เช่นเดียวกันกับนาย! ฉันเองก็ไม่รู้จักเจ้านาย

เบื้องหลังของชางฉองกรุ๊ป เป็นเพราะได้รับบัตรเชิญ ดังนั้นจึงได้มาดูว่าชางฉองกรุ๊ปนี้ตกลงเป็น

ของบุคคลยิ่งใหญ่คนไหนกันแน่! ”

ประธานพานมองไปที่เสิ่นหลินด้วยความสงสัย: “ที่นายพูดคือความจริงงั้นเหรอ? ”

เสิ่นหลินได้ยกมือที่อ้วนท้วมขึ้น: “ฉันขอสาบานต่อสวรรค์เบื้องบน! ”

ประธานพานแสดงสีหน้าท่าทางเหยียดหยาม: “โธ่ นายสาบานก็เหมือนกับนายผายลม ฉันไม่เชื่อ

เด็ดขาด ใช่แล้ว คนที่อยู่ข้างนายผู้นี้คือใคร? ”

เสิ่นหลินรีบชี้ไปที่ไป๋จ่านถังพร้อมกับแนะนำว่า: “ตระกูลไป๋แห่งเจียงหนาน ไป๋จ่านถัง! ”

ประธานพานรีบยกมือแสดงความเคารพและพูดว่า: “พี่ไป๋ ขออภัยที่เสียมารยาท! ”

ไป๋จ่านถังก็ยกมือแสดงความเคารพตอบกลับ: “ประธานพานมีชื่อเสียงโด่งดัง ฉันไป๋จ่านถังนับถือ

เลื่อมใสมานาน! ”

เสิ่นหลินพูดขึ้นว่า: “พอได้แล้ว ทุกคนไม่ต้องเกรงกันกันแล้ว พี่ไป๋ ประธานพานไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูด นายมาบอกเขาแทนแล้วกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น! ”

ไป๋จ่านถังมองไปที่ประธานพาน และพูดอย่างจริงจังว่า: “ที่พี่เสิ่นพูดนั้นล้วนแต่เป็นความจริง พวกเราเองก็ได้รับบัตรเชิญอย่างน่าประหลาดใจ จากนั้นจึงเกิดความอยากรู้อยากเห็น และได้มา ที่นี่เพื่อค้นหาคำตอบ! ”

ประธานพานพูดขึ้นอย่างตกตะลึงว่า: “ถ้าพูดแบบนี้ พวกนายก็ไม่รู้จักเจ้านายของชางฉองกรุ๊ป

ด้วยเหมือนกัน! ”

“ไปหาคนอื่นเพื่อสอบถามกันดูอีก! ”

จากนั้น ทั้งสามคนก็ได้แยกย้ายกันไปหาพวกคนที่ตนเองรู้จัก หลังจากที่สอบถามแล้ว คิดไม่ถึงว่า

ทุกคนต่างก็มาเพื่อร่วมงานสร้างบรรยากาศอันคึกคักเท่านั้น โดยที่ไม่มีใครรู้จักเจ้านายของชางฉองกรุ๊ปเลย

หลังจากที่สอบถามไปโดยรอบแล้ว พวกคนเหล่านี้ก็รวมตัวกันขึ้น และดุด่าว่ากล่าวชางฉองกรุ๊ป

กันยกใหญ่

ไป๋จ่านถังพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “ทุกท่าน ฉันคิดว่าเป็นไปได้ที่พวกเราทุกคนอาจจะถูกเจ้านาย

ของชางฉองกรุ๊ปหลอกใช้แล้ว! ”

เสิ่นหลินพยักหน้า หรี่ตาลงและพูดว่า: “ถูกต้อง เจ้านายของชางฉองกรุ๊ป บางทีอาจจะต้องการ

หลอกใช้ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเรา เพื่อสร้างภาพลักษณ์และชื่อเสียงที่ดีให้กับตัวของ

เขาเอง! ”

“มิน่าล่ะที่ก่อนหน้านี้โฆษณาของชางฉองกรุ๊ปได้ประชาสัมพันธ์ไปทั่วทุกหนทุกแห่ง แต่กลับไม่มี

การเปิดเผยถึงข้อมูลรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับชางฉองกรุ๊ปเลยแม้แต่น้อย ที่จริงแล้วเจ้านายของ

ชางฉองกรุ๊ป กำลังใช้อุบายหลอกล่อให้ตายใจก่อนแล้วจึงลงมือจัดการ โดยใช้ความอยากรู้อยาก

เห็นของพวกเรา เป็นเครื่องชักจูงให้พวกเรามาที่นี่”

อีกคนหนึ่งพูดขึ้นว่า: “ฉันว่าชางฉองกรุ๊ปนี้ ก็คือบริษัทต้มตุ๋นหลอกลวง ไม่อย่างนั้นทุกคนก็

แยกย้ายกันไปดีกว่า ถึงจะอยู่ต่อไปก็คงไม่มีความหมายอะไร! ”

“พี่หลิวอย่าได้ร้อนใจไป ในเมื่อมาแล้ว ก็ดูกันต่อไปเถอะ! ”

และในเวลานี้ พิธีกรหญิงสาวสวยคนหนึ่ง ก็ได้เดินขึ้นไปบนเวทีที่อยู่เบื้องหน้า

พิธีกรมือถือไมโครโฟน และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะว่า: “ยินดีต้อนรับผู้มีเกียรติทุกท่านที่ได้

มาร่วมงานพิธีเปิดกิจการของชางฉองกรุ๊ป ในโอกาสนี้ ฉันในนามตัวแทนของชางฉองกรุ๊ป ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงาน! ”

เมื่อพิธีกรสาวสวยได้เริ่มพูดขึ้น สายตาของทุกคนต่างก็จ้องมองมาที่เธอกันหมดแล้ว

แต่ว่า ความอดทนของพวกคนเหล่านี้ใกล้ที่จะถึงขีดสูงสุดแล้ว ซึ่งเมื่อพิธีกรสาวสวยพูดจบ ก็ได้มีคนตะโกนพูดขึ้นเสียงดังว่า: “คุณคือใครในชางฉองกรุ๊ป? ”

พิธีกรสาวสวยยิ้มพร้อมกับอธิบายว่า: “ฉันไม่ใช่คนของชางฉองกรุ๊ป ฉันเป็นเพียงแค่พิธีกรที่

ชางฉองกรุ๊ปเชิญมาทำหน้าที่ในงานพิธีเปิดกิจการในครั้งนี้เท่านั้น! ”

“ฮึ ไม่ใช่คนของชางฉองกรุ๊ป! พวกเราไม่อยากที่จะฟังคุณพูดอะไรไร้สาระอยู่ที่นี่ รีบให้คนของ

ชางฉองกรุ๊ปออกมาพบเจอกับพวกเราเดี๋ยวนี้ เพื่อให้พวกเขาชี้แจงรายละเอียดให้กับพวกเรา! ”

“ใช่แล้ว ลงไป แล้วเรียกให้คนของชางฉองกรุ๊ปออกมา! ”

“รีบลงไปจากเวทีเดี๋ยวนี้ ถ้าหากคนของชางฉองกรุ๊ปยังไม่ยอมออกมา อย่างนั้นพวกเราก็จะ

กลับกันไปเดี๋ยวนี้! ”

“ลงไป แล้วให้คนหลอกลวงของชางฉองกรุ๊ปออกมาเดี๋ยวนี้! ”

ทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างก็พากันโกรธเคือง ซึ่งถ้าหากทุกคนไม่คำนึงถึงสถานะของตนเองแล้ว ก็คงจะเกิดการทะเลาะวิวาทถึงขั้นทุบทำลายโต๊ะไปแล้ว

พิธีกรสาวสวยมีสีหน้าท่าทางที่อึดอัด สถานการณ์แบบนี้ เธอจะสามารถเป็นพิธีกรต่อไปได้

อย่างไร?

“ทุกคนอย่าได้ใจร้อนกันไปก่อน เดี๋ยวฉันจะรีบไปตามผู้รับผิดชอบของชางฉองกรุ๊ปออกมาให้! ”

พูดจบ สาวสวยก็ถือกระโปรง แล้วรีบวิ่งเข้าไปด้านหลังเวทีทันที

“ฮึ ใช้พิธีกรมาเป็นตัวหลอกล่อพวกเรา ชางฉองกรุ๊ปนี้มันคิดว่าพวกเราเป็นอะไรกันแน่! ”

“เขาคิดว่าพวกเราต่างก็เป็นคนโง่อย่างนั้นเหรอ? พวกเขาถึงคิดจะมาหลอกลวงกันโดยง่ายดาย

แบบนี้! ”

“พี่หลี่พูดได้ถูกต้องเลย ถ้าหากครั้งนี้ผู้รับผิดชอบของชางฉองกรุ๊ปยังไม่สามารถอธิบายให้พวกเรา

พึงพอใจได้ พวกเราก็จะทำลายพิธีเปิดกิจการของเขา! ”

“ตกลง เขากล้าที่จะล้อเล่นกับพวกเราแบบนี้ พวกเราก็จะสร้างความวุ่นวายให้กับพิธีเปิดกิจการ

ของเขา ทำให้ค่าการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของพวกเขานั้น ต้องสูญเปล่าไปโดยไร้ประโยชน์! ”

“ถูกต้อง ถ้าหากทำลายพิธีเปิดกิจการของพวกเขาลงได้ ชางฉองกรุ๊ปนั้นก็คงจะกลายเป็นตัวตลก

ในวงการธุรกิจอย่างที่สุดแน่นอน! ”

ในขณะที่ทุกคนกำลังจะเคลื่อนไหวทำเรื่องโง่ ๆ โดยได้ปรึกษากันอยู่ว่าจะสร้างความวุ่นวายต่อพิธีเปิดกิจการของชางฉองกรุ๊ปอย่างไรดีนั้น ซูจื่อเหลียงก็ค่อย ๆ เดินออกมาจากด้านหลังของเวที

โดยซูจื่อเหลียงได้กวาดสายตามองไปยังทุกคนที่อยู่ด้านล่าง ด้วยสีหน้าท่าทางที่หม่นหมอง

“ฉันก็คือผู้รับผิดชอบของชางฉองกรุ๊ป ได้ยินว่าพวกคุณกำลังตามหาฉันอยู่?” ซูจื่อเหลียงพูดขึ้น

ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา พร้อมกับจ้องมองไปยังทุกคนด้วยสายตาที่เยือกเย็น

ในตอนนี้ซูจื่อเหลียงเป็นยอดฝีมือที่ได้ก้าวเข้าสู่ขั้นแดนดั่งเทพไปครึ่งหนึ่งแล้ว อีกทั้งเขาเองก็ไม่ได้

ตั้งใจที่จะเก็บกดลมหายใจของเขาเอาไว้ ดังนั้น ลมหายใจที่ออกมาจากร่างกายของซูจื่อเหลียง ก็มากพอที่จะทำให้คนธรรมทั่วไป เกิดความหวาดกลัวขึ้นในจิตใจ

เมื่อซูจื่อเหลียงปรากฏตัวขึ้น ทุกคนที่อยู่ด้านล่าง ต่างก็เงียบสงบลงในทันที ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

ผ่านไปชั่วครู่ จึงได้มีคนพูดกระซิบกันขึ้น: “เขา เขาคือนักบู๊! ”

จิตใจของทุกคนต่างก็เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้น โดยคิดไม่ถึงว่าผู้รับผิดชอบของชางฉองกรุ๊ป จะเป็นนักบู๊ไปได้

นอกจากนี้ ลมหายใจที่ออกมาจากร่างกายของเขา คงน่าจะเป็นนักบู๊ที่มีพลังความสามารถ

ไม่ธรรมดาอีกด้วย

ถึงขนาดที่ว่าอาจจะเป็นปรมาจารย์นักบู๊ก็เป็นได้

ปรมาจารย์นักบู๊ระดับนี้เชิญตนเองมาร่วมงาน ตกลงคิดที่จะทำอะไรกันแน่?

ทุกคนก็ทราบกันดีอยู่ในใจแล้ว ถึงขนาดมีบางคน ที่กำลังแอบเคลื่อนไหวไปยังประตูทางออก เพื่อเตรียมที่จะหลบหนีเอาตัวรอด

มองเห็นทุกคนอยู่ในสภาพที่เงียบสงบ ซูจื่อเหลียงก็ทำเป็นยิ้มเยาะดูถูกขึ้น: “ทำไมไม่พูดไม่จากัน

แล้วล่ะ? ”

“เมื่อครู่ยังเห็นอยู่ว่ากำลังพูดคุยกันอย่างคึกครื้นไม่ใช่เหรอ? และยังคิดที่จะสร้างความวุ่นวายใน พิธีเปิดกิจการของชางฉองกรุ๊ปด้วย แต่ทำไมตอนนี้ถึงไม่พูดไม่จากันแล้วล่ะ? ”

“ความกล้าหาญของพวกคุณ ไปอยู่ที่ไหนหมดแล้ว? ”

น้ำเสียงของซูจื่อเหลียง มีความเหยียดหยามเป็นอย่างมาก แต่ว่า พวกบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่คุ้นเคย

กับการวางมาดโอ้อวดเป็นปกตินั้น กลับไม่มีใครกล้าที่จะพูดจาออกมาเลย

แม้ว่าคนเหล่านี้จะหลงระเริง แต่การที่สามารถขวนขวายจนมีสถานะในทุกวันนี้ได้ ทุกคนต่างก็

ไม่ใช่คนโง่ ล้วนแต่ฉลาดหลักแหลมกันทั้งหมด

พวกเขาไม่มีทางที่จะไปพูดจาด้วยหลักเหตุผลกับนักบู๊เด็ดขาด นอกเสียจากว่าไม่อยากจะมีชีวิต อยู่อย่างยืนยาว

แต่ว่า มีตระกูลหวางคอยเป็นผู้สนับสนุนพักพิงอยู่เบื้องหลัง คนเหล่านี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเกรงกลัว

ซูจื่อเหลียงเลยซะทีเดียว

นักบู๊เก่งกาจยอดเยี่ยม แต่ ก็ต้องอยู่ภายใต้การปกครองควบคุมของทางการจีน

อีกทั้งตระกูลหวางที่มีสถานะเป็นหนึ่งในวงศ์ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ของจีน เกรงว่าก็คงจะมีนักบู๊

อยู่ไม่น้อยเช่นกัน

ไป๋จ่านถังมองไปที่ซูจื่อเหลียง แล้วถามขึ้นอย่างแปลกประหลาดว่า: “ในเมื่อคุณคือผู้รับผิดชอบของชางฉองกรุ๊ป อย่างนั้นสามารถพูดได้ไหมว่า ที่ส่งบัตรเชิญให้กับ

พวกเรานั้น มีความหมายว่าอย่างไร? ”

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท