จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 901 ให้มันคายออกมาให้ฉัน

บทที่ 901 ให้มันคายออกมาให้ฉัน

ทุกคนอึ้งกันไปเล็กน้อย

“เจ้าสำนักป่ายหลี่กำลังเล่นตุกติกงั้นเหรอ?”

“นี่ นี่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้ง! สำนักยาตันเป็นสำนักอันดับหนึ่งแห่งโลกกลั่นยา ในฐานะที่เป็นเจ้าสำนักแห่งสำนักยาตัน แต่กลับมาเล่นตุกติกต่อหน้าผู้คนมากมายอย่างนี้ หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป ชื่อเสียงของสำนักยาตันคงย่อยยับแน่!”

“จริงด้วย เจ้าสำนักป่ายหลี่ ต้องคิดไตร่ตรองให้ดีก่อนลงมือนะ!”

ในกลุ่มคน มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้น ส่วนใหญ่ต่างโน้มน้าวเพื่อหยุดป่ายหลี่เถ่ ให้เขาคิดทบทวนให้ดี

ป่ายหลี่เถ่ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ยังคงยึดมั่นในประโยคที่ว่า ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร แม้ว่าเขาแพ้แล้ว แต่แค่หลินหยุนคนเดียว จะทำอะไรสำนักยาตันของเขาได้?

คงได้แต่นิ่งเงียบที่ถูกเอาเปรียบ

ป่ายหลี่เถ่มองไปที่หลินหยุน แล้วแสยะยิ้มด้วยสีหน้าเย้ยหยันพลางเอ่ยพูด : “ไอ้หนุ่ม แกน่ะมันอายุน้อยเกินไป ไม่เข้าใจเรื่องเลวทรามในโลกยุทธภพหรอก!

“บทเรียนครั้งนี้ ถือว่าสอนให้แกรู้จักใช้ชีวิตแล้วกัน!”

หลินหยุนสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ น้ำเสียงยังคงนิ่งเฉยมาก : “แกคิดจะตุกติกงั้นเหรอ?”

ป่ายหลี่เถ่พยักหน้าพลางเอ่ย : “ใช่แล้ว ต่อให้ฉันเล่นตุกติก แล้วแกจะทำอะไรฉันได้?”

ทุกคนต่างอึ้งกันไปหมด พวกเขาไม่เคยเห็นด้านที่เลวทรามของป่ายหลี่เถ่มาก่อนเลย

“พระเจ้า นี่ใช่เจ้าสำนักแห่งสำนักยาตันที่ฉันเคยรู้จักหรือเปล่า? นี่มันไม่ต่างอะไรกับพวกอันธพาลเลยนะ!”

“จริงด้วย เจ้าสำนักป่ายหลี่เป็นถึงแบบอย่างของฉัน! ตอนนี้ ฉันรู้สึกเหมือนแบบอย่างที่ดีของฉันได้สูญสิ้นแล้ว!”

“แต่ว่า พวกนายไม่เห็นเหรอ ว่าเจ้าสำนักป่ายหลี่เหิมเกริมมากแค่ไหน?

“ต่อให้แกชนะฉัน แล้วจะทำอะไรฉันได้? มีอำนาจ เลยพูดจาเหิมเกริมได้”

“สมัยนี้ อำนาจต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญสุด ไม่มีอำนาจ ก็ทำได้แค่กล้ำกลืนฝืนทนเท่านั้นแหละ”

สำหรับพฤติกรรมของป่ายหลี่เถ่ คนที่อยู่ด้านล่างเหล่านั้น ต่างวิจารณ์ทั้งดีและไม่ดี

แต่ว่า คนส่วนใหญ่ไม่สามารถรับพฤติกรรมที่บิดพลิ้วของป่ายหลี่เถ่ได้

ซูม่านม่านมองไปยังป่ายหลี่เถ่ รู้สึกยอมเขาจริง ๆ เลย

เย่อหยิ่งวางมาดได้ ก็ยอมเสียศักดิ์ศรีได้เช่นกัน คนแบบนี้ เป็นคนที่น่ากลัวที่สุด

ดังสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า น้ำที่ใสสะอาดจนเกินไป จะไม่มีปลามาแหวกว่าย คนที่หน้าด้านไร้ยางอาย ทั่วหล้าไร้ซึ้งผู้ต่อต้าน

สุภาษิตนี้นำมาใช้กับป่ายหลี่เถ่ ช่างเหมาะสมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

เมื่อเห็นทั้งสองฝ่ายหักหน้ากันจนไม่มีชิ้นดีแล้ว ป่ายหลี่หลงเซิ่งก็กระโดดขึ้นมาโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น แล้วหัวเราะเยาะเสียงดังพลางเอ่ยพูดว่า : “หลินหลุน วิชาการกลั่นยาของแกเก่งกาจมากไม่ใช่เหรอ? เพียงแค่กระดิกนิ้ว ก็กลั่นยาได้สำเร็จ”

“แต่ว่า มันจะไปมีประโยชน์อะไรล่ะ? เมื่ออยู่ต่อหน้าสำนักยาตันที่ทรงอำนาจของฉัน แกมันก็คือมดตัวหนึ่ง เป็นแมลงต่ำต้อย พวกเราชักดาบหนี แล้วแกจะทำอะไรพวกเราได้?”

“แกก็ทำได้แค่มองดูพวกเราชักดาบแค่นั้นแหละ แม้แต่ผายลม แกก็ยังไม่กล้าด้วยซ้ำ!”

ป่ายหลี่หลงเซิ่งหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง พูดจาดูถูกเหยียดหยามหยาบคาย

กรรมการบางคน ทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้หันหนีจากไป

ยังไงก็ตาม คนส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ยังคงมียางอายอยู่

แต่คนอย่างตระกูลป่ายหลี่ ถือเป็นส่วนน้อยเท่านั้น

โม่จือมิ่งกระโดดขึ้นไปบนเวทีเช่นกัน แล้วยืนอยู่ด้านข้างหลินหยุน จากนั้นชี้นิ้วต่อว่าป่ายหลี่เถ่เสียงดัง : “ป่ายหลี่เถ่ แกนี่มันหน้าด้านหน้าทนแก่กะโหลกกะลาจริง ๆ กติกาในโลกกลั่นยาของพวกเรา ถ้ากล้าพนันก็ต้องกล้ายอมรับความพ่ายแพ้ แกลืมแล้วหรือไง?”

“แกขี้โกงอย่างนี้ ทำให้โลกกลั่นยาเสื่อมเสียชื่อเสียงเสียหน้าไปหมดแล้ว!”

ป่ายหลี่เถ่ยิ้มพลางเอ่ยอย่างนิ่งเฉย : “กติกา มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถกำหนดได้ คนอ่อนแอ ก็เป็นแค่ของเล่นของกติกาเท่านั้น”

“พวกแกในสายตาฉัน ก็เป็นแค่มดที่ไม่สำคัญอะไร แกคิดว่า ฉันจำเป็นต้องมาพูดเรื่องความน่าเชื่อถือกับมดตัวหนึ่งงั้นเหรอ?”

หลินหยุนถอนหายใจออกมาทันที เขามองไปยังป่ายหลี่เถ่ แล้วเอ่ยพูดด้วยสีหน้าสนุก : “แกพูดถูก กติกา มีเพียงผู้แข็งแกร่งเป็นคนกำหนดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ส่วนผู้อ่อนแอ ได้แค่กล้ำกลืนฝืนทนเท่านั้น”

“ฉะนั้น ตอนนี้ฉันจะเอาโอสถของฉันคืนมา แล้วกำหนดกติกาที่เป็นของฉันเอง”

ทุกคนอึ้งไปทันที หลินหยุนกำลังพูดเพ้อเจ้ออะไรเนี่ย

เอาโอสถกลับคืน? เอาโอสถอะไรกัน โอสถนั่นถูกผู้อาวุโสจางกินเข้าไปแล้ว ตอนนี้คงใกล้ย่อยสลายแล้วล่ะ

หลินหยุนจะเอาคืนได้ยังไง?

ผู้อาวุโสจางหัวเราะเสียงดังแล้วเอ่ยพูด : “ไอ้หนุ่ม แกคิดจะเอาอุจจาระข้าไปเหรอ?”

“ถ้าแกชอบอะไรแบบนี้ ข้าก็จะทำให้แกได้สมปรารถนา!”

ป่ายหลี่หลงเซิ่งหัวเราะชอบใจเป็นที่สุด : “หลินหยุน คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าแกจะชอบแบบนี้! ฮ่าฮ่า ผู้อาวุโสจาง ไปถ่ายอุจจาระให้เขาหน่อยเถอะ จะได้สมใจเขา!”

ป่ายหลี่เถ่ไม่ได้หยาบคายขนาดนั้น เขามองไปที่หลินหยุน แสยะยิ้มแล้วเอ่ยถาม : “ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่าแกจะเอาโอสถคืนได้ยังไง?”

สายตาของหลินหยุน ค่อย ๆ มองไปทางผู้อาวุโสจางที่มีสีหน้าหัวเราะชอบใจ แล้วเอ่ยพูดอย่างเรียบ ๆ ว่า : “ง่ายนิดเดียว แค่ฆ่าเขาทิ้ง ก็เอาโอสถกลับคืนมาได้แล้ว”

ผู้อาวุโสจางหัวเราะเยาะเสียงดัง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูถูก : “ฮ่าฮ่าฮ่า ตลกสิ้นดี น่าขันจริง ๆ ไอ้หนุ่ม แกไม่ขี้โม้แล้วมันจะตายเหรอวะ?”

“วิชาการกลั่นยาของข้าอาจจะสู้แกไม่ได้ แต่ว่า เรื่องวิชาบู๊ ข้าเป็นถึงระดับปรมาจารย์ชั้นยอดมานานแล้ว จริงสิ ต้องขอบใจที่มียาตั้งจิตของแกมาช่วย ตอนนี้ข้าน่าจะถือได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่ย่างเข้าระดับแดนเทพได้ครึ่งหนึ่งแล้ว”

“แกจะฆ่าข้ายังไง? ใช้ปากเหรอ?” ผู้อาวุโสจางมีสีหน้าได้ใจ มองไปที่หลินหยุน ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยการเหยียดหยาม

ป่ายหลี่หลงเซิ่งหัวเราะเยาะเสียงดังอยู่ข้าง ๆ มองไปที่หลินหยุน ด้วยความดีใจที่ได้แก้แค้น

บรรดาผู้ชมที่อยู่ด้านล่าง ก็พากันหัวเราะเสียงดัง หลินหยุนอายุน้อยแค่นี้ ต่อให้วิชาการกลั่นยาเก่งกล้าแค่ไหน แต่ด้านวิชาบู๊ ต่อให้เขาฝึกฝนมาตั้งแต่ออกจากท้องแม่ ก็ไม่มีทางเก่งกาจไปกว่าผู้อาวุโสจางได้หรอก

ผู้คนจำนวนมากคิดว่า หลินหยุนได้ใช้ความสามารถที่มีอยู่หมดไปแล้ว จึงได้พูดจาคุยโวอย่างนี้

“ปรมาจารย์ชั้นยอด? ก็แค่มดเท่านั้น”

หลินหยุนพูดจบ พลังจำนวนหนึ่งก็ได้แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาทันที

พลังที่ออกมานั้น ทำให้ทุกคนต่างใจสั่น!

“นี่มัน เป็นลมหายใจที่แข็งแกร่งมาก!”

สีหน้าป่ายหลี่เถ่เปลี่ยนไปมาก ผู้อาวุโสจางก็ตกใจเช่นกัน

ร่างของหลินหยุนเคลื่อนไหวกะทันหัน

น้ำเสียงที่เรียบเฉย จู่ ๆ ก็ได้ดังสนั่นไปทั่ว

“ท่าสยบเขา!”

เพียงหมัดเดียว ได้พุ่งไปที่ผู้อาวุโสจางตรง ๆ

“อ๊า!” ผู้อาวุโสจางรู้สึกได้ถึงความน่ากลัว พลังทั้งหมดในตัวได้ระเบิดออกมา แล้วตะโกนเสียงดัง แล้วกระแทกหมัดใส่อย่างแรงใส่หมัดของหลินหยุนที่พุ่งเข้ามา

ปัง!

ผู้อาวุโสจางที่เป็นปรมาจารย์ชั้นยอด กำลังจะก้าวเข้าสู่ระดับแดนเทพ ได้กลายเป็นดั่งว่าวที่เชือกขาด ถูกหลินหยุนกระแทกหมัดใส่จนลอยกระเด็นออกไปกลางอากาศ แล้วกระอักเลือดออกมา

“เป็นไปได้ยังไง!”

ป่ายหลี่หลงเซิ่งมองไปที่หลินหยุนด้วยสีหน้าไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่เห็น : “ผู้อาวุโสจางมีพลังเกือบถึงระดับแดนเทพแล้ว แต่กลับป้องกันหมัดของมันไม่ได้”

“ไอ้หมอนี่ มันเป็นใครกันแน่!”

ป่ายหลี่เถ่สีหน้าเคร่งเครียด มองไปที่หลินหยุน แล้วเอ่ยถามเสียงขรึม : “สามารถชนะผู้อาวุโสจางได้ภายในท่าเดียว แกต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน แกเป็นใครกันแน่?”

ทันใดนั้น ป่ายหลี่เถ่ก็ได้นึกถึงชื่อหนึ่งขึ้นมา

“อายุน้อยขนาดนี้ แซ่หลิน มีพลังที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้!”

“แกคือหลินชางฉอง!”

ได้ยินชื่อหลินชางฉอง ทุกคนต่างตกใจกันทันที

“หลินชางฉอง ผู้ที่เป็นอันดับหนึ่งในลำดับเทพ!”

“พระเจ้า ที่แท้เขาคือหลินชางฉองนี่เอง มิน่าล่ะพลังถึงแข็งแกร่งอย่างนี้!”

“คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ หลินชางฉองชำนาญด้านวิชาการกลั่นยาด้วย คาดไม่ถึงเลยจริง ๆ!”

“อันดับหนึ่งในลำดับเทพเชียวนะ ปัจจุบันน่าจะเป็นนักบู๊ที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดในโลกบู๊แล้ว”

“นี่ นี่สิคือผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง!”

“ต่อหน้าเขา ผู้อาวุโสจางเป็นแค่มดตัวหนึ่งจริง ๆ นั่นแหละ!”

เข้าไปอยู่ในแดนเทพได้แล้วครึ่งก้าว แต่เมื่อเทียบกับผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงของแดนเทพ ช่างต่างกันราวฟ้ากับดินจริง ๆ

ยิ่งพลังของหลินหยุน เหนือชั้นกว่าแดนเทพธรรมดาไปนานแล้ว

ผู้อาวุโสจางตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา มองไปที่หลินหยุนด้วยสีหน้าหวาดกลัว

“หลินชางฉอง แกคือหลินชางฉอง!”

“แกเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเทพแล้ว แต่กลับลงมือกับคนธรรมดาอย่างพวกเรา หลินชางฉองแกยังมียางอายอยู่ไหม!”

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท