จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 903 อัจฉริยะหลินซื่อเฉิง

บทที่ 903 อัจฉริยะหลินซื่อเฉิง

หลังจากตามซูม่านม่านไปจนได้รับบันทึกเตากลั่นยากลับคืนมา หลินหยุนและโม่จือมิ่งก็ได้กลับออกไปจากเมืองตันโจว

โม่จือมิ่งต้องขอบคุณหลินหยุนเป็นธรรมดา

หลินหยุนมองไปที่บันทึกเตากลั่นยาที่เป็นสมบัติล้ำค่าของหุบเขาเทพยา ที่แท้ นี่เป็นสมุดภาพเล่มหนึ่งที่บันทึกโอสถและเตากลั่นยาเอาไว้มากมาย

แต่ว่า โอสถและเตากลั่นยาที่ถูกบันทึกไว้ในนี้ ล้วนเป็นของที่ค่อนข้างหายากทั้งนั้น

ในโลกบู๊ โอสถและเตากลั่นยาเหล่านี้ที่บันทึกอยู่ในบันทึกเตากลั่นยา เป็นสิ่งที่พบเห็นได้น้อยมาก

มิน่าล่ะ ป่ายหลี่เถ่ถึงอยากครอบครองบันทึกเตากลั่นยาไว้เอง บันทึกเตากลั่นยาเล่มนี้ คือบันทึกลายแทงสมบัติล้ำค่านี่เอง

เมื่อมีบันทึกเตากลั่นยา ก็สามารถหาสมบัติล้ำค่าในโลกกลั่นยาได้มากขึ้น

เตาสามขาอ้านยวนอันนั้นที่อยู่ในมือของป่ายหลี่หลงเซิ่ง ไม่แน่อาจหาที่ซ่อนจากบันทึกเตากลั่นยาเล่มนี้ก็ได้

โม่จือมิ่งเอ่ย : “ปรมาจารย์หลิน ถ้าหากคุณสนใจบันทึกเตากลั่นยาเล่มนี้ ผมมอบมันให้คุณได้นะ”

“ยังไงซะ นี่ก็เป็นสิ่งที่คุณชนะจนเอากลับคืนมาได้!”

หลินหยุนปฏิเสธ

สิ่งของที่อยู่ในบันทึกเตากลั่นยา ไม่มีประโยชน์สำหรับเขาเลยแม้แต่น้อย

ของในโลกบู๊เหล่านี้ สำหรับนักกลั่นยา อาจเป็นสมบัติล้ำค่า แต่สำหรับหลินหยุน มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย

เมื่อกลับออกมาจากเมืองตันโจว โม่จือมิ่งได้กลับไปยังหุบเขาเทพยา

ส่วนหลินหยุนก็ได้กลับไปยังคฤหาสน์เย่หยาหู

การไปหมู่บ้านตันโจวครั้งนี้ ได้พบยาเสริมอีกสองชนิดที่เอาไว้ทำยากลั่นทิพย์เพลิงม่วง ตอนนี้ หลินหยุนสามารถทำยากลั่นทิพย์เพลิงม่วงได้แล้ว

มีโอสถชนิดนี้ ทำให้หลินหยุนไม่จำเป็นต้องไปตามหาเพลิงไฟใต้ดินอีก สามารถกลั่นตัวอ่อนยาจางได้เลย

หลินหยุนกลับไปที่ห้อง แล้วสร้างค่ายกลป้องกันขึ้นมา จากนั้นได้เริ่มทำยากลั่นทิพย์เพลิงม่วง

ยากลั่นทิพย์เพลิงม่วงในโลกบำเพ็ญเซียน จัดเป็นโอสถชั้นกลาง ถึงแม้ตอนนี้พลังของหลินหยุนยังไม่ถึงระยะยาทอง แต่การกลั่นโอสถชนิดนี้ ยังถือว่าสบายมาก

เพียงแค่หนึ่งชั่วโมง โอสถโปร่งแสงส่องประกายสีม่วงเรืองรองเม็ดหนึ่ง ได้หมุนเป็นวงกลมอยู่กลางอากาศ

ตรงกลางโอสถ มีเปลวไฟสีม่วงเล็ก ๆ ลอยไปมา

หลินหยุนมองไปที่โอสถนั่น แล้วเผยรอยยิ้มออกมา : “สำเร็จแล้ว ยากลั่นทิพย์เพลิงม่วง!”

หลินหยุนเก็บโอสถไว้ในขวดหยก แล้วปรับลมหายใจ เพื่อให้พลังกลับสู่สภาพสูงสุดเหมือนเดิม

จากนั้น หลินหยุนไปกลืนยากลั่นทิพย์เพลิงม่วงเม็ดนั้นเข้าไป แล้วเริ่มสร้างตัวอ่อนยาจาง

ยากลั่นทิพย์เพลิงม่วง เป็นยาหลักของหญ้าเผาจิตมังกรคบเพลิง

มังกรคบเพลิง เป็นสมุนไพรที่มีชื่อเสียง สามารถจินตนาการได้ว่า พลังของมันไม่ธรรมดาแน่นอน

ในตำนาน เมื่อมังกรคบเพลิงลืมตาขึ้นมาพระอาทิตย์ก็ขึ้น เมื่อหลับตาพระอาทิตย์ก็ตก เป็นสัตว์เทพที่คอยควบคุมเวลา

ยาเผาจิตมังกรคบเพลิง เป็นยาชั้นดีที่กำจัดสิ่งสกปรกในชี่ทิพย์ออกไป

แต่ว่า ยาเผาจิตมังกรคบเพลิงไม่สามารถใช้เดี่ยว ๆ ได้ เพราะสมุนไพรชนิดนี้เติบโตในที่ที่มังกรคบเพลิงหายใจ จึงเต็มไปด้วยพลังอันแข็งแกร่งจากมังกรคบเพลิง

ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญเซียนระยะยาทอง ก็จะถูกพลังที่แฝงอยู่ในยาเผาจิตมังกรคบเพลิงแผดเผาจนมอดไหม้

ดังนั้น จำเป็นต้องใช้สมุนไพรตัวอื่นมาใช้ร่วมด้วย

ยากลั่นทิพย์เพลิงม่วงได้ถูกกินเข้าไปแล้ว ธาตุไฟอันแข็งแกร่งได้เริ่มทำลายร่างกายของหลินหยุนทันที

หลินหยุนไม่รีรอ ได้รีบผนึกพลังนั้นไว้ที่เส้นลมปราณทันที แล้วกลั่นสิ่งสกปรกในชี่ทิพย์ออกมา ทำให้ชี่ทิพย์ที่อยู่ในร่างกายบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น

สุดท้าย พลังของยากลั่นทิพย์เพลิงม่วง ได้เข้าไปในตันเถียนของหลินหยุน แล้วเริ่มกลั่นตัวอ่อนยาจางที่อยู่ในตันเถียน

ยากลั่นทิพย์เพลิงม่วงเป็นเหมือนเตาไฟอันหนึ่ง ส่วนตัวอ่อนยาจางเป็นเหมือนเหล็กหล่อที่อยู่ในเตาไฟ จำเป็นต้องหล่อหลอมอย่างต่อเนื่อง ถึงจะสร้างอาวุธที่ไร้เทียมทานออกมาได้

หลินหยุนมองไปยังที่กลั่นตัวอ่อนยาจางภายในคฤหาสน์เยว่โหลว และตอนนี้ หน้าสำนักแห่งหนึ่งในโลกบู๊โบราณ ณ ดินแดนอูซู

มีชายชราผู้หนึ่ง ได้จ้องมองประตูที่แปลกตาที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย โดยเฉพาะพญาเสือที่อยู่ตรงหน้าประตูตัวนั้น เสมือนเป็นของจริง ช่างดูน่าเกรงขามนัก

ชายชราผู้นี้ คือหลินซื่อเฉิง ปู่ของหลินหยุนนั่นเอง

“หาอยู่ตั้งนาน ในที่สุดฉันก็พบสำนักแห่งหนึ่งในโลกบู๊ ฉันตามหาด้วยวิธีที่เสี่ยวหยุนสอน ฝึกฝนอยู่ตั้งนาน ไม่รู้ว่าพลังไปถึงระดับไหนแล้ว?”

“วันนี้ ฉันต้องลองดูสักหน่อยแล้วล่ะ”

ใบหน้าของหลินซื่อเฉิง มีความตื่นเต้นดีใจกระตือรือร้นที่อยากจะลอง เหมือนกับเด็กที่ได้ของเล่นน่าสนใจชิ้นใหม่ไม่มีผิด ทำให้อดใจไม่ไหวที่จะนำไปโอ้อวดเพื่อน ๆ

สำนักแห่งนี้ เรียกว่าสำนักพยัคฆ์ เป็นสำนักเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในโลกบู๊โบราณ

แต่ว่า เพลงฝึกบู๊ของโลกบู๊โบราณแข็งแกร่งกว่าโลกบู๊ ดังนั้นแม้ว่าเป็นเพียงสำนักเล็ก ๆ ในโลกบู๊โบราณ แต่พลังก็แข็งแกร่งไม่น้อยเลย

หลินซื่อเฉิงไม่รู้เรื่องเหล่านี้ แม้กระทั่ง ตัวเองฝึกฝนถึงระดับไหนแล้วก็ยังไม่รู้

ไม่รอให้หลินซื่อเฉิงได้เหยียบเข้าไปในประตูของสำนักพยัคฆ์ ชายหนุ่มเจ็ดแปดคนที่หน้าอกเสื้อปักลายพญาเสือ ก็ได้พุ่งตัวออกมาทันที แล้วล้อมหลินซื่อเฉิงเอาไว้

“แกเป็นใคร!”

ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้า ได้ชี้นิ้วไปที่หลินซื่อเฉิงแล้วเอ่ยถาม

หลินซื่อเฉิงโค้งคำนับอย่างมีมารยาทมาก : “คืออย่างนี้ ช่วงนี้ฉันเพิ่งฝึกบู๊มา เลยอยากหาคนมาฝึกฝนแลกเปลี่ยนกันสักหน่อย ไม่รู้ว่าอาจารย์ของพวกนายอยู่หรือเปล่า?”

พรึ่บ!

ชายหนุ่มเจ็ดแปดคน ได้หยิบกระบี่ยาวออกมาจากเอว

“บังอาจมาถึงสำนักพยัคฆ์ของพวกเรา รีบบอกชื่อมาเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าเราไม่เตือน!”

หลินซื่อเฉิงตกใจ รีบอธิบายทันที : “พวกนายอย่าเพิ่งวู่วาม ฉันก็แค่อยากมาฝึกฝนแลกเปลี่ยนกับอาจารย์ของพวกนาย……”

“อยากท้าทายอาจารย์ของพวกเรา ต้องผ่านด่านพวกเราไปก่อน!”

ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้า ไม่ยอมให้พูดอะไรต่อ ได้ใช้กระบี่แทงไปที่หลินซื่อเฉิงทันที

หลินซื่อเฉิงถูกบีบให้สู้กลับไป แต่ก็ยังอธิบายไม่หยุด : “อย่าเพิ่งรีบร้อนต่อสู้ มีอะไรค่อย ๆ พูด ฉันก็แค่อยากมาหาคนฝึกฝนวิชา……”

หลินซื่อเฉิงไม่เข้าใจเลยสักนิด นักบู๊คนหนึ่งมาตะโกนอยู่หน้าประตูสำนักคนอื่นว่าจะฝึกฝนวิชา พูดให้ฟังดูดีหน่อยก็คือท้าทาย พูดให้แย่หน่อย ก็คือมาหาเรื่อง

ถ้าไม่ใช่เพราะลูกศิษย์สำนักพยัคฆ์เหล่านี้ ไม่รู้เรื่องจริงเกี่ยวกับหลินซื่อเฉิง เกรงว่าจะด่าออกมาทันที

ศิษย์สำนักพยัคฆ์เจ็ดแปดคนนี้มีพลังอยู่ระดับแดนพรสวรรค์เล็ก ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนายท่านหลินซื่อเฉิงเลยแม้แต่น้อย

ต้องบอกก่อนว่า เพลงฝึกบู๊ที่หลินหยุนสอนหลินซื่อเฉิง เป็นวิชาการบำเพ็ญเซียนอย่างแท้จริง

หลินซื่อเฉิงรู้สึกว่า การโจมตีของชายหนุ่มเหล่านี้ ไม่มีพลังเลย และช้ามากด้วย ในสายตาของเขา เต็มไปด้วยช่องโหว่มากมาย

นายท่านรู้สึกสงสัย จึงเดินเข้าไปท่ามกลางการจู่โจมอย่างช้า ๆ แล้วเอ่ยถามว่า : “บอกฉันหน่อยได้ไหมว่าพวกนายอยู่ในระดับไหนกันแล้ว?”

ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าพูดจาด้วยท่าทางโอหัง : “สองปีก่อน ฉันได้เข้าสู้แดนพรสวรรค์เล็กแล้ว”

“ดูพลังของแก ยังไม่ใช่ระดับปรมาจารย์ น่าจะอยู่แค่ระดับพรสวรรค์!”

“แม้ว่าระดับของแกจะสูงกว่าของฉันเล็กน้อย แต่อายุของแกมากกว่าฉันหลายเท่า ความสามารถอย่างแก ยังห่างไกลกับฉันนัก ยังกล้ามาท้าทายอาจารย์ของฉันอีก ไม่รู้จักประเมินตัวเอง!”

ชายหนุ่มแสยะยิ้มด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ

แต่ว่า สิ่งที่เขาพูดก็เป็นเรื่องจริง ถ้าหากหลินซื่อเฉิงเป็นแค่นักบู๊ธรรมดาคนหนึ่ง ความสามารถระดับนี้ไม่ค่อยได้เรื่องจริง ๆ นั่นแหละ ถึงขั้นแย่เลยก็ว่าได้

แต่ว่า ชายหนุ่มคนนั้นกลับไม่รู้ ว่าหลินซื่อเฉิงที่มีพลังระดับนี้เพิ่งฝึกฝนมาได้ไม่นาน

ถ้าหากเขารู้ ว่าหลินซื่อเฉิงใช้เวลาฝึกไม่ถึงสามเดือน กลัวว่าเขาจะตกใจจนช็อกได้

หลินซื่อเฉิงไม่ได้สนใจคำเยาะเย้ยของชายหนุ่ม เพียงแค่คำนวณอยู่ในใจ : “พลังของเขาระดับพรสวรรค์เล็ก งั้นตอนนี้พลังของฉันก็คงอยู่ในระดับพรสวรรค์สูงสุดแล้วสิ”

“หรือว่า อาจจะสูงกว่าแดนพรสวรรค์สูงสุดแล้วก็ได้”

“งั้นก็ต้องมาดูกันว่า ฉันจะเอาชนะพวกเขาได้ไหม!”

หลินซื่อเฉิงเข้าใจคำถามของตัวเองแล้ว ก็ไม่ออมมืออีก เพียงแค่หมัดเดียว ก็เอาชนะบรรดาลูกศิษย์ของสำนักพยัคฆ์ได้หมด

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท