หยางเทียนโย่วพูดว่า “หลินหยุน นายอย่าเพิ่งร้อนใจไปเลย ฝ่ายตรงข้ามตอนนั้นมีกำลังคนมากขนาดนั้น แต่กลับไม่ได้ฉุดกระชากอีหลิงไป เห็นได้ว่าพวกเขาก็ยังถนอมความรู้สึกของอีหลีอยู่เหมือนกัน”
“ดังนั้น ฉันคิดว่า อีหลิงไม่น่าจะมีอันตรายอะไร”
จางซือจู่พูดว่า “อันนี้ก็พูดยากนะ ด้วยนิสัยที่แข็งกร้าวของอีหลิงแล้ว ถ้าฝ่ายตรงข้ามมีแผนชั่วร้ายอะไรละก็ อีหลิงจะต้องปฏิเสธอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นอาจไม่แน่ก็จะอันตรายขึ้นก็ได้นะ!”
ฉินโส่วใช้ฝ่ามือตบลงไปบนศีรษะของจางซือจู่ แล้วด่าทอว่า “หุบปาก แกนี่ปากไม่เป็นมงคลเลย!อีหลิงจะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน!”
ในขณะที่พวกเขากำลังถกเถียงกันอยู่นั้น หลินหยุนก็คิดวิธีสารพัดร้อยอย่างแล้ว
เขามีเคล็ดวิชาหลายอย่างที่สามารถใช้ตามหาอีหลิงได้ แต่ว่า เสียดายที่ตอนนี้พลังฝึกฝนของเขาไม่เพียงพอที่จะใช้เคล็ดวิชาพวกนั้นได้
สุดท้ายแล้ว ก็ยังคงหาทางออกไม่ได้เลย
แต่หลินหยุนรู้ว่า มีคนคนหนึ่งสามารถตามหาอีหลิงได้
เพราะว่ามันเป็นพรสวรรค์เฉพาะของเผ่าดูดเลือดนั่นเอง
คนคนนี้ ก็ย่อมจะต้องเป็นฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียมอย่างแน่นอน
หลินหยุนมองไปยังพวกเขา แล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “พวกนายรออยู่ที่โรงเรียนก่อน ตอนนี้ฉันจะไปหาคนคนหนึ่ง”
“ถ้าหาคนนั้นพบแล้ว ก็จะมีทางที่จะตามหาอีหลิงแล้ว”
จางซือจู่ดีใจมาก “จริงเหรอ? สุดยอดไปเลย!”
“งั้นนายรีบไปเถอะ พวกเราค่อยติดต่อทางโทรศัพท์กัน”
“อึม”
หลินหยุนพยักหน้า หันหลังแล้วเดินจากไป
“เสียดายที่ว่า คาร์นอตวิลเลียมไม่ชอบใช้มือถือ ไม่เช่นนั้นแล้วตอนนี้ก็สามารถติดต่อเขาได้สะดวกแล้ว”
หลินหยุนแอบคิดอยู่ในใจ รอให้พบตัวเขาแล้ว จะต้องให้เขาซื้อมือถือสักเครื่องแล้ว
หลินหยุนรีบกลับไปคฤหาสน์ตึกว่างเยว่ก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าไม่เกินความคาดหมายละก็ คาร์นอตวิลเลียมน่าจะฝึกฝนอยู่ที่คฤหาสน์
แต่เสียดายที่ว่า หลังจากที่หลินหยุนกลับถึงคฤหาสน์ตึกว่างเยว่แล้ว ไม่พบคาร์นอตวิลเลียมเลย
ยืนอยู่บนดาดฟ้าของคฤหาสน์ หลินหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เจ้าหมอนี่ ไปไหนกันแน่?”
ท่ามกลางผู้คนจำนวนมากมายเช่นนี้ ต่อให้หลินหยุนเป็นผู้บำเพ็ญเซียนก็ตาม แต่ว่า ด้วยพลังความสามารถของเขาตอนนี้ ก็ยังไม่มีวิธีใดที่จะตามหาคนคนหนึ่งจากแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาลของประเทศจีนได้เลย
หลินหยุนโทรศัพท์ไปหาซูหนันด้วยความหวัง
“คุณอยู่ไหน?”
น้ำเสียงซูหนันรู้สึกแปลกประหลาด เพราะว่าหลินหยุนไม่เคยเป็นฝ่ายโทรศัพท์หาเขาเลย
แต่ว่า เขาเข้าใจว่าที่หลินหยุนเป็นฝ่ายโทรศัพท์มาหาเขานั้น จะต้องมีเรื่องด่วนอย่างแน่นอน
“ผมอยู่ที่มหาวิทยาลัยการแพทย์ที่นี่ มีอะไรให้รับใช้ครับ?”
“คุณเห็นคาร์นอตวิลเลียมหรือเปล่า? ฉันมีเรื่องด่วนจะหาเขา” น้ำเสียงหลินหยุนเรียบเฉยแต่ว่า ยิ่งเรียบเฉยเท่าไหร่ ซูหนันยิ่งสัมผัสได้ถึงคลื่นใต้น้ำที่ถาโถมอยู่ภายในความสงบนิ่งนั้น
“ผมไม่ได้เห็นหน้าเขามาหลายวันแล้วครับ”
“แต่ว่า คราวที่แล้วดูเหมือนเขาจะถามผมสถานที่แห่งหนึ่ง” ซูหนันพูด
“สถานที่อะไร?” น้ำเสียงหลินหยุนสั่นไหวเล็กน้อย
“เขาเทพจันทรา!” ซูหนันพูด
หลินหยุนก็อึ้งไปทันที สิ่งแรกที่นึกถึง
“เขาเทพจันทราหรือ? หรือว่า จะเกี่ยวข้องอะไรกับเทพธิดาแห่งชีวิต?”
ตอนที่ได้พบกับคาร์นอตวิลเลียมเป็นครั้งแรกนั้น เขาก็ได้ทำตามคำชี้แนะของเทพธิดาแห่งชีวิต เพื่อมาตามหาต้นแห่งชีวิต ซึ่งความจริงแล้วก็คือไม้ทิพย์พรสวรรค์
ตอนนี้ เขากำลังสอบถามเกี่ยวกับเรื่องของเขาเทพจันทรา หลินหยุนคาดเดาว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับเทพธิดาแห่งชีวิตอย่างแน่นอน
ส่วนเทพธิดาแห่งชีวิตของโลกทางตะวันตก จะมีความสัมพันธ์กับเทพจันทราในประเทศจีนหรือไม่นั้น หลินหยุนก็ยังคิดไม่ออกเช่นกัน
หลินหยุนเคยคาดเดาไว้ว่า ถ้าเทพธิดาแห่งชีวิตก็คือเทพจันทราละก็ เช่นนั้นแล้วเทพจันทราก็คือเย่เยว่ ก็ยืนยันได้ว่าเย่เยว่ไม่เพียงแต่เคยมาฝึกฝนบำเพ็ญเพียรที่ประเทศจีนแล้ว เธอก็ยังเคยไปโลกตะวันตกอีกด้วย
แต่ว่า ตอนนี้หลินหยุนไม่มีเวลาจะมาไตร่ตรองเรื่องพวกนี้อีกแล้ว เรื่องด่วนที่ต้องทำตอนนี้ ก็คือจะต้องตามหาคาร์นอตวิลเลียมมาให้เร็วที่สุด แล้วอาศัยเคล็ดวิชาของเผ่าโลหิตเขาในการสืบหาตำแหน่งที่อยู่ของอีหลิง
“ฉันรู้แล้ว” หลินหยุนพูดด้วยเสียงเข้ม
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ? จะให้ผมกลับไปช่วยหรือเปล่า?” ซูหนันถาม
“ไม่ต้องหรอก คุณส่งโลเคชั่นของเขาเทพจันทรามาให้ฉันก็พอแล้ว” หลินหยุนพูดจบก็วางสายไป
ต่อให้ซูหนันกลับมาก็ช่วยอะไรไม่ได้ จำเป็นจะต้องรีบหาคาร์นอตวิลเลียมให้เร็วที่สุด
มือถือของหลินหยุนก็ดังอีกครั้งหนึ่ง ซูหนันส่งโลเคชั่นของเขาเทพจันทรามาให้แล้ว
ริมฝั่งแม่น้ำโล่ มีเทพธิดาอาศัยอยู่
ดุจจันทราแอบอิงแนบเมฆา ดั่งหิมะโปรยปรายกลางสายลม
ผู้คนขนานนามว่า เทพโล่
เป็นกลอนเทพโล่ที่แต่งโดยโจสิด กวีเอกในยุคสมัยสามก๊ก ซึ่งได้บรรยายความงดงามอ่อนช้อยของเทพโล่ไว้อย่างไร้ที่ติ
ส่วนที่ห่างไกลออกไปจากริมฝั่งแม่น้ำโล่ราวห้าสิบลี้นั้น มีภูเขาลูกหนึ่ง ชื่อว่าเขาเทพจันทรา
“เทพโล่ เทพจันทราเหรอ?”
สายตาหลินหยุนส่องประกายความสงสัยออกมา เขารู้สึกว่าเรื่องราวการกลับชาติมาเกิดใหม่บนโลกนี้ของเย่เยว่ กลายเป็นเรื่องที่ลึกลับซับซ้อนไปแล้ว
แต่ว่าตอนนี้หลินหยุนไม่มีเวลามากพอที่จะมาคิดอะไรอีกแล้ว จะต้องรีบไปยังเขาเทพจันทราให้เร็วที่สุด
ถ้าหากตามหาอีหลินช้าไปเพียงนิดเดียว อาจไม่แน่อาจเกิดอะไรขึ้นก็ได้
ริมฝั่งแม่น้ำโล่ อยู่ทางเหนือของเว่ยเหอ ห่างจากเมืองหลินโจวไม่ใกล้เลย
หลินหยุนวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด จนไล่ตามทันขบวนรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่กำลังมุ่งตรงไปทางเหนือของเว่ยเหอ
แต่ว่า เมื่อหลินหยุนมาถึงเขาเทพจันทรานั้น ก็ผ่านไปกว่าห้าชั่วโมงแล้ว
เขาเทพจันทราหาพบได้ไม่ยากนัก ลักษณะพื้นที่ภูเขาก็ค่อนข้างราบเรียบ
แต่ว่าพูดไปก็น่าแปลก เขาเทพจันทรากลับปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกตลอดทั้งปี ได้ข่าวว่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นเดินหลงทางในนั้นอยู่บ่อยครั้ง
แต่ว่ามีชาวบ้านบอกว่า ในขณะที่หลงทางอยู่นั้น เคยเห็นดวงจันทร์นำทางพาพวกเขาออกมาจากเขาเทพจันทราได้
ทุกคนต่างก็พูดกันว่า เป็นเพราะเทพจันทราแสดงอิทธิฤทธิ์
ดังนั้น ชาวบ้านที่อยู่บริเวณเขาเทพจันทรา ต่างก็รู้สึกเลื่อมใสศรัทธา
ขณะที่หลินหยุนมาถึงเชิงเขาเทพจันทรานั้น ท้องฟ้าก็มืดมิดแล้ว
เขาเทพจันทราอยู่ท่ามกลางเมฆหมอกนั้น ดูราวกับเหมือนเทวดาที่อยู่บนสวรรค์
ถึงแม้ว่าความมืดมิดไม่สามารถปิดบังการมองเห็นของหลินหยุนได้ก็ตาม แต่ว่าทำให้เขาเทพจันทราที่ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกนั้นได้เพิ่มความลึกลับมากขึ้น ก็เหมือนกับหญิงสาวที่ใช้ผ้าคลุมใบหน้าเอาไว้
เมื่อมองทะลุผ่านเมฆหมอกที่หนาทึบพวกนั้นไป หลินหยุนสามารถเห็นว่ามีเงาร่างคนเดินอยู่ภายในป่าเขานั้น ด้วยท่าทางที่ว่องไวของคนพวกนั้น ดูแล้วไม่ใช่เป็นคนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน
“นักบู๊เหรอ?”
“ดูไปแล้ว คาร์นอตวิลเลียมน่าจะอยู่ในนี้ด้วย”
มีนักบู๊ปรากฏอยู่ภายในเขาเทพจันทรา ก็ยืนยันได้ว่า บนเขาเทพจันทรานี้จะต้องมีอะไรสักอย่างหนึ่ง
หลินหยุนก็เริ่มเข้าไปในป่าเขา
ด้วยพลังการฝึกฝนของหลินหยุนแล้ว ขอเพียงเขาไม่อยากให้คนเห็น โดยทั่วไปแล้วก็มักจะไม่มีใครสามารถมองเห็นเขาได้
เส้นทางเดินบนเขาเทพจันทรานับว่าค่อนข้างราบเรียบ จากเชิงเขาไปจนถึงยอดเขาก็ล้วนมีเส้นทางเล็กๆตลอดเส้นทาง หลินหยุนเดินไปข้างหน้า ระหว่างทางก็ได้พบกับนักบู๊จำนวนไม่น้อยเลย
ในขณะที่หลินหยุนจวนจะถึงยอดเขาแล้ว หลินหยุนพบว่า บนเส้นทางสำคัญบนยอดเขานั้นถึงกับมีด่านตรวจอยู่ด้วย
ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เวรยามสองคนยืมเฝ้ายามอยู่ก็ตาม แต่ก็แสดงให้เห็นว่าที่นี้มีคนจับจองไว้ก่อนแล้ว
เมื่อเห็นด่านตรวจที่อยู่ข้างหน้า เป็นจุดเลี้ยวโค้งของเส้นทางบนเขานี้
เมื่อเดินขึ้นไปอีก ก็จะสามารถไปถึงยอดเขาได้ในไม่ช้า ส่วนบริเวณรอบๆที่เป็นหน้าผาสูงชันทั้งสองข้างนั้น ต่อให้เป็นนักบู๊ก็ยากที่จะข้ามไปได้
สถานที่เช่นนี้ นอกจากใช้กำลังบุกรุกเข้าไปแล้ว ก็ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หลินหยุนจึงเดินเข้าไปอย่างเปิดเผย
“คุณเป็นใคร?”
คนที่เฝ้าเวรยามคือหญิงสาวชุดขาวสองคน หนึ่งในนั้นมีความว่องไวมาก เมื่อเห็นหลินหยุนก็รีบชักกระบี่ด้ามยาวออกมา ชี้ไปยังหลินหยุนแล้วพูดตะคอกใส่
หลินหยุนมองดูพวกเธอ “แล้วพวกคุณเป็นใครล่ะ?”
“พวกฉันกำลังถามคุณอยู่นะ!” หญิงสาวคนนั้นจ้องหน้าหลินหยุน ด้วยสายตาที่แฝงด้วยจิตสังหาร
หลินหยุนไม่ได้ตอบ พูดอย่างเรียบๆว่า “หลีกไป”
พูดจบ ก็เดินตรงเข้าไปข้างหน้า
“รนหาที่ตาย!” หญิงสาวโกรธจัด ใช้กระบี่แทงไปยังหน้าอกของหลินหยุน
หลินหยุนไม่ได้ขยับเขยื้อนเลย รอให้กระบี่ที่คมกริบนั้นมาถึงตรงหน้า ก็ยื่นนิ้วมือทั้งสองออกไป
หญิงสาวตกใจเล็กน้อย กระบี่วิเศษที่สามารถตัดโลหะได้ของเธอนั้น อยู่ระหว่างนิ้วทั้งมือสองของหลินหยุนแล้ว ถึงกับไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ก็ไม่เห็นหลินหยุนจะใช้แรงอะไรเลย เสียงดังเป๊ง กระบี่ยาวที่ทำจากเหล็กกล้านั้นถึงกับหักเป็นสองท่อนราวกับเต้าหู้ก็ไม่ปาน
“โอ๊ย!” หญิงสาวตกใจ รีบถอยห่างออกไป มองดูหลินหยุนด้วยสีหน้าแตกตื่นตกใจ
“ถ้ายังไม่หลีกไปอีก แกก็จะมีสภาพเหมือนกระบี่เล่มนี้”
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆ ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก