“ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้”หลินหยุนมองไปที่เขาและพูดเบาๆ
“กฎเกณฑ์แห่งมิติ กว้างใหญ่ไพศาล แม้แต่เซียนจริงๆ ใช้ทั้งชีวิตก็ไม่สามารถบรรลุได้”
“คุณแค่พึ่งเรียนรู้กฎเกณฑ์แห่งมิติได้แค่นิดเดียวเท่านั้น เมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่เชี่ยวชาญกฎเกณฑ์แห่งมิติแล้ว การโจมตีของคุณก็ไร้ประโยชน์”
และหลินหยุนก็คือผู้เชี่ยวชาญกฎเกณฑ์แห่งมิติ
กระบวนท่าดัชนีทะลุอากาศของเจียงไท้ส่วย ถ้าเทียบกับกระบวนท่าแยกน้ำของหลินหยุน มันต่างกันราวฟ้ากับเหว
พูดกับตามตรง กระบวนท่าดัชนีทะลุอากาศของเจียงไท้ส่วยในตอนนี้ ทำได้แค่ทำลายพลังชี่ของนักบู๊เท่านั้น ถ้ามีพลังที่แข็งแกร่งกว่านี้ เขาก็ทำลายไม่ได้
ในร่างกายของหลินหยุนมีพลังทิพย์ของนักบำเพ็ญเซียน พลังทิพย์นั้นแข็งแกร่งกว่าพลังชี่ของนักบู๊หลายเท่า กฎเกณฑ์แห่งมิติที่ธรรมดาของเจียงไท้ส่วยแบบนี้ มันไม่สามารถทำอะไรหลินหยุนได้อยู่แล้ว
มันก็เหมือนกับลูกธนู ลูกธนูของเจียงไท้ส่วย เป็นลูกธนูไม้ธรรมดาที่ไม่มีหัวธนูที่ทำมาจากเหล็ก มันสามารถทะลุกระดาษและฟิล์มบางๆได้ แต่มันไม่สามารถทะลุแผ่นเหล็กได้
ถ้าลูกธนูนี้มีหัวธนูแหลมคมที่ทำมาจากเหล็ก มันก็จะสามารถทะลุแผ่นเหล็กได้
เจียงไท้ส่วยโกรธมากๆ:”พูดจาไร้สาระ!”
“คุณที่ยังอายุน้อยและยังเทียบหลานฉันไม่ได้ คุณจะเข้าใจกฎเกณฑ์แห่งมิติได้ยังไง!”
“เมื่อสักครู่คุณบังเอิญรับได้เท่านั้น แต่ครั้งนี้คุณจะไม่โชคดีอีกต่อไปแล้ว ”
เมื่อพูดจบ เจียงไท้ส่วยก็โจมตีอีกครั้ง
ร่างกายของเขา หายไปอย่างไร้ร่องรอยเหมือนเดิม จากนั้นเขาก็ปรากฏตัวบนศีรษะของหลินหยุน และใช้นิ้วโจมตีไปที่ศีรษะของหลินหยุนทันที
“ดัชนีทะลุอากาศ!”
แต่นิ้วมือของเขาก็โดนหยุดเอาไว้กลางอากาศและห่างจากศีรษะของหลินหยุนประมาณเจ็ดนิ้ว และนิ้วมือของเขาก็ไม่สามารถเข้าใกล้ศีรษะได้อีก
“ฉันไม่เชื่อหรอก”
ร่างกายของเจียงไท้ส่วยหายไปอีกครั้ง ผ่านไปชั่วพริบตา เขาก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของหลินหยุน และใช้นิ้วโจมตีไปที่ตำแหน่งหัวใจตรงแผ่นหลังทันที
แต่มันก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ดัชนีทะลุอากาศที่สามารถทำลายพลังชี่ป้องกันตัวได้อย่างง่ายดาย แต่มันกลับไม่สามารถเข้าใกล้หลินหยุนในระยะเจ็ดนิ้วได้เลย
“ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!”เจียงไท้ส่วยมองไปที่หลินหยุนด้วยสีหน้าที่เหลือเชื่อ
หลินหยุนมีสีหน้าที่ปกติและพูดเบาๆ:”ฉันเคยพูดไว้แล้ว กฎเกณฑ์แห่งมิติเพียงเล็กน้อยที่คุณฝึกฝนมาทำอะไรฉันไม่ได้อยู่แล้ว”
“ตอนนี้ฉันจะให้คุณรู้ว่าอะไรคือการโจมตีที่ทะลุพลังป้องกันตัวได้ทุกอย่าง”
“ท่าแยกน้ำ”
หลินหยุนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และต่อยหมัดหนึ่งออกมาทันที และโจมตีใส่เจียงไท้ส่วยทันที
การเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้เร็วเท่ากับเจียงไท้ส่วย และไม่ได้ดูน่าเกรงขามและทรงพลังเหมือนเขา แต่หมัดนี้ของเขานั่นมั่นคงมากๆ เหมือนกับต้นสนที่แข็งแรง และเหมือนภูเขาที่สูงตระหง่าน
เจียงไท้ส่วยหัวเราะด้วยความเย็นชา:”กระบวนท่ากระจอกมากๆและไม่ทรงพลังเลย!”
“จงดูเอาไว้ ฉันจะทำลายกระบวนท่าของคุณให้ได้!”
“ดาบแตกนภา!”
เจียงไท้ส่วยเปลี่ยนนิ้วเป็นฝ่ามือ และฟันไปที่หลินหยุนทันที
ฝ่ามือนี้ของเขา มีรังสีดาบสีน้ำเงินเปล่งออกมา ดูเหมือนรังสีดาบนี้จะฉีกท้องฟ้าเป็นชิ้นๆได้
บริเวณโดยรอบ คนของกองทัพมองเห็นการโจมตีด้วยฝ่ามือของเจียงไท้ส่วย ทำให้พวกเขาตกใจมากๆ
“นี่ยังเป็นพลังของมนุษย์จริงๆเหรอ?”
“ถึงแม้จะเป็นเครื่องบินลำหนึ่ง ก็คงจะรับการโจมตีครั้งนี้ไม่ไหว!”
“นักบู๊ที่มีฝึกฝนถึงขั้นสูงๆนั้นแข็งแกร่งขนาดนี้จริงๆเหรอ!”
“คนๆเดียวสามารถเอาชนะกองทัพนับพันนับหมื่นได้!”
ดวงตาของชายชราใส่เสื้อสีฟ้าคนนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึง:”พลังของแดนเทพช่างน่ากลัวมากๆ!”
ชายชราแปลกๆที่อยู่ข้างๆก็อุทานด้วยความตกตะลึง:”ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือแดนเทพ ปรมาจารย์ขั้นสูงสุดก็เหมือนกับเด็กทารกที่ไม่มีทางต่อสู้”
ผู้นำของทั้งสี่ตระกูลใหญ่ต่างก็ตกตะลึงเหมือนกัน
“เจียงไท้ส่วยน่ากลัวมากๆ!”
หมัดของหลินหยุนนั้น เมื่อเทียบกับการโจมตีด้วยฝ่ามือของเจียงไท้ส่วย พลังของมันนั้นดูอ่อนแอมากๆ
เมื่อมองดูแล้ว ราวกับว่าหลินหยุนเป็นแมลงเม่าที่บินเข้ากองไฟ หาเรื่องตายชัดๆ
แต่หมัดของหลินหยุนเมื่อปะทะกับฝ่ามือของเจียงไท้ส่วยแล้ว ทำให้ทุกคนที่มองเห็นเหตุการณ์ตกตะลึงจนตาแทบจะกระเด็นออกมา
ฝ่ามือดาบที่มีรังสีและพลังที่รุนแรง แต่เมื่อต้องเผชิญกับหมัดอันธรรมดาของหลินหยุนแล้ว มันเหมือนกับเต้าหู้ที่เผชิญหน้ากับมีดอันแหลมคม มันโดนมีดกรีดเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
รังสีดาบที่ทรงพลังเมื่ออยู่ต่อหน้าหมัดของหลินหยุนแล้ว มันเหมือนกับหิมะที่ละลายเมื่อเจอกับไฟ
ในที่สุด หมัดของหลินหยุนก็ทะลุรังสีดาบอันทรงพลัง และต่อยโดนหน้าอกของเจียงไท้ส่วยทันที
ตูม!
เจียงไท้ส่วยโดนโจมตีจนร่างกายปลิวออกไป เขาเงยหน้ากระอักเลือดสดออกมา จากนั้นก็ตกลงมาที่พื้น
“เป็นไปได้ยังไง!”
“นี่มันเป็นกระบวนท่าบู๊อะไรกันแน่ ทำไมมันสามารถทำลายพลังโจมตีที่รุนแรงของฉันได้อย่างง่ายดาย!”
เจียงไท้ส่วยมั่นใจกับกระบวนท่าดาบแตกนภาของตัวเองมากๆ ถ้าเขาใช้กระบวนท่านี้โจมตีนักบู๊แดนเทพระดับเล็ก นักบู๊คนนั้นต้องตายด้วยกระบวนท่าเดียวอย่างแน่นอน
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหมัดอันธรรมดาของหลินหยุน แต่มันกลับรับการโจมตีของหลินหยุนไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
มันเป็นไปได้ยังไง!
นอกจากพลังของหลินหยุนสูงกว่าเขาหลายขั้น!
แต่พลังของหลินหยุนนั้นไม่ได้สูงกว่าเขาเลย
นี่แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจน หมัดนี้ของหลินหยุนก็เหมือนกับดัชนีทะลุอากาศของเขา มันสามารถทะลุพลังป้องกันตัวได้ทุกอย่าง และโจมตีร่างกายของศัตรูโดยตรง
“เด็กหนุ่ม พลังของคุณ ทำให้ฉันประหลาดใจมากๆ!”
“อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นยังไง วันนี้คุณก็ต้องแพ้ เพราะหลังจากนี้ การโจมตีของคุณจะไม่โดนร่างกายของฉันอย่างแน่นอน”
“และฉันก็สามารถทำให้คุณสูญเสียพลังทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย เมื่อคุณไม่มีพลังแล้ว ถึงแม้กระบวนท่าบู๊ของคุณจะร้ายกาจ แต่มันก็ทำอะไรฉันไม่ได้”
หลินหยุนพูดเบาๆ:”งั้นคุณก็ลองดูสิ”
เมื่อเห็นหลินหยุนมีความมั่นใจในตัวเองมากๆ ทำให้เจียงไท้ส่วยขมวดคิ้วทันที:”หึ คุณคิดว่าตัวเองสามารถไล่ตามความเร็วของฉันได้เหรอ?”
เมื่อพูดจบ ร่างกายของเจียงไท้ส่วยก็หายไปอีกครั้ง
หลังจากนั้น น้ำเสียงปกติของหลินหยุนก็ดังขึ้น:”ท่าห้ามสิ่งวายชนม์!”
หลินหยุนใช้สองมือวาดวงกลม ร่างกายของเจียงไท้ส่วยที่หายไปก็ค่อยๆปรากฏตัวออกมา
“เป็นไปได้ยังไง!”เจียงไท้ส่วยพบว่าครั้งนี้ที่ตัวเองใช้กฎเกณฑ์แห่งมิติเคลื่อนไหวและหายตัวไปในอากาศล้มเหลวแล้ว
และในความรู้สึกของเขา เขากลับพบว่ามิติที่ตัวเองยืนอยู่ตอนนี้ ดูเหมือนมันโดนพลังบางอย่างที่มองไม่เห็นล็อกเอาไว้
“มันเป็นไปได้ยังไง!”
เจียงไท้ส่วยอุทานด้วยความตกใจถึงสองครั้งติดต่อกัน
ตอนนี้ สายตาที่เขามองหลินหยุนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
หลินหยุนมองไปที่เขาด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบราวกับน้ำนิ่ง:”คุณเคลื่อนไหวได้เร็วมากๆและทำให้ฉันโจมตีคุณไม่ได้ แต่ฉันสามารถห้ามสิ่งวายชนม์ได้”
“กฎเกณฑ์แห่งมิติอันน้อยนิดของคุณ เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย”
เจียงไท้ส่วยตะโกนด้วยความโกรธ:”ไม่ ฉันไม่เชื่อ คุณอายุยังน้อยขนาดนี้ ทำไมถึงเชี่ยวชาญกฎเกณฑ์แห่งมิติขั้นสูงได้ยังไง!”
หลินหยุนไม่ได้สนใจเขาอีก น้ำเสียงที่ปกติของหลินหยุนดังขึ้นอีกครั้ง:”ค้อนดาวร่วง!”
มีพลังหนึ่งโจมตีมาจากฟากฟ้า และกระแทกใส่ร่างกายของเจียงไท้ส่วยที่โดนล็อกไว้กลางอากาศทันที
อ๊าก!
เจียงไท้ส่วยกระอักเลือดสดออกมา ร่างกายของเขาเหมือนกับลูกระเบิดที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและเขาก็กระแทกกับพื้นอย่างแรง
“ปรมาจารย์หลิน ได้โปรดไว้ชีวิตเขาด้วย!”
เจียงร่อโจ๋พุ่งเขามาและยืนอยู่ด้านหน้าของเจียงไท้ส่วยทันที เขาโค้งคำนับหลินหยุนด้วยความเคารพ
หลินหยุนไม่ได้คิดจะฆ่าเจียงไท้ส่วยอยู่แล้ว เพราะหลินหยุนรู้ว่าเจียงไท้ส่วยคงมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ไม่กี่วันเท่านั้น
หลังจากการต่อสู้ในวันนี้แล้ว อายุขัยของเจียงไท้ส่วยคงลดลงไปเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ จากการคาดเดาของหลินหยุน เขาคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสามวัน
เมื่อเห็นหลินหยุนไม่ได้ลงมืออีก เจียงร่อโจ๋ก็รู้สึกซาบซึ้งใจมากๆ:”ขอบคุณปรมาจารย์หลินมากๆ!”
เจียงไท้ส่วยเช็ดเลือดสดที่มุมปาก และหัวเราะออกมา:”คุณไม่ต้องไปขอบคุณเขา ถึงแม้เขาจะไม่ฆ่าฉัน ฉันก็คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกินสามวัน”
“คนของตระกูลเจียง ถึงแม้ต้องตายก็จะไม่ยอมคุกเข่าอ้อนวอนใคร”
เมื่อพูดจบ เจียงไท้ส่วยพยายามยืนขึ้น จากนั้นเขาก็ตะโกนใส่ท้องฟ้า และฆ่าตัวตายทันที
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเร็วมากๆ แม้แต่เจียงร่อโจ๋ที่อยู่ข้างๆก็ไม่สามารถหยุดเขาไว้ได้
“คุณปู่ ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ด้วย?”เจียงร่อโจ๋พูดกับศพของเจียงไท้ส่วย เขาหลับตาด้วยความโศกเศร้า